ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2554
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
21 สิงหาคม 2554
 
All Blogs
 
เพลงดวงดาว ตอนที่ 7

ในขณะที่ทั้งสองเดินเคียงคู่ไปด้วยกัน ทริกก็เบียดร่างอวบอิ่มของเธอเข้ากับร่างอวบอ้วนของหล่ง ก่อนค่อยๆ โอบมืออ้อมหัวไหล่ข้างขวาของเขาไป ใบหน้างดงามของเธออยู่ห่างออกไปเพียงเล็กน้อย เขาเริ่มหน้าแดง รอยยิ้มลึกลับของเธอยิ่งทำให้จิตใจของเขาเตลิดเปิดเปิงไปไกลลิบ

“...คุณ...คุณ...จะทำอะไร”

เขารำพึงออกมาเบาๆ เธอกระซิบตอบอยู่ที่ข้างหูของเขา

“อยู่นิ่งๆ สิพ่อหนุ่ม พี่สาวคนนี้ไม่ทำอะไรรุนแรงหรอกน่า”

มือของเธอค่อยๆ เลื่อนไล้ไปตามแขนขวาของเขา ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงเรื่องน่ากลัว ที่เล่าลือกันในสังคมของนักเจาะระบบมาเนิ่นนาน ซึ่งหลายคนลงความเห็นว่ามันเป็นเพียงตำนานยกเมฆเท่านั้นเอง รวมทั้งตัวเขาเองด้วย แต่ตอนนี้เขากลับไม่คิดเช่นนั้นอีกแล้ว

“อย่า”

เขาร้องตะโกนเสียงดังลั่น มือขวาของเธอคว้าจับแขนขวาของเขาเอาไว้แน่นราวกับคีมเหล็ก

“เราถนัดซ้ายเหมือนกันเลย”

“ไม่...อย่า...ผมขอร้อง...ได้โปรด”

เธอค่อยๆ เอื้อมมือซ้ายไปยังหน้าจอไอพีบนแขนขวาของเขา ใบหน้าของเธอแสดงความตื่นเต้นออกมาอย่างเห็นได้ชัด เธอรู้ดีว่าคนแบบเขาจะเป็นเช่นไร เธอเคยจัดการกับคนพวกนี้มาหลายครั้งแล้ว อาการตอบสนองของแต่ละคนนั้นยังคงสร้างความประหลาด และสาสมใจให้กับเธอได้อย่างไม่เคยลืมเลือน

เธอเลื่อนนิ้วไปมาบนหน้าจอไอพีของเขา ซึ่งตามปกติแล้วมันต้องไม่ตอบสนอง แต่เนื่องจากเธอเป็นเจ้าหน้าที่พิเศษซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ เธอจึงมีสิทธิในการทำเช่นนี้

“ไม่ ไม่...ไม่”

เขาส่งเสียงร้องโหยหวน ต่างจากเมื่อตอนออกคำสั่งใส่รหัสทำลาย ศูนย์บัญชาการ ของตัวเองอย่างห้าวหาญเมื่อครู่นี้ เธอคอยเฝ้าดู และเก็บรายละเอียดที่เกิดขึ้นทั้งหมดเอาไว้

“อีกนิดเดียวก็เสร็จแล้ว พ่อหนุ่ม”

เธอปล่อยมือทั้งคู่ และร่างของเขาก็ลงไปนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นทางเดิน มือซ้ายของเขาเลื่อนในรูปแบบเดิมซ้ำไปซ้ำมาอยู่บนหน้าจอไอพีของตัวเอง ที่ตอนนี้ดับสนิท และไม่ยอมตอบสนองใดๆ ทั้งสิ้น

“ติดสิ ติดสิ...ติดสิ”

ไอพี ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผู้คนไปเสียแล้ว แม้แต่ในเวลานอน พวกมันก็ยังคงทำงานอยู่ตลอดเวลา จนอาจเรียกได้ว่า ทุกคนต้องใช้ชีวิตร่วมกับมันตั้งแต่เกิดจนตายเลยทีเดียว

ถึงแม้ในบางสถานการณ์พวกมันอาจจะขาดการติดต่อจากระบบไป แต่พวกมันก็ยังคงทำงานอยู่ ซึ่งแตกต่างจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาในตอนนี้ ไอพีของเขาได้ถูกปิดลงโดยสมบูรณ์ และมันเป็นครั้งแรกที่เขาต้องมีชีวิตอยู่โดยปราศจากมัน

เขาคลานเข้ามาหา พร้อมกับกอดขา เงยหน้ามองเธอพร้อมน้ำตาคลอเบ้า

“ได้โปรด เปิดมันให้ผม เปิดมันให้ผม...ได้โปรด ได้โปรด...”

เธอมองดูอาการของเขาอย่างพอใจ 'มากกว่าทุกคนที่เคยเจอมาทั้งหมดเลย เจ้าเด็กคนนี้เสพติดมันอย่างรุนแรงเลยทีเดียว' เขาได้แต่พร่ำบ่นจนแทบไม่เป็นภาษา ภาพของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง กำลังนั่งกอดเข่าอยู่ในความมืดมิดปรากฏขึ้นในความทรงจำของเธอ

เด็กผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ร้องไห้ เธอเพียงแค่นั่งอยู่นิ่งๆ ในความมืดมิด ภายใต้ท้องฟ้าขมุกขมัวที่เต็มไปด้วยกลุ่มเมฆ หรือกลุ่มควันบางอย่าง เธอรู้ได้เองว่าตอนนั้นเป็นเวลากลางคืน เพราะในเวลากลางวันท้องฟ้าเบื้องบนจะมีแสงสว่างขึ้นเล็กน้อย แม้จะต่างกันไม่มาก แต่หากคุ้นเคยกับพวกมันมาตั้งแต่เกิดก็จะสามารถแยกแยะออกได้ไม่ยาก

แม้ในท้องจะว่างเปล่า แม้ร่างกายจะอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรง แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้เธอนั่งนิ่งๆ อยู่แบบนี้ เธอรวบรวมเรี่ยวแรงที่เหลืออยู่ทั้งหมดเอาไว้เพื่อรอ รอเวลาที่จะใช้พวกมันออกไปอย่างคุ้มค่า รอคอยเหยื่อของเธออย่างอดทน แต่สิ่งที่หลบซ่อนอยู่ลึกลงไปภายในใจของเธอ ก็คือความหวาดกลัวแบบนี้เช่นกัน

เธอปัดภาพของเด็กผู้หญิงคนนั้นออกไป ก่อนค่อยๆ ประคองเขาลุกขึ้นมา

“ได้เวลาไปต่อแล้ว”

เขายังคงพร่ำบ่นไม่เป็นภาษามนุษย์ต่อไป เธอส่ายหน้าก่อนบีบแขนของเขา ความเจ็บปวดทำให้เขาได้สติขึ้นมาอย่างเฉียบพลัน

“ฉันจะเปิดมันให้...แต่ไม่ใช่ตอนนี้ เดินต่อได้แล้ว”

เธอลากเขาให้เดินไปด้วยกัน เขาก้าวตามแต่ดูเหมือนยังคงพะวงอยู่กับจอไอพีที่มืดสนิทของตัวเองอยู่เหมือนเดิม ที่จอดรถเก่าอยู่ห่างออกไปไม่ไกลแล้ว แต่พอทั้งคู่เดินมาถึงทางแยกข้างหน้า ก็มีใครคนหนึ่งโผล่ออกมาจากทางเดินด้านซ้าย แล้วหยุดยืนขวางทั้งสองเอาไว้

“ป้า นี่หลายใจจริงนะ เปลี่ยนผู้ชายคนใหม่แล้วหรือ...”

ตอนนี้เส้นผมสีทองยาวสลวยของเธอถูกรวบมัดเอาไว้อย่างเรียบร้อย เก็บซ่อนอยู่ภายใต้หมวกทรงประหลาด ชุดเครื่องแบบนักเรียนของเธอ ก็ถูกสวมทับเอาไว้ด้วยชุดสีดำที่เป็นริ้วๆ ดูแปลกตาไม่แพ้กัน

“...แต่ดูเหมือนรสนิยมของป้าจะแย่ลงนะ”

เธอพูดพร้อมกับชี้มือมาที่พุงอ้วนๆ ของหล่ง เขาจ้องมองดูผู้มาใหม่อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะจำได้ว่าเธอคือคนที่เขารู้จัก

“...ยายจู”

ทริกก็จำเธอได้เช่นกัน เพราะทั้งสองพึ่งมีโอกาสพบหน้ากันเมื่อไม่นานมานี้ เธอมองดูชุดที่แปลกประหลาดของจูเลียต พร้อมกับยิ้มอย่างขบขัน

“เธอเองก็ดูเหมือนว่า...รสนิยมการแต่งตัวจะแย่ลงอย่างฉับพลันเหมือนกันนะ”

ทั้งสองยังคงส่งยิ้มให้กัน แต่มันกลับทำให้เขาขนลุกด้วยความหวาดกลัว จนลืมเรื่องไอพีของตนเองได้เป็นครั้งแรก 'ผู้หญิงน่ากลัวทุกคนเลย'

เสียงเพลงท่วงทำนองพิลึกแต่คึกคักดังขึ้นภายในหมวกประหลาดของจูเลียต ทันใดนั้นชุดสีดำที่เธอสวมทับชุดนักเรียนเอาไว้ ก็เริ่มขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวราวกับเป็นสิ่งมีชีวิต พวกมันเริ่ม ยืด หด ม้วน รัด บิดเป็นเกลียว ไปตามส่วนต่างๆ บนร่างกายของผู้สวมใส่ ในรูปแบบที่บอกได้อย่างง่ายดายว่าเหมือนกับสิ่งใด

'กล้ามเนื้อ พวกมันมองดูคล้ายกับมัดกล้ามเนื้อ' เขาบอกกับตัวเอง และนึกขึ้นมาได้ว่าจูเลียตนั้นมีความสนใจในเรื่องหนึ่งมากเป็นพิเศษนั่นคือ 'ชีวะกลไก' แต่เขาไม่รู้อะไรนอกจากนั้น เพราะไม่เคยใส่ใจกับเธอมาก่อน

ชุดเกราะที่มนุษย์สวมใส่เพื่อใช้ปกป้องร่างกายของตนเองนั้น มีมาตั้งแต่ในสมัยโบราณแล้ว มันเป็นการลอกเลียนแบบมาจากลักษณะที่เรียกกันว่าเป็น 'โครงกระดูกภายนอก' ซึ่งสามารถพบเจอได้ในสิ่งมีชีวิตมากมายหลายชนิด ทั้งพวกแมลงต่างๆ และสัตว์อย่าง ปู กุ้ง หอย และอื่นๆ ซึ่งมีเปลือกแข็งห่อหุ้มอยู่ภายนอก ปิดซ่อนส่วนที่นุ่มนิ่มกว่าเอาไว้ภายใน

ไม่ว่าชุดเกราะพวกนี้จะถูกทำขึ้นมาจากวัสดุชนิดใด กระดูก หนัง ไม้ กระดาษ โลหะ เส้นใยสังเคราะห์ เซรามิก หรืออื่นๆ วัตถุประสงค์หลักของพวกมัน ก็ยังคงเป็นเพื่อใช้ในการปกป้องร่างกายในการต่อสู้นั่นเอง

แนวความคิดของการสร้าง เอ็กโซสเกเลตั้น ที่เรียกกันว่า เพาเวอร์สูท หรือ โครงกระดูกภายนอกของมนุษย์ที่ขับเคลื่อนด้วยจักรกล นั้น เป็นแนวความคิดที่เริ่มต้น และแพร่หลายอย่างกว้างขวางอยู่ในนิยายวิทยาศาสตร์ จนถูกประดิษฐ์ขึ้นใช้งานจริงได้ในที่สุด

โครงโลหะที่มีรูปร่างเลียนแบบมนุษย์ โดยมีมนุษย์จริงๆ เป็นแกนคอยชักเชิดอยู่ภายใน การขยับเคลื่อนไหวของผู้ขับขี่จะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นการขยับของโครงโลหะ ด้วยกำลังของเครื่องจักรทำให้ได้ทั้ง พลัง และการเคลื่อนไหวที่คล่องตัว

พวกมันถูกคิดค้น และพัฒนาขึ้นโดยฝ่ายการทหาร ในฐานะที่เป็นอาวุธประเภทหนึ่ง มีการติดตั้งแผ่นเกราะ และอาวุธสารพัดชนิดให้กับมัน จนถูกเรียกว่าเป็น รถถังเดินได้ ก่อนที่สุดท้ายจะกลับกลายมาเป็นเครื่องมือสำหรับใช้ในงานด้านอุตสาหกรรมที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย

ส่วนสาเหตุที่ทำให้พวกมันไม่เป็นเทคโนโลยีลับ สำหรับใช้ในการทหารเพียงอย่างเดียวอีกต่อไปนั้น เกิดขึ้นเนื่องจากการค้นพบของสิ่งที่จูเลียตกำลังใช้ในการต่อสู้อยู่ในขณะนี้นั่นเอง

เพาเวอร์เอ็กโซมัสเคิล หรือ กล้ามเนื้อภายนอกของมนุษย์ที่ขับเคลื่อนด้วยจักรกล เป็นมุมมองใหม่ทางการทหาร ที่เกี่ยวเนื่องกับการพัฒนาอาวุธ ซึ่งถูกคิดค้นขึ้นในช่วงเวลาก่อนที่สงครามโลกครั้งที่สามจะประทุขึ้น

มีเพียงสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอเท่านั้น จึงจะปกป้องตนเองอยู่ภายใต้เปลือกหนา แต่สำหรับสิ่งมีชีวิตที่เป็นนักล่าแล้ว พวกมันไม่จำเป็นต้องอาศัยเกราะป้องกันตัว สิ่งเหล่านั้นมีแต่จะถ่วงความเคลื่อนไหวให้เชื่องช้าลงเท่านั้น สิ่งที่พวกมันมีเหนือกว่าเหยื่อทั้งหลาย คือ เขี้ยวเล็บ และกล้ามเนื้ออันทรงพลังนั่นเอง

การสร้าง ชุดกล้ามเนื้อเทียม แบบนี้นั้นยุ่งยาก แต่ก็ยังพอมีข้อมูลเก่าๆ ที่กู้คืนมาได้จากในยุคสมัยนั้นอยู่บ้าง สิ่งที่ทำให้จูเลียตต้องเสียเวลาศึกษาค้นคว้าอีกเนิ่นนาน กลับเป็นการค้นหาระบบควบคุมที่เหมาะสมในการใช้งาน ซึ่งคำตอบ ก็ได้มาจากความชอบอีกเรื่องหนึ่งของเธอ ซึ่งก็คือ การเต้น นั่นเอง

ไม่ว่าจะเป็นในยุคสมัยใด เสียงดนตรี และการเต้น ก็ยังคงอยู่คู่กับมนุษยชาติเรื่อยมา นับตั้งแต่การใช้ปากเปล่าเปล่งเสียงร้อง การนำสิ่งของต่างๆ มาเคาะกันให้เกิดเสียงดังเป็นจังหวะ ไปจนถึงการประดิษฐ์เครื่องดนตรีทั้งแบบ ดีด สี ตี เป่า ขึ้นมา พัฒนาจนมีความสลับซับซ้อน และสามารถสร้างเสียงต่างๆ ได้ตามที่ต้องการ

ดนตรีคือส่วนผสมอย่างลงตัวระหว่างเสียง กับความเงียบ ไม่ว่ารูปแบบของมันจะหลากหลาย และเปลี่ยนแปลงไปเพียงใด ไม่ว่าเสียงจากเครื่องดนตรีจะถูกเลียนแบบ และแทนที่ด้วยข้อมูลดิจิตอล ไปจนถึงการสร้างพวกมันทั้งหมดขึ้นมาจากข้อมูลดิจิตอลล้วนๆ แต่สุดท้ายแล้ว ดนตรีก็ยังคงเป็นส่วนผสมระหว่างของเพียงสองสิ่งเท่านั้น นั่นคือ เสียง กับ ความเงียบ

การเต้น ก็เช่นเดียวกัน มันคือการเคลื่อนไหวร่างกายไปกับเสียงดนตรี ไม่ว่ารูปแบบของมันจะหลากหลาย และเปลี่ยนแปลงไปเพียงใด แต่สุดท้ายแล้ว การเต้นก็คือศิลปะในการเคลื่อนไหวร่างกายให้เข้ากับท่วงทำนองที่เกิดขึ้นระหว่าง เสียง กับ ความเงียบ นั่นเอง

ทริกดูเหมือนไม่ใส่ใจการคุกคามจากคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย เธอยังคงยืนดูความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นด้วยรอยยิ้มอยู่เช่นเดิม ชุดนั้นรัดเข้ากับร่างของจูเลียตจนแนบสนิท ราวกับเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย มัดกล้ามเนื้อสีดำเหล่านั้นทำให้เธอดูน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม

“รสนิยมเรื่องการแต่งตัวของเธอแย่มาก พอแต่งแบบนี้แล้ว เธอดู...อ้วนเหลือเกิน”

“หุบปาก”

จูเลียตส่งเสียงตวาดลอดไรฟันออกมา รอยยิ้มสลายหายไป เธอพร้อมจะลงมือจู่โจมแล้ว ทริกรีบผลักร่างของหล่งให้กระเด็นออกไปราวกับเขาไม่มีน้ำหนัก ก่อนใช้ไอพีของตนออกคำสั่งปิดประตูอีกครั้ง 'คราวนี้ปิดมันให้หมดทั้งโรงเรียนไปเลย จะได้ไม่ต้องมีใครมารบกวนการทำงานอีก'

ร่างกายของจูเลียตเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วเหลือเชื่อ ชุดกล้ามเนื้อเทียมที่สวมใส่อยู่นี้ ทำงานประสานไปพร้อมๆ กับกล้ามเนื้อจริงของเธอ พวกมันถูกถักทอขึ้นมาจากเส้นใยสังเคราะห์ขนาดเล็กละเอียดที่มีความแข็งแรง และยืดหยุ่นสูง การยืดหดตัวเลียนแบบการทำงานของเส้นใยกล้ามเนื้อในสิ่งมีชีวิตก่อให้เกิดพลังงาน ทำให้ผู้ที่สวมใส่มีพละกำลังเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า

ทริกต้องไขว้แขนทั้งสองเป็นรูปกากบาท เพื่อรับลูกเตะจากเท้าซ้ายข้างนั้น แรงกระแทกทำเอาตัวเธอกระเด็นไปข้างหลัง และลบรอยยิ้มเมื่อครู่ไปจากใบหน้าด้วย 'พลังรุนแรงใช้ได้ แต่ที่สำคัญกว่านั้น คือการเคลื่อนไหวของเธอ'

จูเลียตมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตา เธอคิดว่าร่างของทริกจะต้องกระเด็นไปฟาดเข้ากับกำแพง และสลบไปด้วยการเตะเพียงครั้งเดียว เธอเคยทดสอบพลังของชุดนี้มาก่อนแล้ว

“...ป้า เป็นตัวอะไรกันแน่”

“ยายเด็กปากเสีย”

ร่างของทริกกลายเป็นเพียงเงาเลือนๆ เมื่อเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง จูเลียตไม่มีเวลาคิดอะไรอีก ปล่อยร่างกายให้เคลื่อนไหวไปตามท่วงทำนองดนตรี เธอยกแขนขวาขึ้นปัดการโจมตีด้วยหมัดซ้ายตรงไปได้ และยังโยกตัวตามจังหวะหลบหลีกการโจมตีที่ติดตามมาอีกหลายครั้งได้อย่างหวุดหวิด

'เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ด้วย' อาวุธนั้นไม่สำคัญเท่ากับตัวผู้ใช้ 'ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ เด็กคนนี้ก็มีความเป็นนักสู้อยู่ในตัว' เธออ่านได้จากความเคลื่อนไหวที่พบเห็น ถึงแม้ว่าเจ้าตัวอาจจะยังไม่รับรู้ก็ตาม 'หากผ่านการฝึกฝนอย่างถูกต้อง เด็กคนนี้ต้องกลายเป็นเจ้าหน้าที่พิเศษที่เยี่ยมยอดได้แน่ อาจบางทีจะเหนือกว่าฉันด้วยซ้ำ'

แต่ทริกก็ไม่อาจมองข้ามความจริงที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้ เธอคืออุปสรรคสำคัญที่ต้องรีบกำจัดโดยเร็วที่สุด 'ถึงจะเสียดายอยู่บ้าง แต่ก็คงต้องจัดการ'

ทริกเริ่มสูดลมหายใจเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ เปลี่ยนทุกการเคลื่อนไหวให้สอดคล้องไปกับท่วงทำนองของชีวิต ไม่มีการเคลื่อนไหวที่เสียเปล่า ไม่มีการเคลื่อนที่ที่เป็นส่วนเกิน เธอฝึกการเคลื่อนไหวแบบเดิมนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนมันง่ายเหมือนกับการหายใจ ไม่ต้องคิด ปล่อยร่างกายให้เคลื่อนไหวไปเองตามธรรมชาติ

วิชาการต่อสู้ที่ไร้ชื่อเรียกนี้ปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกในช่วงยุคมืด โดยนักสู้มือเปล่าที่กลายเป็นตำนาน เฉินลี เขาถูกยกย่องให้เป็นนักสู้พเนจรคนสุดท้ายของโลก เหลือเอาไว้เพียงตำนาน และคำเล่าขานถึงเพลงมวยของเขาโดยไร้ผู้สืบทอด หรืออย่างน้อยก็เป็นที่เข้าใจกันเช่นนั้น

ภาพของเด็กหญิงคนเดิมปรากฏขึ้นในความทรงจำของเธออีกครั้ง เธอเติบโตขึ้นจากเมื่อครั้งที่เคยนั่งนิ่งอยู่ในความมืดมิด เบื้องหน้าของเธอมีเงาที่สูงใหญ่ของใครบางคนยืนขวางอยู่ เธอไม่อาจเห็นใบหน้า และร่างของเขาก็เป็นเหมือนดั่งกำแพงที่เธอไม่มีวันปีนป่ายข้ามพ้นไปได้

เขาสอนให้เธอหายใจ เขาสอนถึงการเคลื่อนไหวที่เป็นไปตามธรรมชาติ การยืนที่ถูกต้อง การนั่งที่ถูกต้อง การเดินที่ถูกต้อง การชกที่ถูกต้อง การเตะที่ถูกต้อง แม้แต่การนอนที่ถูกต้อง ทุกท่วงท่าล้วนประกอบไปด้วย ตำแหน่ง ทิศทาง และการเคลื่อนที่อย่างเหมาะสม ไม่ขาด ไม่เกิน ไม่เร็ว ไม่ช้า

จูเลียตนั้นไม่เคยเรียนวิชาศิลปการต่อสู้ป้องกันตัวมาก่อน และที่กำลังทำอยู่ในตอนนี้ เธอก็ไม่ได้คิดว่ามันเป็นการต่อสู้แต่อย่างใด สิ่งเดียวที่เธอสนใจคือการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิต เธอจึงสนใจทั้ง ชีวะกลไก และ การเต้น สำหรับเธอแล้วพวกมันก็คือสิ่งเดียวกัน และเป็นพื้นฐานความคิดในการการออกแบบของเธอ

เสียงดนตรีที่เธอกำลังฟังอยู่นี้ เป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมที่ช่วยประสานการทำงานของ ชุดกล้ามเนื้อเทียมให้เข้ากับการเคลื่อนไหวของร่างกาย และสิ่งที่เธอทำคือจับจังหวะการเต้นของคู่ต่อสู้ และหาทางทำลายความต่อเนื่องของมัน นั่นคือการต่อสู้ในแบบของเธอ

สิ่งที่เธอไม่อาจเข้าใจคือ ทริกสามารถใช้ร่างกายที่เป็นเลือดเนื้อธรรมดา รับการโจมตีจากชุดกล้ามเนื้อเทียมนี้ได้อย่างไร 'หรือจริงๆ แล้ว เธอจะเป็น...แต่มันไม่มีทางเป็นไปได้'

ในขณะที่มัวแต่คิดอะไรวุ่นวาย เธอกลับเป็นฝ่ายที่เสียจังหวะ หมัดขวาตรงธรรมดาที่รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อของทริก กระแทกเข้าใส่หัวไหล่ข้างซ้ายของเธออย่างจัง แต่เธอก็ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด วัสดุที่ใช้ทำกล้ามเนื้อเทียมนอกจากช่วยเพิ่มพลังให้แล้ว ยังสามารถดูดซับพลังทำลายได้อย่างดีอีกด้วย

เธอได้ยินเสียงแปลกๆ ดังขึ้นบนร่างของตนเอง ก่อนที่ความเข้าใจจะติดตามมา แต่นั่นยิ่งทำให้เธอรู้สึกเหลือเชื่อมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เส้นใยของกล้ามเนื้อเทียมตรงหัวไหล่ที่ถูกโจมตีเมื่อครู่ มีการฉีกขาดเสียหายเกิดขึ้น ในห้องทดลองเธอได้เห็นพวกมันถูก ยืด ขึง บิด และอื่นๆ อีกมากมายในการทดสอบความทนทาน ถึงแม้พวกมันจะมีขนาดเล็กแต่ก็ทนทานอย่างไม่น่าเชื่อ

ความคิดบ้าๆ เมื่อครู่นี้ ย้อนกลับมาหาเธออีกครั้ง เธอปรับจังหวะเพลงให้เร่งเร้ามากยิ่งขึ้น ก่อนใช้การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วถอยห่างออกมาจากคู่ต่อสู้ ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นยังไม่ส่งผลอะไรมากนัก เพราะในแต่ละมัดกล้ามเนื้อประกอบด้วยเส้นใยจำนวนมากมาย หากไม่เสียหายอย่างรุนแรงพร้อมๆ กัน ก็ยังคงสามารถใช้งานได้

ทริกหยุดยืนมองดูเธอ โดยยังไม่ติดตามโจมตีเข้ามาเช่นกัน เธอตัดสินใจถามออกไปในที่สุด

“เธอ เธอเป็น...หุ่นยนต์หรือเปล่า”


Create Date : 21 สิงหาคม 2554
Last Update : 21 สิงหาคม 2554 1:31:01 น. 0 comments
Counter : 535 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.