บางครั้งโลกแห่งความจริงไม่สวยงาม...เฉกเช่นความฝัน แต่รู้สึกและจับต้องได้
Group Blog
 
<<
เมษายน 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
29 เมษายน 2554
 
All Blogs
 
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(107)...เสน่ห์“เบตง”...ยังคงโอเค / ปิ่น บุตรี







เบตง เมืองในอ้อมกอดขุนเขา


“เมืองในหมอก ดอกไม้งาม”

เอ่ยขึ้นมาลอยๆอย่างนี้ ใครหลายคนอาจนึกว่านี่คือสโลแกนท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคเหนือ เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน เพราะถ้อยคำกระทงความมันสื่อออกไปทางนั้น

แต่เมืองในหมอกดอกไม้งามที่ผมจะพูดถึงในทริปนี้ อยู่ตรงข้ามกับภาคเหนือ ห่างจากเชียงใหม่ เชียงราย นับเป็นพันกิโลเมตร นั่นก็คือ อ.เบตง จ.ยะลา ดินแดนใต้สุดในสยาม ซึ่งมีคำขวัญประจำอำเภอว่า

“เมืองในหมอก ดอกไม้งาม ใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน”

เบตง ยังคงโอเค

“โอเค เบตง”

ชื่อหนังได้กล่องแต่ไม่ได้เงินเมื่อหลายปีก่อน ถือว่าสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันของเบตงไม่น้อย เพราะขณะที่สถานการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่สถานการณ์ที่เบตงได้กลับคืนสู่ความสงบมาร่วม 3 ปีกว่าแล้ว นั่นจึงทำให้สถานการณ์โอเค เบตง นำมาสู่การเป็นเมืองนำร่องในกรณียกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งก็น่าจะช่วยให้สถานการณ์ท่องเที่ยวในเบตงกระเตื้องขึ้นมาบ้าง ไม่มากก็น้อย

“เบตง” ชื่อนี้มาจากภาษามลายู คือ "Buluh Betong" ที่หมายถึง “ไม้ไผ่” หรือ “ไผ่ตง” เนื่องเพราะในอดีตพื้นที่แห่งนี้อุดมไปด้วยต้นไผ่ แต่ปัจจุบันต้นไผ่สูญหายไปตามสภาพเมืองที่เติบโตขึ้น เป็นเหตุผลให้ทางเทศบาลเบตงต้องสร้างต้นไผ่(บ้องไผ่)ยักษ์จำลองขึ้นมา เพื่อรำลึกให้รู้ว่าชื่อเบตงมีที่มาจากไม้ไผ่นะ

เบตง มีประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม แต่ชาวบ้านที่นี้ต่างอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ไม่แบ่งแยก จนมีการผสมผสานทางวัฒนธรรมหลายอย่างเกิดขึ้น ในขณะที่ชาวบ้านชาวเมืองที่นี่ก็น่ารัก มากมิตรไมตรี นับเป็นเสน่ห์สำคัญในการดึงดูดให้ผมหลงใหลในเบตง

เช่นเดียวกับสภาพพื้นที่ที่ถือเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์สำคัญ เบตง เป็นเมืองแอ่งกระทะในอ้อมกอดของขุนเขามีที่ราบประมาณ 10 % ของพื้นที่ ทำให้ที่นี่มีบรรยากาศคล้ายภาคเหนือตอนบนของไทย อากาศที่เบตงเย็นสบายตลอดทั้งปี นับเป็นเมืองที่มีชัยภูมิเหมาะกับเมืองท่องเที่ยวอย่างเบตงมาก



โครงการไม้ดอกเมืองหนาว อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ยะลา


เที่ยวนอกเมือง

ใครที่มาเที่ยวเบตง หากอยากสัมผัสกับบรรยากาศ “เมืองในหมอก ดอกไม้งาม” ผมขอแนะนำให้ขึ้นไปที่“โครงการไม้ดอกเมืองหนาว อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ยะลา” และที่ “สวนไม้ดอกเมืองหนาว”ที่อยู่ติดๆกัน

พูดถึงแหล่งปลูกไม้ดอกเมืองหนาว แน่นอนว่าบ้านเราต้องที่ภาคเหนือ แต่ด้วยสภาพพื้นที่สูงมีภูเขาโอบล้อม มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ทำให้เบตงสามารถปลูกไม้ดอกเมืองหนาวบางประเภทได้อย่างไม่ยากเย็น แถมไม้เมืองหนาวบางชนิดยังให้ผลผลิตดีกว่าทางภาคเหนืออีกด้วย แต่ไม้บางชนิดก็ปลูกสู้ทางภาคเหนือไม่ได้ และไม้บางชนิดที่นี่ก็ปลูกไม่ได้ เนื่องเพราะมันมีปัจจัยอื่นๆมาเกี่ยวข้อง

อย่างไรก็ดีถ้าพูดถึงบรรยากาศด้านการท่องเที่ยวแล้ว อารมณ์ขุนเขาสายหมอกดอกไม้งาม แบบนี้ทางภาคใต้ตอนล่างก็ต้องยกให้ที่เบตงเขาล่ะ นั่นจึงทำให้เมืองนี้มีชาวมาเลย์เดินทางมาสัมผัสบรรยากาศใต้ที่คล้ายภาคเหนือกันเป็นจำนวนไม่น้อย

สำหรับโครงการไม้ดอกเมืองหนาวฯนั้น เป้าประสงค์หลักในโครงการนี้สร้างขึ้นเพื่อศึกษาทดลองปลูกไม้ดอกเมืองหนาวต่างๆ อาทิ เบญจมาศ กุหลาบ เยอบีรา หน้าวัว ไฮเดนเยีย ดาวเรือง ทานตะวัน ซัลเวีย รวมไปถึงการขยายผล นำร่อง เป็นต้นแบบให้ชาวบ้านในพื้นที่เพาะปลูกพืชเมืองหนาวขาย

แต่ด้วย สภาพอากาศที่เย็นสบาย ความสวยงามของพื้นที่ ความสวยงามของภูมิทัศน์ในโครงการ ความสวยงามของสายหมอกดอกไม้ มันได้กลายเป็นผลพลอยได้ที่ส่งให้โครงการแหงนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจขึ้นมา เช่นเดียวกับสวนไม้ดอกเมืองหนาวที่อยู่ติดกันชนิดเดินไปยังไม่ทันเหนื่อย(เพราะอากาศเย็นสบาย)



สวนไม้ดอกเมืองหนาว


“สวนไม้ดอกเมืองหนาว” เกิดจากฝีมือของชาวบ้านในหมู่บ้านปิยะมิตรจำนวนหนึ่งที่รวมกลุ่มกันปลูกพืชเมืองหนาวขึ้นมา โดยพวกเขาเดินตามรอยพ่อด้วยการนำต้นแบบมาจากโครงการไม้ดอกเมืองหนาว อันเนื่องมาจากพระราชดำริฯที่อยู่ติดๆกัน

ไม้ดอกเมืองหนาวที่นี่นอกจากจะส่งขายในพื้นที่ภาคใต้เป็นหลักแล้ว ยังเกิดผลทางอ้อม(เหมือนโครงการต้นแบบ)กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นมา

สวนไม้ดอกเมืองหนาว น่ายล น่าเดินเที่ยวไปด้วย การจัดสวนตกแต่งด้วยไม้ดอก ไม้ประดับ ไม้ยืนต้น ก้อนหิน สระน้ำ และองค์ประกอบอื่นๆอย่างสวยงาม

ทั้งนี้การมีต้นแบบที่ดีทำให้ชาวบ้านที่นี่เกิดไอเดีย สามารถบริหารจัดการพื้นที่กันได้อย่างมีประสิทธิภาพ พวกเขาสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว ร้านขายของที่ระลึกชุมชน ร้านอาหาร ไว้บริการนักท่องเที่ยวกับอาหารอร่อยๆสไตล์เบตง รวมถึงมีโฮมสเตย์เอาไว้รองรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบในบรรยากาศเป็นธรรมชาติ

นับเป็นการเดินตามรอยพ่อที่เห็นประสบผลสำเร็จอย่างชัดเจน



บ่อน้ำพุร้อน


จากโครงการพระราชดำริ สวนไม้ดอกเมืองหนาว หากเดินทางต่อไปข้างหน้า(ไม่ย้อนกลับ)บน ก็จะได้พบกับ“อุโมงค์ปิยะมิตร”หรือ“อุโมงค์เบตง”ที่สร้างในปี พ.ศ. 2519 โดยกองกำลังพรรคคอมมิวนิสต์มาลายา เพื่อใช้เป็นฐานปฏิบัติการของมาชิกพรรคฯ มีความกว้างพอคนเดินได้ ยาวประมาณ 1 กิโลเมตร ในอุโมงค์มีรอยอดีต อย่าง อุปกรณ์การสู้รบ ห้องนอนเตียงดินเหนียว ต่างๆ ห้องบัญชาการรบ ทิ้งไว้ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัส ชื่นชม

บนเส้นทางสายเดิมสายนี้ที่เป็นเส้นทางท่องเที่ยววงรอบ ยังมี “บ่อน้ำพุร้อน” ต.ตาเนาะแมเราะ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ

บ่อน้ำพุร้อนที่นี่มีทั้งบ่อเล็กบ่อใหญ่

บ่อเล็ก เป็นการขุดทอนความร้อนของสายน้ำให้นักท่องเที่ยว สามารถนั่งเอาเท้าแช่น้ำสัมผัสความอุ่นความร้อนกันได้ ท่ามกลางบรรยากาศรอบข้างที่ประติมากรรมพญานาคมาตกแต่งช่วยสร้างสีสัน

ส่วนบ่อใหญ่ เป็นเหมือนบึงย่อมๆมีความร้อนมาก บ่อใหญ่แห่งนี้เป็นที่ครั่นคร้ามของผู้ชายคิดถึงหลายๆคน เพราะบ่อแห่งนี้สามารถ“ต้มไข่สุก” ภายในเวลาแค่ 7 นาที เท่านั้น



ตู้ไปรษณ๊ย์ส่งความรักความคิดถึงได้เสมอ


เที่ยวในเมือง

เบตง แม้เป็นเมืองเล็กๆ แต่ที่นี่กลับมีตู้ไปรณีใหญ่ยักษ์อยู่ถึง 2 ตู้ด้วยกัน

ตู้แรกเป็นตู้คลาสสิกดั้งเดิมตั้งอยู่ที่ใจกลางเมือง บริเวณ 4 แยกหอนาฬิกา ตู้นี้สูง 3 เมตรกว่า มีอายุกว่า 80 ปี เป็นสัญลักษณ์ของเมืองเบตง เคียงคู่กับหอนาฬิกาหินอ่อนเก่าแก่คลาสสิกที่อยู่คู่กันมาช้านาน

เวลาใครหลายคนเวลามาเยือนเบตงมักจะไม่พลาดการเขียนโปสการ์ด-จดหมายแล้วนำมาหย่อนส่งที่ตู้นี้ แม้ว่าโลกยุคใหม่จะไม่นิยมใช้โปสการ์ด จดหมายกันแล้ว แต่การได้ส่งสาส์นความคิดถึงผ่านตู้ไปรณีย์ยักษ์แห่งนี้ มันถือเป็นความทรงจำที่มีคุณค่าไม่น้อยเลย นั่นจึงทำให้ใครและใครบางคนแม้ไม่มีคนที่รู้ใจให้ส่งถึงก็ยังเลือกเขียนส่งให้ตัวเอง เพราะผู้ที่รู้ใจที่สุดในโลกนี้คงไม่มีใครเกินตัวของตัวเองไปได้

ตู้ไปรณีย์สีแดงคลาสสิกตู้นี้ เดิมเคยเป็นตู้ไปรณีย์ที่ได้ชื่อว่าใหญ่ยักษ์ที่สุดในโลก แต่ตอนหลังถูกโค่นแชมป์โดยตู้ไปรษณีย์ตู้ที่ 2 ที่ทางเทศบาลนำไอเดียเดิมไปขยายผลสร้างตู้ไปรณีย์ใหญ่ยักษ์กว่าของเดิมขึ้นมากว่า 3.5 เท่า สูงราวๆ 9 เมตร ตั้งอยู่ที่ศาลาประชาคม แต่ถึงยังไงในความขลังความคลาสสิกแล้ว ตู้ใหม่ยังไงก็เทียบตู้เก่าไม่ได้



นกนางแอ่น เพื่อนต่างพันธุ์ที่อยู่คู่เมืองเบตงมาช้านาน


อนึ่งบริเวณ 4 แยกใจกลางเมืองยังมีความคลาสสิกประจำเมืองอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือ เจ้า“นกนางแอ่น” เพื่อนต่างสายพันธุ์ที่อยู่คู่ชาวเมืองมาช้านาน จนวันนี้กลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเมืองเบตงไปแล้ว โดยทุกๆปีในช่วงเดือนน ก.ย.-มี.ค.นกนางแอ่นเหล่านี้จะอพยพหนีหนาวจากไซบีเรียมายังเบตง

เพราะพวกนกเหล่านี้ต่างก็โอเค...เบตง

ทุกๆวันยามหัวรุ่งนกเหล่านี้จะหายหน้าหายปีกออกไปหากินในป่าเขา ครั้นพอตกเย็นย่ำ พวกมันจะพร้อมใจกันบินมาเกาะเต็มพรืดอยู่บนสายไฟที่ทอดผ่านระโยงรยางค์ในตัวเมือง พร้อมกับส่งเสียงเซ็งแซ่เป็นสัญญาณบอกชาวเมืองว่า “เย็นแล้ว...ค่ำแล้ว” เป็นอย่างนี่ทุกวันมาชั่วนาตาปี จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตชาวเบตง เป็นความผูกพันที่ซึมลึก ชนิดที่ผมเจอเด็กสาวชาวเบตงกลุ่มหนึ่งถูกนางแอ่นส่งของเหลวหล่น“ปุ๊ ปุ๊”ลงสู่หัว พวกเธอก็ไม่ได้เลียนแบบดารา เซเลบไทย ด้วยการสบถก่นด่านก หรือไปตามด่าต่อแบบอารมณ์ค้างกันในเฟซบุ๊ค แต่พวกเธอกับหัวเราะขบขัน พร้อมๆอุทานแบบรู้ตัวว่าพลาดไปแล้วว่า “ยี้ นกขี้ใส่หัว” แค่นั้นเอง



อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์


จาก 4 แยกนาฬิกา หากเดินขึ้นเนินไปอีกหน่อยไม่กี่ 10 ก้าวจะพบกับอุโมงค์รถวิ่งกลางเมืองตั้งตระหง่าน ซึ่งนี่ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้เบตงมีเสน่ห์ต่างจากที่อื่น(ในเมืองไทย)

อุโมงค์กลางเมืองแห่งนี้มีชื่อไพเราะเพราะพริ้งว่า“อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์” เป็นอุโมงค์ที่สร้างขึ้นเพื่อให้รถยนต์วิ่งลอดภูเขาแห่งแรกของเมืองไทย เป็นอุโมงค์ขุดโค้งทอดยาว ดูดีมีเสน่ห์กว่าอุโมงค์สมัยใหม่เยอะเลย

ขณะเดียวกันที่บริเวณฟากหนึ่งของอุโมงค์ก็โดดเด่นเป็นสง่าไปด้วย“พิพิธภัณฑ์เมืองเบตง” ที่สร้างในสไตล์สถาปัตยกรรมท้องถิ่นประยุกต์หลังคาซ้อนหลายชั้น

พิพิธภัณฑ์เมืองเบตง เป็นแหล่งเก็บรวบรวมศิลปวัตถุ ข้าวของเครื่องใช้ โบราณวัตถุ และสิ่งที่เกี่ยวข้องกั้บเมืองเบตงต่างๆ เท่าที่จะหามาได้ โดยบริเวณชั้นบนสุดของพิพิธภัณฑ์ที่ต้องเดินบันไดวนขึ้นไปแบบเหนื่อยเอาเรื่อง ถือเป็นจุดชมวิวชั้นดีของเมืองนี้



พระมหาธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศ วัดพุทธาธิวาส


ในเบตงยังมีสถานที่โดดเด่นอีกแห่งหนึ่งนั่นก็คือ “วัดพุทธาธิวาส” หรือ “วัดเบตง” เดิม

วัดพุทธาธิวาส เป็นวัดที่มีชัยภูมิดีมากตั้งอยู่บนเนินเขามองลงไปเห็นวิวตัวเมืองเบตงได้ดีทีเดียว วัดแห่งนี้มีไฮไลท์อยู่ที่ “พระมหาธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศ” ศิลปะศรีวิชัยอันสวยงามสมส่วน ภายในพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า

ในขณะที่สิ่งน่าสนใจอื่นๆในวัดแห่งนี้ก็มีพระพุทธธรรมกายมงคลปยุรเกศานนท์สุพนิพานองค์โตให้สักการะ และวิหารหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด

นอกจากวัดพุทธแล้ว เบตงยังมีมัสยิดกลางของชาวมุสสลิม มีวัดกวนอิมของชาวไทยเชื้อสายจีน เป็นศาสนสถานสำคัญ แสดงให้เห็นถึงวิถีชาวบ้านของที่นี่ว่า พวกเขาแม้ต่างเชื้อชาติศาสนาแต่เขาก็อยู่อาศัยร่วมกันอย่างปกติสุข ซึ่งนั่นก็เป็นหนึ่งในเครื่องยืนยันสำคัญว่า

...เบตง ยังคงโอเค


ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์






Create Date : 29 เมษายน 2554
Last Update : 29 เมษายน 2554 12:42:30 น. 6 comments
Counter : 1126 Pageviews.

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...ขอบคุณนะคะ


โดย: มิลเม วันที่: 29 เมษายน 2554 เวลา:13:02:01 น.  

 
ดอกไม้สวยๆๆดีนะจ่ะ


โดย: ตะวันเจ้าเอย วันที่: 29 เมษายน 2554 เวลา:15:56:51 น.  

 
อยากไปเที่ยวบ้างจัง^^


โดย: mook (กบพ่นไฟ ) วันที่: 30 เมษายน 2554 เวลา:0:35:08 น.  

 
สวัสดีตอนสายครับผม


โดย: shadee829 วันที่: 1 พฤษภาคม 2554 เวลา:12:04:24 น.  

 
ขอบคุณมากครับ สำหรับข้อมูลดีๆ ของเบตง ขออนุญาตแชร์บน facebook ของโรงแรมนะครับ Modern Thai Hotel... โรงแรมใหม่สไตล์โมเดิร์น 77 ห้อง ใกล้วงเวียนหอนาฬิกาครับ //www.facebook.com/modernthaihotel


โดย: Modern Thai Hotel Betong IP: 110.164.234.200 วันที่: 2 พฤษภาคม 2554 เวลา:8:17:30 น.  

 


โดย: register (nrokas_1 ) วันที่: 25 กันยายน 2554 เวลา:14:55:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

atruthoflife10
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




กลับคืนสู่ธรรมชาติ ด้วยสุขภาพที่ดีกว่า

ไตรลักษณ์
เกิดขึ้น 26 พ.ย.2553

ดับไป....???

Friends' blogs
[Add atruthoflife10's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.