Group Blog
 
 
เมษายน 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
29 เมษายน 2553
 
All Blogs
 

บัลลังก์เสน่หา : ใยปรารถนา (ครึ่งหลัง)


ในระหว่างที่เสียนเซียงยังเดินไม่เข้าเขตเรือนพำนักดีนัก ก็มีขันทีน้อยคนหนึ่งวิ่งไล่หลังนางมา ก่อให้เกิดความตกใจแก่หญิงสาว นางนั้นกอดกระชับตัวเจ้าขาวน้อยไว้แน่น นึกหวั่นว่าองค์ฮ่องเต้จะทรงเปลี่ยนพระทัยมีรับสั่งให้เอาตัวขาวน้อยไปฆ่าทิ้ง แต่ครั้นพอได้รู้จุดประสงค์อันเร่งด่วนของขันทีผู้นี้ นางก็ยิ่งรู้สึกคาดไม่ถึงทั้งยังหวั่นวิตกกับความที่เพิ่งได้ยินไม่น้อย ก็เพราะองค์ฮ่องเต้ได้ส่งมีพระราชประสงค์สั่งความลงมาให้นางเข้าถวายงานในคืนนี้

ตราบจนฟังคำของขันทีน้อยจบ ก็มีขันทีหลายคนวิ่งตามกันมาอีกเป็นพรวน หนึ่งคนนั้นตรงเข้าฉวยอุ้มเอาขาวน้อยไป เสียนเซียงปัดป้องอยู่ในตอนแรก จนเขาอธิบายว่าจะดูแลให้อย่างดี ส่วนตัวนางให้ตามเหล่าขันทีที่มารับตัวไปอาบน้ำแต่งตัวเสียใหม่ในตอนนี้ เพราะเวลามีไม่มากแล้ว

“ท่านขันทีบอกข้าได้หรือไม่ ว่าหนนี้ตัวข้าต้องทำเช่นใด จึงจะทำให้ทรงพอพระทัย” นางถามเอากับขันทีหนุ่มซึ่งกำลังสวมเสื้อคลุมทับบนตัวนางอีกชั้น เมื่อมาถึงขั้นตอนสุดท้ายก่อนเข้าถวายตัวอันเป็นหน้าที่หลักของนางใน

“ทรงสั่งให้ท่านทำอะไรก็ทำตามพระประสงค์ อย่าได้ทำขัดขืนหรือแสดงออกอันใดต่อทุกการกระทำของพระองค์ วาสนามาถึงท่านอีกหนแล้ว หากปล่อยให้หลุดลอยอีก ก็ไม่มีใครจะช่วยท่านได้อีกแล้วนะสนมเสียนเซียง และข้าก็ไม่อยากรับรองนะว่า เผ่าของท่านจะปลอดภัย” ขันทีคนนี้ขู่ทิ้งท้าย ก่อนพานางขึ้นเกี้ยวส่งตัวไปยังตำหนักเหวินเยวี๋ยน

หัวใจดวงเดียวที่มีประหวั่นพรั่นพรึง ชีวิตของชาวเผ่าบ้านเกิด...ชีวิตของเจ้าขาวน้อย ล้วนขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ในคืนนี้ ความผิดสองครั้งก่อนยังติดตัว และสำนึกในพระเมตตาที่ทรงไม่ทำร้ายแมวของนาง ทรงได้เรียกนางเข้าเพื่อถวายงานรับใช้ ตัวนางตั้งใจจะถวายงานอย่างดีที่สุด ตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงประทานให้



กระทั่งมายืนอยู่ในพระตำหนักเหวินเยวี๋ยน ที่หลังพระวิสูตรยาวทิ้งตัวจากเพดานจรดพื้น ขันทีเจ้าหน้าที่ผู้ส่งตัวได้ถอดเสื้อคลุมนางออก คงเหลือไว้เพียงผ้าทอตาข่ายไหมเนื้อนุ่มโปร่งบางที่ผูกปมผ้าคาดไว้ยังเหนือทรวง ดวงหน้านวลแดงซ่านเมื่อต้องยืนในสภาพเกือบเปลือยต่อหน้าขันทีหนุ่ม ที่ดูเหมือนไม่รู้สึกรู้สมต่อเรือนร่างสตรีตรงหน้านัก

“อย่าได้คิดว่าข้าสอนสั่ง จงใช้ความงดงามที่พระสนมมีให้เกิดประโยชน์แก่ตัวเองมากที่สุดในคืนนี้” ขันทีเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง ซึ่งดูว่าจะมีไมตรีมากกว่าคนอื่นกล่าวแนะนำต่อนางเบาๆ แล้วบรรดาขันทีเหล่านั้นก็ถอยกาย เดินออกนอกบานทวารไป ทิ้งปลายเสียงหับปิดแต่ละบานแว่วได้ยินห่างออกไปเรื่อยๆ

เสียนเซียงยื่นมือคลี่เปิดผืนพระวิสูตร แทรกกายผ่านเข้าไป ที่กลางห้องปรากฏพระแท่นบรรทมใหญ่หลังเดิมที่เคยเห็น แต่คืนนี้ชายม่านและเส้นสายแห่งระย้ามุกงามถูกผูกพันไว้กับเสาสองข้าง...กลางพระแท่นนั่น ฮ่องเต้แห่งลู่เหลียงทรงเอนพระองค์พิงพระเขนยใบใหญ่ วรกายท่อนบนร้างไร้ภูษาอาภรณ์ห่ม มีเพียงพระสนับเพลาไหมขาวพันรั้งด้วยสายเกลียวทองที่บั้นพระองค์

ภาพเจ้าด้ายหอมสะดุ้งไหวในคลองพระจักษุเรียกริมโอษฐ์ให้กระตุกแย้ม เนตรแพรวพราวจับจ้องวงหน้านวลซึ่งระด้วยกรอบแพรผมสลวยดำขลับ หรูจื้อเถียนฮ่องเต้ลากเลื่อนสายพระเนตรไล่ลงมายังลำคอระหง แลตวัดลดต่ำยังกระพุ่มทรวงซึ่งเผยวับแวมใต้ปมผ้า ยามนางน้อยค่อยเยื้องกายอย่างตื่นกลัวเข้าหา ร่างงามงอนภายใต้ผ้าผืนบางขยับยักย้ายอย่างระวังตัว คล้ายดังกลัวว่าทุกสิ่งที่นางมี จะปลุกกระตุ้นอำนาจดำกฤษณาของบุรุษเพศเบื้องหน้า จนยั้งใจยั้งกายตัวเองไว้ไม่ไหว เข้าพร่าฉุดกระชากนางลงยังพระที่บรรทม

“เจ้าปล่อยให้ข้ารอนาน” เพียงทรงรับสั่งขึ้น เจ้าด้ายหอมก็ถลากายรวดเร็วหมอบลงที่หน้าแท่น

“เกล้ากระหม่อมฉันขอพระราชทานอภัยเพคะฝ่าบาท” เสียงใสกราบทูล จะทำกระไรได้ นอกจากขอให้ทรงพระกรุณา

“แล้วตัวเจ้ามีสิ่งใด ที่จะทำให้ข้าให้อภัยเจ้าได้เล่า...เสียนเซียง”
พระสุรเสียงทุ้มต่ำทรงตรัสเรียกชื่อของนาง เพียงรอยแย้มพระโอษฐ์บางเบาอันปรากฏขึ้นบนสีพระพักตร์ ก็ทำให้เสียนเซียงรู้สึกหวิวไหวในใจ

“ทุกอย่าง...ที่ทรงต้องการ...เพคะ” ทูลตอบแล้ว หญิงสาวก็ขยับพานวลเนื้อใต้แพรแดงขึ้นไปยังแท่นบรรทม

กลิ่นหอมฉุนของน้ำจัณฑ์ลอยอวลรอบพระองค์ ค่ำผ่านมานี้คงได้ทรงดื่มหนักพอควร เสียนเซียงทอดกายลงนอนตรงที่ว่างข้างองค์ฮ่องเต้ ตานั้นไม่กล้าสบสายพระเนตรตรงๆ แต่ก็รู้สึกได้ว่าทรงจ้องนางอยู่

เรือนร่างงามได้นอนอวดโฉมให้ทรงเห็นได้เต็มพระเนตร ตาคู่สวยหลุบต่ำเสมองพระองค์เพียงผาดเผิน คิ้วเรียวถูกวาดจนโค้งดั่งวงเดือน ทรงมีพระสรวลเบา ๆ ยื่นพระอังคุฐไล้เช็ดริมปากอิ่มเต็มอันชุ่มฉ่ำด้วยชาดสีแดงสด
“ทำไมต้องเอาของปรุงแต่งพวกนี้มากลบความงดงามของเจ้าด้วยเล่า...”

“พะ...เพคะ” ขณะนางกำลังรู้สึกหวำหวามกับสิ่งที่ทรงกระทำ พระหัตถ์ใหญ่ข้างนั้นก็รุกเคลื่อนกระตุกปมเสื้อรวดเร็ว ด้วยตกใจเสียนเซียงจึงเผลอขยับตัวหนี แต่เส้นสายของความรู้คิดรู้กระทำได้แล่นเข้าเตือนนาง ว่าอย่าได้อาจหาญทำสิ่งใดให้องค์พระประมุขทรงขุ่นเคือง ร่างน้อยจึงได้ฝืนเกร็งค้างอยู่อย่างนั้น

“นี่ข้ากำลังจะนอนกับท่อนไม่รึ...ถ้าต้องฝืนใจนัก เจ้าก็ไปเถอะ!” แต่ไรมาไม่เห็นมีสนมนางใดจะเรื่องมากเท่านางคนนี้ นางอื่นเข้ามาทำให้เสร็จๆ กันไปก็จบ หรือไม่ก็ทรงพบคนที่ถูกพระทัย กลายเป็นคนโปรดรู้งานรู้หน้าที่ก็มากมาย

“หม่อมฉันเต็มใจเพคะ ขอทรงพระกรุณาๆ” เสียนเซียงลุกขึ้น สลัดความอับอายของสตรีอันไม่เคยต้องมือชายใดมาก่อน เข้ากอดที่ท่อนพระกรข้างนั้น “ได้ทรงโปรดอย่าไล่หม่อมฉันนะเพคะ เกล้ากระหม่อมฉันไม่รู้จริงๆ ว่าควรทำเช่นใด ถึงจะพอพระทัย”

“ขันทีพวกนั้นเขาไม่สอนงานเจ้าเลยหรือ”

“ท่านขันทีได้สอนหม่อมฉันแล้ว”

“สอนยังไง” อยากจะทรงรู้นัก สอนกันอิท่าไหน นางถึงได้กล้าทำตัวได้ผิดแผกจากคนอื่น

“ท่านบอกว่าให้หม่อมฉันนอนเฉยๆ ห้ามพูด ห้ามร้อง ห้ามถาม...ถ้าทรงไม่พอพระทัย จะส่งทัพไป...ไปตีเผ่าของหม่อมฉัน” ตัวนางเป็นคนไม่เอาไหนมาแต่ไรแล้ว หากนี่จะเป็นโอกาสสุดท้ายของการมีชีวิตอยู่ ก็ขอถามให้กระจ่างแก่ใจ ขอเพียงพระเมตตาปรกฟ้าคุ้มแผ่นดินที่ทรงมี จะเผื่อแผ่ให้นางได้แก้ตัวอีกสักหน

หรูจื้อเถียนฮ่องเต้ทรงขยับพระองค์ลุกลงจากแท่นบรรจถรณ์ พระนัยเนตรแดง และทั้งพระมัตถลุงค์อัดแน่นให้มึนเมาด้วยฤทธิ์น้ำจัณฑ์ ทำเอาทรงพระดำเนินได้ไม่ตรงนัก “ข้าไม่ไปตีเผ่าของเจ้าให้เสียเวลาหรอก...มานี่มา” ทรงมีรับสั่งขึ้น

ครั้นเมื่อทรงก้าวพระบาทมาถึงพระบัญชร จึงได้ทรงถอดสลักบนบานไม้ ผลักเปิดให้อากาศเย็นสดชื่นภายนอกได้พลิ้วผ่านเข้ามา นอกเหนือจากช่องไม่ฉลุที่ด้านบน สายลมพัดแผ่วเบาต้องพระเกศายาวที่ปล่อยปรกยังเบื้องพระขนอง

แสงจันทร์สุกสว่างผ่องอำไพนอกพระตำหนักสวยงามยิ่ง จึงได้ตรัสขึ้นลอยๆ กับนางสนมร่างน้อยที่ตอนนี้ขยับเข้ามายืนข้างพระองค์

“...ไม่ว่าจะอยู่ห่างบ้านไกลเมืองสักเท่าไหร่ พระจันทร์มันก็ยังเป็นดวงเดิม ตอนที่ข้าออกทำศึก บ่อยไป...ที่ข้าเหม่อมองจันทร์” พระดำรัสคล้ายดั่งจะปลอบนาง ครั้นตรัสแล้วก็ได้หวนคิด คงเพราะทรงเสวยน้ำจัณฑ์มากเกินไป จึงได้เปิดเผยความในพระหฤทัยให้สนมน้อยนางนี้ฟัง

เสี้ยวหน้าสวยกำลังเหม่อมองจันทร์ดวงงาม กลิ่นหอมจากนวลเนื้อนิ่มโชยเข้าต้องช่องพระนาสา แสงอ่อนสลัวสาดกระทบทรวดทรงเอวคอดรับสะโพกผายใต้ผืนไหม เผยสัดส่วนพึงสงวนเย้ายวนแก่สายพระเนตร ถึงเวลาแล้ว ที่นางจะให้ในสิ่งที่ทรงต้องการ...

เสียนเซียงอุทานออกมาเมื่อพระอุระกรุ่นด้วยไอร้อนเข้าเบียดกอดยังแผ่นหลัง สองพระหัตถ์เร่งคลี่ปมผ้าที่นางผูกขึ้นใหม่ แล้วทรงกระชากโยนทิ้งไปอีกทาง ก่อนเรือนร่างเปลือยจะลอยหวือขึ้นสู้อ้อมพระพาหาแข็งแกร่ง

“จะเสียเวลามองสิ่งที่ไม่อาจเอื้อมคว้าทำไม...ในเมื่อคืนนี้ข้ามีสิ่งงดงามยิ่งกว่าจันทร์ที่บนฟ้านั่นอยู่ข้างกาย”

*****

“เจ้ายินดีจะทำทุกอย่างที่ข้าต้องการ...” ฮ่องเต้หนุ่มทรงหยัดคร่อมวรองค์หนาหนักอยู่เหนือร่างนางสนมบนผืนยี่ภู่
เสียนเซียงพยักหน้ารับพระดำรัส แก้มเนียนแดงสุกปลั่งขวยเขินต่อสายพระเนตรคมกล้าที่ ทอดสำรวจร่างกายนางต่ำลงเรื่อยๆ

“กอดข้า...”
หญิงสาวทำตามรับสั่ง ยกวงแขนขึ้นโอบไปบนพระอังสะ

“จูบข้า...จูบที่แสดงว่าเจ้าจะรักและภักดีต่อตัวข้าไปจนวันตาย”
จูบอย่างไรที่เรียกว่ารัก...หญิงสาวไม่รู้ถึงความเป็นจริงข้อนี้ นางนิ่งไปชั่วครู่ คิดถึงขาวน้อยขึ้นมาได้ นางรักขาวน้อย นางหอม...นางกอด...นางจูบมันบ่อยๆ

เสียนเซียงรั้งลำพระศอขององค์ฮ่องเต้เข้าหาตัว ริมฝีปากที่ยังหลงเหลือรอยชาดจรดแตะบนพระปรางข้างขวา ก่อนเคลื่อนฝากรอยสัมผัสบางเบาที่ริมพระโอษฐ์

พระขนงเข้มพาดเฉียงขมวดมุ่นอย่างงุนงง...”นี่หรือจูบของเจ้า”

สนมสาวจากเผ่าเร่ร่อนพยักหน้าดังเดิม จึงได้ตรัสถามเอาคำตอบ “ตอนนี้เจ้ากำลังคิดว่าข้าเป็นใครอยู่รึ...น่าขันนัก”

“หม่อมฉันไม่รู้ หม่อมฉันเคยจูบเจ้าขาวน้อยแบบนี้” เสียนเซียงไม่คิดจะโกหก

“แมวของเจ้า!”

พระกระแสเสียงนั้นดังจนร่างน้อยตื่นตกใจ วงแขนเรียวลดลง มือตบที่ปากตัวเอง “หม่อมฉันไม่กล้าแล้ว...”

“หยุด!” ทรงสั่ง พระหัตถาใหญ่ลากรั้งกายนางให้ขึ้นนั่งบนพระเพลา ด้วยความตกใจต่อพระอารมณ์ผันแปรขึ้นลงของจอมนราเจ้าเหนือชีวิต เสียนเซียงจึงขืนตัวจะออกจากอ้อมพระกรที่บีบรัดตัวนางแน่น

“ข้าจะสอนวิธีจูบผู้ชายให้เจ้าได้จำไว้!” พระสรรพางค์เปล่าเปลือยเบียดเข้าหาร่างเล็ก ฝ่าพระหัตถ์ร้อนกดที่แผ่นหลังแอ่นโค้งของเจ้านงราม ก่อนประทับริมโอษฐ์ร้อนผะผ่าวเปิดเผยอกลีบปากอิ่ม เบียดบดแทรกพระชิวหาเข้าภายในเรือนปากหอมหวาน...สัญญาว่าจะทำทุกอย่างให้พอพระทัย แต่ร่างนุ่มเนียนกลับดิ้นเร่าฝืนกายหนีรสแห่งจุมพิตของพระองค์

ในผืนแผ่นดินนี้ มีใครกล้าปฏิเสธในสิ่งที่ทรงต้องพระประสงค์!

ไฟปรารถนาอันเพิ่มพูนด้วยฤทธาแห่งน้ำจัณฑ์ยังคงลุกโหมโถมขยี้ใส่ยังกลีบปากชุ่มชื่น ยิ่งอนงค์นางสั่นเทาผลักไส องค์ฮ่องเต้หนุ่มก็ยิ่งรุกล้ำหนักหน่วงหมายปราบม้าป่าแสนพยศนางนี้ให้จงได้

“...” ทรงถึงกับนิ่วพระพักตร์ หยดพระโลหิตซึมริมพระโอษฐ์

เสียนเซียงตะลึงงัน...ตระหนักถึงโทษที่จะได้รับ เพราะฟันนางกัดยังปลายพระชิวหาที่เร่งเกี่ยวกระหวัดเรียวลิ้นนางจนหายใจไม่ออก หยาดน้ำใสเริ่มรื่นจับริมขอบตา นึกว่าจะหยุดยั้งพระองค์ได้ หากแต่นางนั้นคิดผิด!

อ้อมพระพาหาแกร่งกระด้างกอดรัดเรือนร่างน้อย กดสะโพกเนียนแน่นลงเสียดสีบนพระอูรุซึ่งอุดมด้วยมัดพระมังสา แผ่นอุระหนั่นหนานาบแนบยังเนินเนื้อทอง ทรงรุกโรมรันขยี้ปากนิ่มนุ่มส่งมอบรสสัมผัสแปร่งปร่าของหยาดโลหิตแก่นาง...

เมื่อทรงถอนพระโอษฐ์ออก “ได้โปรด...ขอทรงได้โปรด” หญิงสาวพร่ำวิงวอน ปากอิ่มเจ็บระบมเรื่อไปด้วยเลือดสีอ่อนจาง

“ข้าต้องการเจ้า!” ทรงรับสั่งเสียงหนัก แววพระเนตรแดงก่ำ ผลักร่างเสียนเซียงลงบนพระยี่ภู่ วรกายสูงใหญ่อย่างขุนศึกเหี้ยมหาญโถมทับลงยังร่างนาง ริมพระโอษฐ์ดุนดันยังซอกคอนุ่มเนียน แลเลื่อนลงฟอนเฟ้นสองเนื้อนวลจนขึ้นสี พระหัตถ์หนาลากเค้นขยำทั่วผิวกายผาดผ่องอุ่นร้อนให้นางรู้ซึ้งถึงอารมณ์ใคร่กระหายอยากในรสกามของผู้ชาย ยิ่งร่างน้อยขัดขืนดิ้นรน ก็ราวกับจักต้องพิชิตจนได้รับชัยชนะ

เจ้าคนอ่อนต่อโลก ข้าเกลียดชังความไร้เดียงสาของเจ้า!

ร่างอ่อนบางสั่นไหวกรีดร้องดิ้นกระถดกาย เมื่อพระหัตถาใหญ่เข้าล่วงเกินควานขยี้กลางกลีบบุษบง ยังผลต่อเส้นสายพระโลหิตฉีดพล่านส่งผ่านความเร่าร้อนไปทั่วทั้งวรองค์ หรูจื้อเถียนฮ่องเต้ทรงล้ำรุกชำแรกแทรกพระกายาสู่ร่างน้อยรวดเร็ว แลกระหน่ำผลักดันเคลื่อนพระองคาพยพร้อนรุ่มไปเบื้องหน้า คล้ายดั่งทรงเดือดดาลเกรี้ยวโกรธาเหลือคณา มิทรงสนพระทัยถึงความเจ็บปวดของนางสนมเบื้องใต้พระองค์ ที่แสดงออกมาด้วยการสั่นระริกไหวหวาดกลัวไปทั้งเรือนกาย

ภายใต้เปลือกตาอุ่นซ่าน ไม่นานหยาดน้ำใสก็ค่อยๆ ไหลรินลงอาบผิวแก้ม เสียนเซียงกลั้นเสียงสะอื้นไห้ ขบเม้มกัดริมฝีปากบวมเจ่อของตัวเองแน่น

ความโหดร้ายทารุณกระทำย่ำยีที่ทรงมอบให้ยังดำเนินต่อไป หยาดน้ำใสไหลล้นเอ่อยากจะกลั้นทาน สองมือเพรียวบางขยุ้มขยำพระยี่ภู่จนยับย่น หวังส่งผ่านความรวดร้าวให้มลายหายจางลงบ้าง

เจ็บ...ทรมานแทบขาดใจ...แต่หญิงสาวไม่กล้าจะร้องขอให้ทรงมีพระเมตตา ไม่กล้าจะผลักไสยังพระอุระ...และไม่กล้าจะลงเล็บจิกทึ้งระบายความร้าวรานที่เบื้องพระปฤษฎางค์นั่น

เพราะนางทำให้ทรงพิโรธ เอาเถอะ!...จะกระทำสิ่งใดก็เอาให้สาสมแก่พระหทัยเถิด...

จวบจนล่วงลึกครอบครองปลดปล่อยอารมณ์ใคร่กำหนัดแก่นางได้กึ่งหนึ่ง ฮ่องเต้หนุ่มจึงได้ทรงเงยพักตร์คมคายทอดพระเนตรดวงหน้างามของเจ้าร่างน้อย ซึ่งหยุดเสือกกายถอยหนีพระองค์แล้ว

พระราชหฤทัยครานี้ต้องวูบหวั่น...เพราะวงหน้าอ่อนเยาว์ไร้เดียงสาเต็มไปด้วยคราบน้ำตา คิ้วเรียวงามขมวดมุ่นอย่างเจ็บปวดแสนสาหัส ตากลมดำขลับที่เคยกล้าท้าทายมองพระองค์ยามร้องขอชีวิตแมวตัวหนึ่งเม้มปิดแน่น ริมปากอิ่มช้ำเจ่อกัดฟันกลั้นเสียง
นี่คือเจ้าด้ายหอม!

นวลเนื้อผ่องพรรณอ่อนบางกรุ่นกลิ่นที่ถักทอสรรค์สร้างเพื่อพระองค์ ใยปรารถนาซึ่งค่อยร่างเงาไว้เมื่อตั้งแต่คราวพบหน้ากันหนแรก นี่หาใช่กลางสมรภูมิศึกไว้ฟาดฟันศัตรู ทว่ายังทรงเผลอกระทำดั่งคนใจไม้...ใจหิน รุนแรงถั่งโถมพละกำลังกับร่างบอบบางไม่เคยมือมากถึงเพียงนี้ แม้นทรงยั้งพระกายายั้งความต้องการอันผลีผลาม แลเลี้ยงดูถนอมกล่อมเกลานางไว้ ราตรีหน้าก็หมายจะยังมีนางน้อยไว้แนบเคียงบนแท่นพระบรรทมได้อีก

“เลิกกัดปากตัวเองได้แล้ว...”

ทว่าความเจ็บปวดที่แล่นริ้ว ทำให้เสียนเซียงไม่อาจทำตามรับสั่งได้ง่ายนัก จนกระทั้งโอษฐ์อุ่นลงคลี่ริมปากนั้นให้เปิด แว่วเสียงใสจึงเล็ดลอดผ่านออกมา เปลือกตาคู่งามกะพริบไล่หยดน้ำที่คลอคลอง

“จะไม่ทำอย่างนี้อีก...” จู่ ๆ ความสงสารก็แล่นจับกลางหทัย
เสียนเซียงปล่อยน้ำตาสายสุดท้ายให้รินหลั่ง ราวกับดินแห้งแล้งได้รับน้ำทิพย์อันชุ่มฉ่ำจากฟ้า เพียงแค่ยินสุรเสียงอ่อนโยนนี้ เพียงแค่ได้รับพระเมตตาจากพระองค์บ้าง...สักเสี้ยวน้อยนิด

พระโอษฐ์กว้างประจงจูบซับที่แก้มบาง พระนาสิกจรดสูดดอมพุ่มแก้มเนียนซึ่งหมาดหยาดน้ำตาทั้งสองข้าง

“เจ้าด้ายหอม...ของข้า” พญามังกรตรัสครางครวญด้วยหฤทัยลุ่มหลง พระกายาหนาหนักเริ่มเขยิบเคลื่อนเข้ากลืนกินนางนกน้อยพลัดถิ่นอาศัยอย่างหิวกระหาย ความรุนแรงบนพระที่เมื่อคราวแรก แปรเปลี่ยนสู่ความนุ่มนวลอ่อนโยนมากกว่าที่เคย ครั้นเขยื้อนขยับรวดเร่งลามลึก ก็ยิ่งทรงตื่นตัว...เต็มอิ่มกับเสียงหวานแผ่วเครือและแรงสั่นไหวก่ายกอดของนางในอ้อมพระกร รสหฤหรรษ์แห่งเสน่หากามารมณ์มากล้ำ ซึ่งเคยถูกกระตุ้นปลุกเร้าได้เพียงเพราะรุกสัมผัสเรือนกายสนมโฉมงามมากหน้า หากแต่ค่ำคืนราตรีนี้ ทรงรู้พระทัยดีว่ามันมากกว่านั้น...

*****

เทียนเล่มใหญ่บนแท่นเชิงกะพริบแสงริบหรี่ใกล้ดับ การถวายงานอันยาวนานบนพระแท่นบรรจถรณ์สลักทองเสร็จสิ้นลงแล้ว พอองค์ฮ่องเต้ทรงผละพระองค์ แล้วทิ้งวรกายลงบรรทมบนพระเขนยใบใหญ่ เสียนเซียงซึ่งซบหน้านอนหมอบอยู่บนพระยี่ภู่ จึงค่อยขยับเรือนร่างน้อยที่ระยับพราวชุ่มด้วยหยดเหงื่อ จากแรงสั่นไหวถาโถมเพิ่งยุติลุกนั่งกลางพระแท่นใหญ่ ไม่ได้หันมองยังพระวรกายเปล่าเปลือยซึ่งแผ่บรรทมอยู่เคียงข้าง ครั้นจะกระถดกายเคลื่อนห่าง ก็ให้รู้สึกช้ำระบมปวดตึงไปทุกส่วน

เสียนเซียงคลานเข้าหมอบแทบพระบาทฝืนสะกดความเจ็บรวดร้าวตลอดทั้งเรือนกายไว้ภายใน ดวงหน้างามพิศุทธ์ก้มจรดจุมพิตแผ่วเบาบนหลังพระบาท ตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ที่ได้ทรงเรียกสนมท้ายวังในอย่างนางเข้าถวายตัวในคืนนี้ หญิงสาวเอี้ยวตัวช้า ๆ พาร่างอันบอบช้ำคลานลงจากพระที่

“...อย่าไป”

หรูจื้อเถียนฮ่องเต้ตรัสห้าม ทอดพระเนตรยังเจ้าเนื้อนวลละอองหอมกรุ่นซึ่งยืนหันหลังให้ เผ้าผมยาวสยายทิ้งตัวรุ่ยร่ายยุ่งเหยิงปรกระถึงสะโพกผายกลมกลึง คราบโลหิตเลอะเปื้อนต้นขาอันเคยเกลี้ยงเกลา ผิวละเอียดผ่องพรรณราวหยกขาวเต็มไปด้วยรอยช้ำจ้ำแดง แลทั้งรอยประทับดวงใหญ่บนพระยี่ภู่ขาวสะอ้าน เจ้าด้ายหอมแสนงามคงชอกช้ำร้าวระทม ดั่งไม้ป่ากลีบบางกลางดินอันถูกเหยียบย่ำจมธุลีด้วยทัพศึกกรีธาผ่าน ทั้งหมดนั่น...ล้วนเกิดจากอารมณ์ของพระองค์

นวลหน้างามซึ้งพริ้มเพราหันส่งสายตาฉงนสับสนสานสบยังพระเนตร ริมปากอิ่มแม้ไร้ชาดทาบทา หากก็ยังขึ้นสีช้ำระเรื่อจางเม้มชะงักการปริเปิด

เสียนเซียงไม่กล้าทูลถามพระองค์ว่าทำไมถึง...อย่าไป

ตอนนี้ขันทีเจ้าหน้าที่คงรอรับตัวนางอยู่หน้าพระตำหนัก หลังเสร็จสิ้นการถวายปรนนิบัติให้สุขสำราญราชหฤทัย นางจะรั้งรอพิธีการสุดท้ายอยู่นอกพระวิสูตรอีกชั่วครู่ ให้ทรงสั่งการต่อขันทีใหญ่ผู้ดูแลเหล่าสนมนางห้ามทั้งหมด ว่าจะคงรักษาเชื้อสวรรค์ที่อาจจะถือปฏิสนธิในครรภ์สนมที่อยู่ถวายงานในแต่ละค่ำคืนไว้หรือไม่

“สองชั่วยามก็จะเช้าแล้ว...” ทรงมีพระดำรัสต่อนางสนมซึ่งอยู่งานถวายปรนเปรอพระองค์ได้สุขปรีดิ์เปรมเกษมศานต์มาทั้งราตรี
หนทางกว่าจะกลับถึงเรือนพำนักนั้นยังอีกไกล คงเกินร่างน้อยแสนบอบช้ำเหนื่อยอ่อนจะทานทน แม้นจะฝืนกายเดินผ่านพระวิสูตรออกไปโดยไม่ร่วงพับกับพื้นก็เห็นจะยากแล้ว

ยินถ้อยกระแสรับสั่ง เสียนเซียงรู้สึกเต็มตื้นชื่นล้นหัวใจ ที่องค์ฮ่องเต้ไม่หลงเหลือพระอาการกริ้วในตัวนางอีก นางคุกเข่าเช็ดชำระรอยมลทินบนเรือนกายที่อ่างเงินปลายพระแท่น ก่อนพาร่างอ่อนนุ่มยอบลงนอนบนช่องว่างของพระแท่นบรรทมที่ทรงขยับพระองค์เว้นให้ แลฮ่องเต้หนุ่มจึงพลิกหันพระวรกายไปอีกทาง หญิงสาวระบายลมหายใจ...คลี่ยิ้มอ่อนโยนกับเบื้องพระปฤษฎางค์นั่น

ลมยังพัดโชยเข้ามาในห้องบรรทม แพรม่านสะบัดวูบไหว อากาศยามค่อนดึกเริ่มเย็น มือน้อยจึงเลื่อนภูษาคลุมบรรทมขึ้นพาดทับเพียงแนวบั้นพระองค์...ภาวนาอย่าได้ทรงถือสากับการล่วงวิสาสะจากนาง

พระฉวีขององค์จักรพรรดิแห่งลู่เหลียงทรงรู้สึกได้ถึงไออุ่นร้อน จากพุ่มมือเพรียวที่เฉียดต้องบนพระวรกายอยู่ชั่วครู่ ประกอบกับลมหายใจร้อนผ่าวแผ่วอ่อนของนางร่วมเคียงยังเบื้องพระขนอง
นางน้อยของพระองค์ คงจะได้ไข้เสียแล้ว...


หื่นนิดๆ เพื่อจิตแจ่มใสนะคะ จะพยายามระมัดระวังเรื่องภาษาค่ะ




 

Create Date : 29 เมษายน 2553
7 comments
Last Update : 29 เมษายน 2553 16:39:05 น.
Counter : 846 Pageviews.

 

แวะมาทักทายจ้า

 

โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว 29 เมษายน 2553 17:17:22 น.  

 

หวัดดีครับ วันนี้อ้ศจอรอหันการันต์ยอ

ชายหนุ่มเขิลเม้นท์ไม่ออก 555+

 

โดย: Dingtech 29 เมษายน 2553 22:48:33 น.  

 

ขอบคุณที่แวะมาค่ะ

อย่าเขิลค่ะ เม้นต์มาเถอะ555 แต่งได้มากสุดแค่นี้ค่ะ มิกล้าจะฝ่าเส้นตายของตัวเองค่ะ ก็อายตัวเองเหมือนกันแต่งไปได้เนาะ

เอาไว้ฉากรบดุเดือดเลือดสาดค่อยแวะมาเม้นต์ค่ะ กะัรัตจะรอ



 

โดย: อิมาอิซัง 30 เมษายน 2553 10:01:52 น.  

 

ก็หนุกดี

 

โดย: หนอนนิยาย IP: 118.173.17.165 22 พฤษภาคม 2553 18:20:22 น.  

 

 

โดย: หลงเลย IP: 206.53.152.57 22 มกราคม 2554 22:31:53 น.  

 

อ่านต่อได้จากไหนอีกอ่ะคะหนุกมากเลย
scibkay@hotmail.com

 

โดย: หลงเลย IP: 206.53.152.57 22 มกราคม 2554 22:35:31 น.  

 

กะรัตส่งสนพ.รวมเล่มแล้วค่ะ

เล่มแรกวางแผงในชื่อ บัลลังก์เสน่หา จากหนึ่งคำมั่น

เล่มจบ บัลลังก์เสน่หา ตราบสิ้นนิรันดร์

สองหน้าสุดท้ายของตอนจบลงไว้ที่เว็บเด็กดีค่ะ ไม่สามารถลงช่วงกลางให้อ่านได้เพราะติดสัญญากับทางสนพ.น่ะค่ะ

 

โดย: อิมาอิซัง 23 มกราคม 2554 18:20:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


นางสาวอ้วนจัง ตังค์มากมี
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]





ฝาก"บัลลังก์เสน่หา : จากหนึ่งคำมั่น ตราบสิ้นนิรันดร์" ด้วยค่ะ
กรงขังสิเนหา
ทาสสวาทเงาเสน่หา
บุพเพเล่ห์จันทร์
ในรั้วรัก
เสี้ยวสิเน่หา
รอยนิรันดร์
กลีบเหมยกลางทราย
เล่ห์รักร่ายปรารถนา
ตะวันเยี่ยมรุ่ง
ขวัญข้าเอย
ลิขิตลวง
สิ้นแสงรังสิมา (หนึ่งหทัยมังกร)
ดาริกากลางใจ (ดวงใจรักจ้าวยุทธ์)
หากฟ้าไร้เมฆินทร์ (ทาสรักสลักใจ)
ฤาศศินอำพราง (ยอดพธูจอมทัพ)
รื่นกลิ่นปทุม
รักลุ้นวุ่นหวาน
สัญญาลับฉบับรัก
เพียงสิ้นชีวา
เนื่องนิจสิน
แม้นเดือนดับ
จันทร์ร้างฟ้า
กรงบรรณาการ
ฝนซาเมื่อฟ้าสาง
กลีบเก็ดถวา
แสงแรกของตะวัน
ทั้งหมดภายใต้นามปากกา วิรมย์รดา กะรัต ลนาริน ธาราพิศุทธิ์
Friends' blogs
[Add นางสาวอ้วนจัง ตังค์มากมี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.