The Wedding: ครบรอบ 1 ปี รักนี้ที่ 2 โรงแรม
ชีวิตสมรสที่ดำเนินมาครบวาระในปีแรก บวกกับชีวิตคู่ที่ยังไม่มีห่วงมาผูกคอ มัดมือ มัดเท้า มัดเวลาให้ต้องไปเผื่อไว้กับห่วงนั้น มันก็ทำให้เราใช้เวลานี้ เวลาที่เต็มไปด้วยอิสระเสรีนิวฟรีด้อมด้วยกันอย่างไม่ต้องกังวลว่าจะต้องปกป้องเลือดเนื้อเชื้อไขที่อยู่เบื้องหลัง เราคงไม่มีเวลาแบบนี้นานนักหรอก ยังงี้แล้วเมื่อยังพอมีช่วงเวลาปลอดห่วงอยู่ ก็จงใช้มันเสียให้คุ้มค่า
หลังจากแต่งงานแล้ว ชีวิตสมรสของคนส่วนใหญ่น่าจะมีวันครบรอบแต่งงานที่ปราศจากลูกได้ไม่กี่ปีนัก เมื่อครบรอบแต่งงานปีแรก ชีวิตคู่ที่ความหวานมันเริ่มพร่องไปบ้างแล้ว จึงเป็นข้ออ้างที่ดีที่จะหาเวลาเติมความสดชื่นให้แก่กัน เพราะอย่างงี้แหละ โรงแรมที่คู่แต่งงานจัดงานแต่งงานมักจะมีบัตรกำนัลให้ไปรับประทานอาหาร หรือบัตรกำนัลที่พักโรงแรมในเครือเพื่อหวนระลึกวันสำคัญวันนั้น

 



เรามีงานเลี้ยงฉลองสมรสพระราชทานกันที่โรงแรมเพนนินซูล่า พลาซ่าเมื่อปีที่แล้ว ทางโรงแรมได้ส่งบัตรรับประทานอาหารที่ห้องอาหารจีน Mei Jiang มูลค่า 2,000 บาทล่วงหน้ามาหลายเดือนแล้วล่ะ แต่เราก็ติดภารกิจกันมาเรื่อยจนตกลงใจว่าวันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายนนี้ เราจะไปหวนรำลึกความหลังด้วยกัน และด้วยความใจดีของแจ้ พี่สาวที่แสนดีอยากให้เราทั้งคู่ได้รำลึกความหลังให้ครบองค์ประกอบ จึงได้มอบบัตรห้องพัก Deluxe และบัตรรับประทานอาหารกลางวัน 2 ท่านของโรงแรม Plaza Athenee ในโอกาสครบรอบแต่งงานนี้
 
 





เราสองคนแต่งตัวสวยหล่อเท่าที่สังขารวัยนี้จะเอื้อให้ ไปถึงโรงแรมเพนนินซูล่า พลาซ่าในเวลา Dinner ที่เหมาะสม โรงแรมยังคงมีบรรยากาศเหมือนเช่นทุกครั้งที่เรามา คือมีความเงียบสงบ ไม่พลุกพล่าน ดูเรียบเฉย และสงวนท่าทีหยิ่งทรนง เหมือนอาคารของโรงแรมที่ตั้งสูงตระหง่าน ยืนตัวตรง คล้ายคนที่ไม่เคยก้มหัวให้ใครหน้าไหน ภายในโรงแรมตกแต่งประดับประดาด้วยต้นคริสต์มาส มีเมืองหิมะของซานต้าจัดแสดงไว้อยู่มุมหนึ่ง เป็นเมืองที่มีชีวิตชีวา มีเสาไฟส่องสว่างยามรถไฟที่วิ่งอยู่รอบๆ เมืองหิมะขับผ่านมา





 
พนักงานต้อนรับเข้ามาเชื้อเชิญให้เราเข้าไปนั่งด้านใน เลือกที่นั่งที่ดีที่สุดที่ยังว่างอยู่ให้แก่เรา โต๊ะของเราหันหน้าออกนอกหน้าต่างกระจกสูง ที่มองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่ด้านโน้นลิบๆ ภายในห้องอาหารมีแขกต่างชาติอยู่เพียงไม่กี่โต๊ะ บริกรนำเมนูอาหารแนะนำให้แก่เรา เราทั้งคู่เลือกเซ็ตอาหารมื้อเย็นชื่อ HAPPINESS ราคาตกคนสองพันบาท มีอาหาร 7-8 รายการ
 
 
พนักงานเสิร์ฟอาหารจานต่อไปเมื่อเรารับประทานอาหารจานที่ตั้งอยู่ตรงหน้าหมดแล้ว อาหารจะถูกเสิร์ฟอย่างไม่ขาดช่วง คล้ายกับว่าเป็นหน้าที่ของพนักงานที่จะต้องจับจ้องว่าแขกทำอะไรอยู่ตลอดเวลา น้ำดื่มพร่องก็ต้องรีบเติม รับประทานอาหารหมดแล้ว จานใหม่ต้องถูกเสิร์ฟ จานชามจะต้องถูกเปลี่ยน ข้าวของเครื่องใช้บนโต๊ะล้วนแล้วแต่แสดงถึงความมีระดับ(ของโรงแรม) และดูจะไม่สนกระแสพอเพียง หรือภาวะโลกร้อน จานหนึ่งๆ มีปริมาณอาหารแบบคำไม่โต ทุกๆ จานจะถูกเสิร์ฟด้วยจานซ้อนกันมาหลายชั้น ส่งให้ทุกจานดู "แพง" และน่ากิน แขกรู้สึกเหมือนเป็นพระราชาอยู่ชั่วขณะหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงนั้น


เราเดินเล่นอยู่รอบๆ โรงแรมสักครู่ ฉันชอบโรงแรมแห่งนี้ ข้อหนึ่งเพราะเป็นโรงแรมที่เราจัดงานนั่นเป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว แต่นอกจากเหตุผลดังกล่าวก็เป็นเพราะว่าที่นี่เงียบสงัด ไม่วุ่นวาย เหมาะแก่ยามที่เราต้องการความสงบเพื่อพักผ่อน ทอดอารมณ์ และละเลียดความโรแมนติก

ราวสามทุ่มเศษเราก็ข้ามจากเขตสงบไปสู่ตัวเมืองอันแสนวุ่นวายเพื่อมุ่งหน้าไปที่โรงแรมพลาซ่า แอทธินี โรงแรมดัง และเป็นที่นิยมจัดงานฉลองแต่งงาน วันนี้ก็เช่นกันมีงานแต่งงานที่เพิ่งเลิก แขกทยอยเดินลงบันไดไปที่จอดรถ บรรยากาศดูแตกต่าง ผู้คนขวักไขว่ ชักสงสัยว่าเราอยู่ในเมืองๆ เดียวกันหรือเปล่า แสงไฟของโรงแรมสว่างไสว ดูคึกคักราวกับมนุษย์หนุ่มสาวที่ยังไฟแรง

เราได้ห้องพักชั้น 19 ก็อย่างที่แจ้เคยเตือนไว้ก่อนว่าห้องพักของโรงแรมพลาซ่า แอทธินีนั้นไม่หรูหราสมราคาที่แจ้งไว้ด้านหน้าว่าคืนละ 8,000 บาทสักเท่าไร ก็เห็นจะจริง เพราะห้องดูธรรมดาไม่สมราคาถ้าต้องจ่ายจริงๆ แต่ก็ไม่แย่นักหรอก เพราะดีกว่าที่เราวาดภาพไว้มาก ด้วยว่านอกจากแจ้แล้ว ยังมีพี่โจโจ้สำทับมาว่าห้องแย่ มันก็เลยทำให้เราคิดภาพแย่ๆ เอาไว้ก่อน อาจเป็นเพราะว่าที่นี่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง โรงแรมจึงตกแต่งห้องคล้ายโรงแรมที่เน้นกลุ่มลูกค้านักธุรกิจหรือเปล่า ทำให้ห้องดูแข็ง เหมือนนักธุรกิจที่มาจัดการธุระปะปัง เมื่อเสร็จแล้วก็จากไปเมืองอื่น ไม่สน และไม่เสียเวลามานั่งทอดอาลัยกับสภาพทางรูป รส กลิ่น และเสียง

 
 
 
 

ถ้าจำไม่ผิดโรงแรมพลาซ่า แอทธินีเคยเป็นโรงแรมเก่ามีชื่อเสียงโรงแรมหนึ่งมาก่อน นึกไม่ออกว่าชื่ออะไร อาจจะเป็นเพราะเหตุนี้จีงยังเห็นริ้วรอยเหมือนตีนกาผู้สูงอายุอยู่บางแห่ง วิวนอกหน้าต่างมองออกไปเห็นแต่ตึกระฟ้า หน้าต่างกระจกบานใหญ่เปิดไม่ออก คงป้องกันไว้เผื่อแขกคนไหนเกิดอยากลองกระโดดบันจี้จั๊มพ์เสี่ยงตายดูว่าหนังยังเหนียวอยู่หรือเปล่า เอาละ ได้เวลาพักผ่อนแล้ว อย่ามาถามว่าก่อนนอนทำอะไร คนอ่านคิดเอาเองเถอะ มาโรงแรมแบบนี้ก็ต้องใช้อะไรต่อมิอะไรให้คุ้มค่า ก็เปิดทีวีใช้ไฟเขาเสียหน่อย แค่นั้นแหละ คิดอะไรกันเลยเถิดจ๊ะ





ตื่นเช้ามาวันนี้เราออกไปว่ายน้ำที่สระว่ายน้ำของโรงแรมแทนอาหารเช้า น้ำในสระเย็นมาก เราไม่มีโอกาสว่ายน้ำออกกำลังกันบ่อยๆ นัก เมื่อโอกาสมาถึงก็ควรใช้เสียให้คุ้มค่า มีฝรั่งสาวๆ นอนอาบแดดส่งยิ้มละไมมาให้ นอกนั้นก็เป็นฝรั่งผู้ชายสูงวัยที่นอนตีพุง ตากพุงให้ดำแดด พอใกล้จะขึ้นถึงได้เห็นสาวญี่ปุ่นสองนางเดินนวยนาดมา น่าอิจฉาหนุ่มพนักงานประจำสระ




น่าเสียดายที่วันนี้เรามีงานแต่งงานญาติของคุณสามีของฉันรออยู่ช่วงเที่ยงวัน บัตรกำนัล 2 ที่สำหรับอาหารกลางวันที่โรงแรมเลยเป็นหมันไปเสียแล้ว ไว้รอโอกาสหน้าค่อยมาลิ้มรสกัน

ความรักนั้นไม่ยืนยาวสำหรับช่วงชีวิตหนึ่งนักหรอก วันหนึ่งก็ต้องจากกัน ไม่จากเป็นก็จากตาย จงระลึกให้ได้อยู่เสมอ ดังนี้แล้วหากชีวิตนี้ยังมีช่วงเวลาแห่งความสุขนั้นอยู่ ก็จงรักให้มั่น ยามที่รักนี้ยังมีสองเรา หากวันหนึ่งจะกลายเป็นแค่หนึ่งตน เราจะได้ไม่เสียดายที่ไม่ได้กอบโกยเวลานั้นไว้
Create Date : 14 มกราคม 2551 |
|
7 comments |
Last Update : 31 กรกฎาคม 2551 0:22:24 น. |
Counter : 1761 Pageviews. |
|
 |
|