Bloggang.com : weblog for you and your gang
บางครั้งโลกแห่งความจริงไม่สวยงาม...เฉกเช่นความฝัน แต่รู้สึกและจับต้องได้
Group Blog
ปฐมบท...ความจริงของชีวิต
พุทธประวัติ
พุทธองค์ตรัส
หลักปฎิบัติเพื่อหลุดพ้น
โศลกธรรม
คาถาธรรม
ทัสนะ
วิปัสสนาข่าว
ลำนำ
เพลงอริยะ
วิถีแห่งเซน
นวนิยายอิงหลักธรรม
เสียงธรรม
รักเอย ?
เพลงแห่งรัก
ชีวิตจริง
ปรัชญา คติธรรม คำคม
เรื่องราวดี ๆ
Life & Family
สุขภาพ
ธรรมชาติและวัฒนธรรม
จิปาถะ
ถาม-ตอบ ทุก(ทุกข์)ปัญหาชีวิต
รวมลิงค์ทั้งหมด
<<
มกราคม 2554
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
8 มกราคม 2554
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(57)...ทะเลสาบดอยเต่า
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(56)...ผจญภัยใจสีเขียว เที่ยวธรรมชาติ เมือง"สระแก้ว"
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(55)...วิถีมอญ-เมืองบาดาล-สะพานมอญ...สังขละบุรี มีดีไม่มีสร่าง
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(54)...ไหว้พระ"อ่างทอง" ผ่องใสอิ่มบุญ
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(53)..."ม่อน-ถ้ำ" ตำนาน อาถรรพ์ ความรัก : เผยแพร่ แลตะลึง!?!
All Blogs
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(108)...โมนาลิซ่าเมืองน่าน -ปู่ม่านย่าม่าน ฮูปแต้มวัดภูมินทร์ สุดยอดงานศิลป์
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(107)...เสน่ห์เบตง...ยังคงโอเค / ปิ่น บุตรี
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(106)...ท่องแดนดึกดำบรรพ์หุบป่าตาด / วินิจ รังผึ้ง
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(105)...ช้อป-ชิมริมน้ำ ลอดใต้โบสถ์ ไหว้หลวงพ่อโต ที่วัดตะเคียน
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(104)...ช่อฟ้า ศิลปะ 3 มิติ ปลุกภาพวาดให้มีชีวิต
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(103)...ชาวตงหยัง กิน ไข่เยี่ยวเด็ก รับฤดูใบไม้ผลิ
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(102)...เหล่าตั๊กลั๊ก ตลาดน้ำจีนเก่าที่เงียบสงบ
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(101)...สัมผัสเมืองในผืนป่า งามตาน้ำตกสวย "ทีลอซู-ปิตุ๊โกร"
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(100)...หวงหลงในยามเหมันต์ งามเหนือจินตนาการ
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(99)...รื่นรมย์ชมเมืองคอน ยลสวิสเมืองใต้ ตื่นตากับอันซีนซ่อนเร้น พระมรกตในถ้ำ
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(98)...เกาะสุรินทร์...เมื่อสิ้นคำสั่งปิดเกาะ
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(97)...เที่ยววัด ไหว้พระ ดูนก สัมผัสวิถี ของดีเมือง ชัยนาท
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(96)...เชียงราย เหนือสุดแดนสยาม งดงามประเพณีและวัฒนธรรม
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(95)...แมวน้ำเมืองตรัง ไม่น่าชังแต่น่ารักสุดๆ/ปิ่น บุตรี
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(94)...ตื่นตาซาราวัค หลงรักอุรังอุตัง สัมผัสมนต์ขลังมาเลเซียที่แตกต่าง
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(93)...ย้อนอดีตวันวานที่ ตลาดเก่าเมืองสุพรรณ
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(92)...เที่ยวอุทัย ไม่ต้องอุทธรณ์ ไหว้พระงาม ยลวิถีริมน้ำสะแกกรัง
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(91)...โรแมนติกทะเลตรัง เที่ยวกี่ครั้งก็สุขใจ
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(90)...แอ่วเมือง น่าน ไหว้พระ 9 วัด สัมผัสงานพุทธศิลป์ ณ ถิ่นสงบงาม
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(89)...อยากหยุดน่านไว้เหนือกาลเวลา 3 / วินิจ รังผึ้ง
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(88)...เที่ยวตามโค้ง แม่ฮ่องสอน-ปางอุ๋ง ยลความงามผ่านม่านสายหมอก
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(87)...อันซีน"ยโส" โบสถ์คริสต์สุดอลังการ ไหว้พระประธานหยกขาวใหญ่สุดในไทย
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(86)...เกาะเสม็ด เด็ดทุกร้อน
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(85)...ล่องใต้ ผจญภัยไปกับสายน้ำที่ "พังงา-ภูเก็ต"
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(84)...Slow Travel เที่ยวแบบเนิบช้าดีอย่างไร
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(83)...จำปาสัก สุโค่ยเมืองน้ำตก
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(82)...ข้อควรปฏิบัติและไม่ควรปฏิบัติในวัฒนธรรมไทย
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(81)...แอบรักอ่าวลึก กระบี่ไร้เทียมทาน
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(80)...ที่นี่ประเทศไทย
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(79)...ลาว ประเทศเพื่อน บ้าน กับวิถีชีวิตที่ เรียบง่าย
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(78)...ชมดอกซากุระเมืองไทยที่ "ดอยผาตั้ง"
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(77)...ไปดูกระเต็นปักหลักที่อยุธยา
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(76)...เรือเครื่องเทศ โชห่วยแห่งท้องน้ำ
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(75)...10 ที่ดำน้ำสุดสวย สวรรค์ใต้ทะเลไทย
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(74)...ห้องภาพ หงถู่ตี้ แผ่นดินสีแดง แห่งยูนนาน
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(73)...ห้องภาพ Canada
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(72)...ห้องภาพ แม่แจ่ม เชียงใหม่
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(71)...สิมิลันเกาะสวรรค์อันสุดสวย/ปิ่น บุตรี
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(70)...หนาวนี้ไปเที่ยว "ภูกระดึง" กันเถอะ
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(69)...ชมปราสาทนิโจ-เที่ยว'กิออง
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(68)...เชียงคาน เมืองโบราณ ที่ไม่ล้าสมัย
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(67)...ปางอุ๋ง-ห้วยห้อม เที่ยวโครงการหลวงบนดอยหนาว
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(66)...เยือนฟูจิ ภูเขาที่สวยที่สุดในโลก
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(65)...อยากหยุดน่านไว้เหนือกาลเวลา 2 / วินิจ รังผึ้ง
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(64)...ไหว้พระในเกาะรัตนโกสินทร์ เสริมมงคลชีวิตรับปีเถาะ
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(63)...เสริมมงคลชีวิตไหว้ พระธาตุแช่แห้ง พระธาตุประจำปีเถาะ
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(62)...Nature
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(61)..."เกาะลันตา" ไข่มุกเม็ดใหม่ ทะเลอันดามัน
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(60)...เดินเล่นรอบ เกาะพิทักษ์ แวะพักค้างคืนโฮมสเตย์
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(59)...อเมซิ่งไทยแลนด์
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(58)...10 อันดับ สถานที่ชมพระอาทิตย์ตกสวยที่สุด
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(57)...ทะเลสาบดอยเต่า
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(56)...ผจญภัยใจสีเขียว เที่ยวธรรมชาติ เมือง"สระแก้ว"
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(55)...วิถีมอญ-เมืองบาดาล-สะพานมอญ...สังขละบุรี มีดีไม่มีสร่าง
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(54)...ไหว้พระ"อ่างทอง" ผ่องใสอิ่มบุญ
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(53)..."ม่อน-ถ้ำ" ตำนาน อาถรรพ์ ความรัก : เผยแพร่ แลตะลึง!?!
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(52)...เสียงเบาๆในเชียงคาน /ปิ่น บุตรี
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(51)...พิชิตยอดโมโกจู เทือกเขาแห่งเพชรพระอุมา
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(50)...อุทยานแห่งชาติแม่เมย วันดีๆ กับที่ดีๆ อีกซักครั้ง
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(49)...เที่ยว"เมืองชล" เสริมมงคล ไหว้พระสุขใจ
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(48)...สราญใจ ไหว้ 4 พระนอนใหญ่ อยุธยา
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(47)...อีสานกลาง ไหว้พระธาตุ 4 เมือง รุ่งเรืองเสริมมงคล
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(46)...เชียงคาน... กลางม่านฝน บนวิถีพุทธ
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(45)...เล่าขานตำนาน"เมืองลี้" ตามรอยพระเกจิชื่อดังที่ลำพูน
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(44)...แหลมพรหมเทพ ภูเก็ต
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(43)...เยือนเมืองเก่าสุโขทัย อัศจรรย์ใจพระพุทธรูปพูดได้
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(42)...ผจญภัย "หุบป่าตาด" ป่าดึกดำบรรพ์อันซีนไทยแลนด์
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(41)...ย้อนรอยเมืองเก่า เล่าเรื่องเมือง"ระนอง"
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(40)...ดูนีโมยิ้ม ดำดิ่งใต้ท้องทะเลชุมพร
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(39)...ขยับเขยื้อน ที่ห้วยเขย่ง ผจญภัยหลากมิติอารมณ์
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(38)...สวนผึ้ง ตรึงใจ
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(37)...เบตง...ทรงเสน่ห์ ใต้สุดแดนสยาม เมืองงามกลางขุนเขา
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(36)...หอยตกใจ!!! ในกระบี่/ ปิ่น บุตรี
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(35)...จาก"นครนายกถึงเขาใหญ่" ไหว้พระพิฆเนศองค์ใหญ่ที่สุดในไทย
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(34)...อยากหยุดน่านไว้เหนือกาลเวลา / วินิจ รังผึ้ง
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(33)...สัมผัสธรรมชาติ ที่ สวนพฤกษศาสตร์ฯทุ่งค่าย เมืองตรัง
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(32)...ตะลุยดอยสามหมื่น ตื่นตะลึงปิตุ๊โกร แชมป์น้ำตกสูงที่สุดในเมืองไทย
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(31)...โพธาราม ชมความงาม เสน่ห์วิถีถิ่นคนสวย
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(30)...เมืองสตูล ลุยตะรุเตา เข้าถ้ำงามสุดวิจิตร
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(29)...ล่องใต้ สนุกสนาน ยลความงาม อ่าวพังงา
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(28)...เที่ยวเขาค้อ พัก 1 คืน อายุยืนหมื่นปี/ปิ่น บุตรี
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(27)...อิ่มบุญสุขใจ ไหว้พระ วัดเชิงเลน ริมแม่น้ำเจ้าพระยา
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(26)...แอ่วเชียงราย ไปเมืองลาว ย้อนอดีต เชียงแสน - สุวรรณโคมคำ
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(25)...ธรรมชาติระบายสีที่ผาแต้ม แต้มสีงามจับใจ/ปิ่น บุตรี
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(24)...อิ่มบุญ อิ่มใจ ไหว้พระเมืองปากน้ำโพ
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(23)...ชมเงาพระธาตุ สิ่งมหัศจรรย์คู่เมืองรถม้า
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(22)...เคียงคู่ฉลามวาฬ...ดำน้ำที่ "ทะเลชุมพร"
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(21)...งามวิจิตรอดีตล้านนาที่ "พิพิธภัณฑ์อูบคำ"
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(20)...หนีความวุ่นวายไปทะเล ที่ "เกาะทะลุ"
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(19)...ผจญภัยบนยอดไม้ ในผืนป่าแห่ง"เกาะช้าง"
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(18)...แอ่วเชียงใหม่ ไหว้พระเสริมสิริมงคล
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(17)...เที่ยวท่อง ล่อง 5 น้ำ เมืองหอยใหญ่
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(16)...เที่ยวศรีสัชนาลัย มรดกโลกทรงคุณค่า ชุมชนทรงเสน่ห์
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(15)..."ผีขนน้ำ"แห่งเชียงคาน...รู้จักแล้วจะรัก
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(14)...ร้อนนี้เที่ยวทะเล ยลเสน่ห์หมู่เกาะช้าง
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(13)...สุดทะเลตะวันออกที่ เกาะกูด เกาะงาม-น้ำใส-ทะเลสวย
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(12)...เที่ยวแบบบ้านๆ ให้อาหารลิง-ชมป่าชายเลน-ขึ้นกระเตง ที่ "คลองโคน"
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(11)...ตะลุย ภูพระบาทชมธรรมชาติสุดอัศจรรย์
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(10)...ยลเสน่ห์"เชียงคาน" สัมผัสถิ่นอีสานคลาสสิค
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(9)...ดูนก-นาเกลือ นั่งเรือชมป่าชายเลนที่โคกขาม
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(8)...พิชิต"ทีลอซู" น้ำตกงามระดับโลก
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(7)...เที่ยวสวนผึ้งขึ้นเขากระโจม นอนนับดาว เฝ้าชมตะวัน
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(6)...ขึ้นภูลังกาย่ำขุนเขา-แหวกเมฆา เสาะหาเทวดา...บน ฟินจาเบาะ
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(5)...เสริมมงคลปีใหม่ ไหว้พระ(ดัง) 5 พี่น้องใกล้กรุง
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(4)...สดชื่นเย็นฉ่ำ กับ 3 น้ำตกแห่งภูสอยดาว
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(3)...โรแมนติกฉ่ำฝน บนภูหินร่องกล้า-ภูทับเบิก
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(2)...ล่องแก่งน้ำปาย สนุกเร้าใจกลางสายน้ำเชี่ยว
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(1)..."ตะรุเตา" แดนดินถิ่นฝัน เกาะสวรรค์แห่งอันดามัน
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(55)...วิถีมอญ-เมืองบาดาล-สะพานมอญ...สังขละบุรี มีดีไม่มีสร่าง
สะพานมอญ สัญลักษณ์แห่งสังขละที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา
ย่างเข้าเดือนหกฝนก็ตกพรำๆ กบมันก็ร้องงึมงำ ระงมไปทั่วท้องนา...
(เพลง ฝนเดือนหก รุ่งเพชร แหลมสิงห์)
สมัยก่อนพอถึงเดือนหก(เดือนไทย) ฝนเป็นต้องโปรยสายตกพรำๆลงมาให้แผ่นฟ้าชุ่มฉ่ำ แผ่นดินชุ่มน้ำ ชาวไร่ชาวนาได้หน้าชื่นตาบานยิ้มรื่นรับหยดหยาดน้ำฟ้า
แต่พักหลังๆมานี่ภาวะโลกร้อนทำอากาศวิปริตแปรปรวน โดยเฉพาะปีนี้ที่แม้วันเวลาจะเดินทางเข้าสู่เดือนเจ็ด(เดือนไทย)แล้ว แต่ดูเหมือนว่าพระพิรุณยังเฉยเมย ไม่ยอมปล่อยหยาดน้ำฟ้าตามฤดูกาลลงมาสร้างความชุ่มฉ่ำให้ผืนดินแผ่นฟ้าเมืองไทย มีเพียงปล่อยมาบ้างแบบเผาหัวยั่วให้อยากแล้วจากไป จนใครและใครหลายคนค่อนขอดว่า สงสัยพระพิรุณคงดูบอลโลกเพลินจึงลืมทำหน้าที่ของตนเอง
เมื่อฝนมาล่าช้ากว่ากำหนด ไม่ตกต้องตามฤดูกาล ทำให้หลายจังหวัดประสบกับปัญหาภัยแล้งในต่างกรรมต่างวาระกันตั้งแต่ขั้นเบาะๆไปจนถึงขั้นวิกฤต เกิดเป็นปัญหาเร่งด่วนของชาติที่ดูเหมือนรัฐบาลจะดูดายไม่ใส่ใจให้ความสำคัญเท่าแผนปรองดอง ซึ่งวันนี้พี่มาร์คก็ยังไม่ชัดเจนเลยว่าจะปรองดองกับใคร
อย่างไรก็ตามในบางพื้นที่ ในวิกฤตภัยแล้งน้ำแห้งขอดยังมีโอกาสแฝงอยู่ ดังเช่นที่ เมืองชายแดน อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ที่ปีนี้ประสบภาวะแล้งหนักเป็นประวัติการณ์ในรอบ 27 ปี จนน้ำในทะเลสาบเขื่อนวชิราลงกรณหรือเขื่อนเขาแหลมแห้งขอด
เมื่อน้ำลดตอย่อมผุด แต่น้ำในทะเลสาบที่นี่พิเศษกว่าที่ไหนๆตรงที่ยามน้ำลดนอกจากตอจะผุดแล้ว เมืองยังโผล่อีกด้วย แถมยังเป็นเมืองบาดาลที่มีดีกรีอันซีนไทยแลนด์พ่วงท้ายเสียด้วย
น้ำแล้งปีนี้ทำเมืองบาดาลหรือวัดเก่าโผล่พ้นน้ำขึ้นมากเป็นพิเศษ
อันซีน เมืองบาดาล
เมืองบาดาล ตั้งอยู่ในบริเวณที่เรียกว่าสามประสบ ซึ่งเป็นจุดที่แม่น้ำสามสายคือ แม่น้ำซองกาเลีย บีคลี่ และรันตี ไหลมาบรรจบกันเป็นแม่น้ำแควน้อย
เมืองบาดาลเดิมเคยเป็นชุมชนชาวมอญ ปัจจุบันเหลือเพียงซากของวัดวังก์วิเวการามเดิมหรือวัดเก่าหรือวัดใต้น้ำ ตกทอดเป็นหนึ่งในตำนานของหลวงพ่ออุตตมะ เกจิชื่อดัง ศูนย์รวมจิตใจแห่งสังขละบุรีไปจนถึงเมืองกาญจน์
ชาวมอญเมืองสังขละเคารพนับถือหลวงพ่ออุตตมะเป็นอย่างยิ่ง พวกเขายกย่องท่านเป็นดัง "เทพเจ้าของชาวมอญ" เพราะท่านได้ให้ความช่วยเหลือแก่ชาวมอญไร้สัญชาติในสังขละบุรีตลอดมา
หลังจากหลวงพ่ออุตตมะออกธุดงค์ไปในหลายพื้นที่ ในปี 2496 ท่านได้มาปักหลักสร้างวัดวังก์วิเวการาม(หลังเก่า)และชุมชนชาวมอญขึ้นที่สามประสบ ต่อมาในปี 2527 ทางการได้สร้างเขื่อนเขาแหลมขึ้นกินพื้นที่มาถึงสามประสบทำให้ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ปล่อยน้ำของเขื่อนต้องย้ายถิ่นหนี
เรือนแพเบียดกันหนาแน่น เพราะปีนี้น้ำในเขื่อนแห้งขอดจนลำน้ำบีบแคบเข้ามามาก
หลวงพ่ออุตตมะท่านจึงย้ายไปสร้างวัดวังก์วิเวการาม(ใหม่)บนเนินไกลฝั่งเมืองออกไปอีกนิด เช่นเดียวกับชาวมอญที่เขยิบขึ้นไปสร้างชุมชนแถวนั้น โดยมีลำน้ำซองกาเลียไหลผ่าน แบ่งฝั่งเมืองสังขละ(ฝั่งกระเหรี่ยง)กับฝั่งมอญออกจากกัน ก่อนจะนำไปสู่การสร้างสะพานมอญ(ไม้)สุดคลาสสิกในปีต่อมา(2528)
สำหรับวัดเก่านั้น หลังถูกน้ำท่วมก็ถูกลืมเลือนหายไปกับสายน้ำเป็นเวลานับสิบปี จนกระทั่งปี 2546 วัดเก่าถูกททท.หยิบยกขึ้นเป็นหนึ่งในอันซีนไทยแลนด์พร้อมเรียกอย่างสวยหรูว่าเมืองบาดาล ส่งผลให้วัด แห่งนี้โด่งดังขึ้นมาในไม่กี่เพลา
ทุกๆปีในฤดูแล้งราวเดือนมี.ค.-พ.ค. ช่วงน้ำในเขื่อนลดระดับ เราสามารถเห็นตัววัดเก่าที่จมน้ำได้อย่างชัดเจน แต่ในปีนี้ฝนอย่างที่บอกตั้งแต่ต้นว่าแล้งหนักเป็นประวัติการณ์ ทำให้วัดเก่าโผล่พ้นน้ำเยอะเป็นพิเศษ จนนักท่องเที่ยวสามารถลงไปเดินชมวัดเก่าได้อย่างใกล้ชิดสบายใจเฉิบ
อย่างไรก็ตามการจะเข้าไปเที่ยวชมวัดเก่า เราต้องนั่งเรือหรือนั่งแพเข้าไปลงที่วัดแล้วเดินเท้าขึ้นไปชมอีกทีหนึ่ง ซึ่งงานนี้ตะลอนเที่ยวและคณะลงแพที่เชิงสะพานมอญ แล้วนั่งแพออกไปพร้อมๆกับสามสาว มัคคุเทศก์น้อยชาวมอญในชุดแต่งกายพื้นเมืองอันเป็นเอกลักษณ์
ซากกองอิฐที่เชื่อว่าเป็นด่านเจดีย์ 3 องค์เดิม
หลังล่องมาได้ประมาณ 20 นาที ก่อนที่แพจะถึงวัดเก่าที่มองเห็นอยู่ลิบๆ เราได้เจอกับอันซีนสังขละ เป็นซากอิฐเก่าส่วนฐานของเจดีย์มี 3 องค์ ซึ่งน้องๆไกด์บอกว่านี่แหละคือ ด่านเจดีย์ 3 องค์ของดั้งเดิมมีอายุร่วมร้อยปีแล้ว ก่อนที่เจดีย์ทั้งสามจะถูกนำไปสร้างใหม่ที่ด่านเจดีย์ 3 องค์ ชายแดนไทยพม่าที่อยู่ห่างออกไปราว 30 กม. ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของสังขละบุรี
อย่างไรก็ดีเรื่องด่านเจดีย์ 3 องค์เดิมนี้ยังไม่แน่ชัด เพราะมีบางกระแสเชื่อว่านี่คือเจดีย์สามสบที่คงต้องให้นักประวัติศาสตร์พิสูจน์กันต่อไป ส่วนที่ไม่ต้องพิสูจน์ก็คือวัดเก่าที่พอแพผ่านด่านเจดีย์ 3 องค์เดิมไปได้ไม่นาน วัดแห่งนี้ได้ปรากฏซากโดดเด่นให้เห็นอย่างชัดเจน ซึ่งยามน้ำลดมากอย่างนี้ เราๆท่านๆ สามารถลงไปเดินทอดน่องซอกแซกชมวัดเก่าได้อย่างเพลินเพลิน
อันซีนวัดเก่า จะลงไปเดินชมได้ในยามน้ำแล้งเท่านั้น
สำหรับซากเด่นๆของวัดแห่งนี้ที่ยังหลงเหลืออยู่ก็คือ หอระฆัง ที่เหลือเพียงโครงสร้างกับเจดีย์สีขาวเด่นบนยอด ซึ่งเป็นเพียงสิ่งหนึ่งเดียวของวัดที่ไม่ถูกน้ำท่วมในยามน้ำในเต็มเขื่อน หอฉัน ที่เป็นโครงอาคารสี่เหลี่ยมเห็นช่องประตูหน้าต่างชัดเจน ซุ้มประตูทางเข้าโบสถ์ที่ยังคงมีเค้าโครงอยู่ และโบสถ์ของวัดที่ยังมีลวดลายซุ้มประตู หน้าต่างให้เห็น มีร่องลอยของช่องพระประดับผนังด้านในให้เห็น นอกจากนี้ยังมีเศียรพระ มีซากเจดีย์ ซากบันไดนาค ให้เห็นกันที่รอบนอกของตัวโบสถ์
นับเป็นมนต์เสน่ห์แห่งวัดเก่าที่หนึ่งปีจะมีให้ชมสักครั้งยามน้ำแล้ง ซึ่งหลังจากนี้ไปอีกประมาณ 2 เดือน น้ำในเขื่อนท่วมสูง ภาพเหล่านี้ก็จะหายไป กลายเป็นทะเลสาบอันกว้างใหญ่ของเขื่อนเขาแหลมที่ดูจากเบื้องบนจะไม่รู้เลยว่า ที่ใต้น้ำบริเวณนี้เคยเป็นที่ตั้งของวัดเก่าและชุมชมชาวมอญมาก่อน
รูปเคารพหลวงพ่ออุตตมะ และปราสาทบรรจุสังขารของท่าน
ไหว้หลวงพ่ออุตตมะ
อย่างที่ ตะลอนเที่ยวกล่าวไว้ในข้างต้นว่า หลังน้ำท่วมปี 2527 หลวงพ่ออุตตมะท่านได้ย้ายวัดขึ้นไปปลูกสร้างบนพื้นที่สูงกว่าเดิม เป็นวัดวังก์วิเวการามในปัจจุบัน ที่แม้วันนี้หลวงพ่ออุตตมะจะมรณภาพไปในปี 2549 แต่ท่านยังเป็นที่เคารพศรัทธาของประชาชนอยู่ไม่เสื่อมคลาย
ดังนั้นเมื่อมาสังขละก็ต้องไปที่วัดวังก์วิเวการาม(ใหม่)เพื่อชื่นชมสิ่งน่าสนใจภายในวัดที่ส่วนใหญ่เกิดจากการสร้างสรรค์ของหลวงพ่ออุตตมะยามท่านมีชีวิตอยู่ ควบคู่ไปกับกราบสักการะสังขารของท่าน
งานนี้เราได้ 3 สาวไกด์น้อยนำชมอีกเช่นเคย โดยจุดแรกพวกเธอพาไปชมภาพเก่าๆของหลวงพ่ออุตตมะ ก่อนพาเข้าไปกราบสังขารของท่าน ในวิหารภายในงดงามไปด้วยงานพุทธศิลป์แบบมอญอันปราณีตวิจิตร 3 หลัง มีปราสาทเล็ก 2 หลังซ้ายขวา จากนั้นเป็นหุ่นขี้ผึ้งขนาดเท่าองค์จริงและเหมือนจริงมากของหลวงพ่ออุตตมะ นั่งอยู่บนบัลลังก์หน้าปราสาทหลังใหญ่ 9 ยอดที่ใช้เก็บสังขารของท่านที่ไม่น่าเชื่อว่า วันนี้ยังคงอยู่ ไม่เน่าไม่เปื่อย นับเป็นความศักดิ์สิทธิ์หลังมรณะภาพที่ทิ้งไว้ให้บรรดาศิษยานุศิษย์ได้รำลึกถึงบารมีและคุณความดีของท่าน
หลวงพ่อขาว และรูปเคารพหลวงพ่ออุตมะ ในวิหารหินอ่อน
เสร็จจากกราบไหว้สังขารหลวงพ่อ ไกด์น้อย 3 สาว พาเราไปไหว้ หลวงพ่อขาว พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ทำจากหินอ่อนในศิลปะมอญผสมพม่าอันอ่อนช้อยงดงาม
ด้านซ้ายมือของหลวงพ่อขาว(ด้านขวามือเมื่อมองเข้าไป) ทางวัดสร้างเป็นรูปเคารพหุ่นขี้ผึ้งหลวงพ่ออุตตะมาในท่านั่งในมือกำลูกประคำเตรียมโยนคล้องคอลูกศิษย์ดูน่าเลื่อมใสไม่น้อย ในขณะที่ทางฝั่งขวามือของหลวงพ่อขาวมีงาช้าง 1 ข้างตั้งแสดงอยู่ ซึ่งทางวัดเขียนบอกว่าเป็น งาช้างแมมมอธ เพราะมีขนาดยาวมาก
เจดีย์พุทธคยา จำลองแบบมาจากอินเดีย
จากนั้นเราเดินทางต่อไปอีกราวหนึ่งกิโลเมตร เพื่อสัมผัสในความงามของ "เจดีย์พุทธคยา" ที่หลวงพ่ออุตตมะจำลองแบบมาจาก เจดีย์พุทธคยาในอินเดีย โดยสร้างขึ้นในปี 2525 ด้วยแรงงานชาวมอญทั้งชายหญิงประมาณ 400 คนที่ช่วยกันเผาอิฐมอญกว่า 260,000 ก้อนเพื่อก่อสร้างขึ้นเป็นองค์เจดีย์
ด้านหน้าเจดีย์มีสิงห์แบบมอญ 2 ตัวยืนเฝ้าบันไดทางขึ้นหลังคาซ้อนชั้น ที่ทอดยาวพาขึ้นสู่ตัวเจดีย์ทรงเหลี่ยมฐานจัตุรัส สีทองเด่นอร่าม มีเจดีย์เล็กทรงกลมแบบมอญสร้างอยู่บนยอดบนสุด ภายในเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุส่วนกระดูกนิ้วหัวแม่มือขวาขนาดเท่าเมล็ดข้าวสาร ซึ่งหลวงพ่ออัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา
ส่วนใครที่ชอบช้อปปิ้งหรืออยากกระจายรายได้ หลังกราบไหว้เจดีย์แล้ว ก่อนอำลาจากวัดวังก์ อย่าเพิ่งไปไหนไกล เพราะใกล้ๆกับเจดีย์เป็นแผงร้านขายของฝากของที่ระลึก ส่วนใหญ่เป็นเสื้อผ้า เครื่องไม้ แป้งทานาคา และสินค้าพื้นเมืองอีกหลากหลาย
หนุ่มๆคนไหนที่แม้จะไม่ชอบช้อปปิ้ง แต่ถ้ามีเวลา เราขอแนะนำให้เดินชมตามร้านค้าแถวนี้ เพราะถ้าโชคดี ตาดี ก็จะพบกับแม่ค้าสาวสวยชาวมอญผิวพม่าตาแขกยืนขายของเรียกลูกค้า จนอาจทำให้หนุ่มๆหลายคนใจละลาย ควักเงินช้อปกันเพลินเกินหน้าเกินตาสาวๆ
เรื่องนี้เราเคยมีประสบการณ์ตรงมาแล้ว
ชาวมอญสังขละยังคงแนบแน่นในพระพุทธศาสนา
เสน่ห์วิถีมอญ
ไหนๆพูดถึงสาวมอญแล้ว ไหนๆมีไกด์สาวมอญมานำเที่ยวแล้ว งานนี้ยังไงๆต้องเที่ยวชมวิถีมอญทั้งเก่า-ใหม่ในสังขละบุรีกันเสียหน่อย เพราะที่นี่คือหนึ่งในเมืองมอญอันโดดเด่นของเมืองไทย ซึ่งช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการออกสัมผัสวิถีมอญของคนที่ไปเที่ยวพักค้างเพียงระยะเวลาสั้น 1-2 คืน ก็คือยามเช้าตรู่เริ่มตั้งแต่พระออกบิณฑบาต
ช่วงเช้าๆแบบนี้ ในฝั่ง(ชุมชน)มอญเราจะได้เห็นชาวมอญทั้งผู้เฒ่า ผู้แก่ ผู้ใหญ่ วัยรุ่น เด็กๆ ตื่นแต่เช้ามาเตรียมข้าวเจ้าใส่บาตร หลายคนมาในชุดเต็มยศ นั่งๆ ยืนๆ รอคอย พอพระเดินผ่าน จึงรีบลุกตักข้าวของใส่บาตรอย่างสงบ สำรวม
คึกคักยามเช้าในตลาดสดเมืองสังขละ
เกิดเป็นภาพชวนประทับใจนักท่องเที่ยวมากมาย จนใครและใครหลายคนอดไม่ได้ที่จะขอตักบาตรยามเช้าร่วมกับชาวมอญอย่างอิ่มเอมใจ ทำให้ปัจจุบันเกิดเป็นธุรกิจจัดเตรียมสำรับสำหรับตักบาตรขึ้นมา ซึ่งก็ต้องตามดูกันต่อไปว่า ความอยากตักบาตรของนักท่องเที่ยวกับความอยากขายของตักบาตรของชาวบ้าน จะสามารถรักษาสมดุลไม่เลยเถิดจนหมดเสน่ห์ของการตักบาตรในสังขละบุรีไป
หลังตักบาตร 3 สาวทรีโอไกด์น้อยมารับ ตะลอนเที่ยว พาไปเดินตลาด ไปดูบรรยากาศการจับจ่ายซื้อขาย ดูสินค้าพื้นบ้าน อาหารพื้นเมือง พร้อมพาไปกินขนมแบบมอญ และกินขนมจีนน้ำยาหยวก(กล้วย)เมนูขึ้นชื่อ ก่อนจะพาเดินซอกแซกชมวิถีชาวบ้านที่โน่นที่นี่ ซึ่งเราพบว่า สาววัยรุ่นชาวมอญบางคนนอกจากจะเป็นมอญยุคใหม่แล้ว พวกเธอยังเป็นมอญทรงเกาหลีอีกด้วย
บรรยากาศสะพานมอญยามต้นราตรี
สะพานไม้สายคลาสสิค
ใครที่มาเที่ยวสังขละแล้วไม่ได้มาถ่ายรูปกับสะพานมอญหรือมาเดินบนสะพานมอญ เหมือนกับว่ายังมาไม่ถึงสังขละ เพราะสะพานมอญถือเป็นสัญลักษณ์อันโดดเด่นเป็นเอกอุแห่งเมืองชายแดนแห่งนี้
สะพานมอญ สร้างด้วยไม้ทั้งหมดทั้งตัวสะพานและโครงสร้าง มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า "สะพานอุตตมานุสรณ์" สร้างในปี 2538 หลังสร้างเขื่อน 1 ปีทอดข้ามลำน้ำซองกาเลีย โดยมีหลวงพ่ออุตตมะเป็นผู้ดำเนินการสร้าง มีความยาว 850 เมตร นับเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในเมืองไทย
สะพานไม้แห่งนี้ แม้สร้างด้วยฝีมือช่างพื้นบ้าน แต่ว่ากลับดูคลาสสิกทรงเสน่ห์ยิ่งนัก อีกทั้งยังเป็นสะพานที่มีชีวิต จากภาพวิถีชาวแพในลำน้ำเบื้องล่าง และภาพวิถีของผู้คนที่เดินข้ามฝั่งไปมา โดยเฉพาะภาพวิถีชาวมอญ ที่ยามเช้าๆจะเห็นสาวๆชาวมอญทาแป้งทานาคาเดินเทินของบนศีรษะข้ามจากฝั่งมอญไปทำงานฝั่งเมืองกันอย่างคึกคัก
วิถีที่ผูกพันกับสายน้ำในทะเลสาบของชาวสังขละ
นับเป็นหนึ่งในภาพสุดคลาสสิกภาพหนึ่งของเมืองไทยเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามด้วยความที่เป็นสะพานมอญสร้างมา 20 กว่าปี ตากแดดตากลมอยู่ทุกวัน ตากฝนอีกนับครั้งไม่ถ้วน แถมยังมีคนเดินข้ามไปมาอยู่ทุกวัน ทำให้สะพานแห่งนี้ทรุดโทรมจนวันนี้ต้องซ่อมแซม ปรับปรุงสะพานกันใหม่ แต่ยังคงเปิดให้ผู้คนสัญจรข้ามไปมาตามปกติ
และนับจากนี้อีกไม่นานเราคงได้เห็นความเปลี่ยนแปลงเล็กๆของสะพานไม้สายคลาสสิกสายนี้ ซึ่งจะว่าไปคงเทียบไม่ได้กลับความเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของสังขละบุรีในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เพราะตั้งแต่เมืองนี้มีชื่อเป็นที่หมายปองของนักท่องเที่ยว อะไรต่อมิอะไรหลายๆอย่างก็เติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จนบางครั้งเราอดเป็นห่วงไม่ได้ว่า ความเปลี่ยนแปลงทางกายภาพจะส่งแรงสั่นสะเทือนมาถึงจิตใจ ซึ่งหากวันใดที่น้ำใจชาวสังขละเปลี่ยนแปลงไป วันนั้นมนต์เสน่ห์ของสังขละก็จะเปลี่ยนแปลงไปด้วย
*****************************************
ผู้สนใจเที่ยวสังขละบุรีและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในกาญจนบุรี สอบถามที่พัก ร้านอาหาร การเดินทาง รวมถึงติดต่อมัคคุเทศก์น้อย(ไกด์น้อย)นำเที่ยวสังขละ สามารถสอบถามได้ที่ ททท. สำนักงานกาญจนบุรี โทร. 0-3451-1200,0-3451-2500
เรื่องและภาพจาก ผู้จัดการออนไลน์
เสียงประกอบ //www.palungjit.com/
Create Date : 08 มกราคม 2554
Last Update : 8 มกราคม 2554 15:10:54 น.
4 comments
Counter : 1761 Pageviews.
Share
Tweet
โห น้ำแห้งขนาดนั้นเลยหรอ...!
โดย: หมูหิน IP: 180.210.216.74 วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:17:44:28 น.
มีภาพตอนนี้ม้ย
โดย: หมูหิน IP: 180.210.216.74 วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:17:46:47 น.
ภาพปัจจุบันยังไม่มีครับ
โดย: ทัสนะ (
atruthoflife10
) วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:12:53:46 น.
ขอบคุณมากนะคะที่ภาพออกมาสวยงามมากๆๆๆค่ะ
โดย: อรัญญา IP: 125.27.203.145 วันที่: 12 มิถุนายน 2554 เวลา:19:00:39 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
atruthoflife10
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [
?
]
ไตรลักษณ์
เกิดขึ้น 26 พ.ย.2553
ดับไป....???
Friends' blogs
สู้ตาย85
ไวน์กับสายน้ำ
กัปตันลูกชุบ
พธู
shadee829
Webmaster - BlogGang
[Add atruthoflife10's blog to your web]
Links
เกษตร-เกษตรพอเพียง
ศาสนา-พลังจิต
IT-Zone IT
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.