บางครั้งโลกแห่งความจริงไม่สวยงาม...เฉกเช่นความฝัน แต่รู้สึกและจับต้องได้
Group Blog
 
 
ธันวาคม 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
18 ธันวาคม 2553
 
All Blogs
 

ธรรมชาติและวัฒนธรรม(26)...แอ่วเชียงราย ไปเมืองลาว ย้อนอดีต เชียงแสน - สุวรรณโคมคำ








วัดป่าสัก

แม้ว่ากาลเวลาจะหมุนเปลี่ยนมากี่ยุคกี่สมัย แต่เรื่องราวของประวัติศาสตร์นั้นยังคงเป็นเรื่องที่มีผู้คนให้ความสนใจและติดตามไม่มากก็น้อย เพราะคุณค่าของมันนั้นทำให้เราสามารถเรียรู้ถึงความเป็นมา สภาพของสังคม และเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ที่เกิดขึ้น จึงถือเป็นโอกาสดีที่ “ตะลอนเที่ยว” จึงพาย้อนเวลา มาสัมผัสกับอารยธรรมที่ยังคงตั้งตระหง่าน ผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนาน ที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย เพราะว่ามีความน่าสนใจ มากกว่าที่หลายคนทราบ



ตักบาตรยามเช้าอีกหนึ่งแง่งามในเส้นทางสายนี้

เชียงแสน หนึ่งเมืองเก่าของประเทศไทย ข้อมูลจากตำนานวัดพระธาตุจอมกิตติกล่าวว่าเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมากว่าพันปี มีอาณาจักรกว้างขวางและมีผังเมืองที่สลับซับซ้อน และอยู่ยืนหยัดมาร่วม 8 สมัย ตั้งแต่อาณาจักรสุวรรณโคมคำ อาณาจักรโยนก อาณาจักรขอม อาณาจักรล้านนา อาณาจักรพม่า อาณาจักรอยุธยา และจนถึงปัจจุบัน



ร่องรอยอารยธรรมที่ยังหลงเหลืออยู่

สำหรับคนที่หลงไหลในประวัติศาสตร์คงจะทราบกันดี เพราะตามบันทึกในแต่ละสมัยนั้นได้มีการกล่าวถึงการติดต่อค้าขายกับเมืองในลุ่มน้ำโขง ซึ่งก็คือเมืองเชียงแสนในปัจจุบันนั้นเอง ทุกวันนี้เชียงแสนกลายเป็นเมืองเล็กๆ ที่เงียบสงบ อาจเรียกได้ว่าถ้าไม่ใช่นักท่องเที่ยวที่สนใจในโบราณสถานและสถาปัตยกรรมต่างๆ แล้วละก็ เชียงแสนจะกลายเป็นเมืองทางผ่าน ไปสู่ อ.แม่สาย และ อ.เชียงของเสียมากกว่า



พระอาทิตย์ขึ้นฝั่งลาว ตกที่ฝั่งเรา

ประวัติศาสตร์เริ่มตั้นที่ไหนและจบลงที่ไหนนั้น ไม่สามารถระบุได้อย่างแน่ชัด เพราะในสมัยก่อนนั้นมีเพียงแค่คำบอกเล่าจากปากต่อปาก ต่อมาเริ่มมีการจดบันทึกขึ้น แต่ก็ยังยืนยันความจริงไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็น ถึงอย่างไรก็ตาม ความยิ่งใหญ่ของเมืองเชียงแสนนั้นยืนยันได้จากโบราณสถานต่างๆ ที่กระจายตัวอยู่รอบๆ ชุมชน กำแพงเมืองซึ่งมีขนาดใหญ่และเก่าแก่ แต่ถ้าอยากเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของเมืองเชียงแสนจริงๆแล้วละก็ แนะนำให้มาที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติเชียงแสน



พระพุทธรูปยืนองค์โตกับบรรยากาศยามเย็นที่บ้านแซว

เป็นที่น่าเสียดายว่าไม่สามารถบันทึกภาพในพิพิธภัณฑ์ได้ เพราะปัญหาการป้องกันการลักลอบค้าขายวัตถุโบราณต่างๆ แต่บอกได้คำเดียวว่าการฟังบรรยายของที่นี่ไม่น่าเบื่อเหมือนเรียนวิชาประวัติศาสตร์ในโรงเรียน ศิลปวัตถุ โบราณวัตถุต่างๆ ที่ถูกเก็บรวบรวมไว้ที่นี่มีเรื่องราวและความเป็นมาที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะ เปลวรัศมีพระเจ้าล้านตื้อ (ส่วนบนของเศียรพระพุทธรูป) ศิลปะล้านนา ราวพุทธศตวรรษที่ 20 - 21 สร้างจากสำริด มีขนาดกว้าง 55 ซม. สูง 70 ซม. ถูงมได้ในแม่น้ำโขง และเคยเป็นที่ประเด็นถกเถียงกันถึงที่มาที่ไป ก่อนจะเชื่มโยงไปยังอาณาจักรกลางแม่น้ำโขงในปัจจุบันที่ชื่อว่า อาณาจักรสุวรรณโคมคำ



วิถีชีวิตที่เรียบง่าย

เพื่อให้เห็นกับตาเราจึงไม่รอช้า นั่งเรือข้ามแม่น้ำโขง ไปยัง สปป. ลาว มาเยี่ยมชมวิถีชีวิตของบ้านพี่เมืองน้อง และที่พลาดไม่ได้คือมาดูโบราณสถานและโบราณวัตถุที่กระจายตัวอยู่ในระแวกนี้ ที่เชื่อกันว่าเป็นส่วนหนึ่งของเมืองสุวรรณโคมคำในอดีต ซึ่งปัจจุบันนั้นตั้งอยู่ที่ เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว ซึ่งการเดินทางในครั้งนี้ต้องนั่งรถลุยฝุ่นควันเป็นระยะทางไกลพอสมควร เพราะเนื่องจากซากของโบราณสถานแต่ละที่นั้นตั้งอยู่ห่างจากกันมาก



เจดีย์เก่าที่วัดดอนสวรรค์

วิถีชีวิตของพี่น้องชาวลาวที่นี่ยังคงเดินไปอย่างเรียบง่าย อาจเป็นเพราะกระแสของทุนนิยมยังเดินทางมาไม่ถึง หรือไม่พวกเขาเหล่านี้ก็คงรู้ว่าเงินกับธรรมชาตินั้นมีประโยชน์มากมายพอๆ กัน จึงเลือกที่จะอยู่คู่กับสิ่งสองอย่างนี้อย่างชาญฉลาด สองข้างทางนั้นเป็นไร่ข้าวโพด สลับกับป่าไม้ที่ยังคงความสมบูรณ์ จึงทำให้เห็นความเขียวขจีได้ชัดเจนกว่าบ้านเรามาก



พระธาตุแสนแส้

จุดหมายแรกของเรานั้นคือที่ วัดดอนสวรรค์ วัดเล็กๆ ซึ่งเก็บรวบรวมเอาโบราณวัตถุต่างๆ ที่ชาวบ้านงมได้ในแม่น้ำโขง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพระพุทธรูปในสมัยเชียงแสนลักษณะต่างๆ หรือที่เซียนพระนิยมเรียกกันว่า “พระพุทธรูปสิงห์หนึ่ง สิงห์สอง และสิงห์สาม“ แต่ที่ฝั่งลาวนี้ก็เจอกระแสการลักลอบขายพระพุทธรูปโบราณจากบ้านเรา ทำให้การถ่ายถ่ายภาพเพื่อประชาสัมพันธ์ทางการท่องเที่ยวเปรียบเสมือนดาบสองคม เอาเป็นว่าถ้าใครสนใจก็สามารถแวะมาดูได้ที่นี่



เจดีย์ราย กลางป่า

นอกจากพระพุทธรูปต่างๆ แล้ว วัดดอนสวรรค์นี้ยังเป็นที่เก็บรักษา พระธาตุแสนแส้ พระธาตุซึ่งโผล่พ้นน้ำโขงมาแม่ปี 2552 จากเหตุการณ์ที่เกิดผลกระทบจากการสร้างเขื่อนที่ประเทศจีน จนทำให้น้ำในแม่น้ำโขงแห้งลง แต่ก็ยังถือว่าเป็นโชคดีของทั้งประเทศลาวและประเทศไทย ที่ปรากฏโบราณสถานเก่าแก่ รวมไปถึงวัตถุโบราณเก่าแก่ต่างๆ เพื่อเป็นหลักฐานแสดงการมีตัวตนของนครกลางแม่น้ำโขงในอดีต



พระเจ้าองค์โมง

สำหรับคำว่า “แสนแส้” นั้นมีความหมายมาจากวิธีการที่ใช้สร้างพระธาตุ และพระพุทธรูปในสมัยนั้น โดย คำว่าแส้ แปลว่า ตะปู คนในสมัยก่อนไม่ได้ใช้เหล็กในการขึ้นโครง แต่จะใช้ตะปูซึ่งทำจากนาคจำนวนมากเป็นโครง แล้วก็ก่ออิฐ โบกปูนทับอีกทีหนึ่ง ซึ่งไม่น่าเชื่อว่า ภูมิปัญญาของคนในสมัยก่อนนั้นจะสามารถทำให้พระธาตุแสนแส้นี้ยังคงไม่พังทลายลงไป แม้จะอยู่จมใต้กระแสน้ำมานานหลายปี



สบายดี เมืองลาว

จากนั้นเราขึ้นรถผ่านหมู่บ้าน จนเริ่มเข้าสู่ไร่ข้าวโพดของชาวบ้าน นั่งมาได้สักพักก็ พบเจอกับเจดีย์เก่า ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในป่าข้างทาง ซึ่งสันนิษฐานว่า อาจเป็นเจดีย์ที่เป็นจุดแสดงอาณาเขตของวัด ตัวเมือง หรืออาณาจักรในสมัยก่อน ซึ่งความกว้างใหญ่ของอาณาจักรต่างๆ นั้นสามารถคาดคะเนได้จากการกระจายตัวของกำแพง ตลอดจนเจดีย์ต่างๆ หรือที่เรียกกันว่า “เจดีย์ราย”



ต้นยางยักษ์บนเส้นทาง อายุกว่าร้อยปี

หลังจากนั่งรถลุยฝุ่นมาได้สักระยะ เราก็มาหยุดกันที่บริเวณศาลากลางไร่ข้าวโพดเพื่อพักทานข้าวกลางวันกันแบบง่ายๆ จากนั้นก็ถึงไฮไลท์ของทริปนี้ คือพระพุทธรูปปางสมาธิขนาดใหญ่ หรือที่ชาวลาวเรียกกันว่า “พระเจ้าองค์โมง” หรือ “พ่อใหญ่” มีขนาดหน้าตักกว้าง 6.5 เมตร และสูงกว่า 7 เมตร ซึ่งมีตำนานที่เล่าขานกันมา เมื่อถึงวันวิสาขบูชา จะปรากฏดวงแก้วศักดิ์สิทธิ์ ส่องแสงสีฟ้าเป็นประกาย ออกจากพระเจ้าองค์โมง ข้ามมายังวัดสวนดอก ฝั่ง อ. เชียงแสน ของไทย ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของพระเจ้าหลวงสวนดอก โดยชาวบ้านทั้งไทยและลาวนั้นเชื่อกันว่า พระพุทธรูปทั้ง 2 องค์นี้ เป็นสหายกัน



พระพุทธรูปที่ถูกตัดเศียร

หลังจากสักการะพระเจ้าองค์โมงแล้ว ก็ได้เวลาที่ต้องนั่งเรือกลับมายังฝั่งไทย และตอนขากลับนี้เองทำให้เราได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวบ้านที่ทำไร่ข้าวโพดอย่างเรียบง่าย ทำให้ต้องจอดรถถ่ายรูปกันเป็นระยะๆ ซึ่งนักท่องเที่ยวคนไหนชอบภาพถ่ายแนววิถีชีวิตคงถูกใจไม่ใช่น้อย และเราก็ต้องมาหยุดอีกครั้งเมื่อถึงบริเวณต้นยางยักษ์ ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่กลางทุ่งข้าวโพด และไม่ไกลจากนั้นก็มีพระพุทธรูปโบราณตั้งอยู่ แต่ทว่าน่าเสียดายที่ถูกมือดีลักลอบตัดเศียรไปเสียแล้ว



พระเจ้าหลวงสวนดอก

อาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้าแล้ว แต่ตำนานของพระพุทธรูป 2 สหาย ไทย - ลาว นั้นยังไม่สิ้นสุด เราจึงดั้นด้นเดินทางมาให้ถึงวัดสวนดอก อยู่บริเวณชุมชนใน ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน เพื่อมาสักการะพระเจ้าหลวงสวนดอกตามตำนาน แต่ทว่าพระองค์เก่านั้นได้พังทลายลงไป ชาวบ้านจึงรวบรวมเอาเศษของพระพุทธรูปนำมาปั้นเป็นพระองค์ใหม่ ซึ่งปัจจุบันนั้นอยู่ระหว่างการก่อสร้าง

ความเป็นไปได้สูง ที่อาณาจักรสุวรรณโคมคำนั้นจะมีอยู่จริง ถ้าเราลองนำภาพแผนที่แม่น้ำโขงในอดีตแลัปัจจุบันมาเปรียบเทียบกันก็จะพบว่า ปรากฏแผ่นดินซึ่งคาดการณ์กันว่าจะเป็นเมืองสุวรรณโคมคำในอดีต ซึ่งอยู่ใต้แม่น้ำโขงในปัจจุบัน ซึ่งก็ตรงกับบริเวณที่พบเปลวรัศมีพระเจ้าล้านตื้อ และพระธาตุแสนแส้ และอีกหลายข้อสันนิษฐานที่ว่าทั้งสุวรรณโคมคำและเชียงแสนอาจเป็นอาณาจักรเดียวกัน หรือเป็นบ้านพี่เมืองน้องกัน ก็ยังคงหาข้อสรุปไม่ได้ แต่จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ขุดพบขึ้นต่างๆ นั้น สามารถบอกได้ว่ามีความเกี่ยวข้อง และคล้ายคลึงกันในด้านศิลปวัตนธรรม ตลอดจนสถาปัตยกรรมต่างๆ



เจดีย์หลวง

เช้าวันใหม่ เราใช้เวลาสั้นๆ ก่อนกลับแวะมาเดินเที่ยวตลาดเช้า นั่งรถชมโบราณสถานบริเวณเขตกำแพงเมืองเชียงแสน ซึ่งหลักๆ แล้วก็จะมีเจดีย์ขนาดใหญ่ที่วัดเจดีย์หลวง ซึ่งตั้งอยู่ข้างๆ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติเชียงแสน ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นที่ท่องเที่ยหลักที่ใครผ่านมาก็ต้องแวะสักการะ และทุกวันนี้ในช่วงวันหยุดก็จะมีการจัดตลาดนัดชาวบ้านเล็กๆ ที่ชื่อว่า “กาดใบตอง” เพื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว และไม่ไกลจากนั้นก็เป็นที่ตั้งของวัดป่าสัก วัดเก่าที่ยังปรากฏเจดีย์ทรงมณฑป เป็นศิลปะที่ได้รับอิทธิพลมาจาก พุกาม จีน ขอมและสุโขทัย ซึ่งยังไม่พังทลายลงไปตามกาลเวลา

การท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์นั้นไม่ได้น่าเบื่อเหมือนที่หลายๆ คนคิด เพราะการเดินไปตามเส้นทางในอดีตน้นก็เหมือนกับเรานั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไปสู่ยุคนั้นๆ อีกครั้ง และแม้ว่าตำนานต่างๆ จะยังไม่ค้นพบข้อเท็จจริงที่สมบูรณ์แบบ แต่มันจะกลายเป็นอีกความน่าสนใจ ซึ่งดึงดูดให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาได้ไม่มากก็น้อย ทริปนี้หลายๆ คนกลับมาพร้อมความสนใจว่าใต้แม่น้ำโขงปัจจุบันนี้แอบซ่อนความยิ่งใหญ่อะไรเอาไว้บ้างและเชื่อว่าทุกคนนั้นจินตนาการถึงอาณาจักรยิ่งใหญ่ที่ยังคงเป็นปริศนาสืบต่อไป เพราะนี่คือ เสน่ห์ ของคำว่า “ประวัติศาสตร์”



ตลาดเช้าเชียงแสน

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สำหรับนักท่องเที่ยวคนไหนสนใจเส้นทางประวัติศาสตร์เชียงแสน - สุวรรณโคมคำ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ททท.สำนักงานเชียงราย โทร. 0-5371-7433 หรือที่โรงแรม Serene at chiangrai โทร. 0-5378-4500 - 4


เรื่องและภาพจาก ผู้จัดการออนไลน์
เสียงประกอบ //www.palungjit.com/




 

Create Date : 18 ธันวาคม 2553
2 comments
Last Update : 31 ธันวาคม 2553 18:43:11 น.
Counter : 623 Pageviews.

 

 

โดย: หน่อยอิง 18 ธันวาคม 2553 18:33:51 น.  

 

ขอบคุณที่มาทักทายครับ

 

โดย: ทัสนะ (atruthoflife10 ) 18 ธันวาคม 2553 19:51:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


atruthoflife10
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




กลับคืนสู่ธรรมชาติ ด้วยสุขภาพที่ดีกว่า

ไตรลักษณ์
เกิดขึ้น 26 พ.ย.2553

ดับไป....???

Friends' blogs
[Add atruthoflife10's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.