ธรรมชาติและวัฒนธรรม(35)...จาก"นครนายกถึงเขาใหญ่" ไหว้พระพิฆเนศองค์ใหญ่ที่สุดในไทย
ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ตึกโรงพยาบาลที่ได้ชื่อว่าสวยงามที่สุดในเมืองไทย หน้าหนาวอย่างนี้ หากพูดถึงการเที่ยวป่าเขา หลายคนมักพุ่งเป้าไปยังภาคเหนือ ภาคอีสาน แต่สำหรับคนในกรุงเทพฯและปริมณฑลที่ต้องทำงานตัวเป็นเกลียว หัวเป็นน็อต มีวันหยุดปกติแค่วันเสาร์-อาทิตย์ อาจไม่สะดวกในการเดินทางขึ้นเหนือ อีสาน ล่องใต้ไปเที่ยวที่ไหนไกลๆและนานๆ ถ้าไม่ใช่ช่วงลาพักร้อนหรือช่วงวันหยุดยาว
พระพิฆเนศองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แต่กระนั้นเมื่อหัวใจมันร่ำร้องต้องการไปเที่ยว หรืออยากจะปิดสวิตซ์จากการงานที่ชวนปวดขมองในพื้นที่ใกล้ๆกรุงเทพฯก็มีธรรมชาติให้เดินทางไปสัมผัสสูดโอโซนกันหลายแห่งด้วยกัน โดยหนึ่งในนั้นก็คือเส้นทางนครนายก ปราจีนบุรี เขาใหญ่ ที่ห้อมล้อมไปด้วยธรรมชาติ ป่าเขา สายน้ำ แถมยังมีกิจกรรมอันหลากหลายในเส้นทางให้สัมผัสกัน จนเป็นที่มาของการออกทริปสั้นๆ 2 วัน 1 คืนของ ตะลอนเที่ยว ในครั้งนี้ จุดหมายแรกเรามุ่งหน้าสู่จังหวัดนครนายกเพื่อไปสักการะขอพรเทพเจ้าแห่งความสำเร็จพระพิฆเนศองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเอาฤกษ์เอาชัย ที่ อุทยานพระพิฆเนศ (บริเวณ 4 แยกประชาเกษม ต.สาริกา อ.เมือง)
รูปเคารพหนูหูทิพย์ พระพิฆเนศองค์นี้เป็นปางแบบคณบดี มีพระพิฆเนศองค์เล็กปางต่างๆประดิษฐานอยู่รอบๆฐานองค์ใหญ่อีกที ฝั่งตรงข้ามเป็นรูปเคารพหนูหูทิพย์ที่สร้างขึ้นจากตำนานความเชื่อของชาวปูเน่ ประเทศอินเดียที่มีความเคารพนับถือในองค์พระพิฆเนศ ซึ่งเชื่อกันว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในสิ่งที่ขอต่อพระพิฆเนศ ให้กระซิบข้างหูซ้ายของหนู พร้อมเอามือปิดหูข้างขวาของหนู แล้วหนูจะคอยกราบทูลบอกพระพิฆเนศให้ประทานความสัมฤทธิ์ผลตามคำที่ขอ ฉะนั้นใครเมื่อมาขอพรองค์พระพิฆเนศองค์นี้แล้ว อย่าลืมไปกระซิบบอกความปรารถนาเทพเจ้าหนูเพื่อให้สมมาดปรารถนากัน
อาคารฟ้าประดิษฐ์จัดแสดงเรือโบราณ นอกจากพระพิฆเนศองค์ใหญ่ในอุทยานฯแล้ว ที่นี่ยังมีพิพิธภัณฑ์พระพิฆเนศ 108 ปาง ให้ชมและสักการะบูชา รวมถึงยังมีพระบรมสารีริกธาตุจาก 9 ประเทศให้สักการะบูชาเสริมสิริมงคลอีกด้วย หลังขอพรเอาฤกษ์เอาชัย เราเดินทางต่อไปยังเขื่อนขุนด่านปราการชล(บ้านท่าด่าน ต.หินตั้ง อ.เมือง) เขื่อนคอนกรีตบดอัดที่มีความยาวที่สุดในโลก เพื่อทำกิจกรรมล่องแก่งท้าผจญลำน้ำนครนายก จากหลังเขื่อนขุนด่านปราการชลไปจนถึงวังยาวในระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร พายเรือคยัคสบายๆในสายน้ำนครนายก ก่อนลงตะลุยแก่งเราต้องเตรียมตัวกันให้พร้อม ด้วยการใส่อุปกรณ์ป้องกันตัว ทั้งหมวกและเสื้อชูชีพเพื่อความปลอดภัย หลังนั้นก็ได้เวลาเรือออกจากท่า
ช่วงแรกของการล่องแก่งไปแบบชิลล์ ชิลล์ ถือเป็นโอกาสล่องเรือชมทิวทัศน์ในสองฟากฝั่งได้เป็นอย่างดี จนสักพักเริ่มมีแก่งและความเชี่ยวของสายน้ำมาให้เราตื่นเต้นเล็กๆ ก่อนจะไปถึงยังแก่งสามชั้นจุดไฮไลท์ที่มีสายน้ำเชี่ยวที่สุด ซึ่งกว่าจะพาเรือลุยฝ่าไปได้ก็ลุ้นและเปียกปอนพอตัว สนุกตื่นเต้นยามเรือล่องฝ่าแก่งน้ำเชี่ยว จบจากการล่องแก่ง เราเดินทางข้ามจังหวัดไปยังปราจีนบุรี สู่ พิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ์ (ถ.ปราจีนตคาม ต.ดงขี้เหล็ก อ.เมือง) สถานที่ที่ได้ชื่อว่าเป็นโลกแห่งตะเกียงเพราะมีตะเกียงมากกว่า 10,000 ดวง
ตะเกียงมากมายพร้อมด้วยข้าวของเก่าแก่ในพิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ์
ส่วนใหญ่เป็นตะเกียงเก่าที่คุณณรงค์ อยู่สุขสุวรรณ์ เจ้าของพิพิธภัณฑ์สะสมไว้และเฝ้าเพียรไปเสาะหามา ตะเกียงหลายดวงมีเพียงหนึ่งเดียวในเมืองไทย
สวนวรรณคดี นอกจากตะเกียงแล้วที่นี่ยังเก็บรวบรวมข้าวของเครื่องใช้เก่าแก่ต่างๆเอาไว้ให้ผู้สนใจได้รำลึกความหลัง และให้เด็กรุ่นใหม่ได้เรียนรู้อดีตกัน พิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ์ แบ่งส่วนจัดแสดงออกเป็นอาคารต่างๆในชื่อเก๋ไก๋ ได้แก่ "อาคารราชาวดี" เป็นอาคารสองชั้น ชั้นล่างจัดแสดงพวกข้าวของเครื่องใช้เก่าแก่ อาทิ วิทยุเก่า เตารีดถ่าน เครื่องกระเบื้อง เครื่องทองเหลือง เครื่องเงิน เป็นต้น ส่วนชั้นบนเป็นที่รวบรวมตะเกียงเจ้าพายุหลากหลายประเภท ทั้งตะเกียงเรือ ตะเกียงฉายสไลด์ รวมทั้งโคมไฟแบบต่างๆ ไว้มากมาย นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงมุมกาแฟ มุมร้านตัดผม แบบย้อนยุคเอาไว้ให้ชมกันในบรรยากาศสุดแสนคลาสสิค
"อาคารลีลาวดี" เป็นอาคารแฝด จัดแสดงข้าวของเก่าแก่อันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ตราชั่ง เครื่องตวงวัดแบบโบราณ พระเครื่องต่างๆ รูปพระเก่า หัวจ่ายน้ำมันเก่า รถจักรยาน มอเตอร์ไซค์เก่า รวมถึงของเล่นเด็กในยุคแฟนฉัน อาทิ ของเล่นสังกะสี ตัวตุ๊กตุ่นตุ๊กตา ที่เราเห็นอดนึกถึงสมัยวัยเด็กที่คุ้นเคยกับของเล่นเหล่านี้เป็นอย่างดีไม่ได้ "อาคารชวนชม" จัดแสดงรูปเก่าเมืองปราจีนบุรี พระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงเมื่อเสด็จมาเยือนปราจีนบุรีที่วัดแก้วพิจิตร รวมไปถึงหนังสือเก่า การ์ตูนเก่า แสตมป์เก่า และที่พลาดไม่ได้คือลอตเตอรี่รุ่นแรกของไทยก็มีจัดไว้ให้ชมด้วย
"อาคารฟ้าประดิษฐ์" เป็นโรงเรือนเปิดโล่ง จัดแสดงเรือเก่าหลากหลายชนิด ส่วนด้านบนเพดานก็แขวนตะเกียงประดับเอาไว้เพียบเลย และอาคารหลังสุดท้าย คือ"อาคารเจ้าพายุ" สร้างเป็นรูปร่างคล้ายตะเกียงเจ้าพายุ มีจุดชมวิวด้านบน นอกจากอาคารจัดแสดงต่างๆแล้ว ภายในพิพิธภัณฑ์ยังมีการจัดสวน จัดตกแต่งมุมต่างๆเอาไว้อย่างน่าชม ไม่วาจะเป็นสวนวรรณคดี ที่โดดเด่นไปด้วยรูปปั้นนางยักษ์ผีเสื้อสมุทร สุดสาคร ม้านิลมังกร ฯลฯ รวมถึงสวนสัตว์เล็กๆ มีสัตว์จำพวกนกยูง และนกชนิดต่างๆ บ่อเต่า และบ่อจระเข้ให้เดินชมกันได้อีกด้วย
และนั่นก็เป็นสีสันวันสบายๆใน 1 วันแรกของการเดินทางครั้งนี้ ซึ่งหลังจากนอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่แล้ว เช้าวันรุ่งขึ้นเราแต่เช้าเดินทางขึ้นสู่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ในเส้นทางสายปราจีนบุรี เขาใหญ่เป็นทั้งมรดกอาเซียนและเป็นส่วนหลักของมรดกโลกเขาใหญ่-ดงพญาเย็น เป็นป่าผืนใหญ่แห่งเทือกเขาพนมดงรัก ประกอบด้วยขุนเขาน้อยใหญ่สลับซับซ้อนหลายลูก เขาใหญ่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพันธุ์ไม้และสัตว์ป่า เป็นแหล่งกำเนิดของต้นน้ำลำธารที่สำคัญหลาย
ทิวทัศน์เมื่อมองจากผาเดียวดาย
สำหรับเป้าหมายของเราบนเขาใหญ่ คือ การขึ้นไปบนยอดเขาเขียวเพื่อชมวิว ณ ผาเดียวดาย ที่มีลักษณะเป็นเพิงผาหินยื่นเหลื่อมเข้าไปในหุบเหว มีความสูงจากระดับน้ำทะเล ประมาณ 900 เมตร ผาเดียวดายถือเป็นจุดชมวิวชั้นดีแห่งเขาใหญ่ ซึ่งชื่อของผาแห่งนี้มีเรื่องเล่าว่า มาจากการที่หญิงสาวคนหนึ่งมากระโดดหน้าผาฆ่าตัวตายที่นี่ เพราะผิดหวังในความรัก ในขณะที่บ้างก็ว่าคนตั้งชื่อผานี้เป็นเจ้าหน้าที่อุทยานฯเขาใหญ่เอง โดยเขาตั้งชื่อตามบรรยากาศของหน้าผาที่เมื่อมายืนที่นี่คนเดียวแล้วรู้สึก หว้าเหว่ เดียวดาย จากผาเดียวดาย ตะลอนเที่ยว ไปต่อยังผาชื่อโศกอีกแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆกันนั่นก็คือ ผาตรอมใจที่ตั้งอยู่ในศูนย์เรดาร์ของกองทัพอากาศ แต่ว่าเปิดให้ประชาชนเข้าไปชมวิวได้ตามเวลาที่กำหนด ผาตรอมใจ เป็นอีกจุดหนึ่งที่เมื่อมองลงไปจะเห็นถึงความอุดมสมบรูณ์ของผืนป่าเขาใหญ่ได้เป็นอย่างดี
ทิวทัศน์เมื่อมองออกไปจากผาตรอมใจ หลังโต้ลมหนาว สูดโอโซน สัมผัสธรรมชาติบนจุดชมวิวทั้งสองกันแล้ว เราเดินทางต่อไปยังน้ำตกเหวนรก ที่ถือเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของเขาใหญ่ น้ำตกเหวนรก อันที่จริงอยู่ในเขต อ. ปากพลี จ. นครนายก แต่เส้นทางที่สะดวกและคนนิยมใช้มากที่สุดกลับเป็นทางเข้าด่านเนินหอม จ. ปราจีนบุรี น้ำตกเหวนรก จากจุดจอดรถ(จุดสิ้นสุดทางรถยนต์) เราต้องเดินเท้าผ่านเส้นทางอันร่มรื่นเขียวครึ้มจากธรรมชาติแวดล้อมของผืนป่าใหญ่ในระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร เข้าสู่น้ำตกเหว ระหว่างทางมีสะพานข้ามคลองท่าด่านหรือห้วยสมอปูน เป็นลำน้ำสายเดียวกับน้ำตกเหวนรก ยามต้นไม้ต้องกระทบเงาน้ำเป็นภาพที่งดงามอีกแบบหนึ่ง
ก่อนเดินทางถึงตัวน้ำตก จะมีกำแพงเสาคอนกรีต ตั้งเป็นแท่งสูงสีน้ำตาล เรียงรายล้อมด้วยลวดหนามอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งทางอุทยานฯเขาสร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันไม่ให้ช้างป่าเข้าไปยังเขตน้ำตก เพราะที่ผ่านมาเคยมีช้างป่าเดินเข้าไปตกเหวตายหลายตัวด้วยกัน สายน้ำนครนายกสนุกได้ทั้งเรือยางและห่วงยาง เมื่อเดินแบบเหงื่อพอซึมมาถึงยังน้ำตกเหวนรก เราก็ได้พบกับสายน้ำตกอันสูงใหญ่ นับเป็นน้ำตกที่มีความสูงที่สุดในเขาใหญ่ น้ำตกเหวนรก มีทั้งหมด 3 ชั้นด้วยกัน ชั้นแรกสูงประมาณ 60 เมตร เมื่อน้ำไหลผ่านหน้าผาชั้นนี้จะพุ่งไหลลงสู่หน้าผาชั้นที่ 2 และ 3 ที่อยู่ถัดลงไปใกล้ๆ กันในลักษณะการไหลตก 90 องศาลงไปสู่หุบเหวเบื้องล่าง รวมความสูงไม่ต่ำกว่า 150 เมตร ในฤดูฝนสายน้ำแห่งน้ำตกเหวนรกจะไหลแรงมาก แถมยังดูน่ากลัวสมดังชื่อเหวนรก ส่วนในหน้าหนาวอย่างนี้ตัวน้ำตกมีน้ำค่อนข้างน้อย เห็นเป็นสายไกลเอื่อยๆ แต่ว่าก็มีความสวยงามไปอีกแบบ
หลังเที่ยวเขาใหญ่ สูดโอโซน ชมวิว ชมน้ำตก จนเป็นที่เพลิดเพลิน ก็ได้เวลาล่ำราเขาใหญ่ โดยเรายังใช้เส้นทางกลับทางปราจีนเหมือนขามา ทั้งนี้ก็เพื่อจะไปปิดท้ายทริปด้วยการแวะที่ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร(ต.ท่างาม อ.เมืองปราจีนบุรี) เพื่อซื้อสินค้ายำรุงสุขภาพผลิตจากภูมิปัญญาไทยซึ่งส่วนใหญ่ทำจากสมุนไพรในท้องถิ่น
ของเล่นสังกะสีในพิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ์ นอกจากการช้อปสินค้าเพื่อสุขภาพแล้ว เรายังไม่พลาดการเข้าไปเที่ยวชม "ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร" อันโดดเด่นสวยงาม ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศรสร้างโดยเจ้าพระยาอภัยภูเบศร หนึ่งในปูชณียบุคคลสำคัญของปราจีนบุรี ท่านสร้างตึกหลังนี้ขึ้นในปี พ.ศ.2452 เพื่อถวายเป็นที่ประทับของรัชกาลที่ 5 ในคราวเสด็จประพาสต้นมณฑลปราจีนบุรี
อาคารหลังนี้ได้ชื่อว่าเป็นตึกโรงพยาบาลที่ได้ชื่อว่าสวยงามที่สุดในเมืองไทย มีลักษณะเป็นสถาปัตยกรรมทรงยุโรปสมัยเรอเนสซอง มีมุขด้านหน้า ตรงกลางเป็นโดม ผนังด้านนอกตกแต่งลวดลายปูนปั้นลายพฤษาประดับซุ้มประตูและหน้าต่าง ซึ่งกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแล้ว
การจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทย ปัจจุบันตึกหลังนี้จัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทย จัดแสดงและรวบรวมเรื่องราวทางการแพทย์แผนไทยต่างๆ อาทิ ตำรายาไทย สมุนไพรไทย การแพทย์พื้นบ้านของปราจีนบุรี นอกจากตึกอันสวยงามแล้ว โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่สำคัญของปราจีน ด้วยความที่เดี๋ยวนี้ผู้คนหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพกันมาก ทำให้โรงพยาบาลแห่งนี้มีได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างสูง ซึ่งสำหรับชีวิตที่ดีนั้นการมีสุขภาพจิตที่ดี"เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ทั้งนี้การได้ออกเดินทางท่องเที่ยวไปสัมผัสกับธรรมชาติอันพิสุทธิ์ ไปทำกิจกรรมคลายเครียด ไปพักผ่อนชาร์จแบตให้ชีวิตก็ถือเป็นอีกการช่วยเสริมสร้างสุขภาพจิตใจให้ดีขึ้นอีกทางหนึ่ง *********************************************************** ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวเพิ่มเติมในเส้นทาง นครนายก-ปราจีน-เขาใหญ่ ได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานนครนายก(รับผิดชอบพื้นที่ นครนายก,ปราจีนบุรี,สระแก้ว) โทร. 0-3731-2282, 0-3731-2284 เรื่องและภาพจาก ผู้จัดการออนไลน์ เสียงประกอบ //www.palungjit.com/
Create Date : 30 ธันวาคม 2553 |
|
1 comments |
Last Update : 31 ธันวาคม 2553 18:45:34 น. |
Counter : 804 Pageviews. |
|
|
|