ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
10 กรกฏาคม 2554
 
All Blogs
 
เพลงดวงดาว ตอนที่ 1

เสียงเพลงบรรเลงอันแสนหดหู่จากเครื่องสาย และเครื่องเป่าหลากหลายชนิดที่เขาไม่เคยรู้จัก ทำให้บรรยากาศในงานซึมเซาลงมากยิ่งขึ้น ผู้คนในชุดแต่งกายสีดำที่เขาก็ไม่รู้จักเช่นกัน ผลัดกันเดินเข้ามาทำหน้าเศร้า พร้อมเอ่ยปากแสดงความเสียใจด้วยถ้อยคำที่คล้ายๆ กัน

“เสียใจด้วย พ่อของเธอเป็นคนดีมาก”

“เสียใจด้วย แต่เธอต้องเข้มแข็งเอาไว้”

คำพูดทั้งหมดนี้เพียงถูกเอ่ยออกมาจากปาก แต่ไม่ได้แสดงถึงความรู้สึกอย่างที่พูดออกมาด้วยเลยแม้แต่น้อย เขารับฟังแล้วปล่อยให้มันผ่านไป เหมือนกับสายลมพัด เหมือนกับกลุ่มหมอกควันที่ล่องลอยผ่านไป เขาไม่เคยรู้จักหรือเห็นหน้าคนเหล่านี้มาก่อน แต่พอพ่อจากไปพร้อมกับทิ้งเงินทองมากมายเอาไว้ให้ ทุกคนก็พากันหันมาสนใจเขา

ในท่ามกลางทะเลแห่งผู้คนที่ดำมืด มีใครคนหนึ่งที่เขารู้สึกว่าแตกต่าง ใครคนหนึ่งที่มีอะไรบางอย่างไม่เหมือนกับคนอื่น หญิงสาวในชุดกระโปรงยาวสีดำ พร้อมระบายลูกไม้บางๆ คลุมหน้า ที่ไม่สามารถลดทอนความงามเหนือธรรมชาติของเธอลงได้เลยแม้แต่น้อย

หญิงงามเดินตรงเข้ามาหา เขาไม่อาจคะเนได้ว่าเธอควรจะมีอายุมากน้อยเท่าใดกันแน่ แม้แต่การก้าวเดินของเธอก็ยังดูไม่ธรรมดา เสียงเพลง ผู้คนรอบกาย และบรรยากาศในงานไม่อาจแตะต้องตัวเธอได้ ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกที่บิดเบี้ยวใบนี้ต้องหลีกทางให้กับเธอ

เธอหยุดยืนห่างออกไปแค่เพียงมือเอื้อม แต่เขาคิดว่าไม่ควรจะเอื้อมมือออกไปสัมผัสร่างนั้น บางทีถ้าเขาพยายามจะทำ เธออาจจะสลายหายไปในพริบตา หรือไม่ร่างกายของเขาก็อาจจะเป็นฝ่ายสลายหายไปเองก็เป็นได้ เขารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ตรงกลางระหว่างความเป็นจริง กับบางสิ่งที่แตกต่างออกไป

“สวัสดี ประพันธ์”

เธอเป็นคนแรกในคืนนี้ที่เรียกชื่อซึ่งพ่อเป็นคนตั้งให้กับเขา

“สวัสดีครับ...เราเคยรู้จักกันมาก่อนไหมครับ”

เธอยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่เบ่งบานออกมาจากดวงใจ ไม่ใช่รอยยิ้มที่ถูกประดิษฐ์ขึ้น

“เราเคยพบกันมาแล้ว ในตอนนั้นเธอยังเป็นเพียงเด็กน้อยที่เต็มเปี่ยมไปด้วยจินตนาการ...”

รอยยิ้มของเธอหม่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัด

“...และพ่อของเธอยังคงส่งเสียงหัวเราะได้อย่างเบิกบาน”

“ผมจำคุณไม่ได้เลย”

“ตอนนี้ก็คงไม่ แต่ในไม่ช้า เธอต้องจำได้แน่”

คำพูดของเธอก็ฟังดูเป็นปริศนาเหมือนกับตัวเธอ สิ่งต่างๆ รอบกายของเขาค่อยๆ จางหายไป เสียงดนตรี ผู้คน และแม้แต่ความเศร้าโศกอันน้อยนิดที่ซุกซ่อนอยู่ภายในใจ เหลือไว้เพียงเขากับเธอเพียงสองคนเท่านั้น

“ฉันเสียใจด้วย กับการจากไปของเขา”

“ครับ”

เขาสามารถสัมผัสได้ถึงความเสียใจที่เธอพูดถึง ความเสียใจที่ตัวเขาเองกลับมีอยู่เพียงน้อยนิด ตั้งแต่จำความได้เขาก็ใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพังในโรงเรียนประจำ ในขณะที่พ่อของเขาต้องวุ่นวายอยู่กับการทำงานที่เขาไม่เคยรู้รายละเอียดเลยแม้แต่น้อย

ซึ่งไม่แปลกอะไรเพราะในโรงเรียนก็มีเพื่อนอีกหลายคนที่ตกอยู่ในสภาพที่คล้ายๆ กันนี้ แต่อย่างน้อยผู้ปกครองของพวกเขาก็ยังแวะเวียนมาหาบ้าง ซึ่งผิดกับพ่อที่แทบจะไม่เคยโผล่หน้ามาให้เห็นเลย ถึงแม้เขาจะรู้ว่าเป็นเพราะตำแหน่งหน้าที่การงาน แต่แค่การมาหาลูกชายของตัวเองให้บ่อยมากขึ้นมันจะลำบากมากมายอะไรนัก

นักบวชชราในชุดขาวผู้หนึ่งก้าวขึ้นไปยืนบนแท่นเตี้ยๆ ของห้องโถงทำพิธี ที่ซึ่งมีร่างของชายผู้หนึ่งนอนสงบนิ่งอยู่ในโลงไม้สีดำ ผู้คนที่มาร่วมงานจึงเริ่มทยอยไปรวมตัวกันทางด้านนั้น

ทั้งสองจึงออกเดินไปทางด้านนั้นเช่นกัน เขาซึ่งเป็นสมาชิกเพียงคนเดียวในครอบครัวที่หลงเหลืออยู่ ก้าวออกไปยืนอยู่เบื้องหน้านักบวชชรา ในขณะที่หญิงสาวลึกลับยืนโดดเด่นอยู่ในท่ามกลางฝูงชนทางด้านหลัง

“เรามารวมตัวกันในวันนี้เพื่อกล่าวคำอำลาเป็นครั้งสุดท้ายให้กับคุณ...อันเป็นที่รักยิ่งของพวกเราทุกคน พวกเราจะจดจำและรำลึกถึงเขาอยู่เสมอ...”

นักบวชชรากล่าวคำตามพิธีการต่อไป และเขาพยายามที่จะเติมแต่งอะไรลงไปเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้มันฟังดูแตกต่างออกไปบ้าง แต่ก็ไม่ให้มากจนเกินไป และท้ายที่สุดเขาก็ประกาศคำที่หมายความว่าพิธีการในวันนี้กำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว

“...ขอให้จักรวาลอันไพศาลจงรับเอาส่วนหนึ่งของท่านกลับคืนไป และให้เขาได้กลับมาเดินอยู่ท่ามกลางพวกเราอีกครั้งด้วยเถิด”

พอนักบวชชรากล่าวคำเหล่านี้จบลง ร่างของใครหลายคนที่อยู่ร่วมภายในงานก็หายไปทันที เมื่อไม่คิดว่าตนเองจะได้ผลประโยชน์อะไร คนเหล่านี้ก็ไม่คิดที่จะอยู่กล่าวคำอำลาให้เสียเวลาอีกต่อไป

เจ้าหน้าที่ประจำงานเดินเข้ามาเชิญเขาให้ขึ้นไปพบหน้า และกล่าวคำอำลากับพ่อเป็นครั้งสุดท้าย เขาก้าวตามขึ้นไปอย่างช้าๆ ภาพความทรงจำที่เด่นชัดพลันผุดขึ้นมาภายในหัว มันดูเหมือนจะเป็นครั้งหนึ่งที่ทั้งสองเคยเตะฟุตบอลด้วยกันเมื่อนานมาแล้ว

แม้จะคิดว่าตนเองคงไม่เศร้าโศกอะไรมากนักกับการจากไปของคนที่แทบจะไม่เคยพบหน้ากันเลย แต่ดูเหมือนว่าเขาจะคิดผิด ความผูกพันที่น่าจะเป็นเพียงสายใยบางๆ กลับแน่นเหนียว และแข็งแกร่ง ถึงอย่างไรชายผู้นี้ก็เป็นพ่อของเขา และเขายังจดจำความสุขในยามที่เคยอยู่ร่วมกันได้

น้ำตาของเขาไหลออกมาอย่างไม่อาจบังคับ ร่างของแขกที่มาร่วมงานซึ่งยืนอยู่ทางด้านหลังยังคงค่อยๆ ทยอยหายไปอยู่เรื่อยๆ เจ้าหน้าที่ประจำงานกล่าวต่อไปโดยแทบไม่ได้มองดูเขาเลย

“คุณต้องการให้หลงเหลืออะไรไว้หรือไม่ครับ”

“...ไม่...”

“ต้องการค่ะ”

เสียงลึกลับของเธอดังมาจากทางด้านหลัง เขาหันกลับไปและเผชิญกับใบหน้างดงามที่ไร้กาลเวลานั้น ถึงแม้ใบหน้าของเหล่า ร่างจำลอง ที่ถูกส่งมาร่วมภายในงานจะถูกตกแต่งให้ดูงดงามมากกว่าความเป็นจริงได้ตามข้อกำหนดของกฎหมาย แต่ความงามของเธอก็มีบางอย่างที่แตกต่างออกไปอยู่ดี

แม้เขาจะรู้สึกดีกับหญิงลึกลับผู้นี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะสามารถก้าวเข้ามาสอดแทรกกับเรื่องการตัดสินใจภายในครอบครัวของเขาแบบนี้ได้

“ขอโทษนะครับ แต่มันควรจะเป็นการตัดสินใจของผม”

เธอก้มหน้าลง

“เธอควรจะได้อ่านสิ่งนี้ก่อน”

เธอยื่นซองจดหมายสีขาวซึ่งเขารับมาด้วยความประหลาดใจ ที่หน้าซองจ่าหน้าถึงเขาด้วยลายมือเขียน ถึงแม้ว่าเราจะสามารถผลิตกระดาษสังเคราะห์ขึ้นมาโดยไม่จำเป็นต้องอาศัยเยื่อไม้อีกต่อไปแล้ว แต่พวกมันก็ถูกจำกัดให้ใช้กับเอกสารสำคัญระดับสูงเท่านั้น

“จากพ่อของเธอ”

เขาเปิดผนึกมันออกได้อย่างง่ายดาย ภายในมีกระดาษที่เขียนด้วยลายมืออีกแผ่นหนึ่ง มันมีข้อความเพียงสั้นๆ และลงท้ายเอาไว้ด้วยชื่อของพ่อ

'เปลี่ยนเถ้ากระดูกของพ่อให้เป็นเพชร แล้วนำกลับไปที่ฐานดวงจันทร์ พ่อรักลูก'

เขาเงยหน้าขึ้น และร่างจำลองของเธอก็ค่อยๆ จางหายไปอย่างช้าๆ ผิดกับของคนอื่นๆ ที่หายไปได้อย่างฉับพลัน เหมือนกับภาพบนจอเมื่อมันถูกปิด เสียงที่ขาดๆ หายๆ ของเธอดังขึ้นให้ได้ยินเป็นครั้งสุดท้าย

“...ได้โปรดทำตามความต้องการของเขา...”

“เดี๋ยวก่อน คุณเป็นใครกัน”

เธอหายไปโดยไม่พูดอะไรอีก นักบวชชรา กับเจ้าหน้าที่หน้าที่ประจำงานต่างยืนรออยู่ และเขาคงต้องรีบตัดสินใจแล้ว เขาเก็บจดหมายคืนใส่ซองแล้วใช้ช่วงเวลาสั้นๆ นั้นในการตัดสินใจ กำลังมีอะไรแปลกๆ บางอย่างเกิดขึ้นกับชีวิตของเขา และเขาต้องการที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับมันหรือไม่

“...ผมต้องการ...เพชร เพื่อเป็นที่ระลึกด้วยครับ”

“จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม กับเวลาในการดำเนินการอีกเล็กน้อยนะครับ”

“เรื่องค่าใช้จ่ายจัดการผ่านบัญชีของผมได้เลยครับ”

เถ้ากระดูกของมนุษย์ที่มีคาร์บอนเป็นองค์ประกอบ เมื่อทำให้อยู่ภายใต้อุณหภูมิ และแรงดันระดับสูงเลียนแบบการกำเนิดของโลก ในระยะเวลาที่เหมาะสม สายของคาร์บอนอะตอมจะเกิดการตกผลึกเรียงตัวกันแน่นจนกลายเป็นเพชรขึ้นมา

จากจำนวนตัวเลขที่พ่อทิ้งเอาไว้ให้ เขาคงจะไม่มีปัญหาในเรื่องนี้ไปอีกนานทีเดียว ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการเดินทางไปยังฐานดวงจันทร์ด้วย ซึ่งเรื่องนี้เขายังไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นไปได้หรือไม่ เพราะถึงแม้เขาจะมีฐานะเป็นลูก แต่การไปยังฐานดวงจันทร์นั้นยังมีข้อจำกัดอีกมากมาย

เจ้าหน้าที่ประจำงานเชิญเขาไปที่ด้านข้างของโลงไม้

“กดปุ่มได้เมื่อพร้อมนะครับ...แล้วกลับมารับเพชรได้ในวันพรุ่งนี้”

เขายืนมองใบหน้าของพ่อที่นอนสงบอยู่ในโลงไม้เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนเอื้อมมือออกไปกดปุ่ม ภาพลวงตาของโลงไม้ที่ฉาบเคลือบอยู่สลายหายไป เปิดเผยให้เห็นเครื่องมือที่ใช้ในการแยกสลายร่างของผู้จากไปซึ่งถูกใช้ในปัจจุบัน มันทำด้วยโลหะ และกระจก แต่ก็มีรูปทรงไม่แตกต่างจากโลงอย่างที่เคยเป็นมาเท่าใดนัก

ครอบใสที่เคยเปิดเผยให้เห็นใบหน้าค่อยๆ มืดทึบลง ก่อนร่างที่ถูกบรรจุอยู่ภายในจะถูกเปลี่ยนไปตามความต้องการที่ถูกเลือก ซึ่งในกรณีนี้ส่วนประกอบที่เป็นคาร์บอนจะถูกบีบอัดด้วยแรงดันสูง เปลี่ยนแปลงโครงสร้างให้กลายเป็นเพชรในที่สุด

เจ้าหน้าที่ประจำงาน กับนักบวชชรากล่าวคำอำลาก่อนที่ร่างจำลองของพวกเขาจะหายไปเหมือนกับคนอื่นๆ เช่นกัน ห้องโถงกว้างที่เคยยืนอยู่เมื่อครู่นี้ กลับกลายเป็นเพียงห้องขนาดเล็กเท่านั้น ทุกอย่างเป็นภาพลวงตาที่ถูกสร้างขึ้น เพื่อทำให้ผู้คนที่ติดอยู่ตรงกลางระหว่างยุคเก่า กับยุคปัจจุบัน รู้สึกดีขึ้นบ้างเท่านั้น

เขาเดินไปที่ประตูทางออกซึ่งมี รถ ของเขาจอดรออยู่ รถที่ไม่มีอะไรเหมือนกับบรรพบุรุษที่มีชื่อเรียกเดียวกันกับมันเลยแม้แต่น้อย มันมีลักษณะเป็นแคปซูลเล็กๆ พร้อมที่นั่งหนานุ่ม ภายนอกเป็นผิวสีโลหะเรียบลื่น ไม่มีล้อ ปีก หรือส่วนที่แสดงให้เห็นถึงวิธีการที่มันใช้ในการเคลื่อนที่ให้เห็นอยู่เลยแม้แต่น้อย

เมื่อประตูชั้นในด้านอาคารปิดเรียบร้อยแล้ว ประตูชั้นนอกที่เชื่อมกับตัวรถจึงค่อยเปิดออก เขาก้าวเข้าไปนั่งพร้อมกับบอกจุดหมายปลายทางซึ่งเป็นหอพักของโรงเรียนนั่นเอง แคปซูลโลหะค่อยๆ ลอยขึ้นไปสู่ ถนน ที่มองไม่เห็น มันเป็นเส้นทางที่ถูกสร้างขึ้นจากสนามแม่เหล็กไฟฟ้าพลังสูง ซึ่งจะขับเคลื่อนตัวรถให้ไปถึงจุดหมายปลายทางโดยใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า

ภายในตัวรถกลายสภาพเป็นโปร่งใสเปิดเผยให้เห็นถึงทิวทัศน์ที่เต็มไปด้วยสีเขียวที่อยู่ด้านนอก ขุนเขา ผืนป่า แม่น้ำ และอาคารบ้านเรือนรูปทรงแปลกๆ ตั้งอยู่กระจัดกระจายอย่างสอดคล้อง เคลื่อนผ่านไปทางเบื้องล่างด้วยอัตราเร็วคงที่ แต่แล้วภาพทุกอย่างก็เลือนหายไปเมื่อเขาสั่งปิดมัน ผนังทุกด้านกลับกลายเป็นเพียงพื้นผิวโลหะเกลี้ยงๆ

เขาไม่ต้องการดูภาพเหล่านี้ ภาพที่ทุกคนต่างรู้ดีว่ามันไม่ใช่ความจริง ธรรมชาติที่เหลืออยู่ข้างนอกนั้นกำลังค่อยๆ ตายลงอย่างช้าๆ จากผลของกัมมันตภาพรังสีที่ตกค้างมาจากสงครามโลกครั้งที่สาม สงครามที่ไม่เคยมีใครเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ ทุกคนต่างพูดว่ามนุษย์เรานั้นได้ก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาแห่งความขัดแย้งไปไกลแล้ว แต่สุดท้ายผู้ที่กุมอำนาจสูงสุดคนหนึ่งก็ตัดสินใจกดปุ่มเพื่อเริ่มยิงหัวรบนิวเคลียร์เข้าใส่กัน

พื้นผิวของโลกส่วนใหญ่ถูกทำลายลงเกือบหมดจากการระเบิดในสงครามครั้งนั้น ประชากรชาวโลกล้มตายไปมากกว่าครึ่ง เมืองใหญ่ๆ ทั่วโลกกลายสภาพเป็นเมืองร้าง อาคารสถานที่ต่างๆ ที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ในภายหลังล้วนอยู่ลึกลงไปใต้พื้นดินเพื่อลดการปนเปื้อนจากรังสี

ทรัพยากรต่างๆ บนโลกที่เหลืออยู่ต้องผ่านการบริหารจัดการอย่างเข้มงวด กัมมันตภาพรังสีพวกนี้จะอยู่กับพวกเราไปอีกนาน มีหลายคนบอกว่าพวกมันอาจจะยังหลงเหลืออยู่หลังจากที่พวกเราจากโลกใบนี้ไปนานแล้วก็เป็นได้ ซึ่งเขาเองก็เชื่อเช่นนั้นเหมือนกัน

อากาศที่ใช้หายใจทั้งภายในรถคันนี้ และในอาคารใต้ดินต่างๆ ต้องผ่านระบบการกรองอย่างเหมาะสม การเข้าออกสู่สถานที่ต่างๆ ที่เชื่อมโยงกับพื้นผิวโลก ต้องใช้ระบบปรับแรงดันอากาศด้วยประตูสองชั้นเสมอเพื่อป้องกันไม่ให้อากาศที่ปนเปื้อนฝุ่นรังสีจากภายนอกผ่านเข้ามาได้

การเดินทางด้วยรถเหนือพื้นดินเช่นนี้จึงถูกจำกัดด้วยเหตุผลของความปลอดภัยทางรังสี การใช้ร่างจำลองจึงเป็นความจำเป็นที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ มันคือส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีความจริงเสมือนที่ใช้ในการสร้างภาพลวงตาภายในสถานที่ต่างๆ รวมถึงการส่งภาพของบุคคลจากสถานที่หนึ่ง ให้ไปปรากฏอยู่ในสถานที่ห่างออกไปได้อย่างเหมือนจริง

แต่ถึงอย่างไรร่างจำลองก็ยังเป็นเพียงภาพลวงตาชนิดหนึ่งเท่านั้น นอกจากใช้ในการพูดคุย พวกมันก็ไม่สามารถมีปฏิสัมพันธ์ได้มากกว่านั้น และยังไม่สามารถทำให้ไปปรากฏตัวในหลายสถานที่พร้อมๆ กันได้ตามข้อกำหนดของกฎหมายที่ห้ามเอาไว้

ในขณะที่นั่งอยู่ภายในรถ เขาก็หยิบจดหมายของพ่อขึ้นมาดูอีกครั้ง มีอะไรแปลกๆ มากมายในเรื่องนี้ และเขาซึ่งเป็นนักเรียนดีเด่นของโรงเรียนอพอลโลก็ไม่ได้ปล่อยให้มันผ่านเลยไป

เรื่องแรกเลยคือร่างจำลองของหญิงลึกลับคนนั้น มันแตกต่างจากร่างจำลองอื่นๆ อย่างชัดเจน และเขามั่นใจว่าในสถานที่แห่งนั้น อาจมีเขาเพียงคนเดียวที่สามารถมองเห็นเธอ ร่างจำลองอื่นๆ ดูเหมือนไม่ได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของเธอเลยแม้แต่น้อย ไม่ใช่แค่ว่าไม่มีใครคุยกับเธอ แต่ไม่มีใครเหลือบมองเธอเลย แม้แต่เจ้าหน้าที่ประจำงานที่อยู่ใกล้ๆ ก็ไม่ได้ใส่ใจเธอแม้แต่น้อย

เรื่องต่อมาคือจดหมายที่เขียนลงบนกระดาษ ซึ่งเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดถ้าพ่อของเขาเป็นคนเขียนจริงๆ เพราะเขาไม่เคยได้ยินพ่อใช้คำว่า 'พ่อรักลูก' มาก่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว

และเรื่องที่สำคัญที่สุด ร่างจำลองจะสามารถนำจดหมายกระดาษที่เป็นวัตถุติดตัวมาได้อย่างไรกัน มันเป็นเรื่องลึกลับที่ไม่มีคำอธิบาย และเรื่องลึกลับก็เป็นสิ่งที่เขาชื่นชอบ เขาจึงตัดสินใจที่จะเข้าร่วมเล่นในเกมปริศนาครั้งนี้ ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าจะนำพาไปสู่ข้อสรุปเช่นใดกันแน่

บางทีมันอาจจะเกี่ยวข้องกับงานลับที่พ่อทำอยู่ หรือการเสียชีวิตอย่างไร้คำอธิบายจากรัฐบาลโลกของเขา รวมถึงเรื่องที่ร่างของเขาถูกส่งกลับมายังโลก ทั้งๆ ที่สามารถจัดการทุกอย่างได้บนดวงจันทร์ เขาหลับตาลงแล้วเริ่มคิดถึงการเคลื่อนไหวในก้าวต่อไป พรุ่งนี้เขาจะต้องมารับเพชรที่สร้างจากร่างของพ่อ แล้วต่อจากนั้นก็จะเป็นการเดินทางไปยังฐานดวงจันทร์

เขาเก็บจดหมายคืนใส่ซอง 'แต่ก่อนหน้านั้นฉันอาจจะได้อะไรเพิ่มเติมจากจดหมายฉบับนี้ก็เป็นได้' เขาเริ่มคิดถึงอุปกรณ์ต่างๆ ในห้องทดลองของโรงเรียนที่เขามีสิทธิในการเข้าใช้ได้อย่างเต็มที่ การวิเคราะห์กระดาษ หมึก และอื่นๆ อย่างละเอียดอาจให้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมได้บ้าง


Create Date : 10 กรกฎาคม 2554
Last Update : 11 กรกฎาคม 2554 11:46:32 น. 0 comments
Counter : 635 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.