บางครั้งโลกแห่งความจริงไม่สวยงาม...เฉกเช่นความฝัน แต่รู้สึกและจับต้องได้
Group Blog
 
 
ธันวาคม 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
24 ธันวาคม 2553
 
All Blogs
 
ธรรมชาติและวัฒนธรรม(32)...ตะลุยดอยสามหมื่น ตื่นตะลึง“ปิตุ๊โกร” แชมป์น้ำตกสูงที่สุดในเมืองไทย








น้ำตกปิตุ๊โกร สองสายไหลรวมเป็นหนึ่ง


อะไรคือ“ปิตุ๊โกร” ???

ได้ยินชื่อครั้งแรก “ตะลอนเที่ยว”รู้สึกสงสัยไม่น้อย แต่เมื่อลองนั่งค้นหาข้อมูลจากอาจารย์ กูเกิ้ล ของหลายๆ คน ทำให้พบกับภาพของน้ำตกสูงชัน ที่ทอดตัวลงมาจากดอยที่มีเมฆปกคลุมตลอดทั้งปี น่าหลงใหล และมีเสน่ห์เป็นอย่างยิ่ง



วิถีชีวิตบ้านกุยเลอตอ


จากนั้นมารู้สึกตัวอีกที่เราก็แพ็คกระเป๋าขึ้นรถมายัง อ.อุ้มผาง จ.ตาก ซึ่งเป็นที่ตั้งของน้ำตกนี้ เพื่อมาดูให้เห็นกับตาว่าจะงดงามสมคำล่ำลือหรือไม่ แต่การเดินทางในครั้งนี้มีความลำบากพอสมควร เพราะต้องบุกป่าฝ่าดงเป็นวันๆ จึงจะพบกับเจ้าน้ำตกปิตุ๊โกรนี้



ยอดเขาเบื้องหน้าคือจุดหมาย


ตื่นตะลึง“ปิตุ๊โกร”

วันแรก “ตะลอนเที่ยว” ออกเดินทางจากตัวอำเภออุ้มผางในรุ่งเช้า มุ่งหน้ามายังหมู่บ้านกุยเลอตอ เพื่อพบกับไกด์นำทางและคณะของลูกหาบที่ได้นัดหมายกันไว้



พืชตระกูลปรง


บ้านกุยเลอตอนี้เองเป็นชุมชนเล็กๆ ของพี่น้องชาวกะเหรี่ยง อาศัยอยู่กันอย่างเรียบง่าย สงบสุข อาชีพส่วนใหญ่ทำไร่นา เลี้ยงสัตว์ อาจดูเหมือนว่าไม่มีอะไรมากมาย แต่ทำไมคนเมืองกรุงอย่างเราๆ นั้นถึงติดอกติดใจถึงขนาดนี้ จากนั้นพี่อู๊ดดี้ สุชาติ จันทร์หอมหวล หนึ่งในผู้ที่บุกเบิกน้ำตกปิตุ๊โกรเป็นคนแรกๆ เล่าถึงการเดินทางคร่าวๆ และการเตรียมตัวจัดแจงสัมภาระให้ลูกหาบส่วนหนึ่งและคณะส่วนหนึ่ง เพราะว่าเป็นการเดินทางที่ใช้เวลานานเป็นวันๆ จนกว่าจะถึงตัวน้ำตก จึงต้องแบ่งสัมภาระจำเป็นไว้กับตัวด้วย ไม่ว่าจะเป็นอาหาร น้ำ เสื้อกันฝน



ภัตตาคารบ้านป่า


เมื่อพร้อมแล้วเราออกเดินทางจากหมู่บ้านมาตามถนนและลัดเลาะเข้าสู่ผืนนาของชาวบ้าน เบื้องหน้าเป็นภาพของภูเขาสูง มีเมฆปกคลุม ซึ่งเป็นที่ตั้งของตัวน้ำตก จุดหมายแรกของเราในครั้งนี้ ก้าวแรกของการเดินทางหลายๆ คนยังเดินไป พูดคุยกันไป ผ่านทุ่งนา มีถนนหนทางเป็นดินแดงสลับกับดินโคลนบ้าง ใครโชคร้ายหน่อยก็จมลงในแอ่งโคลน สร้างเสียงหัวเราะให้กับคณะเดินทางได้เป็นอย่างดี

เมื่อเดินทางมาได้สักพักก็เริ่มเข้าสู่ชายป่า จากทางเดินกว้างๆ ค่อยๆ ถูกขนาบด้วยแมกไม้อย่างไม่ทันรู้ตัว เนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝน ทางเดินจึงกลายเป็นโคลน ประกอบกับก่อนหน้านี้ไม่นานมีกลุ่มนักขับขี่รถจำพวก ATV ขับกันเข้ามา ยิ่งทำให้ทางที่เป็นทางเดินเท้านั้นไม่สามารถเดินได้ ต้องเลี่ยงไปใช้ทางที่ วัว ควาย ใช้เดินแทน

คณะเราใช้เวลาเดินอยู่หลายชั่วโมงก็ได้เวลาอาหารเที่ยง จึงแวะเติมพลังกันบริเวณธารน้ำ ซึ่งไหลมาจากน้ำตกด้านบน อาหารในป่านั้นเป็นอาหารง่ายๆ ที่สามารถรับประทานได้แบบไม่ต้องมีพิธีรีตรอง นั่งตรงไหนกินตรงนั้นบรรยากาศแบบนี้ไม่เหมือนในภัตตาคารใหญ่ๆ แต่สุขใจมากว่าหลายเท่า



ดอกไม้ในสกุลศรียะลา


“ต่อจากนี้จะเป็นการเดินทางจริงๆ แล้วนะ”

เสียงบอกเล่าจากพี่อู๊ดดี้ ทำให้เรารับรู้ว่าที่ผ่านมานั้นมันเหมือนแค่ลองชิมลาง ต่อจากนี้เส้นทางจะเริ่มโหดขึ้นและคงต้องเหนื่อยกันจนกว่าจะถึงตัวน้ำตก และระหว่างทางนี้เองก็ได้พบกับพืชจำพวกปรง และเฟิน ต่างๆ รวมทั้งดอกไม้ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นจำพวกเดียวกับดอกไม้ในตระกูลศรียะลา ที่ขึ้นอยู่เป็นระยะ



ตัวน้ำตกเมื่อมองจากสันเขา


หนทางสู่น้ำตกในช่วงครึ่งหลังนั้นเป็นอะไรที่เกินความคาดหมายของหลายๆ คน เพราะเป็นทางสูงชันขึ้นเขาติดต่อกันเป็นระยะทางยาวพอสมควร ซึ่งคนที่แบกสัมภาระไปเยอะหน่อยก็จะสามารถสัมผัสถึงความหนัก เมื่อสิ่งของที่ตั้งใจขนมานั้น เริ่มทำปฏิกิริยากับแรงโน้มถ่วงของโลก ผลออกมาคือต้องเดินๆ และหยุดพักเป็นระยะๆ ผิดกับคณะของลูกหาบที่ดูไม่มีทีท่าจะเหน็ดเหนื่อยเอาเสียเลย

เราใช้เวลาไปเกือบค่อนวันสำหรับการเดินทางครึ่งหลังนี้ ผ่านความยากลำบากไม่น้อย แต่การเดินป่านั้นไม่ควรรีบเดินตามคนอื่น เมื่อรู้สึกเหนื่อยมากจนเดินไม่ไหวควรพักดีกว่าฝืนเดินต่อ เพราะมีหลายคนที่ต้องมาสังเวยชีวิตกลางป่าเพราะ ฝืนร่างกายของตัวเอง



เบื้องล่างของน้ำตก


จากนั้นไม่นานเราก็เริ่มได้ยินเสียงน้ำตก ก่อนที่ภาพเบื้องหน้าอันชวนตื่นตะลึงจะปรากฏให้เห็นกับ ลำธารสองสายจากต้นธารน้ำตกที่ไหลเป็นสายยาวขาวฟูฟ่องทิ้งตัวลงมาจากหน้าผาสูงลิบ ผ่านผาหินสีดำที่ช่วยขับเน้นให้น้ำตกแห่งนี้ดูโดดเด่นเป็นพระเอกขึ้นมา ท่ามกลางความร่มรื่นเขียวขจีของมวลหมู่แมกไม้ปลายฤดูฝน และนั่นก็ทำให้ความเหนื่อยที่เดินมาทั้งวันร่วม 10 กม.หายเป็นปลิดทิ้ง

นี่แหละคือความยิ่งใหญ่และความลึกลับของธรรมชาติ ที่สามารถเยียวยาจิตใจและรักษาอาการเหนื่อยยากลำบากให้หายเป็นปลิดทิ้งได้อย่างไม่น่าเชื่อ



แช่น้ำเย็นๆ ชื่นใจ


สำหรับชื่อของน้ำตกปิตุ๊โกรนั้นคาดกันว่าน่าจะมาจากภาษากะเหรี่ยง แต่ปัจจุบันนั้นยังไม่สามารถหาที่มาได้อย่างชัดเจน เป็นน้ำตกที่มีความสูงราว 500 เมตร เมื่อวัดจากเครื่อง GPS ทำให้ในวันนี้ปิตุ๊โกรน้ำตกที่เพิ่งค้นพบไม่นาน แซงหน้าขึ้นมาคว้าแชมป์น้ำตกที่สูงที่สุดในประเทศไทย ทิ้งน้ำตกแม่สุรินทร์ จ.แม่ฮ่องสอน อดีตน้ำตกที่เคยได้ชื่อว่าสูงที่สุดในประเทศไทยไปเกือบ 300 เมตร

หลังชื่นชมความยิ่งใหญ่ของธรรมชาตและความงดงามของสายน้ำตกจนจุใจ พวกเรากลับมาตั้งแค้มป์กลางป่าที่อยู่ห่างจากตัวน้ำตกไม่ไกลนัก ก่อนที่การเดินทางของวันแรกจะจบลงด้วยการแช่น้ำเย็นๆในลำธาร และอาหารเย็นริมกองไฟกลางผืนป่าใหญ่ รอคอยวันพรุงนี้ยังมีการเดินทางอันสมบุกสมบันรอคอยอยู่



ทางสู่ดอยสามหมื่น


พิชิตดอยสามหมื่น

วันที่สองของการเดินทาง เราเก็บสัมภาระออกเดินอีกครั้งเพื่อขึ้นไปสู่ดอยสามหมื่น หรือชื่อเต็มๆ ว่าดอยมะม่วงสามหมื่น ที่เป็นแหล่งต้นน้ำของน้ำตกปิตุ๊โกร

ดอยสามหมื่น มีความสูงประมาณ 1,800 เมตร จากระดับน้ำทะเล ซึ่งท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการเที่ยวภูเขาอาจมองว่าเป็นเรื่องไม่ยากนัก แต่ในการเดินครั้งนี้พวกเราใช้เวลาเดินราวๆ 2 ชั่วโมง ก็มาถึงบริเวณที่ตั้งแค้มป์ที่อยู่บนดอยลูกหนึ่งระหว่างช่องเขา



ดอยสามหมื่น


เมื่อจัดแจงสำภาระเข้าที่พักกันแล้วก็เดินทางขึ้นไปสู่ยอดดอยสามหมื่น จากนี้ไปเป็นทางที่ต้องปีนป่ายเพราะมีความสูงชันมาก มีต้นหญ้าสูงขึ้นอยู่ทั่วไป เราจึงต้องปีนเขาพร้อมๆ กับแหวกพงหญ้าไปตลอดทาง เมื่อขึ้นมาถึงยอดเขาลูกแรก ภาพวิวทิวทัศน์ที่เห็นนั้นเป็นป่า เขา และหมอก สลับกันไปมา ลมข้างบนนี้พัดแรงแต่ก็กลับสร้างความสดชื่นให้กับนักเดินทางอย่างเราๆ ได้เป็นอย่างดี

ไม่นานนักเมฆฝนก้อนใหญ่ที่เห็นอยู่ไกลๆ ก็เริ่มขยับตัวเข้ามาใกล้แบบไม่ทันรู้ตัว และละอองฝนก็เริ่มโปรยปรายลงมาทีละน้อย เราจึงต้องตัดสินใจ เดินทางต่อเพื่อให้ถึงยอดดอย แต่อากาศกลับไม่เป็นใจจนหลายคนต้องรีบถ่ายภาพให้เสร็จและเดินหนีฝนกลับลงมาก่อนที่ฝนจะตกหนัก



ตั้งแค้มป์ท่ามกลางสายหมอก


หลังลงมาถึงที่พักฝนกลับหยุดตก เบื้องหน้าของเราปรากฏเป็นทะเลหมอก ประหนึ่งของขวัญปลอบใจหลังจากที่ไม่สามารถขึ้นไปถึงยอดดอยสามหมื่น แต่อย่างไรก็ตามพี่อู๊ดดี้ยังพูดแกมหยอกว่า “ก็ยังดี ยังขึ้นไปได้ตั้งหมื่นห้า คราวหน้าค่อยกลับมาขึ้นใหม่ก็ได้” จากนั้นแต่ละคนก็ต่างแยกย้ายไปถ่ายภาพความงามของทะเลหมอกยามบ่ายๆ ท่ามกลางฝนพรำๆ ก่อนได้เวลาทานข้าวเย็น ล่ำลาราตรีคำคืนที่สองกลางผืนป่าใหญ่ไปอย่างอ่อนเพลีย

เช้าวันสุดท้าย อากาศสดใสและเย็นสบาย เพราะเมื่อคืนนี้มีฝนโปรยปรายและลมพัดแรงมาทั้งคืน จึงไม่แปลกใจเลยที่ตอนเช้าวันนี้จะมีทะเลหมอกอย่างที่รอคอยเหมือนเช่นเดิม พูดถึงการเกิดทะเลหมอกแล้วนั้นเกิดจากเหตุและปัจจัยหลายอย่าง เช่น ความชื้นสัมพัทธ์ อุณหภูมิ ความแรงของลม ฯ แต่ปัจจุยจัยหลักๆ ที่ขาดไปไม่ได้เลยคือป่าไม้ และถ้าลองย้อนกลับไปในสมัยก่อนนั้นจะพบทะเลหมอกได้ในหลายๆ แห่ง ซึ่งไม่จำเป็นต้องเดินทางขึ้นดอยสูงๆ ในช่วงฤดูหนาวด้วยซ้ำไป



ความเขียวขจีเล็กๆ หลังฝนหลั่ง


สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าจำนวนป่าไม้ของประเทศไทยนั้นค่อยๆ ลดลงทุกวัน ส่วนสาเหตุเกิดขึ้นจากอะไรนั้นเชื่อว่าเราทุกคนนั้นรู้ดีอยู่แก่ใจ ทุกวันนี้มีคนเมืองจำนวนไม่น้อยที่เบื่อการใช้ชีวิตที่วุ่นวายมาอยู่กับธรรมชาติ แต่ก็มีคนอีกส่วนหนึ่งที่เห็นคุณค่าของเงินที่ได้จากขายทรัพยากรธรรมชาติ ถ้าเราไม่ช่วยกันอนุรักษ์ป่าไม้เอาไว้ อีกหน่อยบ้านเมืองเราคงจะมีแต่ป่าคอนกรีตอย่างแน่นอน



ทะเลหมอกยามบ่ายแห่งดอยสามหมื่น


หลังจากที่จัดแจงสัมภาระเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็ได้เวลาบอกลาดอยสามหมื่น เพื่อเดินทางกลับ แต่หลังจากที่ฝนตกเมื่อคืนนั้น ทางลงจึงมีความลื่นประกอบกับความชันแล้ว จึงต้องใช้ทั้งสองเท้าและสองมือช่วยกันยึดเหนี่ยวต้นไม้ข้างทางค่อยๆเดินลงมาอย่างช้าๆ ก่อนจะกลับมาถึงพื้นล่างอย่างประทับใจในความยิ่งใหญ่และงดงามของธรรมชาติ

สำหรับผู้ที่อยากจะมาเป็นผู้พิชิตดอยสามหมื่น มาตื่นตะลึงกับความสูงสวย รวยเสน่ห์ของน้ำตกปิตุ๊โกรที่สูงที่สุดในเมืองไทยนั้นก็ไม่ใช่เรื่องลำบากหนักหนาสาหัวแต่อย่างใด เพียงแต่สำรวจซักซ้อมสภาพร่างกายให้พร้อม เดินทางมาในช่วงฤดูกาลที่เหมาะสม พร้อมๆกับอย่าลืมพกสิ่งสำคัญติดตัวมานั่นก็คือหัวใจที่ไม่ย่อท้อและพร้อมที่จะเรียนรู้ประสบการณ์แปลกๆใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา



ทะเลหมอกยามเช้าขุนเขาบนดอยสามหมื่น


* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

การเดินทางมายังน้ำตกปิตุ๊โกรนั้นให้ใช้เส้นทางสายอุ้มผาง - บ้านเปิ่งเคลิ่ง ระยะทางประมาน 60 กม. ถึงหมู่บ้านกุยเลอตอ แล้วเดินเท้าเข้าสู่ตัวน้ำตก นอกจากน้ำตกปิตุ๊โกรแล้ว อ. อุ้มผางนั้นมีน้ำตกที่น่าสนใจหลายที่ อาทิ น้ำตกเซปละ น้ำตกทีลอจ่อ น้ำตกทีลอเร น้ำตกโคะทะ และน้ำตกทีลอซู ทั้งนี้ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ตูกะสู คอจเทจ โทร 08-1825-8238 หรือที่ททท. สำนักงานตาก โทร 0-5551-4341-3


เรื่องและภาพจาก ผู้จัดการออนไลน์
เสียงประกอบ //www.palungjit.com/





Create Date : 24 ธันวาคม 2553
Last Update : 31 ธันวาคม 2553 18:46:19 น. 12 comments
Counter : 1651 Pageviews.

 
สวยมากเลยคะ


โดย: jesymeam วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:17:11:21 น.  

 
สวยมากเลยค่าๆ น่าไปเที่ยวจังเรย


โดย: หนูเป็นเกย์ค่ะ วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:17:35:01 น.  

 
แวะมาทักทายครับ บ้านนี้ก็ภาพงามเช่นกัน


โดย: tiensongsang วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:19:01:42 น.  

 
ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้คะ

ภาพที่่นี่สวยจังเลยคะ
โดยเฉพาะธรรมชาติ ส้วยสวย


โดย: ปันฝัน วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:19:31:05 น.  

 

สวัสดีค่ะ

❤....Merry Christmas & Happy New Year na kaa....❤



โดย: Violeta Lady วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:19:49:56 น.  

 
สวย แต่อยากให้ควบคุมจัง
กลัวเหมือนทกๆที่ๆผมเคยย่ำ
ภาพความใสแบบนั้นมันจะหายไปอีก


โดย: itoursab วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:20:53:09 น.  

 
โห..เป็นทริปที่น่าสนใจมากๆเลยค่ะ

ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ


โดย: หัวใจแก้ว วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:22:18:14 น.  

 
พันธุ์บูลเ้ทอเรียหน้าจะออกโค้งๆประหลาดๆแบบนี้ค่ะ


โดย: หัวใจแก้ว วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:22:45:55 น.  

 
น้ำตกสวยมากๆๆ บนดอยก็น่าไป
ธรรมชาติสวยๆ




โดย: happy-candy วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:22:55:14 น.  

 


ภาพสวยมากค่ะ ชอบๆ..ฝีมืออีกบล๊อกหนึ่งค่ะ


โดย: deeplove วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:23:00:48 น.  

 
ป๊าดดดด น้ำตกปิตุ๊โกร นี่สวยสุดยอดเลยค่ะ

ถ่ายภาพได้งามจริงๆ
แนะนำเทคนิคป้าลี บ้างจิ

(อิจฉาๆ )

แมรี่คริสต์มาส จ้า

ป้า ลี


โดย: ป้าลี (Dr.sab ) วันที่: 26 ธันวาคม 2553 เวลา:0:08:05 น.  

 
ขอบคุณคะ แมรี่คริสมาสย้อนหลังคะ

ขอบคุณสำหรับกำลังใจ อยากไปเที่ยวตามรูปภาพบ้างคะ สู้ๆๆคะ


โดย: MamAnt วันที่: 26 ธันวาคม 2553 เวลา:21:02:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

atruthoflife10
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




กลับคืนสู่ธรรมชาติ ด้วยสุขภาพที่ดีกว่า

ไตรลักษณ์
เกิดขึ้น 26 พ.ย.2553

ดับไป....???

Friends' blogs
[Add atruthoflife10's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.