บางครั้งโลกแห่งความจริงไม่สวยงาม...เฉกเช่นความฝัน แต่รู้สึกและจับต้องได้
Group Blog
 
 
ธันวาคม 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
31 ธันวาคม 2553
 
All Blogs
 

ธรรมชาติและวัฒนธรรม(43)...เยือนเมืองเก่า“สุโขทัย” อัศจรรย์ใจพระพุทธรูปพูดได้








อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย มรดกไทยและมรดกโลกอันทรงคุณค่า


“พระพุทธรูปพูดได้” เรื่องนี้อาจฟังดูเหลือเชื่อ แต่ว่าทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เขาการันตีความพิศวงด้วยการ ชูพระพุทธรูปพูดได้ในเมืองเก่าสุโขทัยให้เป็นหนึ่งในอันซีนไทยแลนด์(2)อันน่าทึ่ง ซึ่งนี่ถือเป็นหนึ่งในสิ่งชวนค้นหาจากบรรดาหลากหลายสิ่งในเมืองเก่าสุโขทัย

สำหรับเมืองเก่าสุโขทัยมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย” เป็นทั้งมรดกโลกและเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวอันสำคัญของเมืองไทย ที่แม้วันเวลาจะผ่านมากว่า 700 ปีแล้ว แต่ว่ารอยอดีตอันยิ่งใหญ่แห่งราชธานีสุโขทัย และร่องรอยแห่งความงดงามของดินแดนแห่งนี้ยังปรากฏให้คนรุ่นหลังเห็นกันอยู่ทั่วไป จนทำให้“ตะลอนเที่ยว”อดใจไม่ไหว ต้องเดินทางกลับมาสัมผัสกับอดีตราชธานีอันรุ่งโรจน์แห่งสยามประเทศอีกครั้งหนึ่ง



วัดมหาธาตุ วัดสำคัญบ้านคู่เมืองอาณาจักรสุโขทัย


สุโขทัยเมืองแห่งรุ่งอรุณ

คำว่า“สุโขทัย” มีความหมายว่า “รุ่งอรุณแห่งความสุข” ที่มาจากคำว่า“สุข”ผสมกับคำว่า“อุทัย” โดยในศิลาจารึกสุโขทัยหลักที่ 2 ได้บันทึกเรื่องราวยุคต้นของอาณาจักรสุโขทัยไว้ว่า

...เมื่อพ่อขุนศรีนาวนำถม เจ้าเมืองสุโขทัยสิ้นพระชนม์ลง ภายในเมืองก็เกิดความวุ่นวายเนื่องจาก “ขอมสบาดโขลญลำพง” เข้าปกครองเมืองสุโขทัย จนทำให้พ่อขุนผาเมืองเจ้าเมืองราดผู้เป็นโอรสของพ่อขุนศรีนาวนำถม ต้องชวนสหายคือ พ่อขุนบางกลางท่าวมาช่วยร่วมรบชิงเอาเมืองสุโขทัยคืนมาได้

เมื่อยึดเมืองสุโขทัยคืนได้ พ่อขุนผาเมืองก็ยกเมืองให้แก่พ่อขุนบางกลางท่าว พร้อมทั้งมอบพระขรรค์ชัยศรี และนามศรีอินทราทิตย์ อันเป็นนามเกียรติยศให้แก่พ่อขุนบางกลางท่าว ซึ่งนับแต่นั้นมาพ่อขุนบางกลางท่าวจึงเป็นที่รู้จักกันในนาม “พ่อขุนศรีอินทราทิตย์” อันถือกันว่าเป็นกษัตริย์องค์แรกแห่งราชธานีสุโขทัย...


อนุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช


สำหรับยุคทองของสุโขทัยนั้น อยู่ในยุคที่“พ่อขุนรามคำแหง”ขึ้นครองราชย์ในตอนต้นพุทธศตวรรษที่ 19 ซึ่งบ้านเมืองสมัยพ่อขุนรามฯนั้น มีความสงบร่มเย็น มีความเป็นปึกแผ่นกลมเกลียว และยังมีอาณาจักรขยายออกไปอย่างกว้างขวาง มีความเจริญรุ่งเรืองในพุทธศาสนา และสิ่งโดดเด่นมากๆของพ่อขันรามฯก็คือ การให้กำเนิดตัวอักษรไทย(ลายสือไทย)ขึ้นมา

อนึ่งจากหลักฐานที่แสดงถึงความเป็นยุคทองแห่งสุโขทัยในยุคนั้นก็คือ คำบอกเล่าในศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง ที่ได้จารึกข้อความเอาไว้ว่า

“...เมื่อชั่วพ่อขุนรามคำแหง เมืองสุโขทัยนี้ดี ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว เจ้าเมืองบ่เอาจกอบในไพร่ลู่ทาง เพื่อนจูงวัวไปค้า ขี่ม้าไปขาย ใคร่จักใคร่ค้าช้าง ค้า ใครจักใคร่ค้าม้า ค้า ใครจักใคร่ค้าเงือนค้าทองค้า ไพร่ฟ้าหน้าใส...”

เมื่อรู้เรื่องราวคร่าวๆของสุโขทัยแล้วทีนี้ก็ได้เวลาไปเที่ยวชมเมืองเก่าสุโขทัยกันได้แล้ว



เจดีย์ทรงดอกบัวตูมเอกลักษณ์อันโดดเด่นของสถาปัตยกรรมยุคสุโขทัย


ตามรอยอดีตอันรุ่งโรจน์ในกำแพงเมืองเก่าสุโขทัย

สำหรับวัดวาอารามและสิ่งที่น่าสนใจในเมืองเก่าสุโขทัยนั้น ส่วนใหญ่จะอยู่ในเขตกำแพงเมืองสุโขทัย หรือในเขตอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ซึ่งมีวัดวาอารามสำคัญมากมาย โดยวัดที่สำคัญและโดดเด่นที่สุดก็เห็นจะเป็น “วัดมหาธาตุ” อันเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองสุโขทัย ที่ตั้งอยู่ใจกลางกำแพงเมือง

วัดมหาธาตุประกอบด้วยเจดีย์ประธาน อุโบสถ 1 หลัง วิหาร 10 หลัง มณฑป 8 องค์ ตระพังหรือสระน้ำ 4 แห่ง และเจดีย์รายกว่า 200 องค์ มีเจดีย์ทรง“พุ่มข้าวบิณฑ์”หรือทรงดอกบัวตูมที่ถือเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของศิลปะสุโขทัยเป็นเจดีย์ประธาน ส่วนบริเวณรอบๆเจดีย์ประธานก็มีเจดีย์รายรอบอยู่อีก 8 องค์ ซึ่งเมื่อไปเที่ยวยังเมืองเก่าสุโขทัยแล้วมองจากด้านหน้าวัดมหาธาตุเข้าไปก็จะเห็นเสาศิลาแลงของวิหารที่ยังหลงเหลืออยู่ตั้งเรียงรายเป็นแถวนำสายตาสู่พระประธานองค์โตที่ประดิษฐานอยู่บนฐานที่ยกระดับสูงไปจากพื้นดินประมาณ 1 เมตร



พระประธานวัดมหาธาตุ


ส่วนที่ด้านหลังองค์พระประธานก็จะโดดเด่นไปด้วยองค์เจดีย์ประธานทรงดอกบัวตูม นับเป็นองค์ประกอบแห่งความงามทางพุทธศิลป์ที่ดูเคร่งขรึมแต่ว่าก็แฝงไปด้วยความงดงามอ่อนช้อยไม่น้อยทีเดียว

นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่า บริเวณลานวัดด้านหนึ่งของพระประธาน“ขอมดำดิน” เคยมาพบกับ“พระร่วง”และด้วยวาจาอันสิทธิ์ของพระร่วงทำให้ขอมกลายเป็นหินอยู่ ณ ที่ตรงนั้น ส่วนทางฝั่งตะวันออกขององค์เจดีย์ประธานมีแท่นก่อด้วยศิลาแลง ที่ในอดีตเคยเป็นที่ประดิษฐานของพระศรีศากยมุนี อันเป็นพระพุทธรูปสำริดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่วัดสุทัศน์ฯ ในกรุงเทพฯ



“พระอัฎฐารศ” ยืนโดดเด่นตระหง่านอยู่ข้างองค์เจดีย์ประธานแห่งวัดมหาธาตุ


ส่วนอีกหนึ่งความโดดเด่นของวัดมหาธาตุก็คือที่ด้านข้างทางทิศเหนือขององค์เจดีย์ประธานนั้นมี “พระอัฎฐารศ” ที่เป็นพระพุทธรูปยืนมีความสูงประมาณ 10 เมตร ยืนโดดเด่นตระหง่านและเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งศรัทธา

ถัดจากวัดมหาธาตุไปทางด้านทิศตะวันตก มีวัดเล็กๆที่น่าสนใจอยู่วัดหนึ่งนั่นก็คือ “วัดตระพังเงิน” ที่โดดเด่นไปด้วยโบสถ์กลางน้ำ ซึ่งโบสถ์แห่งนี้มีลักษณะที่แตกต่างไปจากโบสถ์ที่ทั่วไปก็คือ ตามปกติแล้วโบสถ์ทั่วไปจะมีใบเสมาเป็นเครื่องแสดงเขตสังฆกรรม แต่สำหรับโบสถ์ของวัดตระพังเงินนั้นไม่มีใบเสมา แต่ว่าได้มีการใช้สระน้ำเป็นเครื่องแสดงเขตสังฆกรรมแทน โดยเรียกว่า “อุทกสีมา” หรือ “นทีสีมา”



อาทิตย์อัสดงที่วัดสระศรี


เช่นเดียวกันกับที่ วัดสระศรี ที่อยู่ไม่ไกลจากวัดตระพังเงินนัก วัดนี้มีโบสถ์ตั้งอยู่กลางสระน้ำตามคติอุทกสีมาเหมือนกัน ซึ่งถ้าวันไหนท้องฟ้าเป็นใจในยามเย็นเราจะได้เห็นดวงอาทิตย์ลูกกลมแดง ค่อยๆเคลื่อนดวงคล้อยหายไปในขุนเขาที่อยู่ด้านหลัง โดยมีฉากหน้าเป็นเงามืดของเจดีย์ที่ยามส่องต้องกับสายน้ำในสระจะดูเรื่อเรืองขรึมขลังดีแท้

และเมื่อไปเที่ยวที่วัดสระศรีแล้ว ก็ไม่ควรพลาดการไปสักการะ “อนุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช” ที่อยู่ใกล้ๆกับสระน้ำของวัดสระศรี เพราะว่าคุณงามความดีที่พ่อขุนรามคำแหงได้สร้างไว้ให้กับลูกหลานคนไทยนั้นมากมายเหลือคณาจริงๆ



ขี่จักรยานชมเมืองเก่าสุโขทัย อีกหนึ่งทางเลือกของนักท่องเที่ยว


เที่ยววัดศรีชุม สดับรับฟังพระพุทธรูปพูดได้

ของดีของเมืองเก่าสุโขทัยไม่ใช่มีแค่ในเขตกำแพงเมืองเท่านั้น แต่ว่าที่ภายนอกกำแพงเมืองสุโขทัยออกไป เพียงนิดเดียว ยังมีวัดที่น่าสนใจมากอยู่วัดหนึ่งนั่นก็คือ “วัดศรีชุม” ซึ่งคำเรียกชื่อวัดศรีชุมนั้น บ้างก็ว่ามาจากคำว่า สะหลีชุม หรือหมายถึงดงต้นโพธิ์ บ้างก็ว่าหมายถึง ฤๅษีชุม ซึ่งก็แล้วแต่จะว่ากันไป แต่สำหรับสิ่งที่น่าสนใจมากๆของวัดนี้อยู่ที่ คำเล่าลือที่ว่า พระพุทธรูปที่วัดศรีชุมนั้นพูดได้?!?

เรื่องนี้จริง-เท็จอย่างไรคงต้องตามไปพิสูจน์เป็นดีที่สุด
สำหรับพระพุทธรูปที่ว่าพูดได้นั้น มีนามว่า “พระอจนะ” ที่แปลว่าผู้ไม่หวั่นไหว ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ หน้าตักกว้าง 11.30 เมตร และมีความสูงถึง 15 เมตร โดยมีพุทธลักษณะงดงามมากทีเดียว ซึ่งตอนแรกที่ผมไปยืนเพ่งพินิจดูยังไงๆ ก็เห็นพระอจนะเป็นพระพุทธรูปธรรมดา ที่ยังมองไม่เห็นว่าท่านจะพูดได้อย่างไร



พระอจนะพระพุทธรูปพูดแห่งวัดศรีชุม


จนเมื่อเราได้รับรู้ประวัติของพระอจนะองค์นี้ว่า ครั้งหนึ่ง เมื่อพระนเรศวรได้มาประชุมทัพเพื่อจะยกไปปราบเมืองสวรรคโลก ท่านต้องการสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่เหล่าทหาร ดังนั้นจึงได้มีพิธีเสี่ยงทายกับพระพุทธรูป โดยได้เสี่ยงทายว่า การรบครั้งนี้หากจะได้ชัยชนะกลับมาก็ขอให้พระอจนะที่วัดศรีชุมแห่งนี้จงกล่าวตอบ แต่หากไม่ชนะก็ไม่ต้องตอบสิ่งใด

และผลของการเสี่ยงทายก็คือ พระอจนะก็ได้กล่าวตอบมาจริงๆ ซึ่งหลายๆคนคงนึกว่าเป็นปาฏิหารย์หรืออย่างไรที่ทำให้พระอจนะแห่งวัดศรีชุมพูดได้ แต่ว่าจริงๆแล้วเปล่าเลย แต่ว่าเหตุที่พระอจนะพูดได้นั้นเกิดจากกุศโลบายของพระนเรศวร ที่ได้ส่งคนขึ้นไปอยู่ด้านหลังเศียรพระและพูดตอบคำถามแทน เพื่อเป็นการปลุกปลอบขวัญทหารให้ฮึกเหิม โดยในผนังด้านหลังองค์พระอจนะจะมีอุโมงค์แคบๆที่คนสามารถเดินขึ้นไปยังหลังเศียรพระได้ เมื่อขึ้นไปแล้วพอส่งเสียงพูดก็จะมีเสียงจะก้องกังวานเหมือนว่าพระพุทธรูปนั้นพูดได้จริงๆ จากนั้นเป็นต้นมาก็กลายเป็นคำร่ำลือว่า พระอจนะแห่งวัดศรีชุมนี้พูดได้



เจดีย์ทรงลังกาอีกหนึ่งความงามที่หาชมได้ในกำแพงเมืองเก่าสุโขทัย


“ตะลอนเที่ยว”เมื่อรับรู้ถึงภูมิปัญญาของคนรุ่นก่อนแล้วก็อดทึ่งไม่ได้ ซึ่งนี่แหละคือความสามารถของคนสมัยก่อนที่คนรุ่นหลังควรศึกษาไว้เป็นแนวทาง และเรียนรู้ถึงอดีตอันยิ่งใหญ่ในอดีตแห่งอาณาจักรสุโขทัย เมืองรุ่งอรุณแห่งความสุขที่ ณ วันนี้แม้ว่าจะผ่านกาลเวลามากว่า 700 ปีแล้ว แต่ว่ารอยอดีตอันยิ่งใหญ่ของอาณาจักรสุโขทัยยังคงมีเรื่องราวและความน่าสนใจให้คนรุ่นหลังได้ค้นคว้าศึกษากันไม่มีที่สิ้นสุด...


*****************************************

อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ตั้งอยู่ที่ ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.สุโขทัย ตรงข้ามพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ รามคำแหง จากตัวจังหวัดสุโขทัยไปตามทางหลวงหมายเลข 12 สายสุโขทัย-ตาก ประมาณ 12 กม. และมีรถประจำทางสายเมืองเก่า(รถสองแถว)จากบริเวณท่ารถใกล้ป้อมยามตำรวจมาลงที่หน้าอุทยานฯ ประมาณทุกๆ 20 นาที

อัตราค่าเข้าชมอุทยานฯสุโขทัย นักท่องเที่ยว ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 40 บาท เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 06.00-21.00 น. (ปิดจำหน่ายบัตรเวลา 18.00 น.) และตั้งแต่เวลาประมาณ 19.00-21.00 น. จะมีการส่องไฟชมโบราณสถาน ในกรณีที่นำยานพาหนะเข้าเขตโบราณสถานจะต้องเสียค่าธรรมเนียมอีกด้วย และที่บริเวณลานจอดรถของอุทยานฯ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวมีบริการ รถราง นำชมรอบๆ บริเวณอุทยานฯ อัตราค่าบริการ นักท่องเที่ยว ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 20 บาท นอกจากนั้นที่บริเวณด้านหน้าอุทยานฯ มีบริการ รถจักรยาน ให้เช่าในราคาคันละ 20 บาท

หากต้องการเข้าชมเป็นหมู่เป็นคณะ ต้องการวิทยากรนำชม หรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ ศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย 0-5569-7310


เรื่องและภาพจาก ผู้จัดการออนไลน์
เสียงประกอบ //www.palungjit.com/






 

Create Date : 31 ธันวาคม 2553
1 comments
Last Update : 1 มกราคม 2554 15:38:32 น.
Counter : 2418 Pageviews.

 

เยี้ยม

 

โดย: เกศกนก IP: 180.183.26.165 27 กุมภาพันธ์ 2556 16:50:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


atruthoflife10
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




กลับคืนสู่ธรรมชาติ ด้วยสุขภาพที่ดีกว่า

ไตรลักษณ์
เกิดขึ้น 26 พ.ย.2553

ดับไป....???

Friends' blogs
[Add atruthoflife10's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.