|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
เพลงดวงดาว ตอนที่ 16
...คนอื่นๆ หายไปไหนกันหมดครับ ทางเดินร้างว่างเปล่า ไม่มีผู้คนให้พบเห็น หากเป็นภายในเมืองที่คีย์พึ่งจากมา เขาคงไม่ค่อยแปลกใจนัก ผู้คนเหล่านั้นคงกำลังใช้ไอพีเพื่อทำอะไรบางอย่างอยู่ในพื้นที่ของตนเอง แต่ในเมื่อศาสนจักรไม่มีไอพี เขาก็นึกไม่ออกว่าเวลาส่วนใหญ่ของคนพวกนี้หมดไปกับการทำสิ่งใด ตอนนี้เป็นเวลาทำงาน พวกเราส่วนใหญ่จึงยังอยู่ที่ฟาร์ม รอให้ถึงเวลาเย็นเสียก่อนเถอะ คุณจะได้เห็นการใช้ชีวิตที่มากสีสรรของพวกเรา เนวิตอบอย่างภาคภูมิใจ ซึ่งทำให้เขารู้สึกอยากเห็นช่วงเวลาที่ว่านั้นขึ้นมา เจ้าบ้านแอบชำเลืองมองไปทางหญิงสวมหน้ากากแวบหนึ่ง ก่อนเอ่ยถามขึ้นบ้าง ทำไมคุณถึงไม่นั่งรถมา...และทำไมพวกคุณสองคนถึงเดินทางมาด้วยกันได้ การพยายามหาคำตอบที่เหมาะสม ทำให้เขาถึงกับต้องเงียบไปครู่ใหญ่ ความจริงแล้วเขาเริ่มต้นการเดินทาง หรือการหลบหนีในครั้งนี้ด้วยรถ หรือถ้าจะให้เฉพาะเจาะจงลงไปมากกว่านั้น ทั้งหมดเริ่มต้นมาจากพินัยกรรมที่ล่องหนหายไปอย่างไม่น่าเชื่อ การมาเยือนของทริก เจ้าหน้าที่พิเศษจากสำนักวิทยาศาสตร์ และจบลงด้วยการตกลงมาจากฟากฟ้าอย่างคาดไม่ถึง ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ เขายังไม่รู้เลยว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้มันเกี่ยวข้องกันอย่างไร และการได้พบกับผู้ร่วมทางที่คาดไม่ถึงอย่างหญิงสวมหน้ากากผู้นี้ ก็ยิ่งไม่มีคำอธิบายเข้าไปใหญ่ ...มันเป็นอุบัติเหตุ นั่นเป็นคำตอบเพียงหนึ่งเดียวที่เขาพอจะนึกออกมาได้ในตอนนี้ เนวิหรี่ตามองเขาด้วยความสงสัย บางสิ่งที่เธอยังไม่เข้าใจ อาจเป็นเพราะเธอไม่ล่วงรู้ถึงความจริงที่อยู่เบื้องหลังเท่านั้นเอง ทั้งสองหันไปมองหญิงสวมหน้ากากพร้อมกัน ทั้งคู่ต่างไม่คาดว่าจะได้ยินอะไรจากปากของเธอ คำอธิบายนี้ยิ่งทำให้คีย์รู้สึกว่าบางที เธออาจจะรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนี้มากกว่าตัวเขาก็เป็นได้ และการได้พบเจอกัน ก็ไม่ได้เป็นเพียงแค่เหตุบังเอิญเท่านั้น เนวิเดินนำทั้งสองคนไต่ระดับสูงขึ้นไปเรื่อยๆ คีย์คาดว่าพวกเขากำลังเข้าใกล้ส่วนที่เป็นลานจอดรถ และห้องประกอบพิธีซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางเข้าไปทุกทีแล้ว เขาควรรีบคิดหาหนทางต่อไปโดยเร็ว แต่การเดินทางไปสู่ดวงจันทร์มีคำตอบอยู่เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น นั่นคือสำนักวิทยาศาสตร์ ซึ่งหมายความว่าไม่มีทางเป็นไปได้เลยสำหรับเขาในตอนนี้ นอกจากว่าเขาจะสามารถล่วงรู้ถึงวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของสำนักวิทยาศาสตร์ ซึ่งอาจทำให้เขาสามารถสร้างอำนาจการต่อรองขึ้นมาได้ แต่เขายังคงมืดแปดด้านอยู่สำหรับเรื่องนี้ 'หล่ง' เขาอดคิดถึงเพื่อนที่ต้องแยกจากกันไม่ได้ นั่นเป็นงานประเภทที่เขาถนัดมากที่สุด 'เขาอาจช่วยได้ ถ้าฉันสามารถติดต่อกับเขา และถ้าเขายังคงมีชีวิตรอดปลอดภัยอยู่' ซึ่งเขาไม่อาจหลอกตัวเองให้เชื่อเช่นนั้นได้เลย 'ถ้าไม่อาจพึ่งพาสำนักวิทยาศาสตร์ ก็คงเหลือเพียง' เขาเหลือบมองไปทางเนวิ ซึ่งอาการเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ไม่อาจรอดสายตาของหญิงสวมหน้ากากไปได้ เอ่อ...นอกจากการทำฟาร์มแมลงแล้ว พวกคุณยังมีเทคโนโลยีในด้านอื่นๆ อีกไหมครับ เนวิหันกลับมาอย่างรวดเร็ว แววตาของเขาแสดงความไม่พอใจออกมาอย่างไม่ปิดบัง เราไม่เหมือนกับคนเมืองอย่างพวกคุณ พวกเราจะใช้เทคโนโลยีเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และการนำมาใช้ก็ต้องมีความระมัดระวังเป็นอย่างมาก...คุณคงยังไม่ลืมว่า เพราะเหตุใดโลกที่เคยสวยงาม จึงกลายมาเป็นเช่นทุกวันนี้ มีบางสิ่งที่เราไม่ควรเข้าไปยุ่ง...เพราะพวกเรายังไม่ฉลาดพอที่จะล่วงรู้ถึงความจริงที่อยู่เบื้องหลัง หรือความจริงทั้งหมดของธรรมชาตินั่นเอง ไม่รู้ว่าเขาจงใจที่จะล้อคำพูดของเธอเมื่อครู่นี้หรือไม่ ...นั่นไม่เป็นความจริงเลย คีย์โต้ตอบออกมาเบาๆ ตัวเขาเองก็เคยครุ่นคิดถึงเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้ว มนุษย์ไม่เหมือนกับสิ่งมีชีวิตชนิดใดที่เคยมีมา สิ่งที่ทำให้เราแตกต่างคือปัญญา ความสงสัยใคร่รู้ ความสามารถในการตั้งคำถาม และความพยายามในการค้นหาคำตอบ...เรามองขึ้นไปบนฟ้ากว้าง จ้องเข้าไปในอวกาศอันลึกลับ แล้ววันหนึ่งเราก็ติดปีกโบยบินขึ้นไปเพื่อค้นหาคำตอบ ค้นหาความหมายให้กับตนเอง ...และความก้าวหน้าที่เกิดขึ้นมาทั้งหมดนั้น ก็คือตัวตนของมนุษย์อย่างพวกเรา แววตาของเนวิยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม คุณรู้จักโรคในสมัยโบราณที่เรียกว่า มะเร็ง หรือเปล่า คีย์พยักหน้า ความสนใจในประวัติศาสตร์ทำให้เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับมันมาบ้าง เขารู้ว่ามันเกิดขึ้นจากความผิดปกติของการแบ่งเซลภายในร่างกายที่หลุดออกจากการควบคุม อีกทั้งเซลที่ผิดปกติเหล่านี้ยังสามารถแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย เกาะกิน และเติบโตได้อย่างอิสระ จนกระทั่งเจ้าของร่างต้องพ่ายแพ้ต่อเซลผิดปกติของตนเองในที่สุด ถ้าอย่างนั้นก็คุยกันง่ายหน่อย น่าเสียดายที่ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการรักษาโรคชนิดนี้กลับสูญหายไปจนหมด หรือไม่เขาก็ยังค้นไม่พบเอง แต่ในปัจจุบันนี้ไม่มีรายงานเกี่ยวกับโรคชนิดนี้แล้ว นั่นหมายความว่า มันอาจเป็นโรคอีกชนิดหนึ่งที่มนุษย์ได้ทุ่มเทปัญญา จนสามารถกำจัดให้สูญสิ้นไปได้ในที่สุด ถ้าโลกใบนี้คือสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดใหญ่ ผืนแผ่นดินคือโครงกระดูก ท้องทะเลคือเลือด ชั้นบรรยากาศคือปอด ทุกสิ่งทุกอย่างคือองค์ประกอบของร่างกายขนาดยักษ์ สิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลกใบนี้ก็คงเหมือนกับเซลภายในร่างกายนั่นเอง เซลชนิดต่างๆ มีการวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ เซลหลายชนิดสูญพันธุ์ไป ก่อนที่จะมีเซลชนิดใหม่ๆ มาแทนที่ จนกระทั่งวันหนึ่งก็เกิดมีเซลชนิดพิเศษที่เรียกว่า มนุษย์ ขึ้นมาบนโลกใบนี้ หญิงสวมหน้ากากหันไปอีกทางหนึ่ง ทอดสายตามองไปยังที่แสนไกล คล้ายกับกำลังคิดถึงความหลัง ...แล้วสิ่งที่เซลชนิดพิเศษทำกับโลกคือสิ่งใดกัน พวกเราใช้สติปัญญาอันสูงล้ำเหนือปกติเพื่อตอบสนองความต้องการของตนเอง พวกเราไร้การควบคุม แพร่กระจาย เกาะกินโลกใบนี้ เจาะเข้าไปในไขกระดูก ดื่มกินเลือดอย่างหิวกระหาย ยึดครองทุกสิ่งโดยไม่ใส่ใจในสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆ ที่อยู่ร่วมกันบนดาวดวงนี้ ทั้งสองประสานสายตากัน พวกเราก็เปรียบเหมือนกับเซลมะเร็งของโลกใบนี้ แพร่กระจาย กัดกิน และทำลายบ้านเพียงหลังเดียวที่พวกเรามีอยู่ในจักรวาลอันกว้างใหญ่... เขาเน้นย้ำคำพูดอย่างหนักแน่น ...และนั่นทำให้พวกเราทั้งหมดตกอยู่ในสภาพอย่างที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ โลกใบนี้กำลังจะตายลงด้วยน้ำมือของพวกเราเอง แต่คนเมืองอย่างพวกคุณก็ยังไม่รู้ตัว พวกคุณยังคงเย่อหยิ่ง ยังคงคิดว่าสติปัญญา กับเทคโนโลยีที่เคยเกือบทำลายโลกใบนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง คือคำตอบสำหรับทุกสิ่ง แต่พวกคุณก็ยังต้องพึ่งพาเทคโนโลยีเหล่านั้นอยู่เช่นกัน คีย์อดตอบโต้ออกไปไม่ได้ เขารู้ว่าที่เนวิพูดออกมานั้นก็มีส่วนถูก แต่ 'มันไม่ใช่แบบนั้น' ถ้าหนทางที่ถูกต้องคือการที่มนุษย์ไม่ควรต่างไปจากสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆ เป็นเพียงสัตว์อีกชนิดหนึ่งบนโลกใบนี้เท่านั้น 'มันไม่ควรเป็นแบบนั้น' ...พอเถอะ หญิงสวมหน้ากากเอ่ยขึ้น เนวิหันไปมองเธอ เขาเม้มปาก ก่อนจะเอ่ยขึ้นในที่สุด ...พวกเรามาถึงจุดหมายแล้ว เขาเอื้อมมือออกไปผลักประตูเบื้องหน้าให้เปิดออก ภายในห้องนั้นสว่างขึ้นโดยทันที ห้องเล็กๆ ที่คุ้นตาปรากฏขึ้นต่อหน้าคีย์อีกครั้ง ที่โดดเด่นที่สุดในนี้ยังคงเป็นเครื่องมือที่ประกอบด้วยโลหะ กับกระจก ที่มีรูปร่างเหมือนกับโลงศพนั่นเอง เขาเดินตรงไปยังเครื่องมือนั้นโดยไม่รอช้า ก่อนหยุดยืนนิ่งที่ด้านข้างของแผงควบคุม ขอจักรวาลจงคุ้มครองคุณ หลังจากนั้นเขาจึงเรียกให้คีย์ขึ้นมายืนอยู่อีกด้านหนึ่งของแผงควบคุมนั้น พร้อมกับชี้ให้ดูตัวอักษร 'ผนึก' ที่กำลังกระพริบอยู่ นั่นหมายความว่ายังไม่มีใครมายุ่งกับมันจนถึงตอนนี้ เขายื่นมือไปยังแผงควบคุม นิ้วทั้งห้าเคลื่อนไปมาอย่างรวดเร็ว ช่องเล็กๆ ที่ด้านข้างของโลงโลหะ ใกล้ๆ กับแผงควบคุมนั้นเปิดออก แม้ยังมองไม่เห็นถนัดตา แต่คีย์ก็เชื่อว่าภายในนั้นต้องเป็นเพชรที่ถูกสร้างขึ้นมาจากเถ้าถ่านของ จันทร์ ดุริยดารา บิดาของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย หลังจากนั้นเนวิก็หลบไปยืนอยู่ทางด้านข้าง พร้อมกับผายมือเชื้อเชิญให้เจ้าของที่แท้จริงเป็นผู้หยิบเพชรเม็ดนั้นออกมาด้วยตนเอง นั่นเป็นประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า จะไม่มีการสับเปลี่ยนเพชรเกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด คีย์ค่อยๆ เอื้อมมือลงไปหยิบสิ่งของเล็กๆ ที่อยู่ภายในช่องนั้นออกมา ไม่น่าเชื่อว่าเขาต้องฝ่าฟันสิ่งต่างๆ มากมายกว่าจะมาถึงตรงนี้ได้ เขาจ้องมองดูผลึกสีเหลืองสุกใสในมือ มันดูธรรมดาจนเกินไป เหมือนกับหินสวยๆ ก้อนหนึ่งเท่านั้น และมันทำให้เขารู้สึกสับสน 'จะดั้นด้นมาเอามันไปเพื่ออะไรกันนะ' ...ดูเหมือนหน้าที่ของฉันจะจบลงแล้ว หญิงสวมหน้ากากพูดขึ้น คีย์จึงละสายตาจากผลึกหินในมือไปหาเธอ ในขณะที่เนวิยืนดูอยู่เงียบๆ เอ่อ ขอบคุณมากครับ ที่ช่วยพาผมมาส่งถึงที่นี่ แล้ว...แล้วคุณจะเดินทางไปไหนต่อครับ ตัวเขาเองนั้นยังไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อไป แต่ถ้าหากหญิงลึกลับผู้นี้จะเดินทางต่อไปยังเมืองอื่นที่อยู่ใกล้ๆ เขาอาจจะขอร่วมทางไปกับเธอด้วย เพราะดูเหมือนว่าการอยู่ในศาสนจักรต่อไปคงไม่ทำให้เขาเข้าใกล้ดวงจันทร์ได้ เราคงต้องจากกันเพียงแค่นี้...แต่ก่อนไป ฉันยังมีเรื่องที่ต้องสะสางเสียก่อน อะไรบางอย่างในตัว บอกเขาในทันทีว่า ต้องระมัดระวังแล้ว ซูฟีได้จ่ายค่าตอบแทนในส่วนของเขามาแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเธอจะยังนะ ...คุณหมายความว่า...ไม่ ทั้งหมดนี้เป็นคำขอร้องของซูฟีเท่านั้น และเขาได้ทำตามคำขอของคุณ จัดการกับเนื้อพวกนั้นไปแล้ว...มันไม่เกี่ยวกับผมอีก เขากำเพชรสีเหลืองในมือจนแน่นอย่างลืมตัว หัวใจเต้นแรง เหงื่อไหลซึมออกมา 'ไม่นะ ไม่นะ' เธอยังไม่เข้าใจกฏของพวกเราจริงๆ สิ่งที่ฉันทำนี้เป็นประโยชน์ทั้งกับซูฟี และตัวเธอ ดังนั้นฉันควรได้รับการตอบแทนจากทั้งสองฝ่าย ...แต่ แต่ ซูฟียังคงติดค้างผม เขามาส่งผมไม่ได้ แต่เขาได้ไอพีเป็นค่าตอบแทนไปแล้ว และคุณเข้ามารับช่วงงานนั้นแทน ดังนั้นผมจึงไม่จำเป็นต้องตอบแทนคุณเพิ่มอีก ในตอนนั้นพวกเราทั้งสามฝ่ายต่างยอมรับ เธอเองก็ไม่ได้ทักท้วง ดังนั้นมันจึงไม่ใช่ปัญหาของฉัน และในเมื่อพวกเราไม่ได้ตกลงกันเอาไว้ก่อน ดังนั้นฉันจะเลือกสิ่งที่ต้องการจากเธอเอง เขาหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ ความรู้สึกนั้นรุนแรงยิ่งกว่าตอนที่เกิดกับซูฟีเสียอีก 'เธอบอกเล่าเรื่องราวพวกนั้นให้ฟัง แต่ก็ยังตั้งใจที่จะหลอกอีก' ไม่ ผมไม่ยอมให้เพชรเม็ดนี้กับคุณเด็ดขาด เธอฉลาดพอที่จะรู้ว่าฉันต้องการอะไร แต่ไม่ฉลาดเลยที่พูดออกมาอย่างนั้น ผมไม่ยอม เขาตะโกนเสียงดัง นั่นหมายความว่า เธอพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับฉัน และตัดสินกันตามวิถีของผู้พเนจร ผมไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นระหว่างพวกคุณทั้งสอง... เนวิที่พูดแทรกขึ้นมา หันมาหาคีย์ ...แต่การต่อสู้กับผู้อาวุโสก็ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตาย และหากตายไปแล้ว ไม่ว่าอะไรก็ไม่สำคัญอีกต่อไป ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพชรที่มีอยู่เพียงเม็ดเดียวในโลกก็ตาม คำพูดที่มีเหตุผลนี้ก็ไม่อาจดับความโกรธที่อัดแน่นอยู่ภายในอกของเขาได้ มาเลย ผมจะสู้กับ... เขาไม่ได้กระพริบตา แต่ร่างของหญิงสวมหน้ากากที่เคยยืนอยู่ตรงหน้าได้หายไปแล้ว ไม่เพียงแค่นั้น ทุกสิ่งที่เคยอยู่รอบกายเขาก็หายไปด้วย เสียงทั้งหมดเงียบไป ภาพของสิ่งต่างๆ แสงสว่างดับวูบ เขายังไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่าสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่นี้ คือความเป็นจริงที่จะเกิดกับสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ความเป็นจริงที่ไม่มีใครหนีพ้น ความตายอันเที่ยงแท้ ความตายที่เงียบงัน เนวิสูดลมหายใจอย่างหนาวเหน็บ เขาเคยได้ยินคำเล่าลือมากมายเกี่ยวกับผู้อาวุโส และพลังฝีมือของพวกเขา แต่ไม่มีคำอธิบายใดที่ใกล้เคียงกับสิ่งที่เขาพึ่งได้พบเห็นนี้เลย มันรวดเร็ว เรียบง่าย จนคาดไม่ถึง เธอเข้าประชิดร่างเขาราวกับหายตัวได้ มือข้างหนึ่งวางทาบอยู่บนหน้าอกของเป้าหมาย สมองของเนวิยังไม่ทันบอกได้ว่าเธอใช้มือขวา หรือมือซ้ายจู่โจม ทุกอย่างก็สิ้นสุดลงแล้ว ทั้งหัวใจ และลมหายใจ ของคีย์ถูกหยุดลงพร้อมๆ กัน เขาล้มหงายไปทางด้านหลัง ราวกับหุ่นเชิดที่ถูกตัดสายโยงทั้งหมดออกพร้อมๆ กัน เธอก้มลงหยิบเพชรสีเหลืองออกมาจากมือของคีย์ สิ่งที่ก่อนหน้านี้เขายังกำเอาไว้อย่างแนบแน่น แต่มันก็แค่นั้น กว่าที่หลายคนจะล่วงรู้ถึงความจริงง่ายๆ ในข้อนี้ ก็มักจะสายเกินไปเสมอ เธอเดินจากไปราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่จุดหมายของเธอทำให้เนวิต้องขมวดคิ้ว 'ลานจอดรถ เธอจะไปทำอะไรที่นั่น' มีเพียงคนเมืองเท่านั้นที่สามารถใช้รถได้ และผู้อาวุโสอย่างเธอก็ไม่มีทางที่จะเกี่ยวข้องกับคนเหล่านั้น 'หรือว่า' ถึงแม้ว่าเขาอยากจะหยุดเธอเอาไว้ อยากสอบถามความจริงจากเธอ และที่สำคัญ เขาอยากรู้ว่าเพชรเม็ดนั้นมีความเกี่ยวข้องอย่างไร กับเหตุวุ่นวายขนานใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้นกับสำนักวิทยาศาสตร์ในตอนนี้ แต่ร่างของคีย์ที่นอนแน่นิ่งอยู่ตรงหน้าเป็นสิ่งเตือนใจได้เป็นอย่างดี เขาจึงทำได้แค่ปล่อยให้เธอเดินจากไป เราคงปล่อยให้เธอจากไปแบบนี้ไม่ได้ เมื่อผ่านเข้าสู่ลานจอดรถ หญิงสวมหน้ากากก็ต้องเผชิญหน้ากับคนที่คาดไม่ถึง เด็กหญิงผมดำที่มีดวงตากลมโตกำลังยืนรออยู่ แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ค่อยแปลกใจนัก จะให้เรียกท่านอย่างไรดี แพรดาว หรือควรเป็นจักรวาลตารจะเหมาะสมกว่า เด็กหญิงยิ้ม เช่นกันเราควรจะเรียกเธอว่าผู้อาวุโส หรือควรเป็น ทริก จะเหมาะสมกว่า รอยยิ้มที่เคยอยู่เบื้องหลังหน้ากากสลายหายไปทันที เธอปลดหน้ากากลงมา และใบหน้าที่เห็นก็คือทริกคนนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย แต่รูปร่างของเธอเปลี่ยนแปลงไปได้อย่างไรในช่วงระยะเวลาเพียงสั้นๆ จากร่างกายที่เคยอวบอัด กลับกลายเป็นร่างที่เหมือนกับเด็กหญิงเล็กๆ คนหนึ่งเท่านั้น ท่านกล้าเผชิญหน้ากับผู้อาวุโส หรือเธอกล้าลงมือกับเรา เหงื่อเม็ดใสๆ ค่อยๆ ผุดขึ้นจนเต็มแผ่นหลัง จักรวาลตารเพียงยืนสงบนิ่งอยู่ตรงหน้า แต่เธอกลับรู้สึกว่าไม่อาจลงมือได้ ภายใต้ดวงตากลมโตสีดำสนิทคู่นั้น มีพลังบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้แผ่ออกมา แต่เธอไม่อาจเสียเวลาอีกต่อไปแล้ว เธอต้องรีบนำเพชรเม็ดนี้กลับไปโดยเร็ว ...คีย์ยังนอนรอความตายอยู่ในห้องข้างๆ นี้ แต่หากปล่อยไว้นานกว่านี้ เขาคงต้องตายอย่างแน่นอน พลังกดดันลึกลับจากเด็กหญิงไม่สั่นไหวเลยแม้แต่น้อย ...การที่ท่านชักนำเขาไปพบก่อนหน้านี้ คงต้องมีความสำคัญบางอย่าง พลังกดดันยังคงแน่วแน่ แต่แล้วอยู่ๆ มันก็หายไป ราวกับไม่เคยมีอยู่มาก่อน เด็กหญิงถอนใจก่อนเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรอีก ทริกเองก็เร่งรุดไปยังรถคันหนึ่งที่จอดอยู่ใกล้ที่สุด ก่อนมุดเข้าไปอย่างรวดเร็ว ประตูลานจอดเปิดออก แล้วรถคันนั้นก็พุ่งหายออกไปในท้องฟ้าขมุกขมัว
##### พวกนั้นเจาะผ่านระบบป้องกันชั้นแรกของเราได้แล้วค่ะ เสียงของทรีดเรียกความสนใจของไอรอนให้กลับมาสู่สถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ ความหมายในคำพูดนั้นค่อยๆ ซึมเข้าสู่ความเข้าใจของเธอ ...เป็นไปไม่ได้ แฮกเกอร์ระดับนั้นไม่มีทางเจาะระบบของเราได้แน่ แต่มันเป็นเรื่องจริงค่ะท่าน ไอรอนรีบดึงข้อมูลจากทรีดมาดูเองโดยละเอียดอีกครั้ง และเธอต้องยอมรับว่าระบบป้องกันที่เธอเคยภาคภูมิใจนั้น ถูกเจาะเข้ามาได้แล้วจริงๆ แต่ไม่ใช่ในแบบที่ทรีดเข้าใจ เจ้าแฮกเกอร์คนนี้ไม่ได้อยู่ในสำนักงาน...มันเจาะเข้ามาจากข้างนอกได้อย่างไรกัน ไอรอนเผลอกัดริมฝีปากตนเองอีกครั้ง ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะไม่เป็นไปตามที่เธอต้องการเลย
Create Date : 08 มกราคม 2555 |
Last Update : 8 มกราคม 2555 20:36:45 น. |
|
0 comments
|
Counter : 551 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|