วิเคราะห์รถไฟไทย...กว่า 50 ปีที่ไม่พัฒนา..เลิกเถอะครับเรื่องปรับ..และทำไงถึงจะกำไรซะที...
ในอดีตผมเป็นคนหนึ่งที่ใช้บริการรถไฟมากๆคนหนึ่ง...
เพราะชอบที่จะนั่งรถไฟตู้นอนจากอุบลตอนเย็นมาเช้าที่ กท..
หรือจาก กท.ตอนค่ำมาเช้าที่อุบลพอดี..แม้จะขัดใจอยู่บ้างที่...
ขากลับอุบล รถไฟชอบเสียเวลาบ่อยๆและถูกปรับเวลาเปลี่ยนวันเดินทาง...
เมื่อผมมีโอกาศไปนั่งรถไฟยุโรป..ท่องเที่ยวที่ต่างๆในยุโรป...
ผมจึงเห็นข้อแตกต่างของรถไฟบ้านเค้ากับรถไฟบ้านเรา...
ที่ต่างกันชนิดฟ้ากับเหว..หน้ามือกับหลัง....(คิดเองครับพี่น้อง....)
รถไฟบ้านเค้า..สะอาด..ตรงเวลา..และที่สำคัญเปลี่ยนใจได้...ไม่มีปรับ..
ตรงข้ามกับบ้านเราแทบทุกอย่าง..ทั้งๆที่เรามีรถไฟก่อนยุโรปบางประเทศเป็นหลายสิบปี...
แต่ที่น่าเจ็บใจกว่านั้นคือ..รถไฟบ้านเราถึงวันนี้ยังขาดทุนอยู่เลย...ฮ่วย..?????
สิ่งที่ผมคิดว่า รถไฟบ้านเราควรจะเปลี่ยนแปลงคือ การปรับ..
ถ้าผมจำไม่ผิดนะครับ..ถ้าคืนตั๋วก่อน 3 วันปรับ 20% ถ้าคืนตั๋วก่อน 3 ชม.ปรับ 50%
และถ้าคืนตั๋วภายใน 3 ชม.ปรับ 100% คือไม่มีการคืนเงิน...
ส่วนการเลื่อนการเดินทางก็ให้เลื่อนได้หนึ่งครั้งในระยะเวลา 60 วัน..
และปรับค่าเลื่อนการเดินทาง 50 บาท..เรียกว่า โหดสุดๆ....(หน้าเลือดมากๆ)
เพราะโดยแท้จริงแล้ว รถไฟเป็นขนส่งมวลชนชนิดเดียวที่ลงทุนมากครั้งแรก..
แต่หลังจากนั้นค่าเดินทางต่อหัวจะประหยัดสุดๆ..
เพราะใช้หัวรถจักรหัวเดียวลากทั้งขบวนซึ่งอาจจะมีถึง 15-20 โบกี้ก็ได้...
เรียกว่า..ขึ้นลงสักสี่ซ้าห้าสิบคนนี่รถไฟไม่สะเทือนว่างั้นเถอะ..
รถไฟจึงเป็นขนส่งมวลชนที่ราคาถูกที่สุดเมื่อเทียบขนส่งมวลชนชนิดอื่นๆ..
จึงทำให้ต่างประเทศโดยเฉพาะยุโรปและญี่ปุ่นใช้รถไฟเป็นยานขนส่งที่แพร่หลายมาก..
และประชาชนนิยมใช้มากที่สุด...เพราะสะดวกและประหยัดเมื่อเทียบกับรถบัสหรือเครื่องบิน..
ผมไปยุโรปมีครั้งหนึ่งซื้อตั๋วเสร็จเปลี่ยนใจคืนตั๋วก่อนรถไฟเข้าสถานีไม่กี่นาที..
คนขายตั๋วก็คืนเงินให้เต็มจำนวน...ซี่งแน่นอนถ้าอยู่เมืองไทย..จะไม่ได้คืนสักสลึง...
ทำให้ผมคิดถึงรถไฟไทยที่เอาเปรียบประชาชนสุดๆที่ปรับค่าเปลี่ยนใจ..
ทั้งๆที่คนที่ใช้บริการรถไฟส่วนใหญ่ก็เป็นคนรากหญ้าเป็นส่วนใหญ่....
รถไฟไทย..ไม่เห็นอกเห็นใจคนจนเวลามีเหตุจำเป็นที่ต้องเลื่อนการเดินทาง...????
นี่เป็นประเด็นที่ผมว่า..รถไฟควรปรับปรุง..ยังไม่นับเรื่องความสกปรก..และไม่ตรงเวลาเป็นประจำ...
ทำให้ใจผมคิดว่า..คนบริหารรถไฟไม่ค่อยมีจิตสำนึกเรื่องการรักชาติรักประชาชน...
เพราะนอกจากเหตุผลที่ผมกล่าวมาข้างต้นแล้ว..
ผมยังจำได้ว่า..เมื่อไม่นาน..คนรถไฟปล่อยหัวรถจักรวิ่งชนหัวลำโพง...???
คนรถไฟเอาผู้โดยสารสายใต้ไปปล่อยทิ้งที่สถานีพุนพิน..กลางป่า...
สรุปรวมๆคนรถไฟบริหารรถไฟแบบ..ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง...????
เมื่อได้ยินข่าวว่า รถไฟไทยได้มาบริหารแอร์พอร์ตลิงค์..เป็นสิ่งที่ทำให้ผมกังวลเล็กน้อย..
เพราะขนาดบริหารรถไฟมาเป็นสิบๆปีก็ขาดทุนมาตลอด..
แล้วมาบริหารรถไฟไฮเทคแบบนี้..จะไปรอดเหรอ????
แล้วก็จริงๆ..เริ่มต้นที่เปิดบริการไม่ต้องพูดถึงความไม่พร้อมนานาประการ..
แต่รายการโปรโมทที่เปิดบริการนั้น..ก็ทำเอานักการตลาดแบบผมมึนตึบ...
ที่ผมเคยเล่าให้ฟังแล้ว...สีฟ้าที่จอดทุกสถานี..จัด 15 บาทตลอดสาย..
ทั้งๆที่จริงๆแล้ว 20 บาทก็ไม่มีใครว่า..ไม่ต้องมาน่ังหาเงินทอนด้วย...
สีแดงที่ไม่จอดสถานีอื่นๆ 100 บาทแถมให้กลับฟรีในวันเดียวกัน..???
อันนี้ผมก็งง..เพราะคนที่น่ังสีแดงส่วนใหญ่ก็ไปสุวรรณภูมิ..ไม่ค่อยมีคนกลับภายในวันเดียว..
แล้วที่แถมให้จะมีประโยชน์อันหยัง..?????
แล้วผลที่จัดรายการเช่นนี้ วันก่อนรถไฟก็ประกาศว่า...สีฟ้ามีคนนั่งวันละ 40000 คน..
ส่วนสีแดงมีคนนั่งวันละ 800-900 คน..?????
ซึ่งเริ่มวันที่ 4 มกราคมนี้..รถไฟจะคิดค่าโดยสารปกติ คือ..
สีฟ้า 15-45 บาทตามระยะทาง..ส่วนสีแดง..เที่ยวละ 150 บาท..
หากราคาออกมาเช่นนี้..ผมพยากรณ์เลยว่า..
สีฟ้าอาจจะมีคนนั่งเท่าเดิมหรือน้อยลงนิดหน่อย...
แต่สีแดงนี่คนน้อยลงแน่นอน...
เพราะค่าแท๊กซี่จากมักกะสันไปสุวรรณภูมิอยู่ประมาณ 180 บาท..
ดังนั้นถ้าจะนั่งแอร์พอร์ตลิงค์เกิน 1 คนนั่งแท๊กซี่ประหยัดกว่า...และสบายกว่า..
นี่เป็นส่ิงที่ผมคิดว่า..คนที่มาบริหารจัดการแอร์พอร์ตลิงค์ไม่ใช่นักการตลาด..
อย่าลืมว่า..คนน้อยคนมาก..รถไฟแอร์พอร์ตลิงค์ก็ต้องวิ่งอยู่แล้ว...
การวิ่งรถเปล่าๆหรือมีคนแค่..ไม่กี่คนในขบวนหนึ่งนั้นทำให้เกิดความสูญเปล่า..
เก็บถูกลงมาหน่อยให้คนเต็มตู้ทุกตู้จะได้ประโยชน์กว่า..
น่าเสียดายเรามีสิ่งดีๆแต่คนบริหารไม่เป็นก็ไร้ค่าไร้ประโยชน์....
เหมือนไก่ได้พลอย ฉันใดฉันนั้น...น่าเสียดาย...
นี่คือส่ิงที่ผมเห็น..ในรถไฟไทย...ใครเห็นบ้างครับ..?????
............................................................................................
ของฝากครับ...
"...เราจะสุข หรือทุกข์ เพราะเราสร้าง
กรรมต่างต่าง ให้ผล ตามสนอง
เราทำดี มีสุข สมใจปอง
ทำชั่วต้อง ได้ทุกข์ แท้แน่นอน....."
ธรรมะจากต้นไม้...วัดป่าวิเวกธรรมชาห์..อำเภอม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี...
.............................................................................................................