ปัจฉิมนิเทศ วันนี้แล้วสินะ ที่ผมคงจะได้พบหน้าของเพื่อนๆอีกครั้ง หลังจากที่ไม่เจอกันประมาณ 3 เดือน เพราะต่างคนก็ต้องต่างไปฝึกงานกันตามบริษัทต่างๆ บ้างก็ไปธนาคาร บ้างก็ไปทีวี บ้างก็ไปโชว์รูมรถยนต์ นอกจากวันนี้เป็นวันที่เจอหน้าเพื่อนๆแล้ว ยังเป็นวันที่จะพบกับอาจารย์ ซึ่งอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้พบกับท่าน อาจารย์ที่คอยสอนและดูแลเรามาตลอด 4 ปี และคอยมอบหมายงาน และเกรดอีกด้วย ผมลุกขึ้นจากเตียง อาบน้ำ และแต่งตัวพิถีพิถันเป็นพิเศษ วันนี้เป็นวันสำคัญ มันอาจจะไม่ใช่วันที่รับปริญญาก็จริงอยู่ แต่พิธีปัจฉิมนิเทศก็เป็นพิธีที่มีความศักสิทธิ์ และผมอยากให้ตัวเองดูดีที่สุด ว่าแล้วก็ขัอรองเท้าหนังให้มันซะหน่อยดีกว่า เมื่อคืนผมตื่นเต้นกับวันนี้มาก ผมนึกถึงวันที่ปฐมนิเทศ วันที่เพิ่งเข้ามาเรียนในระดับอุดมศึกษา แม้มหาวิทยาลัยที่ผมเรียนนั้น จะไม่มีชื่อเสียงทางด้านวิชาการ หรือทางด้านกีฬา แต่ก็เป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่อยู่คู่กับสังคมไทยมานาน วันแรก ... ทีเข้ามาเรียน ผมจำได้ว่านักศึกษาใหม่ทุกคน ต้องมาทำความรู้จักกับอาจารย์ ในหอประชุมมหาวิทยาลัย มีวงดนตรีไทยบรรเลงเบาๆเพื่อสร้างบรรยายกาศ อาจารย์แต่ล่ะท่านจะนำเชือกผูกข้อมือให้ พร้อมกับอบรมถึงหน้าที่ที่แท้จริงของนักศึกษา และเน้นย้ำถึงความเป็นคนดีของสังคม ซึ่งถือเป็นแนวทางที่มหาวิทยาลัยนี้ถือปฎิบัติกันมาเป็นช้านาน วัฒนธรรมที่สวยงามและน่าเกรงขาม เต็มไปด้วยความขลัง บ่งบอกถึงสถาบันการศึกษาที่แข็งแกร่ง ผมปั่นจักรยานออกมาแล้ว โชคดีที่บ้านผมอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัย การเดินทางจึงไม่ใช่เรื่องลำบาก และสามารถรักษาเวลาได้อีกด้วย ผมออกมาเช้า ก่อนเวลาที่จะเข้าพิธีเพราะได้นัดกับเพื่อนๆทานข้าวเช้าด้วยกัน พวกเราสนุกสนานกันมาก ต่างกันก็เล่าถึงประสบการณ์ที่ตนเองไปฝึกงานมา บางคนก็ได้รับเงินจากที่ฝึกงาน บางคนก็ได้รับการเข้าทำงานต่อเลย บางคนก็เล่าถึงความเฟอะฟะในที่ทำงานของตัวเอง ทุกๆคนมีรอยยิ้ม ... เสียงจากลำโพงดังขึ้น ได้เวลาแล้วสินะ เพื่อนผมคนหนึ่งอยากให้ดูการแต่งตัวของเขาว่าดูดีพอหรือยัง แน่นอน .. วันนี้เป็นวันพิเศษของเขา เขาซื้อมาลัยมาด้วยเพื่อมอบให้กับอาจารย์ท่านหนึ่งที่เขาเคราพ พวกเราเดินเข้าห้องประชุมที่เราเคยเข้ามาปฐมนิเทศ ต่างกันที่ว่า วันนี้ เราเข้ามาเพื่อปัจฉิมนิเทศ เมื่อผมย่างก้าวเดินเข้าไปก็ต้องชะงักกับสิ่งที่เห็น .. หน้าเวทีที่เคยประดับด้วยดอกไม้ไทยที่สวยงาม แบคกราวน์ด้านหลังเป็นป้ายโฟม เขียนและตัดด้วยความประณีตลายไทย ณ ตอนนี้มันเปลี่ยนไป ดอกไม้ที่สวยงามหน้าเวทีกลายเป็นป้ายผ้าลายการ์ตูน มีโซฟาหรูหราตั้งอยู่สำหรับ 4 5 คน แบคกราวน์ที่เคยเป็นป้ายโฟม กลายเป็นผ้าขนาดใหญ่สำหรับฉายโปรเจคเตอร์ และวงดนตรีไทยกลายเป็นเครื่องผสมเสียง พร้อมกับลำโพงขนาดมหึมา ที่สำคัญ มันกำลังเปิดเพลงของบอดี้สแลมเสียด้วย นักศึกษาจำนวนมากกำลังลงทะเบียนเพื่อรับเอกสาร ผมเองก็เดินไปลงทะเบียนเช่นกัน หอประชุมนี้ดูหนาแน่นมากขึ้น เป็นเพราะนักศึกษาเกือบเข้ามาทั้งหมดแล้ว และดูมีความสุขกันทุกคน อาจารย์หลายๆท่านกำลังตรวจเช็คบัตรนักศึกษา เพื่อป้องกันไม่ให้นักศึกษาเซ็นชื่อแทนกัน เมื่อนักศึกษาเซ็นชื่อแล้ว ก็จะได้รับเอกสารประมาณ 3 4 แผ่น ผมเดินไปนั่งที่ๆได้จัดเตรียมไว้กับเพื่อนๆ และเริ่มดูเอกสารไปที่ล่ะแผ่น ครั้งแรกผมคาดหวังว่าคงจะเป็นแนวทางในการใช้ชีวิตที่ทำงาน หรือเป็นวิธีการสมัครงาน หรืออะไรบางอย่างที่เป็นประโยชน์กับนักศึกษา สงสัยผมอาจจะคาดหวังมากเกินไป แม้ผมจะฝึกงานแต่ก็ต้องจ่ายค่าเทอม ที่ตัวเองไม่ได้มาเรียน ทางสถาบันเลยไม่มีความจำเป็นต้องอบรม หรือสั่งสอนแล้วล่ะมั้ง เอกสารแผ่นแรกเป็นใบรายละเอียดของสินค้าชูกำลังชนิดหนึ่ง ที่เพิ่งเปิดตัวสินค้าได้ไม่นาน ผมว่าเหมือนเคยเห็นโฆษณาทางทีวีด้วยนะ สโลแกนของเขาคือ อยากให้คุณพร้อมเสมอ เอกสารแผ่นที่ 2 เป็นการกรอกแบบสอบถาม ให้เขียนชื่อ นามสกุล คณะ เบอร์โทรศัพท์ หัวข้อถัดมา ได้ถามถึงอาชีพที่อยากจะเป็นในอนาคต และสุดท้ายได้ถามถึงความคิดเห็นต่อบริษัทประกันว่าชอบ หรือไม่ชอบ พร้อมให้เหตุผล แผ่นสุดท้ายเป็น ใบสมัครเพื่อค้นหางาน รายละเอียดบอกว่า เมื่อคุณกรอกเอกสารนี้ ทางบริษัทจะเข้ามาติดต่อกับคุณเผื่อเป็นทางเลือกในการทำงาน ผมนั่งอ่านแล้วอึ้งไปพอสมควร เพื่อนๆผมกำลังกรอกแบบสอบถามให้ครบกัน บางคนก็ถามถึงพิธีการที่กำลังจะเริ่มขึ้น ทันใดนั้น อาจารย์ท่านหนึ่งก็ประกาศผ่านไมค์ว่า .. นักศึกษาทุกคนต้องกรอกรายละเอียดให้ครบถ้วน แล้วนำมาส่งที่จุดลงทะเบียนก่อนพักทานข้าว นักศึกษาคนใดกรอกไม่ถูกต้อง หรือไม่ครบถ้วน จะไม่ได้จบการศึกษา นี่สินะ ที่เขาเรียกว่าทำการวิจัย โดยใช้แบบสอบถาม ที่ผมเคยเรียนตอนปี 2 จำได้ว่าตอนที่ผมทำแบบสำรวจ ต้องหาวิธีที่ทำให้เขากรอกข้อมูลอย่างเต็มใจและถูกต้อง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นจริง นำไปออกแบบ 4Ps ทางสถาบันก็กำลังทำการวิจัย แต่วิธีของสถาบันนั้น ใช้วิธีการบังคับด้วยอำนาจที่มีอยู่ นักศึกษาคนใด กรอกไม่ครบถ้วนและไม่ถูกต้อง เรียนไม่จบ .. ไม่เลวทีเดียวสำหรับวิธีนี้ นักศึกษาทุกคนขมักเขมันกรอกแบบสอบถาม และเขียนด้วยตัวบรรจง แน่นอนล่ะ ใครๆก็อยากเรียนจบกันทั้งนั้น ข้อมูลที่นักศึกษานี้กรอกนี้คงเป็นข้อมูลที่มีคุณภาพ เพราะกลุ่มเป้าหมายชัดเจน นั้นคือกลุ่มเป้าหมายที่เพิ่งจบการศึกษาระดับอุดมศึกษา อายุ 23 -25 และต้องการหางานในเร็วๆนี้ พิธีการได้เริ่มขึ้นแล้ว โปเจคเตอร์ขนาดใหญ่กำลังฉายภาพสินค้าชูกำลัง สลับกับบริษัทประกันชีวิต มันต้องผ่านสายตาจำนวนไม่น้อยกว่า 5,000 คนอย่างแน่นอน แถมฉายวนไปวนมา จนผมจำตราสินค้าได้อย่างชัดเจน ระดับพิธีการ 9.00 12.00 แนะแนวทางวิชาชีพ ทางสถาบันได้เชิญผู้ที่ประสบความสำเร็จในอาชีพนักการตลาด เข้ามาแนะแนวทาง ท่าทางเขาจะเก่งไม่เบาทีเดียว จบจากเมืองนอก เปิดบริษัทเป็นของตัวเอง และผมก็รู้สึกว่า เหมือนเคยอ่านบทความที่เขาเขียนในหนังสือการตลาดด้วยล่ะสิ 3 ชม. ที่ผมต้องฟังเรื่องตลกโปกฮา และเส้นทางชีวิตที่เขาภูมิใจนักหนา เขาเล่าว่าเขาลำบากแค่ไหนจนกว่าจะมาถึงจุดนี้ และตอนนี้ เขาคือนักการตลาดที่โด่งดังที่สุดคนหนึ่งในเมืองไทย โดยเฉพาะในด้าน IMC ได้เวลาแล้วเที่ยงแล้ว นักศึกษาได้ส่งแบบสอบถาม ผมเห็นอาจารย์หลายๆท่านขยันกันเหลือเกิน ดูไปดูมาถ้าขยันสอนได้สักครึ่งหนึ่งในตอนนี้ พวกท่านคงจะได้ความเคราพมากกว่าที่เป็นอยู่ ข้อมูลที่เก็บได้จากนักศึกษา คงนำไปขาย หรือส่งต่อให้แก่บริษัทที่เป็นผู้สนับสนุนต่างๆ เพื่อให้รู้และความใจกลุ่มเป้าหมาย ( นั้นคือผม ) ชัดเจน นี่หรือวะ ? สถาบันการศึกษา นี่หรือวะ ? พิธีปัจฉิมนิเทศ นี่หรือวะ ? การอบรมครั้งสุดท้าย พิธีกรรมที่ศักดิ์สิทธิ์ กลายเป็นเครืองมือชั้นหนึงในการทำวิจัย นักศึกษากลายเป็นกลุ่มเป้าหมายทางธุรกิจ หอประชุมกลายเป็นสือโฆษณาสินค้า และอาจารย์กลายเป็นนายหน้าหาคอมมิชชั่น นักศึกษาสาวคนหนึ่งกำลังเจรจากับอาจารย์ เธอต้องการกลับก่อนเพราะได้ซื้อตั๋วกลับต่างจังหวัดแล้ว และดูเหมือนว่า อาจารย์จะไม่อนุญาติให้เธอกลับ เธอต้องกลับหลังจบพิธีการเท่านั้น ผมทานข้าวแล้วมานั่งฟังบรรยายในช่วงบ่ายต่อ ไม่มีโอวาสจากอาจารย์ ไม่มีดนตรีไทย ไม่มีพิธีผูกข้อมือ มีเพียงแต่คำโม้จากผู้ที่ประสบความสำเร็จที่ไม่มีใครอยากฟัง และป้ายโฆษณาสินค้า ที่หมุนเวียนอยู่ที่โปรเจคเตอร์ จบพิธีการแล้ว เพื่อนผมคนหนึ่งที่เตรียมพวงมาลัยมาให้อาจารย์นั่งอยู่ข้างๆผม เขาเป็นคนเรียนเก่ง และคุยกับผมได้อย่างถูกคอเสมอ ในตอนนี้ เขาคงคิดเหมือนกับผมว่า อาจารย์ที่แท้จริงแล้ว ก็ไม่น่าเคราพสักเท่าไหร่หรอก นักศึกษาหลายๆคนคงจะลืมพิธีปัจฉิมนิเทศไปแล้ว ทุกคนต่างชวนกันไปเที่ยวต่อ อาจมีเพียงผมกับเพื่อนคนนี้ล่ะมั้งที่รู้สึกว่า พิธีกรรมนี้มันโสโครกสิ้นดี ผมเดินออกจากห้องประชุมพร้อมกับเพื่อน เหลือบไปเห็นคนที่ถูกเชิญไปสัมภาษณ์ ดูเหมือนเขาจะเป็นคนนำเสนอแนวคิดนี้ให้แก่อาจารย์ที่ดูแลพิธีนี้ เขาเก่งมากจริงๆ นอกจากได้ข้อมูลที่ชัดเจนแล้ว ยังได้ค่าโฆษณาจากสินค้าอีกด้วย ไม่แปลกใจเลยที่เขาอาจจะเป็นมือ 1 ด้านการตลาด IMC ผมเดินออกมาด้วยความผิดหวัง ไม่คิดว่าจะได้รับพิธีกรรมเช่นนี้ อีกไม่นานแล้วสินะ เราอาจจะได้เห็นโฆษณาสินค้าอยู่บนกระดานดำ เราอาจจะได้เห็นอาจารย์เขียนหนังสือแล้วนำมาขายให้นักศึกษา และสถาบันการศึกษาคงเป็นเพียงเครื่องมือทางธุรกิจตลอดไป เป็นครูครับ
แต่ไม่เคยพบเหตุกาณ์อย่างทั้งสมัยเรียนและสมัยเป็นครูมาแล้ว 2 สถานศึกษา เสียใจให้กับความโชคร้ายของคุณนะครับ โดย: vishnu
![]() สนใจทำธุรกิจ/ หางานพาสไทม์/ หารายได้พิเศษ - หากคุณเป็นนิสิต นักศึกษา - หากคุณเป็นพนังงานประจำหรือ ข้าราชการ - หากคุณเป็นแม่บ้าน หรือเกษียณแล้วอยากทำงาน - หากคุณตกงาน กำลังหางาน หรือ มีหนี้สินมาก -`๏ ทำงานวันละ 2-3 ชั่วโมง ควบคู่กับงานประจำ หรือกิจการที่ทำอยู่ ๏- -`๏ สามารถมีรายได้เทียบเท่าหรือแซงเงินเดือนประจำได้ภายใน 1-3 เดือน ๏- ติดต่อ: 08-5917-0826 คุณศรุฒ การโทรเพียงครั้งเดียวอาจเปลี่ยนฐานะทางการเงินของคุณได้ โดย: หมวด IP: 203.146.11.154 วันที่: 15 ตุลาคม 2550 เวลา:12:18:33 น.
ขอเชิญสมัครเข้าร่วมตอบแบบสอบถามกับ GlobalTestMarket
สามารถสร้างรายได้ให้คุณได้ง่ายๆ เพียงคุณตอบแบบสอบถาม //thaigovnews.com/content/view/18/83/ โดย: *-* (Ekathai
![]() //www.yuwiethai.net/r/naisaylom/
โดย: ggg IP: 58.64.49.209 วันที่: 1 เมษายน 2551 เวลา:15:55:37 น.
|
บทความทั้งหมด
|
ครอบครองทุกสิ่งไปแล้วครับ