ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2555
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
19 มีนาคม 2555
 
All Blogs
 
เพลงดวงดาว ตอนที่ 25

หล่งตรวจสอบการติดต่อจากคางูยะ เขาคาดว่ามันอาจจะเชื่อมไปยังไอพีทั้งหมด ทุกเมือง และทุกคนคงกำลังรับฟังมันพูดอยู่ในตอนนี้ แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น มีเพียงพวกเขา โนอา และสถานที่ห่างไกลอีกแห่งหนึ่งเท่านั้น ‘ศาสนจักร หรือว่าจะเป็น’ เขาคิดถึงใครคนหนึ่งขึ้นมา จึงรีบติดตามการเชื่อมโยงนั้นไป

“เราคือโปรแกรมปัญญาประดิษฐ์ที่มีชื่อรหัสว่า คางูยะ ทำหน้าที่ดูแลการผลิต และจ่ายพลังงานจากฐานดวงจันทร์ให้กับโลก เราได้รับความเสียหายเนื่องจากสงครามโลกครั้งที่สาม จนต้องปิดตัวเองไป และถูกกู้คืนให้กลับมาทำหน้าที่นี้อีกครั้ง โดย ศาสตราจารย์ จันทร์ ดุริยดารา”

มีความรู้สึกหลากหลายในน้ำเสียงเมื่อมันกล่าวชื่อนั้นออกมา หล่งไม่เคยคิดเลยว่าโปรแกรมจะสามารถทำอะไรแบบนี้ได้ ‘แต่ทำไม่ได้จะดีกว่า’ เพราะเขาจะรู้สึกปลอดภัยมากกว่า หากโปรแกรมทำงานไปตามที่มันถูกสร้างขึ้น ไม่ใช่ทำงานด้วยความรู้สึกที่สลับซับซ้อนเหมือนมนุษย์

“เราได้เฝ้าติดตามดูการฟื้นฟูโลกอย่างใกล้ชิด ถึงแม้ว่ามันจะคืบหน้าอย่างเชื่องช้า แต่ก็เป็นไปในแบบที่มันควรจะเป็น ยังคงมีความเป็นไปได้ที่จะเร่งรัดกระบวนการเหล่านี้ แต่การแทรกแซงย่อมเป็นเรื่องไม่เหมาะสม”

หล่งพยักหน้าเห็นด้วย ‘แต่ถ้าจะให้ดีกว่านั้น ก็ควรรีบยกเลิกการแทรกแซงที่กำลังทำอยู่ในตอนนี้ด้วย’ เขาพยายามเชื่อมการติดต่อ แต่ดูเหมือนช่องทางที่มีอยู่อย่างจำกัดของศาสนจักร จะถูกมันยึดครองไปจนหมด เขาตัดสินใจเลือกวิธีการติดต่อที่ใช้จำนวนข้อมูลน้อยที่สุด และค่อยๆ เบียดพวกมันแทรกผ่านเข้าไปในช่องทางเดียวกันนั้น

เนวิสะกิดเรียกคีย์เบาๆ ก่อนชี้ให้ดูอะไรบางอย่างบนส่วนควบคุมไอพีที่เก่าแก่ของทางศาสนจักร ซึ่งในเวลาปกติจะแสดงสถานะทั่วไปของระบบ และไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจมากนัก แต่ตอนนี้มันกำลังกระพริบข้อความอย่างรีบร้อน

‘คีย์ อยู่ที่นั่นใช่ไหม’

หล่งเป็นเพียงคนเดียวที่เขารู้จัก ซึ่งสามารถทำอะไรแบบนี้ได้ ความยินดีค่อยๆ เอ่อล้นขึ้นมา เพราะมันหมายความว่าเพื่อนของเขายังคงรอดชีวิตอยู่

เขาหันไปมองเนวิ ซึ่งพยักหน้าช้าๆ ก่อนปล่อยให้เขานั่งลงเพื่อทำการติดต่อกับเพื่อน แต่ก็ยกมือขึ้นแตะริมฝีปากเป็นความหมายว่าให้ทำอย่างเงียบๆ

เขาเริ่มทำการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับเพื่อนอย่างรวดเร็ว และดีใจยิ่งขึ้นเมื่อพบว่าจูเลียตเองก็ปลอดภัยเช่นกัน แต่เรื่องราวหลังจากนั้นทำให้คิ้วของเขาต้องขมวดเข้าหากันมากขึ้นเรื่อยๆ ‘นี่มันเรื่องอะไรกัน’ เขาต้องถามย้ำกลับไปจนแน่ใจว่า ไม่ได้เป็นการเข้าใจผิดอันเนื่องมาจากการสื่อสารด้วยข้อความ

เขาไม่เคยนึกเลยว่า เรื่องการเสียชีวิตของบิดา เพชรเม็ดนั้น ทริก และอื่นๆ จะมีเบื้องหลังที่สลับซับซ้อน พัวพันกันวุ่นวายถึงเพียงนี้

ความสนใจทั้งหมดของแพรดาวยังคงอยู่ที่คางูยะ ใบหน้าของเธอแสดงความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงไปมาระหว่างความแปลกใจ กับความหวาดกลัว เหมือนกับยังไม่อาจตัดสินสิ่งที่อยู่ตรงหน้านี้ได้

“จนกระทั่งเราได้พบข้อมูลสำคัญ แผนงานที่มีชื่อว่า หีบแพนดอร่า ซึ่งเป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลวิทยาการที่มีความสำคัญของมนุษยชาติเอาไว้”

“...ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน”

เสียงของชายคนหนึ่งพูดแทรกขึ้น

“ขออภัยด้วยท่านประธานสภาโนอา ทั้งหมดนี้ยังคงอยู่ในระหว่างขั้นตอนดำเนินการของทางสำนักวิทยาศาสตร์ จึงยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลออกไป”

คีย์ขมวดคิ้ว ‘หีบแพนดอร่า’ คำนี้ทำให้รู้สึกไม่ค่อยดี เขาเคยอ่านเจอข้อมูลเกี่ยวกับมันมาก่อน ไม่ใช่แผนงานที่คางูยะกำลังพูดถึง แต่เป็นตำนานของสิ่งที่มีชื่อเดียวกัน เป็นตำนานซึ่งมีที่มาจากอาณาจักรกรีกโบราณ

เทพเจ้าไม่พอใจที่มนุษย์ได้ครอบครอง ไฟ อันเป็นจุดกำเนิดแห่งความเจริญทั้งมวล จึงได้มอบหญิงสาวที่มีชื่อว่า แพนดอร่า ให้กับมนุษย์ พร้อมกับหีบที่สวยงามใบหนึ่ง และสั่งไว้ว่าห้ามเปิดโดยเด็ดขาด แต่สุดท้าย ความสงสัยใคร่รู้ก็เป็นฝ่ายชนะ

เธอเปิดหีบออกดู แล้วความชั่วร้ายนานาชนิดที่ถูกกักขังเอาไว้ในหีบ ก็แพร่กระจายไปสู่มนุษย์ทั่วโลก หลงเหลือไว้เพียงสิ่งเดียว คือ ความหวัง ที่ยังคอยช่วยค้ำจุนมนุษย์ในยามที่ต้องเผชิญหน้ากับความชั่วร้ายทั้งมวล ดังนั้นอะไรก็ตามที่นำชื่อของสิ่งนี้ไปใช้ ย่อมอาจหมายถึงสิ่งที่เป็นอันตรายได้

“มันบรรจุเต็มไปด้วยความรู้ทางด้านพันธุศาสตร์ และการเดินทางในอวกาศ จากช่วงเวลาที่รุ่งเรืองที่สุดแห่งอารยธรรมทั้งมวล”

โนอารู้สึกสนใจในทันทีที่ได้ยินเรื่องการเดินทางในอวกาศ ส่วนใบหน้าของแพรดาวก็ซีดลงไปอีกเมื่อได้ยินคำว่า พันธุศาสตร์จากปากของคางูยะ เธอเม้มปากแน่น ท่าทางคล้ายกับสามารถตัดสินใจได้ในที่สุด เธอหลับตาลง แล้วใบหน้านั้นก็ค่อยๆ คืนสู่สภาวะผ่อนคลายอย่างช้าๆ

ทันใดนั้น คำถามที่ยังค้างคาเรื่องหนึ่งในใจของคีย์ก็เด่นชัดขึ้นมาเหนือปัญหาอื่นๆ มันอาจเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ แต่เขากลับรู้สึกว่า มันจะนำพาไปสู่อะไรบางอย่างที่สำคัญได้

คีย์ ‘นายทำสิ่งที่ฉันขอไว้ได้หรือยัง’

หล่ง ‘บันทึกตอนที่นายพึ่งกลับเข้ามาในโรงเรียนใช่ไหม ฉันเจอมันแล้ว’

“ถึงแม้ว่าอาจจะช่วยพวกเราได้มาก แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นหนทางรอดของมนุษย์อย่างที่บอกหรอกนะ...”

เสียงของโนอาดังแทรกขึ้นมาอีกครั้ง

“...อย่างไรก็ตาม ฉันขอสั่งให้เธอส่งข้อมูลของหีบแพนดอร่านี้ มาให้ฉันทันที ไม่ว่าสำนักวิทย์ ไม่ว่าไอรอน จะบอกอย่างไรก็ตาม นี่คือคำสั่งโดยตรงจากประธานสภานวโลกา”

เขาหวังว่ามันอาจจะได้ผล

คีย์ ‘ฉันถืออะไรอยู่ในมือหรือเปล่า’

หล่ง ‘ไม่มี แต่นายทำท่าเหมือนอย่างนั้น’

“คงไม่ได้...”

เสียงเรียบๆ ที่คุ้นหูดังขึ้น มีภาพใครอีกคนเบียดคางูยะเพิ่มเข้ามา เธอคือไอรอนนั่นเอง ใบหน้าของเธอดูทรุดโทรมจากการอดหลับอดนอน แต่ที่ดูแย่ยิ่งกว่านั้นคือดวงตาทั้งคู่ พวกมันเคยเปล่งประกายที่สามารถข่มผู้ที่ถูกจ้องมองได้ แต่ตอนนี้กลับดูเลื่อนลอยไร้พลัง

คีย์ ‘ฉันพบกับร่างจำลองของคางูยะก่อนหน้านี้ เธอมอบของให้สิ่งหนึ่ง และฉันถือมันไว้ในตอนนั้นด้วย’

หล่ง ‘ภาพจำลองส่งวัตถุให้นายไม่ได้’

“...คุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรากำลังเผชิญกับอะไรอยู่ ปัญหาที่ร้ายแรงยิ่งกว่าเรื่องพลังงานหลายร้อย หลายพันเท่า”

ไอรอนพูดต่อด้วยเสียงสั่น

“ก็คุณไม่ยอมบอก ผมจะรู้ได้อย่างไร...เอาล่ะ ผมว่าเราเลิกเล่นเกมกันได้แล้ว เอาไว้ไปเจอกันในสภาดีกว่า”

“จะไม่มีสภา หรืออะไรอีกต่อไปแล้ว ทุกอย่างจะจบลงที่นี่ และเดี๋ยวนี้”

คีย์ ‘ฉันรู้ แต่ฉันรู้สึกถึงมันได้อย่างชัดเจน มันเป็นของจริงสำหรับฉัน’

หล่ง ‘มันเป็นไปไม่ได้’

ถึงแม้ว่าท่าทางของเธอจะไม่แกร่งกร้าวเหมือนเดิม แต่ข้อความนี้ก็ยังสามารถสั่นคลอนใจของทุกคนที่ได้ยิน อวตารอดใจต่อไปไม่ไหว

“ดูเหมือนว่าทางศาสนจักร คงจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องวุ่นวายนี้”

ภาพของไอรอนค่อยๆ ถูกเลื่อนออกไปจากหน้าจอ เหลือเพียงคางูยะเช่นเดิม

“หัวหน้าฝ่ายกิจการภายนอกอวตาร ท่านเข้าใจผิด เรากำลังจะอธิบายทุกอย่าง”

ความสนใจของคีย์ถูกดึงกลับมาสู่สถานการณ์ปัจจุบันอีกครั้ง

คีย์ ‘คางูยะจะทำอะไรกันแน่’

หล่ง ‘มันกำลังบอกว่า จะฆ่าพวกเราอย่างไร’

คีย์ ‘นายว่าอะไรนะ’

“ท่านโนอาคงทราบเรื่องอัตราการเจริญพันธุ์ที่ลดลงอย่างน่าตกใจของคนเมืองดีอยู่แล้ว ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมานี้ สามี ภรรยาทุกคู่ต่างต้องพึ่งพาการผสมเทียมทั้งสิ้น เป็นการปฏิสนธิภายนอกร่างกายด้วยการคัดกรองอย่างเข้มงวด และในตอนนี้เราคงต้องบอกว่า อัตราดังกล่าวได้กลายเป็นศูนย์ไปเรียบร้อยแล้ว จะไม่มีการปฏิสนธิตามธรรมชาติอีกต่อไป”

“เดี๋ยวก่อน ทางศาสนจักรก็รับฟังอยู่ ให้ระวังการเปิดเผยข้อมูลที่ไม่สมควรด้วย”

โนอาท้วง

“มันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว...”

คางูยะกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ

“...จากการติดตามข้อมูลสุขภาพของกลุ่มเด็กที่เกิดด้วยวิธีการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เราก็ได้พบกับสิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่า พวกเขาทั้งหมดไม่แตกต่างจากพ่อแม่เลย ถึงแม้ว่าเราจะมีการคัดกรองอย่างเข้มงวดก็ตาม สุดท้ายแล้วทุกคนต่างเป็นหมันโดยกำเนิดทั้งสิ้น”

คีย์ กับ จูเลียต เงยหน้าขึ้นมองผู้พูดด้วยความตกใจ มีเพียง หล่งที่ก้มมองลงข้างล่าง ความคิดหลากหลายก่อตัวขึ้นในหัว ปัญหาต่างๆ เริ่มเรียงตัวเข้าด้วยกัน เขาเหมือนจะมองเห็นภาพทั้งหมด แต่ก็ยังไม่ใช่ ความรู้สึกครึ่งๆ กลางๆ ยิ่งทำให้หงุดหงิด

“...ผมต้องการข้อมูลยืนยันในเรื่องนี้”

โนอาเสียงอ่อนลง เขารู้ปัญหาเรื่องการเจริญพันธุ์ดี แต่ไม่คิดว่ามันจะร้ายแรงถึงเพียงนี้ เขาคาดว่ามันน่าจะดีขึ้น เมื่อมีคนเมืองรุ่นใหม่เติบโตเข้ามาแทนที่

“ด้วยอัตราก้าวหน้าเช่นนี้ ในอีกไม่กี่สิบปี แม้แต่การผสมเทียมก็คงไม่อาจช่วยได้ คนเมืองจะสูญสิ้นไปในที่สุด”

หล่งนึกถึงสิ่งสำคัญขึ้นมาได้ ความหวังสุดท้ายของเขาในการจัดการกับคางูยะ ปัญหาทุกอย่างล้วนมีความสำคัญ แต่สำหรับเขา มันคือปัญหาที่จำเป็นต้องจัดการเป็นอันดับแรกสุด

หล่ง ‘ไอพีของนายไปไหน เอสยูของฉันอยู่ไหน’

คีย์ ‘มันหายไปแล้ว’

หล่ง ‘เมื่อไร ที่ไหน รีบไปหามาได้หรือเปล่า’

คีย์ ‘ไม่ได้’

หล่งอ่านข้อความสั้นๆ ที่ตอบกลับมานั้นด้วยความหวาดหวั่น มีเพียงความเงียบ ก่อนที่คางูยะจะทำลายมันลงอีกครั้ง

“ท่านอวตารเองก็คงทราบดีถึงปัญหาของผู้พเนจรเช่นกัน ถึงแม้ว่าอัตราการเจริญพันธุ์จะลดลงไม่มาก แต่อัตราการรอดชีวิตของทารก และเด็ก ก็มีต่ำมาก...”

อวตารขบริมฝีปาก ในขณะที่แพรดาวยังคงยืนหลับตานิ่ง คล้ายกับตัวตนของเธอได้จมหายไปในห้วงความคิดของตัวเองอย่างลึกซึ้ง

“...พบความผิดปกติแต่กำเนิด และโรคที่มีความร้ายแรงสูงมาก จนการที่เด็กคนหนึ่งจะเติบโตขึ้นมาเป็นวัยรุ่นได้นั้น ต้องถือเป็นเรื่องลำบากยากเย็น แม้ว่าจะยังไม่มีตัวเลขที่แน่ชัดก็ตาม”

อวตารคิดว่าเธอกำลังจะพูดถึงจุดสำคัญแล้ว ปัญหาที่ผู้พเนจรเผชิญหน้าอยู่ในตอนนี้ ก็ร้ายแรงไม่แตกต่างจากของชาวเมืองเลยแม้แต่น้อย

“ปัญหาใหญ่ก็คือ ช่วงชีวิตที่ลดลงอย่างน่าตกใจของผู้พเนจรทั้งหมด อายุขัยเฉลี่ยของพวกคุณในตอนนี้อาจไม่ถึงสามสิบห้าปีด้วยซ้ำไป”

คีย์หันไปมองทางด้านหลัง และจากใบหน้านั้น เขาก็คาดได้ว่ามันคงเป็นเรื่องจริง เขาลองคิดทบทวนถึงการเดินทางที่ผ่านมาอีกครั้ง ‘จริงด้วย’ เขาไม่เคยพบกับผู้พเนจรที่เป็นคนสูงอายุเลยแม้แต่คนเดียว พวกเขาต่างเป็นคนหนุ่มสาว หรือไม่ก็เด็กเล็ก

เขานึกถึงคำเรียกหาของทริกในเวลาที่เธอสวมใส่หน้ากาก ‘ผู้อาวุโส’ ที่เธอถูกเรียกอย่างนั้น ก็เพราะว่าเธอเป็นอย่างนั้น คนในช่วงวัยของเธอ ถูกถือว่ามีอายุมากแล้วตามความรู้สึกของผู้พเนจร

“ทุกคนต่างได้รับผลกระทบจากการสัมผัสกับกัมมันตภาพรังสีที่ตกค้างอยู่บนพื้นผิวโลกมาเป็นเวลาเนิ่นนาน และมันกำลังนำพาทั้งหมดให้ก้าวไปสู่จุดหมายเดียวกัน นั่นคือการสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ในที่สุด”

ข้อสรุปที่เรียบง่ายของคางูยะ ค่อยๆ ซึมซับเข้าไปในความรู้ ความเข้าใจของทุกคน ไอรอนเป็นเพียงคนเดียวที่รู้ถึงความร้ายแรงของปัญหามาตั้งแต่ก่อนหน้า เธอได้พยายามทุกวิถีทาง ลองทุกอย่าง เท่าที่จะทำได้ ทั้งการทดลองกับชาวเมืองเพื่อให้ได้ประชากรรุ่นใหม่ที่ดีขึ้น แต่ก็ไร้ผล ทั้งการพยายามรักษาผู้พเนจร โดยมีตัวอย่างสำคัญ คือ ทริก กับทรีด แต่ก็ไม่เป็นผลเช่นกัน

“ทั้งหมดนั้นคือความสำคัญของหีบแพนดอร่า ข้อมูลทางพันธุศาสตร์ที่เก็บอยู่ภายใน คือความหวังเดียวของมนุษย์”

คางูยะยิ้มอย่างอ่อนโยน และในที่ห่างไกลออกไป หลุมโลหะโบราณใต้ผืนโลก กำลังค่อยๆ ฟื้นคืนชีวิตขึ้น เมื่อพลังงานไฟฟ้าถูกจ่าย กระตุ้นให้อุปกรณ์โบราณเริ่มการทำงาน ขีปนาวุธนิวเคลียร์ชุดสุดท้าย จากหลากหลายชาติมหาอำนาจในอดีต ได้ตื่นขึ้นจากการหลับใหล พร้อมที่จะนำพาฝันร้ายให้หวนกลับมาอีกครั้ง

หล่งเฝ้าดูข้อมูลที่ผ่านเข้าออกจากระบบของสำนักวิทยาศาสตร์ ที่ตอนนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของคางูยะ ดูเหมือนมันจะไม่ได้ใส่ใจเขามากนัก เพราะปล่อยให้โปรแกรมนีโอของเขาทำงานได้อย่างอิสระ ‘จะดูถูกกันเกินไปแล้ว’

ข้อมูลเหล่านี้มีสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจ อาวุธทำลายล้างสูงที่ไม่รู้ว่ามนุษย์จะสร้างขึ้นมาทำไมพวกนี้มีอายุมากแล้ว พวกมันเก่าแก่มาก ถึงแม้ว่า ไซโล หรือโรงเก็บจะได้กับการออกแบบ และก่อสร้างมาอย่างดีเพียงใด แต่ก็ถูกทิ้งร้างไร้การดูแลมาเนิ่นนาน ‘จะยังเหลือที่ยิงได้สักกี่ลูกกัน อาจไม่มีเลยก็เป็นได้’ นั่นคือความหวังของเขา

คีย์ ‘ไม่เห็นเหมือนที่นายกลัว เธอบอกว่าจะช่วยพวกเรา’

หล่ง ‘มันไม่ได้พูดอย่างนั้น มันแค่บอกว่าพวกเรามีปัญหาอะไร และมันอาจมีทางแก้ แต่’

หล่งรู้สึกอึดอัดจนทนไม่ไหว ไม่มีใครได้เห็นข้อมูลพวกนี้เหมือนกับเขา คางูยะก็เอาแต่พูดจาหลอกล่อไปมา เขาโกรธ หยุดพิมพ์ เงยหน้า ชูกำปั้นขึ้น แล้วตะโกนลั่น

“แกจะทำอะไรกันแน่ พูดออกมาให้ชัดๆ เลย ว่าแกกำลังจะทำอะไร”

คางูยะก้มลงมองเขา มีเพียงหน้าจอของเขาเท่านั้นที่ใบหน้าของมันขยับเคลื่อนไหว และเป็นเพียงหน้าจอเดียวเท่านั้น ที่มันเพิ่มรอยยิ้ม ที่ทำให้คนที่ได้เห็นต้องรู้สึกเสียวสันหลังเข้าไป มันเป็นรอยยิ้มของสุนัข ที่มองเห็นเหยื่อโอชะไร้ทางสู้ กำลังนอนรอให้มันเข้าไปจัดการ

“นักเจาะระบบหล่ง ไม่ต้องใจร้อน เรากำลังจะบอกขั้นตอนทั้งหมดอยู่แล้ว”

ภาพภายในไซโลจากสถานที่ต่างๆ ค่อยๆ ปรากฏไล่เรียงขึ้นบนหน้าจอ มีการเคลื่อนไหวบางอย่าง มีแสงไฟกระพริบ และมีขีปนาวุธนิวเคลียร์ตั้งอยู่โดดเด่นตรงกลางภาพทุกภาพ

“ในขณะที่กำลังพูดคุยกันอยู่ในตอนนี้ หัวรบนิวเคลียร์ที่ยังหลงเหลืออยู่ทั้งหมดกำลังเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ และจะพร้อมทำงานในอีกไม่ช้า น่าเสียดายที่พวกมันเก่าแก่มาก การกำหนดเวลาที่แน่นอนจึงอาจทำได้ไม่ดีนัก การระเบิดอาจมีความคลาดเคลื่อน แต่ผลลัพธ์ที่ได้จะไม่แตกต่างกันแต่อย่างใด”

หลายคนยังคิดตามสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ไม่ทัน แต่โนอาเคยได้ยินเรื่องเหลือเชื่อพวกนี้จากหล่งมาก่อนแล้ว และเขาอยากคิดว่าทั้งหมดนี้เป็นการเข้าใจผิดกันเท่านั้น

“เธอจะยิงหัวรบพวกนี้ทำไม มันไม่ช่วยอะไรเลย มันจะฆ่าพวกเราทั้งหมดด้วยซ้ำ”

“ถูกแล้ว มันจะฆ่าพวกคุณที่เหลืออยู่ทั้งหมด อาจไม่ใช่ในทันที แต่อย่างแน่นอน”

ที่น่ากลัวคือคางูยะพูดมันออกมาอย่างเรียบง่าย ราวกับว่ามันคือความจริง เป็นสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้น หล่งแสยะยิ้มแยกเขี้ยว

“พวกมันยิงไม่ออกหรอก มันเก่าเกินไป ระบบการยิงบกพร่องจนเกินเยียวยาแล้ว”

“เธอพูดถูก แต่เราไม่จำเป็นต้องยิงมัน ที่เราต้องการคือให้มันระเบิดเท่านั้น และระบบจุดระเบิดของหัวรบส่วนใหญ่ยังคงทำงานได้ตามปกติ”

รอยยิ้มของหล่งแข็งค้าง อวตารส่งเสียงโวยวาย

“พวกคนเมืองหน้าโง่ พวกบ้าเทคโนโลยี เมื่อไรพวกคุณถึงจะเรียนรู้ ที่จะไม่เข้าไปยุ่งกับสิ่งเหล่านี้ มันเคยทำลายโลกมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่พวกคุณก็ยังไม่ใส่ใจ ยังคงใช้พวกมันอย่างหน้ามืดตามัว ทำอะไรเข้าสักอย่างสิ ปิดเจ้าโปรแกรมบ้านี่ ก่อนที่มันจะฆ่าพวกเรา ปิดมัน ทำลายมัน...”

โนอาตะโกนแทรกขึ้น

“แกทำอย่างนี้ไม่ได้ แกไม่อาจละเมิดกฎสามข้อ แกไม่อาจทำร้ายมนุษย์ โปรแกรมจะถูกหยุด และแกจะถูกลบ”

คางูยะหัวเราะ โปรแกรมที่หัวเราะด้วยความขบขัน กลายเป็นภาพที่น่าหวาดหวั่นสำหรับทุกคน

“เราไม่ได้เป็นคนสั่งให้ระเบิด...”

ภาพบนจอเผยให้เห็นผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งเคยได้ฉายาว่าหญิงเหล็ก แต่ตอนนี้ ดวงตาทั้งคู่เลื่อนลอยจ้องมองไปสู่ความว่างเปล่า บนใบหน้าเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า และบางครั้งก็มีสีหน้าที่แสดงถึงความเจ็บปวด

“...ท่านผู้อำนวยการสำนักวิทยาศาสตร์ จะให้เกียรติเป็นผู้สั่งการระเบิดนิวเคลียร์ทำลายล้างพวกคุณทั้งหมดในครั้งนี้”


Create Date : 19 มีนาคม 2555
Last Update : 19 มีนาคม 2555 8:30:47 น. 0 comments
Counter : 681 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.