ย่างเข้าเดือน เม.ย. ได้เวลาเรียนซัมเมอร์ของเด็กๆกันแล้ว เม.ย.นี้ มีเพื่อนรักนิ๊งหน่อง 2 คน ที่จะพ้นจากชีวิตเด็กเนอร์สฯ ไปเป็นเด็กอนุบาล 1 เต็มขั้น คนแรก พี่เอื้อ เป็นพี่คนโตในห้องเด็กอ่อน สมัยที่นิ๊งหน่องเพิ่งมาอยู่เป็นเด็กใหม่ตอนอายุได้ 3 เดือน พี่เอื้อก็อายุ 6 เดือนแล้ว เดือน พ.ค. ปีนี้ พี่เอื้ออายุ 3 ขวบเต็ม เลยถึงเกณฑ์ได้ไปโรงเรียนก่อนเพื่อน พี่เอื้อเป็นเด็กชายนิสัยน่ารัก นิ่งๆ ดูเป็นผู้ใหญ่ บางทีชอบใส่ชุดนอนเหมือนท่านขุน แม่นกช้อบ ชอบ... เวลาพี่เอื้อเอาของเล่นมา ก็จะไม่หวงของ แบ่งให้เพื่อนๆเล่นด้วยประจำ
ส่วนอีกคน อิ่มเอม สาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม เป็นพี่นิ๊งหน่องแค่ 4 วัน จริงๆอิ่มเอมยังไม่ถึงเกณฑ์เข้าเรียน แต่คุณแม่พาไปทดสอบที่โรงเรียนแล้วผ่านเกณฑ์ ก็เลยให้อิ่มเอมเข้าเรียน อ.1 เลย เพราะมีพี่ไออุ่นเรียนอยู่แล้วที่โรงเรียนนั้น อิ่มเอมเป็นเด็กหญิงที่เป็นหญิงจริงๆ นุ่มนิ่ม เรียบร้อย แต่ถ้ากรี๊ดขึ้นมาละก้อ วงแตกค่ะ แล้วก็สู้ไม่ถอยเหมือนกันนะ รอยแผลที่แขนนิ๊งหน่องเป็นหลักฐานยืนยันได้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไม่รู้ว่า ถ้าพี่เอื้อ กับ อิ่มเอม ไปโรงเรียนแล้ว จะได้กลับมาอยู่ที่เนอร์สหรือเปล่าน้อ ถ้ากลับมา ก็คงจะยังได้เจอกันกับนิ๊งหน่องอีก เพราะนิ๊งหน่องยังจะต้องอยู่ที่เนอร์สนี้ไปอีก 1 ปี แต่ถ้าไม่ได้กลับมาที่เนอร์สแล้ว แม่นกอยากรู้จัง ว่าถ้าเด็กๆมาเจอกันตอนโต จะยังจำกันได้มั๊ยน๊า.... + + เล่นกันวันสุดท้าย + + วันสุดท้าย ที่ได้เจอพี่เอื้อกับอิ่มเอม แม่นกขอกอดแน่นๆคนละที ไม่ได้เว่อ แต่น้ำตามันซึมออกมา ถึงไม่ใช่ลูก แต่ก็รู้สึกรักและผูกพัน เพราะเจอกันวันจันทร์ - ศุกร์ มาตั้งแต่อายุได้ไม่กี่เดือน พี่เลี้ยงบางคนก็ร้องไห้ตอนเดินไปส่งน้องขึ้นรถ แม่นกเห็นแล้วก็น้ำตาซึมอีกรอบ ก่อนพานิ๊งหน่องกลับบ้านวันนั้น แม่นกเลยขอกอดอีกหลายคนที่จะไปโรงเรียน คนยังไม่ไปโรงเรียนก็วิ่งมาให้กอดด้วย อาจจะเป็นเพราะแม่นกมีโอกาสใกล้ชิดกับเด็กๆมากกว่าคุณแม่ท่านอื่น ที่มาส่งแล้วก็ต้องรีบไปทำงานต่อ แต่แม่นกไม่ต้องรีบ เลยมีเวลาอยู่ที่เนอร์สได้นาน รู้จักและสนิทสนมกับเด็กๆเกือบทุกคน "แม่นก" ของนิ๊งหน่อง ก็เลยกลายเป็น "แม่นก" ของเด็กๆคนอื่นไปด้วย บางทีตอนเย็นไปรับนิ๊งหน่อง แล้วแม่นกยืนแอบดูพฤติกรรมของลูก มีน้องบางคนตาไว หันมาเห็น เสียง "แม่นกมาแล้ว" ดังลั่น จบกัน อดแอบดูลูกชายเลย ^^" วุ๊ย พูดแล้วเศร้า เปลี่ยนเรื่องดีกว่า มาอัพเดทเรื่องโรงเรียนของนิ๊งหน่องแทนเนาะ แม่นกไม่รีบร้อน ที่จะต้องให้ลูกเข้าเรียนก่อนเกณฑ์ อยากให้ลูกมีความพร้อมก่อนแล้วค่อยไปเรียน ไม่อยากให้ลูกเครียดตั้งแต่เด็ก ตามความคิดและการดำเนินชีวิตของบ้านแม่นก โรงเรียนอนุบาลที่จะเลือกให้ลูก จะต้องอยู่ใกล้ที่ทำงาน เพราะเด็กอนุบาลเลิกเรียนเร็ว แล้วที่บ้านแม่นกไม่มีใครอยู่คอยรอรับ เพราะเราอยู่กัน 3 คน พ่อ แม่ ลูก จริงๆ บ้านคุณตาคุณยายก็อยู่ใกล้บ้านเรานิดเดียว แต่แม่นกไม่ต้องการให้นิ๊งหน่องไปเป็นภาระผูกพันให้คุณตาคุณยายต้องคอยอยู่บ้านรอรับหลาน จะไปไหนมาไหนก็ไม่ได้ เวลาหลังเกษียณน่าจะเป็นเวลาที่คุณตาคุณยายได้พักผ่อน ไปเที่ยวนู่นเที่ยวนี่อย่างที่ต้องการบ้าง เพราะฉะนั้น ทางเลือกที่ลงตัวที่สุดก็คือ นิ๊งหน่องจะต้องอยู่อนุบาลแถวๆออฟฟิศแม่นกเหมือนเดิม ส่วนพอเลิกเรียนแล้ว ค่อยคิดอีกที ว่าจะให้นิ๊งหน่องอยู่โครงการเย็นที่โรงเรียนรอแม่มารับ หรือนั่งรถตู้โรงเรียนไปลงที่เนอร์สเดิม ทำการบ้าน อาบน้ำกินข้าว รอแม่นกไปรับกลับบ้านเหมือนที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ช่วงวัยอนุบาล ถึง ประถม แม่นกอยากใกล้ชิด เป็นคนไปส่ง หรือไปรับลูกด้วยตัวเองมากกว่า ถึงรถจะติด กลับเย็นกลับค่ำ ก็ยังได้นั่งคุยกันเล่นกันอยู่ในรถ ตอนนี้ แม่นกไปจองโรงเรียนให้นิ๊งหน่องเรียบร้อยแล้ว จริงๆจะพาไปเริ่มเรียนตอนนี้เลยก็ได้ เพราะเค้าก็มีชั้นเตรียมอนุบาล ที่รับเด็กอายุขนาดนิ๊งหน่องเหมือนกัน แต่แม่นกยังรักสมายเนอร์สเซอรี่แห่งนี้อยู่ ที่สำคัญ ค่าใช้จ่ายมันถูกกว่าที่จะต้องไปเรียนเตรียมอนุบาลครึ่งต่อครึ่ง แล้วที่นี่คุณครูก็สอนเตรียมความพร้อมให้เหมือนเรียนเตรียมอนุบาลอยู่แล้วด้วย แม่นกเก็บตังค์ไว้ให้นิ๊งหน่องเรียนตอนโตกว่านี้ดีกว่า เนอะลูกเนอะ รักนิ๊งหน่องสุดหัวใจแม่เลย แม่นก |
อ่านที่พี่นกเขียนไว้ข้างบน แอบน้ำตาซึมๆด้วยอ่ะ อาจเป็นเพราะครอบครัวพี่นก เหมือนกับตัวเอง คืออยู่กันพ่อแม่ลูก แล้วเคทก้อเป็นเด็กเนอร์สเหมือนกัน รู้สึกผูกพันกับเนอร์สเหมือนบ้านอีกหลัง เคทก้อคงรู้สึกเหมือนกัน ถ้าถึงวันที่เคทต้องออกจากเนอร์ส ไปโรงเรียนอนุบาล คงต่อมน้ำตาแตกเหมือนกันเนอะๆ