บางครั้งโลกแห่งความจริงไม่สวยงาม...เฉกเช่นความฝัน แต่รู้สึกและจับต้องได้
Group Blog
 
 
ธันวาคม 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
17 ธันวาคม 2553
 
All Blogs
 
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(3)...โรแมนติกฉ่ำฝน บนภูหินร่องกล้า-ภูทับเบิก







ทะเลหมอกภูทับเบิก(ภาพ : ททท.)

แม้ฤดูฝนจะทำท้องฟ้ามัวหม่น ไม่สดใส ดูไม่น่าเดินทางท่องเที่ยวในสายตาของบางคน แต่สำหรับ"ผู้จัดการท่องเที่ยว"แล้ว หน้าฝนกลับดูมีเสน่ห์ชวนเที่ยวไปอีกแบบ โดยเฉพาะหากใครได้เห็นฟ้าหลังฝนอันชุ่มฉ่ำที่เต็มไปด้วยเมฆหมอกฝนลอยอ้อยอิ่ง ท่ามกลางขุนเขาและแมกไม้เขียวขจี บางทีบางคนอาจอยากกลายร่างเป็นนกบินไปซุกไซร้ในเมฆหมอกฝนอันชุ่มชื่นนั้นก็เป็นได้

และไหนๆเมื่อพูดถึงบรรยากาศชุ่มฟ้า ฉ่ำฝน ปนเมฆหมอกลอยอ้อยอิ่งแล้ว บนทางหลวงหมายเลข 2331 จากภูหินร่องกล้าสู่ภูทับเบิกนั้น ถือเป็นอีกหนึ่งเส้นทางโรแมนติกที่นอกจากจะเต็มไปด้วยทิวทัศน์อันสวยงามแล้ว ในช่วงหน้าฝนนี้ยังมีหมอกฝนขาวโพลนให้เราได้ สัมผัส จับ สูดดมกันอย่างจุใจด้วย

ศึกษาประวัติศาสตร์ ชื่นชมธรรมชาติ ที่'ภูหินร่องกล้า'

"ผู้จัดการท่องเที่ยว" ขอเปิดประเดิมความโรแมนติกกันด้วยการเดินทางไปสัมผัสกับธรรมชาติอันแปลกตาน่ายล ที่ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นสมรภูมิสู้รบระหว่างผู้มีความคิดต่างทางการเมือง ที่วันนี้ยังคงมีร่องรอยอดีตทางการต่อสู้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษากันอยู่หลายจุดทีเดียว



ลานหินปุ่มบนภูหินฯ

ภูหินร่องกล้า มีอากาศเย็นสบายในช่วงฤดูร้อนและฝน ส่วนฤดูหนาวนี่อากาศบนนี้หนาวใช่เล่น ซึ่งใครที่จะต้องการหนีร้อนมาพึ่งเย็นเชื่อว่าภูหินคงไม่ทำให้ผิดหวังเป็นแน่แท้

หลังเดินทางถึงที่ทำการอุทยานฯภูหิน "พี่เสือ" วิทยากรที่นัดแนะกันไว้ ได้พาเราเดินตะลุยฝ่าไอหมอกอันแน่นหนาออกเที่ยวในเส้นทางสู่ 'ลานหินปุ่ม-ผาชูธง' กันทันที

เราเดินผ่านร้านค้าชาวม้งที่ยืนยิ้มกลางสายหมอกหนาเชิญชวนให้ซื้อของที่ระลึกหลากหลายเข้าสู่เส้นทางศึกษาธรรมชาติที่มีดอกไม้ที่งดงามนานาพันธุ์ที่ต่างชูช่อออกดอกอวดโฉมเบ่งบานรับหน้าฝนกันเต็ม 2 ข้างทาง ซึ่งพี่เสือก็คอยแนะนำให้เราได้รู้จักดอกไม้แปลกๆหาดูยากอยู่ไม่ได้ขาด อาทิ ดอกเปราะภูที่บานงดงามอยู่เต็มทุ่งด้วยสีขาวราวสำลี ออกดอกระหว่างเดือนพ.ค.-ก.ค. ส่วนใหญ่พบได้ตามทุ่งหญ้าป่าสนบนภูเขาทางภาคเหนือและภาคอีสาน นอกจากนี้ยังมีดอกกุหลาบขาว เอื้องมัน ตาเหินไหว เอนอ้า เทียนหนูและยังมีดอกไม้ป่าอื่นๆอีกมากมายประดับ 2 ข้างทางเดินให้ดูกันเพลินตา

หลังจากนั้นเราก็เดินทางไปถึงยัง โรงเรียนการเมืองการทหาร ที่ในอดีตเคยเป็นสถานที่สำหรับให้การศึกษาตามแนวทางของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย(พคท.) ในบริเวณโรงเรียนการเมืองการทหารจะประกอบไปด้วย บ้านฝ่ายพลเรือน ฝ่ายพลาธิการ ฝ่ายสื่อสาร และสถานพยาบาล ส่วนเหล่านี้มีทั้งหมด 31 หลัง เป็นบ้านหลังเล็กๆ ปลูกสร้างอยู่อย่างเป็นระเบียบภายใต้ความร่มรื่นเขียวครึ้มของแมกไม้


ภูเขากะหล่ำบนภูทับเบิก

เมื่อเดินขึ้นไปอีกหน่อยจะเห็นลานอเนกประสงค์ ที่ไม่ใช่ลานโล่งกว้างธรรมดา หากแต่ว่าบริเวณนี้มีธรรมชาติแปลกๆอย่าง ซันแครท ที่เป็นหินมีลักษณะเป็นชั้นๆริ้วๆ ซึ่งนักธรณีวิทยาระบุว่าหินประหลาดนี้จะพบเฉพาะที่ใต้ทะเลเท่านั้น แต่ที่มาโผล่อวดความสวยงามอยู่บนภูหินได้อย่างน่าอัศจรรย์นั้น น่าจะเป็นเพราะเกิดความเปลี่ยนแปลงของผิวโลกทำให้หินเหล่านี้ยกตัวขึ้นมาจากใต้ทะเล หรือไม่ก็เป็นลักษณะเฉพาะของหินแถบนี้ที่ไม่เหมือนใครนั่นเอง

ที่ลานอเนกประสงค์แห่งนี้ ไม่ได้มีแค่ซันแครทหรือดอกไม้ป่าสวยๆงามให้ได้ชมกันเท่านั้น แต่พวกเรายังได้เห็นและสัมผัสกับปืนที่ใช้ในสงครามโลกเมื่อปี พ.ศ. 2510 ตั้งโดดเด่นให้ชมกันด้วย ส่วนถัดออกไปก็เป็นหลืบหินที่ซ้อนกันเหมือนถ้ำที่ในสมัยอดีตพคท.ใช้เป็นที่หลบภัยยามถูกทหารทิ้งบอมบ์ลงมา

จากนั้นเราก็มาถึง ลานหินปุ่ม ไฮไลท์สำคัญของภูหินร่องกล้า ลานหินปุ่มเป็นลานหินที่อยู่ริมหน้าผา มีลักษณะเป็นลานกว้างแล้วมีหินเป็นลูกๆผุดขึ้นมาเป็นปุ่มๆไล่เรียงกันไปเต็มลาน นับว่าแปลกตาน่ายลมาก อีกทั้งที่ลานหินปุ่มนี้ยังมีทิวทัศน์สวยงามและเป็นจุดชมวิวชั้นดีอีกแห่งหนึ่ง

หลังสูดโอโซน ชมวิวที่ลานหินปุ่มกันจนจุใจแล้ว เราก็เดินไปยังผาชูธงที่เคยเป็นสถานที่ชูธงแดงประกาศชัยของพคท.ในทุกๆครั้งที่รบชนะทหารของฝ่ายรัฐบาล


โรงเรียนการเมืองการทหารที่ภูหินฯ(ภาพ : ททท.)

ผาชูธงเป็นหน้าผาสูงชันสามารถเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกลอีกทั้งยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกชั้นดี แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายว่าวันนั้นฟ้าปิดเต็มไปด้วยเมฆหมอก พวกเราเลยตัดใจไม่รอชมพระอาทิตย์ตกบนผาชูธงแห่งนี้เพราะโอกาสที่จะไม่เห็นอะไรมีมากกว่า 90 % ทีเดียว

ต่อจากนั้นเราก็ไม่ได้ไปไหนไกล กินและนอนกันในอช.ภูหินร่องกล้านั่นแหละ ซึ่งการนอนซุกตัวใต้ผ่าห่ม ฟังเสียงหรีดเรไรท่ามกลางสายฝนพรำยามค่ำคืน "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ว่ามันหลับสบายและมีความสุขกว่าการนอนในโรงแรม 5 ดาว เสียอีก เพราะอย่างน้อยเราก็จ่ายถูกกว่ามากทีเดียว

ลุย'ภูทับเบิก' ชมภูเขากระหล่ำสุดลูกหูลูกตา

เช้าวันใหม่กับอากาศเย็นสบายจนแทบไม่อยากจะตื่นลุกจากที่นอน แต่ว่าก็คงทำไม่ได้ เพราะเช้าวันนี้เรามีนัดกับ "ภูทับเบิก" แหล่งท่องเที่ยวน้องใหม่แห่งจังหวัดเพชรบูรณ์ที่มาแรงมากหลังการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว

ภูทับเบิกอยู่ไม่ไกลจากภูหินร่องกล้าเท่าไหร่ สามารถเดินทางไปบนถนนหลักสาย 2331 ได้ ก่อนจะไปเลี้ยวขึ้นไปภูทับเบิกอีกที

ภูทับเบิก เป็นภูเขาสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,600 เมตร บนนี้เป็นจุดชมทะเลหมอกที่สวยงามแห่งหนึ่งของเมืองไทยในระดับอันซีนไทยแลนด์ ที่ในช่วงฤดูฝนและหนาวในวันท้องฟ้าเป็นใจจะมีหมอกให้ชมมากเป็นพิเศษ โดยจากจุดชมวิวธารพายุ สามารถมองเห็นทะเลหมอกที่ห่มคลุมผืนป่าดิบได้ชัดเจน


สถานที่รับน้ำฟ้ากลางหาวที่วัดป่าทับเบิก

ไม่เพียงเท่านั้นอากาศภูทับเบิกยังหนาวเย็นตลอดทั้งปี อีกทั้งยังมีแปลงกะหล่ำปลีที่คนแถวนี้บอกว่าเป็นพื้นที่ปลูกกะหล่ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกทีเดียว เรื่องนี้เท็จ-จริงเป็นอย่างไร ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัด แต่จากที่เราเห็นมาจะจะเต็ม 2 ลูกตา มันก็น่าที่จะเป็นไปได้ไม่น้อยทีเดียว เพราะแปลงกะหล่ำที่นี่มันช่างกว้างใหญ่ไพศาล กินอาณาบริเวณภูเขามากมายสุดลูกหูลูกตา

ส่วนอีกจุดหนึ่งที่ถือว่าน่าสนใจไม่น้อยบนภูทับเบิกก็คือ วัดป่าทับเบิก ที่ตั้งอยู่บนเขา โดยระหว่างทางที่จะขึ้นไปยังวัดป่าทับเบิก นักท่องเที่ยวจะได้เห็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวม้งกว่า 400 หลังคาเรือนในบ้านม้งทับเบิก ซึ่งดูแล้วน่าสนใจและเพลิดเพลินดีทีเดียว จนทำให้“ผู้จัดการท่องเที่ยว” มาถึงยังวัดป่าแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว

สำหรับวัดป่าทับเบิก มีความสำคัญคือเป็นสถานที่รับน้ำฟ้ากลางหาว เพื่อนำไปรวมเป็นน้ำเพชรน้อมเกล้าฯถวายเป็นน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมายุครบ 6 รอบเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2542 และทำการประกอบพิธีเมื่อวันที่ 9 กันยายน (9) ค.ศ. 1999 (ใช้ ค.ศ. เพราะจะได้ลงด้วย 999 เพื่อความเป็นตัวเลขมงคล)



ซันแครทหินลักษณะประหลาดบนภูหินฯ

ด้วยความที่เป็นวัดบนที่สูงจึงมีเมฆหมอกหนาทึบลอยไต่ละเรี่ยบริเวณวัดป่าทับเบิกอยู่ทั่วไป ซึ่งแม้ว่าเวลาปาเข้าไปใกล้เที่ยงแล้วก็ตาม แต่บนนี้ก็ยังคงมีอากาศหนาวเย็นและเต็มไปด้วยหมอกขาวโพลน

และต้องถือเป็นความโชคดีของเราที่ได้พบว่า'จ่าแดง' ผู้ที่มาคอยบอกกล่าวเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับวัดป่าแห่งนี้และเรื่องราวของภูทับเบิก รวมถึงคอยเสิร์ฟน้ำสมุนไพร 'พญาเสือโคร่ง' ร้อนๆให้จิบแก้หนาว ที่จ่าแดงบอกว่าสมุนไพรตัวนี้ ช่วยแก้อาการปวดหลัง ปวดเอว ปวดไขข้อได้ดีนักแล

ขากลับลงจากวัดป่าเราผ่านหมู่บ้านม้งและภูเขากะหล่ำที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตาอีกครั้ง ซึ่งสำหรับไร่กะหล่ำในแถบนี้เราคงไม่ต้องพูดถึงเรื่องของการการตัดไม้ถางป่ากันแล้ว เพราะเหตุการณ์มันได้ผ่านพ้นไปนานแล้ว แต่ ณ วันนี้เราควรที่จะหันมาพูดถึงการที่จะทำอย่างไรให้ชาวบ้านแถบนี้ ไม่ตัดไม้ทำลายป่าเพิ่มเติม ทำการปลูกกะหล่ำแบบปลอดสารพิษ 100 % และช่วยกันรักษาป่าที่นับวันยิ่งเหลือเหลือน้อยเต็มทีไว้ให้ดีที่สุดกันดีกว่า

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

การเดินทางสู่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าเส้นทางที่สะดวกที่สุดคือ จากตัวเมืองพิษณุโลกใช้ทางหลวงหมายเลข 12 พิษณุโลก - หล่มสัก แล้วแยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 2013 ไปทาง อ.นครไทย ก่อนถึงอ.นครไทย จะมีทางแยกขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 2331 มุ่งหน้าสู่อช.ภูหินร่องกล้า สอบถามเพิ่มเติมที่ อุทยานฯภูหินร่องกล้า 0-5523-3527

จากภูหินร่องกล้าเดินทางต่อไปทาง จ.เพชรบูรณ์ ตามทางหลวงหมายเลข 2331 ประมาณ 40 กม. ก็จะมาเจอกับทางเลี้ยวขึ้นไปสู่ภูทับเบิก สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวเพชรบูรณ์ 0-5674-8650-1

เรื่องและภาพจาก ผู้จัดการออนไลน์
เสียงประกอบ //www.palungjit.com/




Create Date : 17 ธันวาคม 2553
Last Update : 31 ธันวาคม 2553 16:03:48 น. 0 comments
Counter : 1724 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

atruthoflife10
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




กลับคืนสู่ธรรมชาติ ด้วยสุขภาพที่ดีกว่า

ไตรลักษณ์
เกิดขึ้น 26 พ.ย.2553

ดับไป....???

Friends' blogs
[Add atruthoflife10's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.