Group Blog
 
 
เมษายน 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
14 เมษายน 2553
 
All Blogs
 
บัลลังก์เสน่หา : เมฆหมอกแห่งสงคราม (ครึ่งหลัง)



“ลู่เหลียงบุก...พวกลู่เหลียงบุก” เสียงร้องตื่นตระหนกดังแหวกอากาศเปิดม่านราตรีมืดดำ พร้อมด้วยแสงคบเพลิงหลังกำแพงเมืองสว่างไสวเปรียบหนึ่งตะวันส่องหล้า

กั๊วะเฉิงดีดกายผลุนผลันลุกจากที่นอน...เขาจำเป็นต้องนอน ด้วยคำร้องขอของเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาที่เหลือรอดระหว่างรบป้องกันเมืองเท่อถัว

มือใหญ่ผลักประตูห้องบนกำแพงเมืองให้เปิดออก ก้าวออกมาประจันหน้ากับฉินหมิ่นจี๋ยแม่ทัพจากแดนใต้ซึ่งยืนอยู่หน้าห้องพักได้พอดี

ทหารส่งข่าวรีบกล่าวรายงาน “พวกลู่เหลียงมันพาคนกะประมาณได้ราวสามพัน เข้ารุกที่ประตูด้านทิศตะวันตกขอรับท่านแม่ทัพ!”

“ตอนนี้รองแม่ทัพซานได้นำกำลังคนต้านพวกมัน และแบ่งกำลังส่วนหนึ่งตามติดไปทางทิศตะวันตกที่พวกมันถอยหนีไปแล้วขอรับ” แม้จะเหนื่อยหอบปานใด แต่เขาก็รีบรายงานสถานการณ์อย่างเร่งด่วน

“ถอยหรือ...” ฉินหมิ่นเจี๋ยถามขึ้น บุกเข้ามา แต่ชั่วระยะเวลาไม่ทันเท่าไรกลับถอยหนี

“เราต้องส่งกำลังเสริมออกไปล่าตีพวกมันหรือไม่ขอรับท่านแม่ทัพ” หงซั่วถามขึ้นบ้าง “ข้ากลัวแต่มันจะเป็นแผนล่อเสือออกจากถ้ำ” เขาให้ความเห็น
ความกังขาข้อนี้ตรงกับใจของฉินหมิ่นเจี๋ยนัก สิบวันแล้วที่รบปะทะต่อสู้อย่างประชิดติดพันไม่ย่นย่อต่อกัน แม้ทหารซีฉินจะพร้อมรับมือ แต่ฆ่าอย่างไร...สังหารอย่างไรทหารลู่เหลียงก็ไม่หมดหรือทำท่าจะลดทอน ทหารจากไท่ซ่างถูกดึงมาเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเมืองหน้าด่านต่างก็ตรึงกำลังพลหนาแน่น ระวังภัยจากทัพของลู่เหลียงที่อาจจะเปลี่ยนแผนล้อมโอบแคว้นได้ทุกเมื่อเช่นเดียวกัน

เหล่าทหารต่างสู้รบสุดสามารถ ที่บาดเจ็บต้องรักษาก็มากมี ร่างกายซึ่งเหนื่อยอ่อนไม่ได้หยุดพัก เพราะข้าศึกส่งกำลังโหมเข้าหมุนเวียนไม่ได้หยุด ทำให้กำลังและแรงฮึดสู้ของทหารถดถอยลงเรื่อยๆ พอไม่มีเวลาพักก็ต้องพ่าย หมดเรี่ยวแรงจะสู้รบต่อไป ซีฉินส่งทหารออกไปเท่าใด สุดท้ายเหลือกลับเข้าเมืองไม่ถึงหนึ่งในสาม

ยังมิทันหนึ่งก้านธูปที่ลู่เหลียงเริ่มรุกทางตะวันตก เสียงโหวกเหวกของทหารนายหนึ่งก็ดังขึ้นมาก่อนตัวเขาที่กำลังวิ่งขึ้นบันไดอย่างกระหืดกระหอบจะมาถึง

“ลู่เหลียงบุกมาทางตะวันออกขอรับท่านแม่ทัพ!”

กั๊วะเฉิงพ่นลมหายใจหนัก ๆ “หงซั่ว...เจ้านำกำลังคนออกไปต้านอีกด้านละสองพัน แม่ทัพฉินและที่เหลือ ตรึงกำลังอยู่กับข้า” แม่ทัพใหญ่สั่งการ รีบรุดออกจากห้องพัก รู้ว่านี่คือแผนแยกกำลัง แต่เสือตัวนี้ก็จำต้องเดินตามแผนด้วยเช่นกัน


เพียงหนึ่งชั่วยาม หลังจากแผนแยกกำลังออกเป็นสามส่วนของลู่เหลียงสัมฤทธิ์ผล

ตู้ม!...เสียงลูกหินกระทบกำแพงเมืองก่อให้เกิดรอยร้าวเป็นทางยาว เสียงโห่ร้องดังเอ็ดอึงทั่วทุ่งหน้ากำแพง กองทหารแกร่งกล้าฮึกห้าวสามหมื่นนายของลู่เหลียงกรูเข้าหาหวังเด็ดชีพของฝ่ายตรงข้าม ฆ่าได้มากเท่าไหร่ บำเหน็จรางวัลยิ่งทบเท่า ตำแหน่ง เงินตรา สาวงาม ครอบครัวจะสุขสบายมีที่ทำกิน

“พวกมันขุดหลุมพรางและทำค่ายกลดักพวกเราตอนที่ไปถึง เหลือทหารที่รอดจากถูกล้อมตีไม่ถึงร้อยคนแล้วขอรับ” ไพร่พลชั้นเลวจากกองทัพทิศตะวันออก กล่าวรายงานให้คนไปส่งข่าวต่อแม่ทัพกั๊วะเฉิงที่กำลังจะเข้าประจันหน้ากับแม่ทัพของลู่เหลียง

“รองแม่ทัพหงซั่วได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี่ท่านหมอกำลังดูอาการอยู่ที่ลานหลังกำแพงเมืองขอรับ...อาการเป็นตายเท่ากัน...” เขาผู้นั้นยังพูดต่อไม่หยุดแม่ร่างกายจะเหนื่อยอ่อนมากเพียงใด ที่รอดมาได้ก็เพราะการสละชีวิตของพวกพ้องคนอื่น

นายกองหนุ่มผู้รับสารได้แต่ส่ายหน้าถอนหายใจแรง อย่างไม่อาจจะรับได้ถึงความปราชัยที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น ก่อนออกวิ่งรุดไปยังแนวหน้าที่แม่ทัพกั๊วะเฉิงกำลังโรมรันอยู่กับข้าศึก

คมดาบ...ปลายกระบี่กรีดแทงให้เลือดถั่งโถมรินหลั่ง ห่าเกาทัณฑ์และธนูนับร้อยนับพันถูกยิงสาดโต้ตอบกันไปมา พื้นดินแดงฉานด้วยโลหิตไหลนองเต็มท้องทุ่งดังสายธารา ซากศพทับถมเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ยามเวลาเคลื่อนผ่าน

พลุไฟคบเพลิงมากมายแตกกระจาย สว่างไสวไปทั้งฟ้าราวเวลากลางวัน หินไฟลูกแล้วลูกเล่าถูกดีดส่งเข้ามาเผาไหม้ในตัวเมืองเท่อถัว ชาวบ้านต่างอลหม่านช่วยกันขนน้ำ เอาผ้ากระสอบมาช่วยกันดับไฟเพลิงที่เกิดจากสงครามล้างเมืองน้ำมือพวกทหารลู่เหลียง บ้างกวาดต้อนผู้คนถอยร่นไปยังทิศใต้ของเมืองหาที่ซุ่มซ่อนตัว

“ย่าห์!...ย่าห์!” เสียงห้าวห้วนร้องตะโกนทุกครั้ง ที่ฟาดดาบเล่มหนาใส่แม่ทัพสูงวัยฝ่ายตรงข้าม

“จะด้วยวิธีใดก็ตาม รุ่งอรุณข้าหวังที่จะไม่เห็นเท่อถัวยังคงอยู่” คือประโยคสุดท้ายจากแม่ทัพใหญ่ หลังจากสั่งการแผนแบ่งกำลังชี้นำให้ซีฉินแล่นตามติด

“ฆ่ามัน...ฆ่าพวกมันเพื่อท่านแม่ทัพเซวียนฟงของเรา!” จ้าวไท่ถิงแม่ทัพทิศอุดรแห่งลู่เหลียงตะโกนก้อง เด่นผยองเห็นเป็นแนวหน้าด้วยฐานะแม่ทัพของศึกครั้งนี้ ชายหนุ่มพุ่งตัวเข้าฟาดฟันเต็มกำลังต่อกั๊วะเฉิงแม่ทัพใหญ่ของซีฉิน ซึ่งตอนนี้ล้ากำลังอ่อนเปลี้ยลงไปมากกว่าแปดส่วนแล้ว

“เจ้าเฒ่าเอ้ย...ยอมแพ้ต่อพวกข้าเสียโดยดี หัวของเจ้าก็ยังคงอยู่” ชายหนุ่มสบประมาทอย่างคะนองปากทั้งทระนงยิ่งกับทัพในปกครอง ที่โหมบุกกระหน่ำมาตลอดสิบวัน ทั้งยังทำแผนลวงไพร่พลให้แตกเป็นสามส่วน แล้วรุกตีกลางดึกอย่างที่ซีฉินคาดไม่ถึงอีก

“ข้าไม่มีวันยอมเป็นดั่งสุนัขรับใช้ลู่เหลียงอย่างแม่ทัพชั่วของพวกเจ้าหรอก!”

วาจาสามหาวราวตีเข้าแสกหน้า “อย่างนั้นแล้วก็ตายเป็นผีเฝ้าแผ่นดินที่เจ้ารักนักรักหนานี้เถอะ!” จ้าวไท่ถิงตวาดลั่น รวมกำลังพุ่งเข้าใส่ เงื้อดาบหนนี้ต้องปลิดลมหายใจเจ้าเฒ่าผู้กล่าววาจาหมิ่นเกียรติให้หลุดลอย

“แม่ทัพกั๊วะเฉิง!” ฉินหมิ่นเจี๋ยซึ่งติดพันด้วยรองแม่ทัพคนหนึ่งของลู่เหลียง ถึงขั้นร้องตกตะลึงพรึงเพริดกับความเพลี่ยงพล้ำที่เกิดขึ้นตรงหน้า ภาพศีรษะของแม่ทัพใหญ่ขาดกระเด็ดออกจากบ่า เลือดพวยพุ่งกระฉูดเป็นสายน้ำ

ชายหนุ่มกำกระบี่แน่น ความคับแค้นต่อชะตากรรมของท่านแม่ทัพอาวุโสก่อตัวราวกับควันไฟทะลักทลายออกจากปล่อง

“ฉั๊วะ!” หนึ่งชีวิตของแม่ทัพกั๊วะเฉิงแลกด้วยหนึ่งชีวิตของรองแม่ทัพลู่เหลียง
ฉินหมิ่นเจี๋ยวิ่งตรงเข้าใส่จ้าวไท่ถิง คมกระบี่ปะทะเข้ากับดาบเนื้อดี

“เคร๊ง!” แรงกดหนักพลุ่งดันขึ้นจากภายใน

แต่ก่อนจะทันได้ฟาดฟันกันจนชีวาอีกฝ่ายสิ้นดับ “ทัพตะวันออกกับตะวันตกพ่าย
แล้ว ๆ” เสียงป่าวร้องดังต่อเป็นทอดให้ได้ยินถึงด่านหน้า จำนวนทหารที่เหลือน้อยทั้งยังตกตะลึงกับความพ่ายแพ้ของแม่ทัพใหญ่แห่งตน ต่างเริ่มเสียขวัญเร่งถอยเข้ากำแพงเมืองที่กำลังหักโค่นถล่มลง

แม่ทัพหนุ่มจากแดนใต้จำต้องสลัดความคิดที่จะฆ่าชายผู้อยู่ตรงหน้า กระบี่ในมือฟันสกัดพากำลังคนส่วนที่เหลือล่าถอย ไพร่พลเท่อถัวเหลืออยู่ไม่ถึงพันแล้ว ทางทิศใต้ของเมืองมีที่หลบซ่อนตัว ชาวบ้านต่างก็กำลังรอกำลังคุ้มกันอย่างพวกเขาอยู่

ตลอดทั้งคืนที่สู้รบท่ามกลางเปลวเพลิงลุกไหม้ทั่วทั้งเมือง เท่อถัวแตกแล้ว...และจุดหมายต่อไปของลู่เหลียงก็คือไท่ซาง!

มวลอากาศรอบบริเวณกดทับร่างกายและจิตใจดั่งหินก้อนใหญ่ จะก้าวก็ก้าวไม่ออก จะหยุดรั้งรีรอสูดหายใจก็ไม่อาจจะทำได้ อีกไม่ถึงชั่วยามอาทิตย์ของวันใหม่จะคลี่แสงฉาน แต่จะมีสักกี่คนที่รักษาชีวิตให้เหลือรอดได้เห็นรุ่งอรุณของวันพรุ่งนี้...

*****

แสงสว่างนวลยามค่ำคืนของดวงแขสาดทั่วนภา ควันไฟบางส่วนจากการเผาไหม้ซากเมืองเท่อถัวและศพของทหารซีฉินยังคงลอยพวยในเวิ้งอากาศที่เห็นไกลๆ

ลมเย็นพัดเรื่อยระยอดหญ้าให้ไหวลู่เอน ท้องฟ้าเต็มไปด้วยหมู่ดาวเหมาะกับการร่ำสุรายิ่งนัก ข้างนอกเสียงโห่ร้องฉลองชัยของเหล่าทหารในปกครองดังให้ได้ยินเป็นระยะ หากแต่จอมทัพแห่งลู่เหลียงกลับนั่งดื่มด่ำกับรสเหล้าชั้นดียังตั้งโต๊ะเล็กๆ ภายในกระโจมที่พักตามลำพัง

จวนแล้ว...ยามรุ่งสางหมุนเวียนอีกเพียงไม่กี่ครั้ง ชัยชนะทั้งหมดต่อซีฉิน ข้า...เซวียนฟงก็จะได้ครอบครอง จิตใจซึ่งเศร้าหมองมายาวนาน ดั่งถูกเข็มทะลวงลึก ความรู้สึกปลอดโปร่ง โล่งไหลระรินแช่มชื่นทั่วร่าง ความทุกข์ยากแสนเข็ญ ที่เขาต้องทนแบกรับกำลังจะได้รับการชดเชย ดวงวิญญาณของคนในครอบครัวจะได้รับการปลดปล่อยจากข้อกล่าวหาว่าเป็นขุนนางคดโกงบ้านเมือง

ปกติชายหนุ่มไม่ได้ชื่นชอบการดื่มของมึนเมานัก ตลอดชีวิต ทุกสติ...ทุกลมหายใจวนเวียนครุ่นคิดเพียงหนทางแก้แค้นศัตรูที่ฆ่าครอบครัว ร่างกายกำยำแข็งแกร่งฝึกหามรุ่งหามค่ำไม่เคยละมือ
หนแรก...และหนเดียวที่ทำงานผิดพลาด เลือดในกายได้เซ่นสังเวย ปฏิญาณมั่นต่อนาย...ผิดพลาดหนสอง เซ่นด้วยชีวิต!
เดนตายทุกสมรภูมิรบ!

สุนัขจนตรอกจากซีฉิน ทาสรับใช้ขององค์ชายสิบเอ็ดหรูจื้อเถียนในวันวาน...มือขวาและมันสมองของฮ่องเต้ผู้ยิ่งใหญ่แห่งลู่เหลียงในวันนี้

ดื่มจนเป็นที่พอใจ...

เพล๊ง!

เซวียนฟงขว้างเหล้าทั้งไหทิ้งอย่างไม่แยแส ตากร้าวแข็งกล้าแดงก่ำดุจปีศาจร้ายยามราตรีจดจ้องแผนที่อาณาเขตแคว้นซีฉินทั้งหมดซึ่งแผ่ใต้ฝ่าเท้าบนพื้นกระโจม คล้ายดั่งจะมองให้มันลุกไหม้เป็นเถ้าธุลีดิน ชั่วครู่...มีดสั้นข้างเอวประจงกรีดกลางฝ่ามือส่งผลให้หยดเลือดรินรดบนแผนที่ ชายหนุ่มก้าวถอยหนึ่งก้าว ฝ่ามือหนักคว่ำคบไฟเล็กในห้องลงยังพื้น

เพลิงไฟเผาไหม้ลามลุกอย่างรวดเร็วด้วยฤทธิ์ของน้ำเมา ทหารหน้ากระโจมวิ่งเหลอหลาหน้าตาตื่นเข้ามา เพราะได้ยินเสียงของล้มดังโครมคราม

เข้ามาแล้วก็แทบถอยหลังกรูดในทันใด เมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาก่ำสีของแม่ทัพตน

“ท่าน...ท่านแม่ทัพ”

เซวียนฟงยังนิ่งเฉยต่ออาการจดๆ จ้องๆ กล้า...กลัวของทหารเลวทั้งสองคน

ชั่วหนึ่งลมหายใจ ร่างสูงหันกายกลับเข้าที่พักส่วนใน ปล่อยให้เลือดบนฝ่ามือไหลย้อยหยดลงบนแผ่นดินแคว้นซีฉิน

“ปล่อยให้มันไหม้” เสียงแม่ทัพใหญ่ผู้เป็นเจ้าชีวิตสั่งคำ ก่อนม่านหนาหนักจะปิดลง

ทหารชั้นผู้น้อยได้แต่กลืนก้อนแข็งๆ ซึ่งกระจุกค้างคาลงลำคอ ชะงักมือที่กำลังจะรีบเร่งช่วยกันดับไฟ กลัวว่ามันจะไหม้โหมทั้งกระโจม ทั้งสองทำได้เพียงแต่ตะล่อมเศษแผนที่กับไต้ไฟให้กองอยู่ในวงแคบๆ ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยความใดต่อกัน

แม่ทัพของพวกเขา น่ากลัวที่สุดในคืนนี้!

*****

“...”

ตาคู่ใหญ่ลืมโพลงมองเพดานห้อง กว่าชั่วยามหนึ่งแล้วที่ร่างใหญ่กระสับกระส่ายพลิกตัวไปมา ท้ายที่สุดจำต้องลุกขึ้นคว้าเสื้อคลุม คงต้องออกไปปล่อยอารมณ์ความกลัดกลุ้มที่สวนหลังจวน

“ท่านเสนาบดี...” บ่าวต้นห้องชะงักเท้าที่หมายจะก้าวตาม เพราะนายโบกมือห้ามว่าอยากอยู่คนเดียว

เพลานี้...กลางสวนไม้ดัดหลังจวนเสนาบดีแห่งลู่เหลียงอันสงัดเงียบ ยินแต่เสียงถอนหายใจไร้จังหวะ

ตั้งแต่องค์ชายสิบเอ็ดหรูจื้อเถียนทรงขึ้นครองราชย์สมบัติปกครองลู่เหลียงอย่างแท้จริง แม้ตอนนี้ตำแหน่งเสนาบดีที่ปรึกษาเคียงคู่ราชบัลลังก์ ซึ่งเขา...หานยี่กว๋อสู้อุตส่าห์ฝ่าฟันกว่าจะได้มาจะยังรักษาไว้ได้อยู่ หากเขารู้ว่าฐานที่มั่นมันได้เริ่มสั่น...คลอนเคลื่อนด้วยน้ำมือของคนซึ่งเขาได้คอยประคับประคองผลักดันหนุนชูไว้ตลอดเวลารับราชการงานหลวงมา

ไม่สิ...มันนานมากกว่าครึ่งชีวิตที่ตัวเขาผู้นี่ค่อยๆ วางรากฐานที่มั่นไว้คอยรองรับการเสด็จขึ้นครองราชย์ของฮ่องเต้พระองค์นี้

“เพื่อข้า เพื่อราชบัลลังก์ที่ท่านรัก...ฝึกปรือเขาให้ได้เทียมเท่าท่าน” คือพระราชกระแสรับสั่งของประมุขแห่งแคว้น ยามประทับอยู่เพียงลำพังกับเขา อีกทั้งมีหลายครั้งหลายหนที่ทรงตั้งพระทัยเมินเฉยต่อข้อเสนอแนะหลายๆ อย่างจากเขา
เพราะไม่วางใจเขาแล้วหรือ ถึงได้ทรงรับสั่งเช่นนั้น หรือทรงคลางแคลงในความภักดีอันใด ถึงได้ทรงหมายมั่นที่จะปั้นแต่งบัณฑิตรุ่นหนุ่มความสามารถดั่งเด็กเมื่อวานซืนขึ้นมาถวายงานให้ได้เทียบเทียมเสนาบดีสี่บัลลังก์ดังเช่นเขา

อำนาจเด็ดขาดในราชสำนักที่เคยหยิ่งผยองแต่หนหลัง กำลังจะถูกลิดรอนถ่ายโอนแล้วกระนั้นรึ บุรุษร่างใหญ่ค่อนข้างท้วมตามอายุที่มากขึ้นลงแรงเดินย่ำไปมาภายในสวน พยายามข่มอารมณ์หงุดหงิดของตน

หากไม่ทรงเห็นหรือจดจำได้ถึงสายสัมพันธ์แนบแน่นเคยมีต่อกัน คุณธรรมพื้นฐานของคำว่ากตัญญูมิได้ซาบแทรกในสายพระโลหิต อยากให้พระองค์ทรงรู้ด้วยเช่นกัน ว่าคนอย่างหานยี่กว๋อจะไม่มีวันยอมถูกลูบคมเพียงฝ่ายเดียว...

มีความจริงอีกหลายสิ่งที่พระองค์ยังรู้ไม่แน่ชัด...หรูจื้อเถียนฮ่องเต้

บัลลังก์นี้ซึ่งเสนาบดีอย่างข้าสร้างถวายพระองค์มากับมือ เมื่อถึงวันที่ถูกบีบมากๆ ความเป็นจริงจากปากข้านี้ก็จะสามารถคว่ำบัลลังก์ทองของพระองค์ได้เช่นกัน!






Create Date : 14 เมษายน 2553
Last Update : 14 เมษายน 2553 17:50:57 น. 3 comments
Counter : 340 Pageviews.

 
สวัดดีครับชาว bloggang วันนี้ผมมาเนาะนำเว็บไซค์ของผมหน่อยน่ะครับขอไม่ว่าไรกันน่ะครับข่าวไทยตาโต


โดย: prempcc วันที่: 14 เมษายน 2553 เวลา:18:06:22 น.  

 


โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว วันที่: 14 เมษายน 2553 เวลา:20:45:45 น.  

 
ขอบคุณที่แวะมาทักทายค่ะ ไม่เป็นการรบกวนสักนิดค่ะ แวะไปโฉบเว็บข่าวแล้วค่ะ

มีควา่มสุขในทุกวันของชีวิตนะคะ


โดย: อิมาอิซัง วันที่: 15 เมษายน 2553 เวลา:21:33:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นางสาวอ้วนจัง ตังค์มากมี
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]





ฝาก"บัลลังก์เสน่หา : จากหนึ่งคำมั่น ตราบสิ้นนิรันดร์" ด้วยค่ะ
กรงขังสิเนหา
ทาสสวาทเงาเสน่หา
บุพเพเล่ห์จันทร์
ในรั้วรัก
เสี้ยวสิเน่หา
รอยนิรันดร์
กลีบเหมยกลางทราย
เล่ห์รักร่ายปรารถนา
ตะวันเยี่ยมรุ่ง
ขวัญข้าเอย
ลิขิตลวง
สิ้นแสงรังสิมา (หนึ่งหทัยมังกร)
ดาริกากลางใจ (ดวงใจรักจ้าวยุทธ์)
หากฟ้าไร้เมฆินทร์ (ทาสรักสลักใจ)
ฤาศศินอำพราง (ยอดพธูจอมทัพ)
รื่นกลิ่นปทุม
รักลุ้นวุ่นหวาน
สัญญาลับฉบับรัก
เพียงสิ้นชีวา
เนื่องนิจสิน
แม้นเดือนดับ
จันทร์ร้างฟ้า
กรงบรรณาการ
ฝนซาเมื่อฟ้าสาง
กลีบเก็ดถวา
แสงแรกของตะวัน
ทั้งหมดภายใต้นามปากกา วิรมย์รดา กะรัต ลนาริน ธาราพิศุทธิ์
Friends' blogs
[Add นางสาวอ้วนจัง ตังค์มากมี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.