ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2555
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
26272829 
 
20 กุมภาพันธ์ 2555
 
All Blogs
 
เพลงดวงดาว ตอนที่ 21

นับตั้งแต่ ไอมานเด้ รอนโนวิช เข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักวิทยาศาสตร์ เธอก็แทบไม่เคยก้าวเท้าออกจากสภานวโลกาอีกเลย ครั้งนี้นับเป็นข้อยกเว้น และเธอก็ได้แต่รู้สึกเจ็บใจ ที่นำพาตัวเองมาตกอยู่ในอันตราย นำชีวิตอันแสนมีค่าของเธอ มาติดอยู่ท่ามกลางวงล้อมของผู้พเนจร

ทีมเจ้าหน้าที่พิเศษซึ่งเคยทำให้เธอภาคภูมิใจ ได้ต่อสู้อย่างสุดกำลัง แต่ก็ไม่สามารถต้านทานการจู่โจมอย่างดุดันของผู้พเนจรเหล่านี้ได้ ในห้วงเวลาแห่งความเป็นความตาย เมื่อเธอรู้สึกว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตกำลังจะจบสิ้นลง เด็กสาวคนหนึ่งก็ก้าวเข้ามา

นั่นเป็นครั้งแรกที่เธอได้พบเห็นวิชาการต่อสู้ด้วยมือเปล่าอันยอดเยี่ยม และงดงามเช่นนี้ เธอได้เห็นพลังทำลายของคู่ต่อสู้ซึ่งมีร่างกายกำยำสูงใหญ่ที่พุ่งเข้าใส่เด็กสาวร่างแบบบาง ถูกดึงดูดไปด้วยการร่ายรำของแขน และมือ ร่วมกับวิธีการก้าวเท้าอย่างแยบคาย

วงกลมใหญ่น้อยถูกเด็กสาววาดขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน ภายใต้วงเหล่านี้ พลังทำลายทั้งหมดจะถูกชักนำให้เคลื่อนไปสู่ทิศทางแห่งหายนะ พวกเขาต่างเสียหลัก ซวนเซ บางคนถึงกับล้มลงโดยไม่รู้ตัว พวกเขาต่างถูกทำร้ายด้วยพลังทำลายของตัวเองทั้งสิ้น

เมื่อพวกเขาเริ่มลังเลที่จะจู่โจม นั่นจึงเป็นเวลาที่เด็กสาวเปลี่ยนท่วงทำนองของตนเอง วงกลมทั้งหมดสูญสลายไป เหลือเพียงเส้นตรงที่เกิดจากการขีดวาดด้วยหมัดเท้า พลังทำลายที่รุนแรงถูกปลดปล่อยออกมา ความแข็งแกร่งขององค์ประกอบสำคัญในร่างกายมนุษย์ทั้ง กระดูก และกล้ามเนื้อ ถูกนำออกมาใช้อย่างเต็มที่

การต่อสู้ดำเนินไป จากวงกลมเป็นเส้นตรง จากเส้นตรงเป็นวงกลม จนบางครั้งพวกเขาก็แยกไม่ออกว่ามันเป็นวงกลม หรือเส้นตรงกันแน่

ไอรอนไม่เคยรู้จักวิชาการต่อสู้ เธอจึงไม่รู้ว่าตามปกติแล้วมวยอ่อน และมวยแข็งนั้น จะถูกแยกออกจากกัน วิชาการต่อสู้แขนงหนึ่งแขนงใด มักเลือกเดินไปในเส้นทางเพียงสายเดียวเท่านั้น แต่เด็กสาวกลับสามารถผสมผสานใช้ทั้งสองสายออกมาได้อย่างไม่ติดขัด แม้แต่ในหมู่ผู้พเนจรที่เยี่ยมยุทธ ก็ไม่เคยมีใครรู้จักเพลงมวยแบบนี้มาก่อน

“...เฉินลี”

ชายหนุ่มซึ่งเป็นหัวหน้าของผู้พเนจรกลุ่มนี้รำพึงออกมา เฉินลี ตำนานที่เดินได้ เป็นหนึ่งในผู้อาวุโส มีคำเล่าลือกันว่าเพลงมวยของเขาเลิศล้ำพิสดารเป็นที่สุด บางทีมันอาจเป็นเพลงมวยที่ผสมผสานทั้งสองสายเข้าด้วยกัน จนเกิดเป็นความสมดุล อย่างที่เด็กสาวคนนี้กำลังร่ายรำอยู่ก็เป็นได้ แต่เขาเป็นผู้ชาย ทุกคนต่างมั่นใจในเรื่องนั้น

เขายกมือขึ้นเป็นเครื่องหมายให้ทุกคนหยุดการต่อสู้ลงชั่วคราว ก่อนเอ่ยถาม

“...เธอ...เป็นลูกศิษย์ของท่านผู้อาวุโสเฉินลีใช่หรือไม่”

หลายคนตกใจกับคำถามของเขา ไม่มีใครเคยได้ยินมาก่อน ว่าสัตว์ประหลาดผู้นั้นได้ถ่ายทอดเพลงมวยลึกลับของตนให้กับผู้ใด แต่เมื่อพบเจอกับหลักฐานที่สามารถรับรู้ได้ด้วยร่างกายของตนเอง ทั้งหมดจึงไม่อาจปฏิเสธความเป็นไปได้นี้

“...เฉิน...ลี...”

เด็กสาวพึมพำสองคำนั้นออกมาเบาๆ มันให้ความรู้สึกที่แปลกประหลาดกับริมฝีปากน้อยๆ เธอไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน แต่แผ่นหลังกว้างใหญ่ของชายที่คอยเฝ้าดูการต่อสู้ดิ้นรนในเสี้ยวชีวิตหนึ่งของพวกเธอ ปรากฏชัดขึ้นในห้วงความทรงจำ แผ่นหลังที่กว้างใหญ่ แผ่นหลังที่เธอไม่มีวันจะข้ามพ้นไปได้ 'จะเป็นอย่างนั้นจริงหรือ' นั่นเป็นครั้งแรกที่เธอเกิดความสงสัยเช่นนี้

เด็กสาวพยักหน้า แม้จะยังไม่แน่ใจ แต่เธอคิดว่ามันอาจจะทำให้ทุกอย่างจบลงโดยเร็ว เธอไม่อยากใช้ฝีมือที่แท้จริงออกมา ไม่มีเหตุผลที่ต้องฆ่าคนเหล่านี้ แต่เธอมีธุระเร่งด่วนกับผู้หญิงคนเมือง และการยื่นมือเข้าช่วยเหลือ คงทำให้การพูดคุยต่างๆ ง่ายดายยิ่งขึ้น

เป็นไปตามคาด ผู้พเนจรเหล่านั้นยินยอมล่าถอยกลับไปในที่สุด พวกเขาหลายคนถูกประคอง มีอยู่คนหนึ่งถึงกับต้องถูกหาม ซึ่งนับเป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจของผู้เป็นหัวหน้า

“ขอบใจมาก ไม่รู้ว่าฉันจะตอบแทนเธอได้อย่างไร”

เด็กสาวไม่อ้อมค้อมให้เสียเวลา เธอบอกเล่าความต้องการของตนออกไป ไอรอนจึงได้พบกับร่างน้อยๆ ที่หลบซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่มเป็นครั้งแรก เด็กสาวตัวเล็กที่นอนอยู่ตรงปากประตูของโลกแห่งความตาย สิ่งเดียวที่ทำให้เธอยังคงรอดอยู่ได้ ก็คือความมุ่งมั่นตั้งใจเด็ดเดี่ยวที่จะมีชีวิตต่อไปเท่านั้น

ไอรอนตรวจดูร่างกายที่ลีบเล็กของเธอ แทบไม่อยากเชื่อเลยว่า เจ้าของร่างนี้จะมีอายุเท่ากับที่พี่สาวของเธอบอกไว้ แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงพลังชีวิตที่เข้มแข็งเหนือธรรมดา 'อาจยังพอมีทางช่วย' แน่นอนว่าคนอย่างเธอย่อมไม่ยอมเสียเปรียบ ถึงแม้ว่าจะเป็นฝ่ายที่ติดค้างเด็กสาวคนนี้ แต่การลงทุนทุกอย่างย่อมต้องมีผลตอบแทน

“ถ้าฉันช่วยน้องสาวของเธอได้สำเร็จ เธอต้องมาอยู่เคียงข้าง คอยปกป้องคุ้มครองชีวิตให้กับฉัน”

เด็กสาวรู้ถึงสภาพร่างกายของน้องมาเนิ่นนานแล้ว แต่ตอนนี้ความตายนั้นชัดเจนมาก เหมือนกับเธอจะจากไปได้ในทุกเวลา ไม่มีหนทางรักษาอื่นใดเหลืออยู่อีกแล้ว เธอจึงคิดฝากความหวังสุดท้ายไว้กับคนเมือง เมื่อได้ข่าวว่าจะมีคนสำคัญเดินทางออกมายังบริเวณนี้ เธอจึงรีบออกค้นหา และได้พบเหตุการณ์นี้เข้าพอดี

เธอแทบไม่ต้องขบคิด ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่จะสำคัญไปกว่าน้องสาวคนนี้อีกแล้ว น้องสาวที่เธอรัก น้องสาวที่เป็นอีกครึ่งหนึ่งของชีวิต น้องสาวที่เป็นโลกทั้งหมดของเธอ

“ตกลง ฉันสัญญา...”

แต่หากเป็นไปตามนี้ ย่อมหมายความว่า เธอจะต้องถูกขังอยู่ภายในเมือง อยู่กับผู้หญิงคนนี้ ไม่อาจมีชีวิตอิสระได้อีกต่อไป แผ่นหลังของผู้ชายที่เธอจะไม่มีวันลืมเลือน ปรากฏขึ้นในห้วงความคิดอีกครั้ง พร้อมกับคำพูดสุดท้ายนั้น 'เวลาแห่งทุ่งดอกไม้มาถึงแล้ว'

เขาคงไม่มีวันได้พบเจอกับทุ่งดอกไม้ของเขา เธอพึ่งเข้าใจมัน พึ่งเข้าใจในความโดดเดี่ยว และความเศร้าของชายคนนั้น

“...แต่ฉันขอเวลา...หนึ่งปี หนึ่งปีเพื่อจัดการเรื่องหนึ่งให้เรียบร้อยเสียก่อน”

ไอรอนจ้องมองดวงตาคู่นั้น เมื่อครู่นี้ในสายตาของเธอยังคงมีเพียงน้องสาว แต่ตอนนี้มันต่างออกไป เธอกำลังมองดูใครอีกคน ที่อยู่ในความทรงจำกันแน่

“ตกลง ในระหว่างนั้นน้องสาวของเธอต้องมีชีวิตรอด และฉันจะหาวิธีฟื้นฟูร่างกายนี้ให้ด้วย”

'หากได้ผู้ช่วยฝีมือดีอีกคนหนึ่งเป็นของแถม ย่อมต้องดียิ่งกว่า' นั่นคือความตั้งใจที่แท้จริงของเธอ

“อ้อ ฉันยังไม่ได้แนะนำตัวเองเลย ฉันคือ ไอรอน ผู้อำนวยการสำนักวิทยาศาสตร์”

“เรียกฉันว่า...ทรีด ส่วนน้องของฉัน เรียกว่า ทริก”

นั่นเป็นครั้งแรกที่ทั้งสามคนได้พบเจอกัน ไอรอนค้นหาวิธีการรักษาทริกได้สำเร็จตามที่ลั่นวาจาเอาไว้ ชุดกล้ามเนื้อเทียมที่เธอสวมใส่อยู่เป็นประจำ มีไว้เพื่อใช้ควบคุมอาการป่วยของเธอ ก่อนที่จะถูกปรับปรุงให้มีพลังเพิ่มมากขึ้นในภายหลัง

เมื่อเคลื่อนไหวร่างกายได้ สิ่งแรกที่เธอทำ คือการมุ่งมั่นฝึกฝน ก้าวเดินไปตามเส้นทางเดียวกับพี่สาว ซึ่งการฝึกของเฉินลีที่ผ่านมา ยังคงฝังแน่นอยู่ในความทรงจำของเธอ

คำสัญญา หน้าที่ ความข้องเกี่ยวที่ซับซ้อน ก็เริ่มต้นขึ้นนับตั้งแต่นั้น

#####

ทุกคนในที่นั้นต่างงงงัน ทรีดคือคนที่คอยอยู่ข้างกายไอรอนเสมอมา ในขณะที่ทริกเป็นดั่ง กำปั้น เธอก็เป็นเหมือนกับสมอง ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน แม้แต่โนอา จนกระทั่งถึงตอนนี้ ตอนที่ทั้งสองได้มายืนเผชิญหน้ากัน ว่าเธอต่างหากที่เป็นผู้คุ้มครองตัวจริง เป็นกำปั้นเหล็กที่ถูกไอรอนซุกเก็บเอาไว้เพื่อใช้เป็นไม้ตาย

ความกดดันที่เกิดขึ้น เหนือล้ำกว่าการต่อสู้ที่ผ่านมาอีกขั้นหนึ่ง รอยยิ้มของเขาเมื่อครู่นี้สลายหายไปแล้ว เขาวางมือลงบนด้ามของมาสะมุเนะ แต่ยังคงไม่ชักออกมา เขาคิดอาศัยช่วงจังหวะแห่งความเปลี่ยนแปลง ช่วงเวลาที่ดาบเคลื่อนออกจากฝัก ช่วงที่ความคมของมันกำลังจะเปิดเผยตัว ในการจู่โจม

ดวงตาของทรีดสงบนิ่งอย่างประหลาด ไม่มีความกังวลใดๆ เหมือนกับไม่ใส่ใจในการต่อสู้ที่กำลังจะเกิดขึ้น เธอเพียงยืนนิ่ง ไม่แม้แต่จะตั้งท่าเตรียมพร้อม แต่ความกดดันที่เข้มข้นยังคงถูกถ่ายทอดออกมาอย่างต่อเนื่อง

มือของเขาแห้งสนิท ไม่สั่น และยังมั่นคง มันเป็นมือที่ยอดเยี่ยมในการจับดาบอย่างไม่ต้องสงสัย พอสมองสั่งการ มือข้างนั้นก็ตอบสนอง จากการฝึกฝนทุ่มเท การตอบสนองนั้นจึงยิ่งรวดเร็ว ยิ่งเฉียบคม ร่างของเขาพุ่งออกไป ความมุ่งมั่นถูกถ่ายทอดลงสู่ดาบในมือ

ดาบเคลื่อนออกมา แต่กลับถูกหยุดเอาไว้ในตอนที่เหลืออีกเพียงเล็กน้อยก็จะพ้นออกจากฝัก มือที่นุ่มนิ่มอบอุ่นข้างหนึ่งได้ยื่นมาหยุดมือของเขาเอาไว้ เขาไม่รู้ว่าเธอเคลื่อนกายเข้ามาใกล้ในชั่วพริบตาได้อย่างไร แต่มันทำให้ความมุ่งมั่นของเขาไม่อาจพุ่งทะยานต่อไปได้

ทุกเสี้ยววินาทีที่ผ่านไป ความแหลมคมของเขาก็จะยิ่งอ่อนโทรมลง เขาตัดสินใจบิดกาย ในเมื่อดาบเคลื่อนต่อไปไม่ได้ เขาจึงถอยฝักของมันแทน มืออีกข้างเคลื่อนมาปัดมือของเธอให้พ้นห่าง พร้อมทั้งตวัดคมดาบฟันสวนขึ้นไป แต่มันตัดได้เพียงเงาร่างของเธอเท่านั้น

เขาเปลี่ยนเป็นจับดาบด้วยสองมือ ยกชูขึ้นในระดับหัวไหล่ เหมือนกับในวันแรกที่เขาฟันเข้าใส่มุซาชิ และเหมือนกับในวันนั้น วันสุดท้ายที่เขาฟันเข้าใส่มุซาชิ

'ไม่สงสัย ไม่ลังเล' สมองกับมือของเขาทำงานร่วมกัน จนไม่อาจบอกได้ว่า สมองสั่งการก่อน มือจึงเริ่มเคลื่อนไหว พวกมันหลอมรวมกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน

#####

หญิงสาวออกค้นหาไปทั่ว แต่เธอก็ยังไม่พบเจอกับแผ่นหลังที่ฝังแน่นอยู่ในความทรงจำ เธอเดินทาง ฝึกฝน ต่อสู้ เรียนรู้ และเธอก็เข้าใจ เธอเก่งกาจขึ้นยิ่งกว่าเดิม

เวลาผ่านไปอย่างไม่รั้งรอ ไม่ว่าใครจะมีความจำเป็นเช่นไร เวลาก็ไม่เคยใส่ใจ มันยังคงเดินต่อไปไม่หยุดยั้ง แต่เธอไม่รู้สึกกระวนกระวายเลยแม้แต่น้อย ในส่วนลึกของเธอยังคงมีความมั่นใจ ว่าในที่สุดแล้ว จะได้พบเจอกับชายผู้นั้นอีกครั้ง

ในที่สุด รุ่งเช้าวันสุดท้ายของระยะเวลาหนึ่งปีที่ได้ให้คำสัญญาเอาไว้ก็มาถึง มันเป็นเช้าที่ขมุกขมัวเหมือนกับทุกวันที่ผ่านมา และจะผ่านไป ยกเว้นเพียงเงาร่างของใครคนหนึ่ง เงาที่แสนคุ้นตา เขายืนหันหลัง เหมือนกับที่เคยชอบทำเป็นประจำ หันหลังให้กับผู้คนทั้งโลก ไม่ใส่ใจผู้ใดทั้งสิ้น

“...เฉินลี”

เธอเอ่ยชื่อนั้นออกมาโดยไม่มีคำว่าผู้อาวุโส

“คุณรู้ได้อย่างไร ว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว”

เขาส่ายหน้าช้าๆ 'ถูกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นวันไหน เวลาใด ก็ไม่สำคัญ' เพราะในที่สุดเราสองคนก็ได้พบกัน แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว เขายังคงไม่หันหน้ากลับมา และเธอรู้ดีว่ามีอยู่เพียงวิธีเดียวเท่านั้นที่จะทำให้เขาสนใจได้

เธอยืนสงบนิ่ง เหมือนกับที่จะได้ทำอีกครั้งในอนาคตข้างหน้าซึ่งเธอยังไม่ล่วงรู้ เขาคล้ายถูกใครสะกิดเรียก จนในที่สุดก็เกิดความสนใจ ยอมหันหน้ามาหา รอยยิ้มกว้างผลิบานอยู่บนใบหน้า ที่แทบจะไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยสักนิด

หลังจากที่ต้องรอคอยมาเนิ่นนาน ทั้งสองคนก็ได้พบกัน

#####

โนอามองเห็นการเคลื่อนไหวของทรีดแล้ว ร่างของเธอพุ่งตรงเข้ามาหาเขา เข้าสู่ระยะของมาสะมุเนะ ขอเพียงเขาฟันดาบนี้ลงมา เธอก็จะถูกผ่าออกเป็นสองส่วนทันที

น่าแปลก ความคิดที่จะฟันกลับไม่ก่อเกิด มือของเขาก็ไม่ยอมเคลื่อนไหว แม้จะมองเห็นเป้าหมายอยู่ตรงหน้า แต่กลับไม่สามารถทำสิ่งใดได้เลย เขาไม่เคยพบเจอประสบการณ์แบบนี้มาก่อน คำอธิบายที่พอจะคิดออกมีเพียงประการเดียวเท่านั้น 'เธอเคลื่อนไหวได้เร็วกว่าความคิด' เธอเร็วเกินไปสำหรับเขา

มือของเธอยกขึ้นวางทาบที่หน้าอกของเขา อบอุ่นนุ่มนวล เหมือนสัมผัสของคนรัก คล้ายกับพลังชีวิตที่รุนแรงของเธอกำลังจะถูกถ่ายทอดออกมา

เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน เพลงมวยมิได้แบ่งแยกออกเป็น อ่อน กับ แข็ง เท่านั้น ยังแบ่งเป็น ภายนอก กับ ภายใน ด้วย เพลงมวยพิสดารของเฉินลีไม่เพียงผสมผสานอ่อนแข็งเข้าด้วยกัน แต่มันยังรวมถึงภายนอกกับภายใน

คิ คือพลังแห่งชีวิต เมื่อร่างกายมีการเคลื่อนไหวอย่างถูกต้อง เมื่อจิตกับกายผสานเป็นหนึ่งเดียวกัน ผู้นั้นจึงจะสามารถใช้มันออกได้ มีวิธีฝึกฝนการใช้ คิ ที่แตกต่างกันออกไป แต่สุดท้ายแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับตัวผู้ฝึกเองทั้งสิ้น

ความตายที่มารออยู่ตรงหน้า ทำให้เขาคิดดิ้นรนอีกครั้ง ความคิดก่อเกิด มือเริ่มเคลื่อนไหว ในที่สุดมาสะมุเนะก็เปล่งประกายขึ้นอีกครั้ง ความมุ่งมั่นทุ่มเท พลังชีวิตของเขาไหลเข้าสู่ตัวดาบ ทั้งหมดนี้ก็เป็นประสบการณ์ครั้งแรกของเขาเช่นกัน 'หรือว่าแม้แต่ในเพลงดาบเองก็มี คิ อยู่ด้วย'

คิ คือพลังแห่งชีวิต ในทุกชีวิตย่อมมีพลังเช่นนี้ไหลเวียนอยู่ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการกระทำในรูปแบบใด ขอเพียงกระทำได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ล้วนสามารถชักนำ คิ ออกมาใช้ได้ทั้งสิ้น

'ช้าไปแล้ว' เขาพึ่งเข้าใจ ถึงแม้ไม่อาจอธิบายมันออกมาเป็นคำพูดได้ แต่ความรู้สึกแบบนี้ 'ฉันพึ่งเข้าใจ' ที่แท้ ทุ่งดอกไม้ ที่มุซาชิหมายความถึง คือสิ่งนี้นั่นเอง ดาบนั้นเพียงแค่ฆ่าคนผู้หนึ่งไปเท่านั้น เขาไม่เคยเอาชนะคนผู้นั้นได้เลย จนกระทั่งถึงตอนนี้ เขาหลับตาลง

“การต่อสู้จบแล้ว”

เป็นเสียงที่อ่อนโยน มาสะมุเนะยังคงเปล่งประกายเจิดจ้า แต่ปราศจากเป้าหมายให้มันลงมือ เขาลดดาบลงช้าๆ มองดูคู่ต่อสู้ที่ยืนอยู่ต่อหน้าด้วยความเคารพ เธอคือหนึ่งในผู้อาวุโส เป็นผู้อาวุโสที่แท้จริง เขาก้มศีรษะให้ และเธอยิ้ม

“ทำไม”

“ไม่มีความจำเป็นต้องฆ่าคุณ”

“ผมเป็นศัตรูของไอรอน”

“งานชิ้นสุดท้ายสำเร็จ...สัญญาระหว่างเราสองคนสิ้นสุดลงแล้ว”

เขาพึ่งเข้าใจในเหตุผลที่ไอรอนยอมออกมาจากห้องทำงานของเธอเมื่อครู่นี้ เขาควรคิดได้ตั้งแต่แรกแล้ว ผู้หญิงคนนั้นไม่ยอมเสี่ยงอย่างไร้เหตุผล ทริกได้นำอะไรบางอย่างที่เธอต้องการกลับมา และตอนนี้เธอก็ได้มันไปครอบครองเรียบร้อยแล้ว ปัญหาของเธอถูกคลี่คลาย และเขาต้องพ่ายแพ้อีกครั้ง

“...คุณก็ควรฆ่าผมอยู่ดี นั่นจะช่วยกำจัดความวุ่นวายให้กับอดีตเจ้านายของคุณ”

เธอนิ่งเงียบไป

“ฉันสงสัย...การตัดสินใจของเธอในครั้งนี้...”

ดวงตาของเขาเปล่งประกาย

“...แต่ฉันบอกรายละเอียดกับคุณไม่ได้”

“คุณคิดว่าครั้งนี้ เธอทำผิดพลาด”

“ไม่...เธอตัดสินใจอย่างรอบคอบ ด้วยข้อมูลทั้งหมดที่มี เหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา...แต่ครั้งนี้ มีบางอย่างที่เธอยังไม่รู้ เธอพยายามแล้วแต่ยังไม่ได้คำตอบ และฉันคิดว่ามันมีความสำคัญมากกว่าที่เธอคาด”

'เธอควรใช้เวลาที่ยังเหลืออยู่ให้เต็มที่เสียก่อน ครั้งนี้เธอรีบร้อนเกินไป' เธอไม่อาจท้วงติงผู้หญิงคนนั้น เพราะถึงพูดไปก็ไม่มีประโยชน์ เธอรู้ดี

“คู่ต่อสู้แบบคุณ ยังมีความจำเป็นอยู่”

“สุดท้าย คุณก็ยังเป็นห่วงเธออยู่ดี แต่ผมยังไม่แพ้ แม้ปัญหาในครั้งนี้จะคลี่คลาย แต่ยังมีการต่อสู้ในสภารออยู่”

เธอยิ้ม ตาเป็นประกาย

“นั่นเป็นสิ่งที่ฉันหวังเอาไว้ คู่มือที่คู่ควรมีความจำเป็นสำหรับเธอ”

ในระหว่างที่ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไป กริมและคนอื่นๆ ได้ช่วยกันทำแผลเบื้องต้นให้กับทริกแล้ว แผลดาบนั้นแม้จะยาว แต่กลับไม่ลึกมากนัก แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของคนฟันได้เป็นอย่างดี เธอเข้าไปพยุงน้องสาวของตนให้ลุกขึ้นมา ท่ามกลางความแปลกใจของทุกคน

“เราสองพี่น้องเป็นผู้พเนจร ย่อมมีวิถีทางของพวกเราเอง ได้เวลาที่ต้องจากกันแล้ว”

“คุณจะรีบไปไหน ไม่อยู่รักษาบาดแผลของทริกให้หายดีเสียก่อน”

“...เวลาของเธอมาถึงแล้ว สัญญาระหว่างฉันกับไอรอนจึงจบลง”

ไม่มีใครเข้าใจความหมายในคำพูดของเธอได้ทั้งหมด เขาเองก็เช่นกัน เขาลังเลครู่หนึ่ง ก่อนล้วงหยิบหน้ากากหนังที่ได้รับจากมุซาชิออกมา

“...ผมคิดว่าสิ่งนี้ควรกลับคืนสู่มือของพวกคุณ”

เธอประคองน้องสาวเดินจากไปโดยไม่เหลียวหน้ากลับมา

“ไม่ มันเป็นของคุณ ของคุณคนเดียวเท่านั้น...และคุณรู้อยู่แล้ว จงอย่าสงสัยในตัวเองอีก เมื่อเวลามาถึง คุณจะส่งมอบมันต่อไปอย่างถูกต้อง”

ไอรอนให้พวกเธอใช้เส้นทางลับเพื่อออกสู่นอกเมืองได้เป็นกรณีพิเศษ แต่เธอไม่ต้องการ เธอประคองร่างน้องสาวเดินย้อนไปตามเส้นทางปกติ และก่อนที่เงาร่างของทั้งสองจะลับหายไปจากสายตา เธอก็ส่งเสียงกล่าวคำอำลาขึ้นอีกครั้ง

“ลาก่อน ท่านผู้อาวุโสโนอา”


Create Date : 20 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 20 กุมภาพันธ์ 2555 7:10:28 น. 0 comments
Counter : 520 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.