"บทกวีที่หายไป" โดย เบิร์ด วีระพล สมัยเรียนมัธยมวิชาที่พอเป็นหน้าเป็นตาผมได้คือ "ภาษาไทย" ผมชอบอ่านหนังสืออ่านดะไปทุกอย่างที่เจอ ไม่ว่าอ่านในห้องสมุด หรือว่าซื้อมาอ่านทั้งหนังสือใหม่และหนังสือมือสองรวมทั้งหนังสือพิมพ์ เรื่องรักการนี้มันเป็นจุดเริ่มต้นของการรักบทกลอน บทกวี ผมจะจำวรรคทองของบทกลอนได้มากมายโดยเฉพาะที่โดนใจจะจำได้อยู่ไม่รู้ลืม แต่ปัญหาก็คือมีบทกลอนมากมายที่ผมไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ประพันธ์เอาไว้ ยอมรับว่าสมัยก่อนนี้การค้นหาบทกวีบทหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายๆ คุณอาจจะต้องอ่านหนังสือทั้งห้องสมุดเลยก็ได้เพราะเราไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นค้นหาจากจุดไหนก่อนและเมื่อไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ประพันธ์ยิ่งเป็นการยากที่จะหาเจอ ความพยายามค้นหาของผมมาประสพความสำเร็จอย่างมากเมื่อโลกเรามี Google search engine ผมค้นเจอบทกวีฉบับเต็มพร้อมทั้งตัวผู้ประพ้นธ์มากมายโดยไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะหาเจอในชีวิตนี้ นี่คือ Live Encyclopedia ที่ยิ่งใหญ่มากขอบคุณผู้สร้าง Google ที่ทำให้ผมพบบทกวีที่หายไป อย่างวรรคทองจากความทรงจำตั้งแต่เด็กที่เขียนว่า "หากหัวใจ เปราะบาง เหมือนอย่างแก้ว คงแหลกแล้ว ด้วยพิษ ความคิดถึง" ๐ หากหัวใจ เปราะบาง เหมือนอย่างแก้ว คงแหลกแล้ว ด้วยพิษ ความคิดถึง ทุกเพลา ค่ำเช้า เฝ้าคะนึง ด้วยรักตรึง ตรารัด เข้ามัดใจ ฯ ๐ เมื่อห่างเจ้า ราวร้าว ในอกแยก ปานจะแตก ป่นสิ้น ได้ยินไหม โทมนัส แทบบ้า โศกาลัย นิทราไห้ กอดหมอน นอนเดียวดาย ฯ ๐ อันศักดิ์เจ้า สูงส่ง ดั่งหงส์ฟ้า พี่แค่กา ต่ำชาติ มิอาจหมาย จึงต้องหัก ข่มหวัง พังทลาย เพียงเจ้าชาย ตาเห็น ก็เป็นบุญ ฯ ๐ หากหัวใจ เปราะบาง เหมือนอย่างแก้ว คงแหลกแล้ว ด้วยใจ ไร้รักหนุน ขอลอบมอง รอยยิ้ม นิ่มละมุน เพื่อเจือจุน ใจนี้...ที่พังภินท์ ฯ เชื่อว่าหลายท่านคงโดนใจ มีอีกบทกลอนหนึ่งผมจำฝังใจและชอบเอาบอกกลอนเพื่อนๆ เสมอคือบทกลอนที่ว่า "แม้หัวใจไร้สิทธิ์จะคิดหวัง แต่ก็ยังมีสิทธิ์จะคิดถึง แม้เป็นสองของใครไม่คำนึง ขอเป็นหนึ่งอยู่ในหัวใจเธอ" บทกลอนนี้เป็นของ ร.ศ.นภาลัย (ฤกษ์ชนะ) สุวรรณธาดา ชื่อว่า "ขอเพียงแค่นี้" เขียนไว้ตั่งแต่เป็นนิสิตอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ในปีพ.ศ.2510 บทเต็มมีดังนี้ครับ "ขอเพียงแค่นี้" ๐ แม้หัวใจไร้สิทธิ์จะคิดหวัง แต่ก็ยังมีสิทธิ์จะคิดถึง แม้เป็นสองของใครไม่คำนึง ขอเป็นหนึ่งอยู่ในหัวใจเธอ ๐ ไม่เคยคิดไขว่คว้าเพื่อหาสิทธิ์ ฉันเตือนจิตเตรียมใจไว้เสมอ เราไม่มีวาสนาอย่าพร่ำเพ้อ รักไม่เก้อเธอยังเกื้อบุญเหลือล้น ๐ ขอให้คิดถึงฉันวันละหนึ่ง ฉันคิดถึงเธอวันละพันหน และมีจิตคิดถึงเพียงหนึ่งคน ไร้กมลที่จะเหลือเผื่อผู้ใด ๐ แม้นมาหาเธอได้จะไม่ยั้ง นี่ต้องรั้งแม้จะรู้เธออยู่ไหน ไม่อยากเห็นเธออยู่คู่กับใคร คงขาดใจถ้าเธออยู่กับผู้นั้น ๐ เมื่อคิดถึงฉันจนทนไม่ไหว ก็จงไปยังที่ซึ่งมีฉัน มิได้ชิดชื่นใจไม่สำคัญ สบตากันสักครั้งก็ยังดี" หวานซึ้งตรึงใจเลยทีเดียว มีอีกบทหนึ่งครับที่ผมค้นหามานาน ชอบมากเป็นพิเศษเพราะเข้ากับชีวิตจริงช่วงหนึ่ง "โลดเถลิงเริงเล่นอยู่เป็นนิจ ล้อชีวิตกับความจนอย่างคนเก่ง ลอยอยู่กลางทะเลรักอย่างนักเลง เล่นกับเพลงหลอกล่อมาพอควร" ปรากฎว่าเป็นผลงานของ สนธิกาญจน์ กาญจนาสน์ นักกลอนชื่อดังชาวจังหวัดตรังผู้ก่อตั้งสมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย บทประพันธ์นี้ชื่อว่า "เรือเพลง" จากการชุมนุมนักกลอนล่องเรือไปเขียนกลอนกลางน้ำโดยใช้ชื่อว่า "ลอยลำไปกับเรือเพลง" เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๙ "เรือเพลง" ๐ โลดเถลิงเริงเล่นอยู่เป็นนิจ ล้อชีวิตกับความจนอย่างคนเก่ง ลอยอยู่กลางทะเลรักอย่างนักเลง เล่นกับเพลงหลอกล่อมาพอควร ๐ เคยมีรักหลายหนจนประจักษ์ แต่จากรักคราใดไม่เคยหวล หลายครั้งที่รักชะลอก็รัญจวน แต่มิครวญเมื่อรักลาถลาลอย ๐ จะว่าหยิ่งก็หยิ่งเกินเมินดอกหญ้า แต่ดอกฟ้าก็เฉยเฉยไม่เคยสอย คราวจะไปใครให้รอก็ไม่คอย ใครจะถอยหนีไปก็ไม่ตาม ๐ ใครจะมีรักใหม่ไม่อยากรู้ ใครจะอยู่กับใครไม่อยากถาม ใครจะกล่าวถางถากไม่อยากปราม ใครจะห้ามเล่นกับไฟไม่อยากฟัง ๐ มิหลงเหลิงกับความฝันของวันใหม่ มิเสียใจกับความทรามของความหลัง ใครจะเลวเหลวไหลไม่อยากชัง ใครมอบหวังดีให้ไม่อยากรับ ๐ ใช้ชีวิตเหมือนเรือเพลงบรรเลงล่อง เช้าก็ท่องลอยลำค่ำก็กลับ ชมฟ้ารุ่งเดือนฉายประกายระยับ ฟังคำขับร้อยกรองร้องเพลงเรือ สนธิกาญจน์ กาญจนาสน์ ๒๕๐๙ |
บทความทั้งหมด
|