Group Blog
 
 
เมษายน 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
12 เมษายน 2553
 
All Blogs
 
บัลลังก์เสน่หา : หลังม่านสมรภูมิ (ครึ่งแรก)


ไม้ผลิใบอ่อนต้นวสันต์ สายลมโชยพัดระลอกดั่งคลื่นมหาสมุทร หมู่เมฆขาวลอยอ้อยอิ่งโผล่ขึ้นมาจากยอดเขา ขัดกับเสียงกีบม้ากระทบพื้นดิน ราวกลองศึกถูกกระหน่ำตีอย่างเร่งรีบดังกึกก้องทั่วบริเวณ ที่กองทหารม้าจากแดนใต้เคลื่อนกำลังพลผ่าน จุดหมายปลายทางคือเท่อถัวปราการทางตะวันออกก่อนเข้าอาณาเขตของไทซ่างเมืองหลวงแคว้นซีฉิน

บุรุษร่างสูงกำยำควบบังคับม้าคู่กายให้ทะยานพุ่งโผนผ่านทิวไม้ของป่าเขา ราวกับพายุพัดจนฝุ่นดินฟุ้งตลบ ราชโองการเร่งด่วนจากวังหลวง ให้เหล่าแม่ทัพนายกองหลักของแคว้นระดมกำลังยังส่วนกลาง ตัวเขาจึงต้องรุดเดินทัพเคลื่อนกำลังคนบางส่วนขึ้นมาสมทบกับแม่ทัพใหญ่กวั๊ะเฉิงเพื่อวางแผนตั้งรับรักษาเมือง

ซีฉินคาดการณ์ผิดมากนัก ทัพของลู่เหลียงเริ่มรุกขยายดินแดนกันอีกหน และครั้งนี้กลับมุ่งปลายหมายพุ่งเป้ามายังซีฉิน ผิดคาดนักที่คิดว่าลู่เหลียงเลือกจะโจมตีต้าฉางก่อน สุดท้ายจอมทัพอย่างหรูจื้อเถียนกลับหยุดรุกรบชิงดินแดนอยู่เพียงแคว้นเสี้ยนที่มีเขตแดนด้านตะวันตกติดกับต้าฉาง

หัวมังกรอย่างหรูจื้อเถียน วกกลับเข้าตีส่วนกลางของแคว้นตนอย่างไม่ปล่อยให้ศัตรูฝ่ายตรงข้ามได้ทันตั้งตัว คนของราชวงศ์ถูกฆ่าตายตกราวใบไม้ร่วง ใช้เวลาไม่นานการผลัดแผ่นดินก็เสร็จสิ้น ซีฉินที่เคยคิดจะฉกฉวยประโยชน์จากการสู้รบของลู่เหลียงกับต้าฉาง ล้วนต้องปรับแผนการใหม่ ผลพลอยได้ซึ่งคิดจะหยิบฉวยมาง่าย ๆ นั้นไม่สามารถกระทำได้ดั่งใจนึกแล้ว

เวลาเพียงไม่กี่เดือนทัพใหญ่ของลู่เหลียงตีฝ่าปราการคุ้มแดนของซีฉินด้านตะวันออกมาได้สองด่าน การขนไพร่พลทัพหน้ามากกว่าแสนนาย และยังมีมาสมทบเรื่อยๆ จากบรรดาแคว้นที่ตกเป็นเมืองขึ้น ทำให้ทัพผสมของลู่เหลียงยิ่งใหญ่เกรียงไกรราวกับเสือติดปีก มังกรติดเขี้ยวเล็บยากจะเอาชนะได้โดยง่าย

สงครามภายในต้าฉางกำลังคุกรุ่น หากแต่หรูจื้อเถียนไม่ฉวยโอกาสตอนที่ต้าฉางกำลังแตกสามัคคีจัดการรุกตีให้แตกพ่าย หรือเขาจะรอซ้ำยามเปลี้ยอย่างที่ซีฉินเคยคิดจะทำต่อลู่เหลียงและต้าฉาง ทัพหลวงนั้นจึงได้มุ่งตรงมายังซีฉินที่กำลังพลรวมเป็นหนึ่งเดียวเตรียมพร้อมตั้งรับเขาอยู่

แต่ถึงจะเตรียมพร้อมแค่ไหน ใช่ว่าจะทำทุกอย่างสำเร็จได้ดั่งใจ แม้กำลังทหารจะพร้อม หากแต่การรบที่เคยทำมา เป็นเพียงแค่รักษาเขตแดนจากพวกคนเถื่อนเผ่าเร่ร่อนที่คอยสร้างความรำคาญแถวชายแดน กองทัพหน้าด่านคาดประเมินศัตรูอย่างลู่เหลียงต่ำเกินไป ทำให้ต้องแตกพ่ายถอยร่นเร็วกว่าที่คิด กาลก่อนเจ็ดแคว้นอยู่อย่างสงบร่มเย็น ไม่มีศึกสงครามการรบใหญ่อย่างจริงจัง ครานี้คงหลีกไม่พ้นที่แผ่นดินจะลุกเป็นไฟ ด้วยการแสวงอำนาจของทัพพญามังกรกระหายสงครามแห่งลู่เหลียง

“แม่ทัพฉิน!...แม่ทัพฉิน!” ทหารยศนายกองควบม้าห้อตะบึงตีตื้นฝีเท้ามาศึกของแม่ทัพใหญ่

“ว่ามา!” ฉินหมิ่นเจี๋ยตะโกนถามต้านแรงลม เขาไม่ได้ลดฝีเท้าม้าคู่กายลงแม้แต่น้อย ยังคงควบมันทะยานมุ่งตรงไปเบื้องหน้า

“พวกทหารร่วงหล่นหลังม้าไปหลายคนแล้วขอรับ!” ทหารใต้บังคับบัญชารายงานเสียงหนักต้านกระแสลมเช่นเดียวกัน “คงไม่อาจฝืนทนจนข้ามเขาได้”
หกวันหกคืนที่ต่างควบม้าฝ่าเปลวแดดและความมืดมิดของราตรี มีเพียงการหยุดพักม้า แต่ไม่ยอมเสียเวลาตั้งค่าย

“ม้ากับคนที่ยังไหวตีออกจากขบวนตามข้าไป อนุญาตให้คนที่ต้องการพักตั้งค่าย หากช้าเกินสามราตรีไม่เข้ารายงานตัว ให้มันไสหัวออกจากทัพข้าไป!” ชายหนุ่มออกคำสั่งเสียงกร้าว สายตาคมยังคงมุ่งตรงฝ่าเปลวแดดร้อนระอุยามเที่ยงวัน

ข้ามเขาลูกหน้าไปคือกำหนดพักม้าอีกครั้ง ยิ่งเสียเวลาในการเดินทัพช้าเท่าไหร่ การต้านทัพใหญ่ที่กระเหี้ยนกระหือรือจะควบกลืนดินแดนอย่างลู่เหลียงยิ่งจะก่อให้เกิดผลเพลี่ยงพล้ำมากขึ้นเป็นเท่าตัว ลู่เหลียงหวังรุกซีฉินให้แตกด้วยกำลังพลที่เหนือกว่าอย่างรวดเร็ว จึงเลือกที่จะรบทะลวงตรงมายังเมืองหลวงไม่มีการตีโอบให้อ้อมค้อมเสียเวลา
สายเลือดแห่งซีฉินจะไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ จนกลายเป็นเพียงหมากในกระดานดังเช่นแคว้นอื่น ที่ลู่เหลียงจะใช้เป็นทัพแรกในการบุกต้าฉางในภายหน้า การระดมพลรบอย่างแตกหักสุดกำลังจะบังเกิดขึ้นเพื่อรักษาซึ่งความเป็นแคว้นให้คงอยู่!

*****

อาทิตย์ยังสาดแสงกล้า เสียงอึกทึกและการเคลื่อนไหวของคนมากมาย ตลอดจนขบวนรถศึกไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงง่าย ๆ ในพลบค่ำนี้ กองทหารต่างหลั่งไหลเข้าสู่ทุ่งกว้างนอกเขตเมืองเท่อถัวอย่างไม่รู้จักหมดจักสิ้น เสียงรัวกลองและขานรับให้ตั้งทัพดังกระหึ่มเป็นทอด ๆ ก้องทุ่งกว้าง

เซวียนฟงฟาดขาเข้าข้างตัวม้าศึกคู่ใจควบพามันออกจากที่ตั้งค่าย ไม่ให้คนติดตาม ที่นี่คำสั่งของเขาถือเป็นอาญาจากสวรรค์ เบื้องหลังคือกำลังทหารมากกว่าแสนนายที่อยู่ในกำมือ แม่ทัพใหญ่อย่างเขาอยู่เหนือคนนับแสนนับล้าน หากแต่ยอมศิโรราบอยู่ภายใต้คนเพียงผู้เดียว

ความภักดีชั่วชีวิตมอบเพียงหรูจื้อเถียนฮ่องเต้แห่งลู่เหลียง ผู้เป็นนายเหนือหัว...เป็นเจ้าของวิญญาณ...เป็นผู้ชุบชีวิตซึ่งเคยตกยากลำบากแสนเข็ญ ให้ลุกขึ้นหยัดยืนอย่างมั่นคงได้อีกครั้ง

กลางทุ่งกว้างอันเวิ้งว้างร่างสูงปราดเปรียวยืนตระหง่านอยู่โดดเดี่ยว สายลมราวครวญคร่ำถึงความเศร้าระทมโศกแต่หนหลัง ความเงียบเหงา...เดียวดาย ถั่งโถมลั่นอึงอลอยู่ภายในใจอย่างหาที่สิ้นสุดไม่ได้

เขามีชีวิตอยู่เพื่อใครกัน...

สิบปีที่ต้องทนอยู่อย่างโดดเดี่ยวเพื่อสิ่งใด...

ฝ่ามือใหญ่ลูบยังชุดเกราะ...คราบเลือดแห้งกรังทิ้งรอยติดอยู่บนชุดที่เปรอะ

เปื้อนฝุ่นดิน ทั้งหมดคือเลือดของคนซีฉิน!

เลือดในแบบเดียวกันกับที่ไหลเวียนในกายเขา...

หากแต่ใจดวงนี้...ฝ่ามือคู่นี้เองที่ควงกระบี่ขี่ม้าบุกตะลุยออกแนวหน้า บั่นหัวแม่ทัพนายกองเข่นฆ่าทหารหาญ และสองขานี้ด้วยเหมือนกัน ที่เหยียบย่ำทำลายธงแคว้นซีฉินอย่างราบคาบ

...ท่ามกลางแดดแผดเผา ลมร้อนพัดวูบมาระลอกใหญ่ต้องใบหน้าคมสัน แต่ใจเขากลับอึดอัดคับแน่นไปด้วยไฟแห่งความแค้นที่สุมเผา ตัวเขายืนอยู่ ณ ที่แห่งนี้ แต่ใจนั้นกลับแล่นโลดหมายมุ่งรุกไกลถึงวังใน

แววตาแข็งกระด้างมองไปยังทิศเบื้องหน้า ทิศที่วังหลวงของซีฉินตั้งอยู่ ทิศที่มีศัตรูซึ่งพรากทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเขาตลอดกาล กำลังนั่งเสวยสุขอยู่บนความทุกทรมานกว่าสิบปีของเขา แต่จะมีประโยชน์อันใดในเมื่ออดีตไม่อาจแก้ไข กาลเวลาไม่อาจไหลคืน…เซวียนฟงแค่นยิ้มอย่างขมขื่น

ยามอักษร “เซวียน” สีดำเด่นอยู่บนผืนธงรูปเสือขาวที่สะบัดด้วยแรงลมในสมรภูมิรบ จะบอกและตอกย้ำให้พวกขุนนางซีฉินมันรู้ว่าใครกันที่นำทัพบุกมา และเป็นผู้ใดกันที่พวกมันเคยได้กระทำหยาบช้าพร่าผลาญชีวิตโดยไร้ความผิดไร้ความปราณี ไม่เว้นแม้กระทั่งทารกแบเบาะ!

คุณธรรมสูงส่งของข้าราชสำนักที่ดีคือความกตัญญูภักดีต่อแผ่นดินเกิด...

ตระกูลเซวียนซื่อตรงภักดีแล้วได้สิ่งใดตอบแทน!

ซีฉินคือแผ่นดินเกิด หากทว่าซีฉินก็คือแผ่นดินที่หันหลังพร้อมกับผลักไสเขาราวหมาจนตรอกตัวหนึ่ง

เพราะความเบาปัญญาของฮ่องเต้ชั่ว ที่หลงเชื่อคำเท็จพลิกลิ้นสอพลอของขุนนางโฉดบางคน กว่าสามร้อยชีวิตคนตระกูลเซวียนจึงได้สิ้นไปจากแผ่นดินนี้
ตราบแผ่นดินกลบหน้าก็อย่าได้หวังว่าความแค้นสุมอกของข้านี้จะลดทอน!

ชีวิตครอบครัวข้าสิ้นสูญไปเท่าไหร่ ครอบครัวพวกขุนนางโฉด ฮ่องเต้ชั่วต้องตายตกชดเชยเพื่อสังเวยแก่ดวงวิญญาณเหล่านั้นมากเพิ่มเท่าทวี!

หนึ่งชีวิตที่เหลือรอดนี้...ข้าขอรอดูสีหน้ายามสิ้นชาติของฮ่องเต้ชั่ว

หนึ่งชีวิตที่เหลือรอดนี้...ข้าขอรอดูซีฉินราบเป็นหน้ากลอง

หนึ่งชีวิตที่เหลือรอดนี้...ข้าขอรอดูความพินาศของคนตระกูลฉิน!

*****


“หนีเร็ว! หนีเร็ว! พวกกบฏฝานจิ้งมันมาแล้ว” เสียงร้องอย่างคนขวัญบินดังแหวกอากาศตลอดทางที่สองเท้าของชายวัยกลางคนวิ่งก้าวผ่าน ไล่หลังเขาคือกลุ่มม้าศึกที่ควบตะลุยฝ่าเข้ามายังถนนใจกลางหมู่บ้าน

“หนีเร็...” ยังไม่ทันตะโกนจบ ร่างเขาก็พับคว่ำล้มตึง เลือดสด ๆ ไหลอาบแผ่นหลังซึ่งเหวอะด้วยบาดแผดพาดเฉียงด้วยคมดาบ

แม่จูงลูกหลานวิ่งหาที่หลบซ่อน พ่อต่างช่วยปกป้องคุ้มกัน คนเฒ่าหลังงุ้มแก่ชราสั่นประหม่างกเงิ่นหนีตาย เสียงหวีดร้องเซ็งแซ่ ฝีเท้าหลายสิบคู่วิ่งพล่าอลหม่านอึงอลไม่รู้เหนือรู้ใต้ของชาวบ้าน ที่ต่างพากันรักษาชีวิตให้รอดพ้นจากคมดาบ และลูกธนูที่พุ่งราวกับห่าฝนเข้าใส่หวังปลิดชีวิตให้ด่าวดิ้น

ที่ล้มทรุด...บ้างต่างร้องขอชีวิต ก้มกราบกราน กระเสือกกระสนลนลานคลานหนีตามพื้น แต่ผลได้รับกลับเป็นการบังคับม้าศึกสูงใหญ่เหยียบกระแทกซ้ำให้กระอักเลือด คมหอกปลายหลาวแทงทิ่มทะลุปักไว้กลางดิน!

บ่ายคล้อยยามอาทิตย์ใกล้อัสดง...ชายชุดดำบนหลังม้าเคลื่อนหายลับไปจากหมู่บ้านนานแล้ว ที่เหลือทิ้งไว้เกลื่อนกลาดเป็นเพียงศพอันอาบเลือดโชยกลิ่นคาวคลุ้งของชาวบ้านผู้เคราะห์ร้าย ไม่กี่คนซึ่งรอดชีวิตค่อยคืบออกจากเกราะกำบัง สายตาตื่นตระหนกระคนสิ้นหวังสอดส่ายแลหาใครสักคนที่รอดชีวิต ใครคนนั้น...ที่ต่างก็คิดหวังให้เป็นคนในครอบครัวที่พลัดหลงยามจวนตัวหน้าสิ่วหน้าขวาน
สมาชิกบ้านไหนครัวไหนที่เหลือรอดต่างก้มนบขมาต่อฟ้าดิน ส่วนที่สิ้นนั้นคนอยู่ล้วนตีอกชกตัวพร่ำโทษตัวเองที่ไม่อาจปกป้องคุ้มครองบุคคลผู้เป็นที่รักได้

เด็กน้อยร้องไห้สะอึกสะอื้นข้างศพผู้เป็นพ่อ ไร้แล้วซึ่งร่มเงาของชีวิต ต่อแต่นี้จะมีผู้ใดอุ้มชูเลี้ยงดูให้อิ่มหนำ ยายแก่ชราตาฝ้าฟางร่ำไห้ขื่นขมในโชคชะตาอันโหดร้ายกับลูกชายคนเดียว...ลูกชายที่เหลือเพียงร่างที่ไร้ลมหายใจ แล้วหนทางข้างหน้าจะฝากผีฝากไข้ไว้กับผู้ใดกัน

บ้านเมืองเคยสงบร่มเย็น กำลังจะเข้าสู่กลียุคด้วยศึกแย่งชิงราชบัลลังก์ของคนชั้นเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน พวกเขาทำผิดสิ่งใดกัน เกิดเป็นข้าในแผ่นดินชีวิตก็เปรียบดั่งมดปลวกไร้ซึ่งศักดิ์ศรีให้คนชั้นปกครองบางกลุ่มข่มเหงรังแกแล้ว ยังต้องมาเจอเรื่องราวโหดร้ายยากยิ่งทำใจได้แบบนี้อีก

ธงดำสะบัดไหว อักษรนาม”ฝานจิ้ง” สีโลหิตตระหง่านเด่นหราที่กลางธงปักหน้าประตูหมู่บ้าน ทั้งหมดเกิดขึ้นชั่วพริบตา กบฏองค์ชายฝานจิ้งแน่หรือที่บุกมาเข่นฆ่าพวกเขา นามเลื่องลือที่เคยยืนหยัดปกป้องคุ้มภัยให้แก่พวกเขามาบัดนี้แปรผันเข้าล่าฟัน

ข่าวลือ...มันก็แค่ข่าวลือ องค์ชายฝานจิ้งจะทรงไม่กระทำเช่นนั้นแน่ วารวันเคยลอบจับกลุ่มคิดเห็น

ไม่นึกฝันวันนี้...จะเจอเข้ากับหมู่บ้านของตัวเอง สงครามแย่งชิงราชบัลลังก์เกิดกับต้าฉางแล้วจริง!

*****

เมืองเหวินจง....แคว้นต้าฉาง

พระบาทใหญ่ก้าวโครมๆ พ้นออกจากห้องทรงพระอักษร คงเหลือทิ้งไว้เพียงเศษของราชโองการประทับตราราชลัญจกรที่ถูกฉีก...ขยำ แล้วเหยียบซ้ำย่ำกับพื้นห้องเบื้องหลัง

“จับตาดูเจ้าคนถือสารนั่นให้ดี อย่าให้มันมาเสนอหน้าให้ข้ารำคาญลูกตา...ย่ำรุ่งเมื่อไหร่มอบจดหมายไป แล้วส่งคณะพวกมันออกนอกประตูเมืองให้พ้นหูพ้นตาข้าโดยเร็ว ก่อนที่ข้าจะคิดเปลี่ยนใจกุดหัว และส่งพวกมันลงไปเฝ้ายมบาล!” อ๋องหยิงหมิงตรัสเต็มพระสุรเสียงกับทหารคนสนิทก่อนเสด็จเข้าห้องประทับส่วนพระองค์

“อาศัยความเป็นฮ่องเต้อยู่เหนือคนทั่วหล้า หมายบีบบังคับข้า...บัดซบ!” พระอารมณ์ฉุนเฉียวไม่พอพระทัยนั้นไม่มีลดทอนลง แม้ประทับอยู่เพียงพระองค์เดียว
กริ้วนัก!...เมื่อทรงเห็นเนื้อความราชโองการให้พระองค์ยกกำลังพลเข้าปราบปรามกบฏทัพฝานจิ้ง

กบฏรึ!...

“ด้วยพระปรีชาและความจงรักภักดีซึ่งพระปิตุลาทรงมีต่อราชบัลลังก์ต้าฉาง หม่อมฉันคิดว่าคงจะนำพาให้ทรงปราบปรามกบฏทัพฝานจิ้งที่กำลังก่อความเดือดร้อนต่อราษฎรชาวต้าฉาง และหมายเข้ายึดครองแผ่นดินได้โดยพลัน”
เฮอะ! กล้าส่งราชโองการจงใจคิดจะหยั่งเชิงข้าเชียวหรือ!

แผนสยบขวัญเข่นฆ่าราษฎรในปกครอง ปล้นสะดมทรัพย์สินทำความรำคาญให้ทัพหลวง ผู้ใดกันที่สมควรถูกเรียกว่ากบฏของแผ่นดิน!

สิ้นองค์ฮ่องเต้แล้ว บรรดาหัวเมืองหน้าด่านที่ตั้งตัวเป็นใหญ่ทำทีกระด้างกระเดื่องตอนนี้ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นพวกเชื้อพระวงศ์ที่ถูกส่งไปปกครองทั้งนั้น ยังมิเห็นมันจะจัดการกระทำสิ่งใด

เจ้าพี่นะเจ้าพี่...หม่อมฉันไม่อยากเชื่อว่าพระองค์จะทรงเลอะเลือนได้ถึงเพียงนี้ ใครกันที่เหมาะสมกับราชบัลลังก์ พระองค์ไม่ทรงทราบเลยหรือไร สิ่งใดที่ทำให้ทรงมีพระราชดำริแผกไปจากที่ข้าพระองค์หมายไว้แต่ต้น
ความเคลือบแคลงนี้ตัวข้าต้องหาข้อพิสูจน์ให้จงได้!
หนานลี้...เจ้าถึงขนาดกล้าสั่งให้ข้าเลือกข้างมิมีความยำเกรงต่อกัน คงจะได้ลิ้มรสเลือดกลบกลิ่นน้ำนมที่ปากเข้าสักวัน!

*****

ห้องทรงงานเล็กภายในพระตำหนักไท่หนิงจิ้ง

“มีใครบ้างสามารถจับเมฆหมอกอันไร้ตัวตน ไพร่พลที่ลงแรงคงสูญเปล่าสิ้นประโยชน์ เพราะกบฏนั้นไซร้หาได้อยู่ไกลถึงเจิ้งถง...เลือกหักไม่เลือกงอ เห็นทีข้าจะเอาเจ้าอาพระองค์นี้ไว้ไม่ได้ดุจเดียวกัน!” หนานลี้ฮ่องเต้ทรงยันพระบาทถีบเข้ายังเก้าอี้สำหรับเชื้อพระวงศ์ที่เข้าเฝ้าจนล้มตึงเสียงดังสนั่น พระสุรเสียงอันดังตวาดอย่างฉุนเฉียวในพระทัย พระโทสะพวยพุ่งยิ่งนักกับพระอักษรของพระปิตุลานามหยิงหมิง

รู้ว่าเป็นเสี้ยน แต่ก็ยังทรงดำริคิดลองพระทัยให้เสี้ยนนี้มันทิ่มตำเข้าสักหน แผลที่ทรงโดนสะกิดนี้ช่างเจ็บนัก!

กบฏนั้นไซร้หาได้อยู่ไกลถึงเจิ้งถง...สามหาวกล้าที่จะเล่นลิ้นเอากับข้าผู้เป็นประมุขของแคว้น เซี่ยหยิงหมิง!...มันผู้นี้เป็นเสี้ยนหนามอีกอันที่ต้องรีบกำจัดให้พ้นทาง!

“หรือเราไม่ควรใช้ไม้แข็งตั้งแต่ต้น” กงจื่ออิ้งกล้าที่จะเปรยขึ้น น่าหวาดวิตกอยู่ครามครันเมื่อรู้แน่ชัดแล้วว่าพญามังกรที่น่ากริ่งเกรงอีกตัวกำลังเริ่มขยับตัวเผยเขี้ยวเล็บออกมา

“ผิดแล้วๆ” เสนาบดีโจวฉาวเฟ่ยส่ายศีรษะช้าๆ “ท่านกล่าวเหมือนเราไม่รู้กันแต่แรกว่าผลมันจะเป็นเช่นใด จะอ่อนหรือแข็ง ท่านอ๋องก็คงตัดสินพระทัยเลือกข้างองค์ชายรองฝานจิ้งดังเช่นเดิม ที่ทรงยอมส่งราชโองการลงไปมันก็แค่เกราะป้องกันข้อครหาไว้ก่อน ครั้นเราจะทำบุ่มบ่ามส่งกำลังเข้าปราบปรามให้ข้อหาว่ากบฏทันทีทันใด ความแตกแยกรังแต่จะเกิดขึ้นหลายฝ่าย เมื่อรู้แน่ชัดแล้วว่าท่านอ๋องไม่ยอมลงให้เราแน่ ก็อ่านได้ทางเดียวว่าทรงต้องคิดเข้าร่วมกับองค์ชายรอง หากทางเราจะลงมือจัดการ ก็คงกวาดต้อนได้หมดในคราวเดียว” โจวฉาวเฟ่ยเว้นจังหวะเมื่อเห็นทีท่าคอยตามของอีกคน

“...ส่วนพวกหัวเมือง แรกก็ส่งคนไปเจรจาก่อน หากพวกมันยังรักตำแหน่ง ยอมสวามิภักดิ์กับเราแต่โดยดี เลือดก็คงจะไม่นอง...แม้นยังคิดกำเริบเหิมเกริมได้ศอกจะเอาวา ตัดหัวพวกมันให้กุดก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องคิดมากและยากเย็นอะไร ลู่เหลียงกับซีฉินกำลังติดพันทำศึกกัน กำลังส่วนกลางของต้าฉางพร้อมเสมอ ที่จะกวาดล้างพวกที่ทำตัวแข็งข้อต่อราชบัลลังก์ หมากแต่ละตัวนั้นมีตัวตายตัวแทนกัน คนเก่งกล้าสามารถในแผ่นดินนี้ยังมีอีกมาก ข้าเชื่อนักว่าองค์ฮ่องเต้ทรงได้วางแนวหมากของกระดานนี้ไว้หมดแล้ว...ทั้งหมดที่เกล้ากระหม่อมกล่าวมา ทรงมีพระราชวินิจฉัยเป็นเช่นใดพ่ะย่ะค่ะ” ประโยคหลังเสนาบดีหนุ่มกราบบังคมทูลถาม พร้อมคำนับค้อมตัวต่ำยิ่งต่อเจ้าเหนือหัว เมื่อสังเกตว่าทรงระงับพระอารมณ์ลงได้หลายส่วนแล้ว

“จะหักแขนขาฝานจิ้ง คงต้องเริ่มที่หยิงหมิงก่อน...ราชโองการในนามแห่งข้า! พระปิตุลาเพิกเฉยต่อการปราบกบฏทัพฝานจิ้ง เข้าข้อหาสมคบคิดล้มล้างราชบัลลังก์ ปล่อยให้ทรราชก่อความไม่สงบเข้าปล้นชิงเข่นฆ่าประชาชนชาวต้าฉาง ทำให้ข้าผู้เป็นจักรพรรดิไม่อาจนิ่งดูดาย จึงมีบัญชาส่งแม่ทัพหวู่อิ้งนำกำลังห้าหมื่น เข้าจับกุมพระปิตุลาที่เมืองเหวินจงมาลงอาญาที่เมืองหลวง หากแม้ขัดขืนนำทหารเข้าต่อต้าน อนุญาตให้ลงทัณฑ์ตัดหัวแห่ประจาน!”

“รับพระบัญชา!”

ระยะเวลาโรมรันทำศึกระหว่างลู่เหลียงและซีฉินที่ต้องเกี่ยวพันกันเนิ่นนาน คงจะทำให้พระองค์ไม่ต้องทรงเป็นกังวลในการจะมุ่งนำกำลังเข้าบดขยี้ศัตรู ซึ่งเป็นดั่งหอกข้างราชบัลลังก์คอยทิ่มแทงพระทัย ให้นึกหวั่นถึงความไม่มั่นคงของบัลลังก์มังกรแห่งต้าฉางที่ทรงครอง
ฝานจิ้ง...หยิงหมิง อย่างไรเสียสิบสองกองธงของทัพหลวงก็อยู่ในกำมือข้า อันจะจัดการสองทัพย่อยของแคว้นอย่างพวกเจ้านั้นมันก็ง่ายเปรียบประดุจพลิกฝ่ามือ!

*****

เช้าตรู่ลมเย็นพัดเรื่อยโชยชาย องค์หญิงเล่อผิงอ้ายเสด็จออกมารับแสงแรกของดวงตะวันหลังกระโจมที่ประทับพร้อมด้วยฟางเอ๋อร์ อีกสักพักจะทรงเสวยเครื่องเช้าร่วมกับพระเชษฐา อากาศยามเช้าแสนสดชื่น ทอดพระเนตรไปทางไหนก็เจอแต่ต้นไม้ผลิใบสีเขียวสวยสดยังความชุ่มชื่นเข้าสู่พระทัย หากแต่สุขพระทัยได้ไม่เคยนาน ความหมองเศร้าก็เข้ารุกไล่ความสุขสดชื่นของรุ่งอรุณดังเช่นทุกเช้าที่ทรงตื่นบรรทม

พระบาทน้อยค่อยดำเนิน ก่อนยอบพระวรกายบอบบางประทับนั่งหน้ากลุ่มไม้ดอก ที่เริ่มเบ่งบานอวดความงามของกลีบดอกรับแสงเช้าอันอบอุ่น
แรมสิบสองค่ำปลายวสันต์คือวันคล้ายวันประสูติ วันประสูติปีนี้ที่ไม่มีทั้งเสด็จพ่อ เสด็จแม่และเสด็จย่า วันประสูติที่นับแต่นี้จะไม่มีแม้การเฉลิมฉลองใดๆ อีก
เหมันต์แรกของการใช้ชีวิตต่างบ้านต่างเมืองได้ผ่านพ้นไปแล้ว และก็ไม่แน่พระทัยนักว่า ช่วงที่เหลือของชีวิตจะได้เสด็จกลับยังแคว้นเสี้ยนอีกหรือไม่ ศักดิ์แห่งราชนิกุลของคนในราชวงศ์ที่มี เมื่ออยู่ต่างแคว้นมองแล้วมันก็เป็นเพียงแค่เปลือก สลัด...ถอดและวางออกได้บ้าง คงจะดำรงพระชนม์ชีพได้ง่ายขึ้น


“ถ้าหม่อมฉันจะทูลขออนุญาตองค์ชายฝานจิ้ง ออกเยี่ยมพสกนิกรแคว้นเสี้ยนที่ค่ายลี้ภัยเป็นการส่วนตัวจะได้ไหมเพคะ...หม่อมฉันจะไปกับฟางเอ๋อร์สองคน ไม่อยากให้มีผู้ติดตามเป็นการเอิกเกริก” หลังพระกระยาหารองค์หญิงเล่อผิงอ้ายจึงตรัสทูลถามพระเชษฐา ก่อนพระองค์จะเสด็จออกนอกกระโจมร่วมทรงงานกับบรรดารองแม่ทัพนายกองของเจิ้งถง

“หม่อมฉันอยากจะไปบ่อยๆ เท่าที่โอกาสจะอำนวย เพราะหม่อมฉันอยากใกล้ชิดกับคนของเราให้มากกว่าที่เคยเป็น เจ้าพี่ทรงคิดเห็นเป็นเช่นใดเพคะ” ทรงตรัสคำว่า คนของเรา ได้ไม่เต็มพระโอษฐ์นัก ยังจะมีอะไรซึ่งเป็นของเราได้อีกเล่า แม้แต่ชีวิตก็ยังต้องพึ่งและอยู่ภายใต้การดูแลของคนอื่น

“ทรงให้อิสระแก่พวกเราเต็มที่อยู่แล้ว แต่เรื่องไม่อยากให้มีผู้ติดตามนั้น พี่จะทูลขออนุญาตจากพระองค์ให้อีกที...เจ้าเบื่อที่จะอยู่แต่ในกระโจมแล้วหรือ” พระหัตถ์อบอุ่นลูบเรือนเกศาของน้องน้อยด้วยเอื้ออาทรและสงสารยิ่ง พระขนิษฐาคงจะคิดถึงบ้านเข้าอีกแล้ว

“ใบไม้ผลิที่ต้าฉางสวยงามไม่แพ้บ้านของเราเลยนะเพคะ” เรียวโอษฐ์บางแย้มสรวลงาม ทว่าในพระทัยนั้น ไม่มีที่แห่งไหนจะงดงามเทียบเท่าบ้านของเราได้จริงนักหรอก

องค์ชายเล่อหยาซ่างทอดพระเนตรสีหน้าพระขนิษฐาแล้ว ให้ทรงร้าวในพระทัยไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน “ยังพอมีเวลา อยากไปเดินเล่นกับพี่ไหม” นับวันความสดใสร่าเริง รอยยิ้มที่เคยมียิ่งถอยห่างจากนางมากขึ้นทุกที

“ไปเพคะ หม่อมฉันอยากจะไปเดินเล่นกับเจ้าพี่” ความดีใจวูบระยับขึ้นภายในเนตรสีนิล องค์หญิงแคว้นเสี้ยนเข้ากอดท่อนพระกรของพระเชษฐา บ้านนั้นจะยังคงอยู่เสมอ ตราบใดที่เจ้าพี่พระองค์นี้ยังทรงเคียงข้างพระองค์...

*****

กะรัตยังจัดหน้าไม่เป็นค่ะ อยากจะย่อหน้าก็ยังไม่รู้ว่าใช้โคดตัวไหน นี่ก็ตามหาโคดมาตั้งแต่บ่ายว่าจะเพิ่มขนาดตัวอักษรอย่างไร ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย




Create Date : 12 เมษายน 2553
Last Update : 13 เมษายน 2553 9:49:35 น. 0 comments
Counter : 356 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นางสาวอ้วนจัง ตังค์มากมี
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]





ฝาก"บัลลังก์เสน่หา : จากหนึ่งคำมั่น ตราบสิ้นนิรันดร์" ด้วยค่ะ
กรงขังสิเนหา
ทาสสวาทเงาเสน่หา
บุพเพเล่ห์จันทร์
ในรั้วรัก
เสี้ยวสิเน่หา
รอยนิรันดร์
กลีบเหมยกลางทราย
เล่ห์รักร่ายปรารถนา
ตะวันเยี่ยมรุ่ง
ขวัญข้าเอย
ลิขิตลวง
สิ้นแสงรังสิมา (หนึ่งหทัยมังกร)
ดาริกากลางใจ (ดวงใจรักจ้าวยุทธ์)
หากฟ้าไร้เมฆินทร์ (ทาสรักสลักใจ)
ฤาศศินอำพราง (ยอดพธูจอมทัพ)
รื่นกลิ่นปทุม
รักลุ้นวุ่นหวาน
สัญญาลับฉบับรัก
เพียงสิ้นชีวา
เนื่องนิจสิน
แม้นเดือนดับ
จันทร์ร้างฟ้า
กรงบรรณาการ
ฝนซาเมื่อฟ้าสาง
กลีบเก็ดถวา
แสงแรกของตะวัน
ทั้งหมดภายใต้นามปากกา วิรมย์รดา กะรัต ลนาริน ธาราพิศุทธิ์
Friends' blogs
[Add นางสาวอ้วนจัง ตังค์มากมี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.