|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ตอนที่ 26.2
ตอนที่ 26 เดท
ภาคที่ 3
สุนัขสีดำตัวใหญ่เดินไปตามถนนที่คราคร่ำไปด้วยบรรดานักเรียนจากฮอกวอตส์ที่พากันเดินเข้าร้านโน้นออกร้านนี้อย่างสนุกสนาน สองมือของเด็กเหล่านั้นเต็มไปด้วยขนมและของเล่นที่จะทำให้พวกเขาอยู่ไปได้จนถึงการมาฮอกมี้ดในคราวหน้า สุนัขสีดำตัวใหญ่ถอนใจออกมาอย่างมีความสุข แม้ว่าเขาจะไม่ได้ถูกขังอยู่ในอัซคาบันแล้วแต่การถูกจำกัดบริเวณให้อยู่ในบ้านที่เขาฝังใจเกลียดมาแต่เด็กนั้นก็นับว่าทารุณกับจิตใจพอสมควร แม้จะเสี่ยงกับการถูกจับได้ในฮอกมี้ดแต่มันก็นับว่าคุ้มที่จะเสี่ยงถ้าเขาได้เจอกับคนที่ตั้งใจไว้
สุนัขสีดำตัวใหญ่เดินไปเรื่อย ๆ 2 ตาจับจ้องมองกลุ่มคนที่เดินผ่านไปผ่านมาอย่างระมัดระวัง มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาวิ่งหนีแทบไม่ทันเมื่อเห็นน้องเล็กของบ้านวีสลีย์เดินมาแต่ไกล ถ้างานนี้มอลลี่หรือคนอื่นรู้เข้าล่ะก็ว่าเขาแอบออกจากบ้านมา เขาคงอยู่อย่างไม่สงบสุขไปอีกนานทีเดียว!!!
หลังจากเดินอยู่นับชั่วโมงจนเริ่มท้อ สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่งเดินมาแต่ไกล ในขณะที่คนอื่น ๆ (ยกเว้นเด็ก ๆ) ต่างอยู่ในชุดเสื้อคลุมตัวยาว เธอกลับแต่งกายง่าย ๆ เพียงเสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนส์เท่านั้น เสื้อเชิ้ตเข้ารูปสีแดงสดขับให้ผิวเธอดูผุดผ่องมากยิ่งขึ้น ผมสีดำยาวสลวยถูกรวบขึ้นสูงเผยให้เห็นใบหน้าที่เคยดุนั้นแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มน้อย ๆ ดวงตากวาดมองไปยังเด็ก เหมือนกับว่าการที่เด็ก ๆ มีความสุขนั้นก็ทำให้เธอมีความสุขขึ้นมาด้วย หัวใจที่เฉยชาสั่นไหวขึ้นมาทันที นานแค่ไหนแล้วนะที่เขาไม่ได้พบเธอ แม้เวลาจะผ่านมานับเกือบ 20 ปี แต่เพียงแค่แวบเดียวที่เห็น ดวงใจทั้งดวงก็เหมือนกับถูกกระตุกอย่างแรง ความทรงจำทั้งหมดที่เกี่ยวกับเธอก็ย้อนกลับมาเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ชั้นไม่เคยลืมเธอได้เลย ซิเรียสพึมพำกับตัวเอง ดวงตาจับจ้องร่างบางที่เดินตรงเข้ามาอย่างอ่อนโยน แล้วเธอล่ะ จะยังคงนึกถึงชั้นเหมือนอย่างที่ชั้นนึกถึงเธอหรือเปล่าจูเลีย
****************************************
เสียงหัวเราะที่ได้ยินตลอดทางเดินทำให้จูเลียน่าที่แม้จะรู้สึกเศร้าเล็กน้อยอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ นี่ล่ะมั้งที่เขาบอกว่าความสุขเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่...ใหญ่พอที่จะละลายความทุกข์ของเธอได้ แม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่การที่ได้เห็นคนอื่นมีความสุขในขณะที่ตัวเธอไม่ได้มีความสุขด้วยนั้นมันก่อให้เกิดความรู้สึกเล็ก ๆ ขึ้นในใจเธอ น่าอิจฉาเด็กพวกนี้ที่ไม่มีความทุกข์เหมือนกับเธอ จูเลียน่าถอนใจ เธอยังคงเดินไปเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย จากเส้นทางที่มีคนเดินพลุกพล่านเหลือเพียงถนนที่ว่างเปล่าไร้ผู้คน ขาที่ก้าวเดินเริ่มช้าและเบาลง ความรู้สึกบางอย่างกำลังบอกเธอว่าเธอกำลังถูกตาม จูเลียน่าทำทีเป็นมองไปตามร้านค้า แต่เธอก็เห็นเพียงพ่อมดแม่มด 2 3 คนที่กำลังเดินออกมาจากร้านแล้วเดินไปยังทิศทางตรงกันข้ามกับเธอ จูเลียน่าเดินต่อไปแล้วรีบเลี้ยวเข้าไปในซอยแรกที่พบทันที
****************************************
สุนัขสีดำตัวใหญ่พยายามมองหาร่างบางของศาสตรจารย์สาวอย่างร้อนรน เขาเดินตามเธอมานานนับชั่วโมง จนกระทั่งมาคลาดสายตาเมื่อมีพ่อมดแม่มดกลุ่มหนึ่งที่เดินออกมาจากร้านค้าบังเธอออกจากสายตาเขาจนมิด มารู้อีกทีเธอก็หายไปแล้ว สุนัขสีดำตัวใหญ่วิ่งวนไปมา เขาพยายามมองว่าหญิงสาวเดินเข้าไปในร้านไหนหรือไม่ แต่ก็ไม่มีแม้แต่เงาของเธอ เขายืนคอตกด้วยความสิ้นหวังแล้วก็เดินเลี้ยวเข้าไปในซอยที่มืดสลัวซอยหนึ่ง
****************************************
จูเลียน่าเพ่งมองร่างที่เดินเข้ามาในซอยอย่างเงียบ ๆ หมอนี่เป็นแอนนิเมจัสนี่เอง มิน่าถึงมองหาไม่เจอ เธอบอกกับตัวเองเมื่อเห็นว่าทันทีที่พ้นแสงสว่างสุนัขสีดำตัวใหญ่ก็เปลี่ยนเป็นชายร่างสูงเดินตรงมาทางเธอ เธอยืนนิ่งอยู่ในเงามืด กำไม้กายสิทธิ์ที่อยู่ในมือแน่นอย่างรอคอย
****************************************
แรงกดที่ต้นคอทำให้ซิเรียสถึงกับตัวแข็ง เขาเหลือบมองไม้กายสิทธิ์ที่กดอยู่อย่างระวัง นึกโกรธตัวเองที่มัวแต่เอาแต่ใจจนไม่ทันระวังตัว งานนี้โดนขังลืมแน่ตู เขาอยากจะหันไปมองเจ้าของไม้กายสิทธิ์ที่ยืนอยู่ด้านหลัง แต่พอขยับตัวอีกฝ่ายก็กดไม้แรงกว่าเดิม แม้ภายในซอยนั้นจะมืดแต่ซิเรียสมั่นใจว่าอีกฝ่ายจะต้องมองเห็นเขา ไม่อย่างนั้นจะเอาไม้กายสิทธิ์มาจี้เขาได้อย่างเหมาะเจาะได้ยังไง ซิเรียสชูมือทั้ง 2 ข้างขึ้นอย่างช้า ๆ เป็นการบอกว่าเขามาตัวเปล่า ไม่มีอาวุธอะไร เนื่องจากว่ามารยาทของพ่อมดที่ดีจะไม่ทำร้ายพ่อมดที่ไม่มีอาวุธหรือไม่คิดที่จะต่อสู้ เขาค่อนข้างที่จะแน่ใจว่าถ้าทำอย่างนี้แล้วจะไม่โดนทำร้าย แต่นั่นต้องหมายความว่าไอ้หมอนั่นเป็นพ่อมดที่ดีนะ!!
****************************************
จูเลียน่ามองท่าทางของอีกฝ่ายแล้วขมวดคิ้ว ไม่มีอาวุธ? ไม่ต้องการสู้? แล้วตามเธอมาทำไมกัน? แกเป็นใคร? ต้องการอะไร? ซิเรียสอึ้ง ความรู้สึกสิ้นหวังหายวับไปทันที ถ้าแกไม่บอกว่าตามชั้นมาทำไม ชั้นจะฆ่าแกซะ!!! เธอจะใจร้ายกับชั้นอย่างนั้นเชียวเหรอ เขาถามอย่างอ่อนโยน เธอจะลงมือฆ่าชั้นได้ลงคอเชียวเหรอจูเลีย
จูเลียน่าสะดุ้งเฮือกทันทีที่ได้ยิน ไม่จริง...เป็นไปไม่ได้ แม้สมองจะสั่งให้ปฏิเสธแต่สิ่งที่ใจคิดนั้น... ใช่สิ ทำไมจะไม่ใช่...ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีชั้นก็ไม่เคยลืม มือที่ถือไม้กายสิทธิ์สั่นระริกจนอีกฝ่ายรู้สึก ซิเรียสยืนนิ่งรอว่าอีกฝ่ายจะมีปฏิกิริยาอย่างไร แต่จูเลียน่าก็ยังคงยืนอยู่ท่านั้นไม่ยอมขยับเขยื้อน ซิเรียสจึงหันมาเผชิญหน้าหญิงสาวอย่างช้า ๆ
แม้จะคอยบอกตัวเองให้ทำใจด้วยว่าไม่อาจจะมีครอบครัวได้อย่างที่เคยฝันเอาไว้ แม้จะคอยบอกตัวเองให้ทำใจนับแต่ได้รู้ว่าเธอเลือกที่จะหันหลังให้กับครอบครัวและชีวิตเดิมเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าสักวันหนึ่งจะต้องมาเผชิญหน้ากับเธออีกครั้ง...ด้วยสถานการณ์ที่แตกต่างกันออกไป
สวัสดีจูเลีย เขาทักอย่างอ่อนโยนกับหญิงสาวที่ยังคงชี้ไม้กายสิทธิ์ค้างมายังเขา ดวงตาเธอเบิกกว้างเหมือนไม่เชื่อว่าจะพบเขา ซิเรียสคอยระวังท่าทีของเธอ จริงอยู่ว่าเขา เคย เป็นคู่หมั้นของเธอ และเขายังคงมีใจให้กับเธอไม่เคยเปลี่ยน แต่เธอล่ะ ระยะเวลาที่ผ่านมาเกือบ 20 ปี เขาไม่รู้ว่าเธอเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน ยังคง รู้สึก เหมือนที่เขารู้สึกกับเธอหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เขามีคดีติดตัวอยู่ในขณะนี้
เธอกวาดตามองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา แม้จะได้ยินเสียง แม้จะได้เห็นลักษณะท่าทางอันคุ้นตาแค่เพียงเลือนลาง แต่เธอก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นเขา มือที่ทำท่าจะลดไม้กายสิทธิ์ลงถูกตวัดขึ้นมาอีกครั้ง ลูมอส...น๊อกซ์!!! ปลายไม้สว่างวาบขึ้นมาแล้วดับลงไปอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นแน่ใจว่าจำคนตรงหน้าได้ไม่ผิด จูเลียปล่อยทิ้งไม้กายสิทธิ์ลง สองขาก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่ทันรู้ตัว
ซิเรียสทำท่าจะถอยหนีเมื่อเห็นไม้กายสิทธิ์ที่ถูกตวัดขึ้น เขารีบหลับตาทันทีเมื่อจู่ ๆ ก็มีแสงสว่างวาบออกมาจากไม้กายสิทธิ์ อะ!!
เขาอุทานออกมาเมื่อรู้สึกเหมือนถูกกระแทกและถูกอะไรบางอย่างรัดเอาอย่างแรง ซิเรียสลืมตาขึ้นแล้วยิ้มออกมาน้อย ๆ เมื่อเห็นร่างบางที่กอดรัดเขาไม่ยอมปล่อย
ซิเรียส...ซิเรียส... จูเลียน่าพร่ำเรียกชื่อเขาไม่ขาดปาก ซิเรียสโอบกอดเธอไว้อย่างอดใจไว้ไม่อยู่ จูเลียน่าเงยหน้าขึ้น แม้จะไม่มีเสียงสะอื้น แต่ดวงหน้ากลับเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ซิเรียสประคองดวงหน้าที่ประทับอยู่ในความทรงจำนั้นไว้อย่างอ่อนโยน ชั้นนี่แย่จริง ๆ พอเจอกันก็ทำให้เธอร้องไห้อีกแล้ว เขาเอ็ดตัวเองด้วยรอยยิ้มกว้าง จูเลียน่าหัวเราะเสียงสั่น แล้วก็หลับตาพริ้มเมื่อซิเรียสก้มหน้าลงมาหาช้า ๆ จุมพิตที่เปลือกตาทั้ง 2 ข้างอย่างเบา ๆ ลิ้นร้อนรุ่มเช็ดรอยน้ำตาที่แก้มทั้ง 2 ข้างแล้วหยุดที่ริมฝีปากอวบอิ่ม จูบเธออย่างกระหายและหนักหน่วงตามความต้องการและโหยหาที่ซุกเงียบมาตลอด
ช่วงที่ถูกขังอยู่ในอัซคาบันนั้น นอกจากความมุ่งมั่นที่จะปกป้องและดูแลลูกชายเพียงคนเดียวของเพื่อนสนิทแล้วนั้น สิ่งที่คอยยึดเหนี่ยวสติไม่ให้หลุดลอยออกไปก็คือความทรงจำของหญิงสาวตรงหน้า...ริมฝีปากอวบอิ่มที่เขาเคยได้ลิ้มรสเพียงครั้งเดียวและภาพถ่ายที่เขาได้มาจากเพื่อนคนหนึ่งจากบ้านเรเวนคลอ (ซึ่งต้องหมดเงินไปหลายเหรียญทองทีเดียว)...ภาพถ่ายที่เขาเก็บไว้ไม่เคยห่างตัวเลยแม้แต่วินาทีเดียว...
เสียงพูดคุยที่ดังอยู่ไม่ไกลนักทำให้ทั้งสองต้องถอยห่างจากกันอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก เมื่อเห็นเงาคนเดินผ่านที่ปากซอย ซิเรียสจึงดึงจูเลียน่าถอยเข้าไปในเงามืดอย่างรวดเร็ว จูเลียน่านึกถึงสถานการณ์ในตอนนี้ได้ เธอเงยหน้ากระซิบถามเขาอย่างเป็นกังวล เธอมาทำอะไรแถวนี้ซิเรียส แม้จะมองเห็นไม่ชัด (เพราะมันมืดกว่าเดิม) แต่เธอก็รู้สึกว่าเขากำลังยิ้ม ก็มาหาเธอไง มาหาชั้น? ที่ฮอกมี้ดเนี่ยนะ เธอไม่รู้เหรอว่ามันอันตราย ถ้ามีคนจับเธอได้ล่ะก็.... ไม่มีใครจับชั้นได้หรอก ซิเรียสขัด ชั้นเป็นแอนนิเมจัสนะอย่าลืม ไม่มีใครสนใจสุนัขที่เดินไปมาหรอก ถึงจะอย่างนั้นแต่เธอก็ยังกังวลใจอยู่ดี ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่มันก็ยังน่ากลัวอยู่ดี อย่าคิดมากเลยน่าจูเลีย ยิ่งคิดมันก็ยิ่งไม่สบายใจ เขาปลอบขณะชะโงกหน้าไปมองที่ปากซอย เมื่อเห็นว่าไม่มีใครจึงหันมาเอ่ยชวน เราไปหาที่เงียบ ๆ คุยกันดีมั้ย มาแอบยืนคุยที่มืด ๆ อย่างนี้มันรู้สึกอึดอัดพิกล
****************************************
เพราะปกติเพื่อนสาวจะแวะมาเยือนพร้อมรอยยิ้ม ดังนั้นเมื่อเห็นจูเลียน่าเดินเข้ามาด้วยท่าทางร้อนรนทำให้บรินน์ต้องวางมือจากงานที่ทำทันที เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าจูเลียน่า เธอถามอย่างห่วงใย จูเลียน่าฝืนยิ้ม ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะซินดี้ เอ่อ...เธอช่วยหาโต๊ะที่เงียบ ๆ ผู้คนไม่พลุกพล่านให้ชั้นหน่อยได้มั้ย ได้สิ บรินน์รับคำทั้ง ๆ ที่ยังขมวดคิ้ว เธอมองไปด้านหลังเพื่อนก็เห็นสุนัขสีดำตัวใหญ่นั่งกระดิกหางไปมา นั่น...เอ่อ...เขา...เอ่อ...มากับชั้นเอง อ้อมแอ้มตอบ เธอคงจะไม่ว่าอะไรใช่มั้ยถ้าชั้นจะพาเข้ามาข้างใน แม้จะสงสัยแต่ก็ไม่ถาม งั้นเธอไปนั่งทางโน้นละกัน... ชี้ไปทางด้านในสุดของร้าน ...เดี๋ยวชั้นจะเอาขนมกับเครื่องดื่มไปให้ ขอบใจจ๊ะ
****************************************
สุนัขสีดำตัวใหญ่มองไปรอบ ๆ แล้วอดทึ่งในความช่างคิดของเจ้าของร้านไม่ได้ ในหมู่บ้านของพ่อมดแม่มดแท้ ๆ อย่างฮอกมี้ดแต่ก็กลับเปิดร้านที่ขายแต่ขนมและเครื่องดื่มแบบมักเกิ้ลซึ่งนั่นก็เรียกว่าแปลกแล้ว แต่การคิดถึงความเป็นส่วนตัวของลูกค้าโดยการใช้กระจกเป็นกำแพงนั่นยิ่งแปลกเข้าไปอีก นี่...ตามมาทางนี้สิ สุนัขสีดำตัวใหญ่เดินตามจูเลียน่าเข้าไปเมื่อไปถึงที่โต๊ะเขาก็กระโดดขึ้นไปบนเก้าอี้ ถึงมันจะดูเป็นส่วนตัวก็เถอะ แต่การที่มีกระจกใสแจ๋วนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับการนั่งอยู่ในร้านอื่นหรอก ทำไมไม่นั่งโต๊ะที่มีกระจกสีดำก็ไม่รู้!!!
ยังไม่ทันจะพูดอะไรกันบรินน์ก็ยกถาดใบใหญ่ที่เต็มไปด้วยชุดน้ำชากับขนมมาให้ โอ้โห!!
นี่มันทำไมเยอะขนาดนี้ล่ะซินดี้ จูเลียน่าอุทาน ก็เผื่อเธอกับ เพื่อน จะหิวยังไงล่ะจะได้ไม่ต้องสั่งหลายรอบ บรินน์พูดอย่างมีเลศนัยทำเอา 1 คนกับ 1 ตัวถึงกับสะดุ้ง ชั้นไม่กวนแล้วล่ะจ๊ะ เชิญตามสบายละกัน
พอลับหลังบรินน์จูเลียน่าก็กดปุ่มปิดกระจกแล้วเลือกวิวท้องฟ้าในยามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาวระยิบระยับ เธอรินน้ำชาลงในแก้วแล้วเงยหน้าขึ้นจะเอ่ยถามชายหนุ่ม (ในร่างสุนัข) แต่ก็ต้องสะดุ้ง... ขอน้ำตาลก้อนเดียวก็พอ ซิเรียสที่ตอนนี้กลับสู่สภาพเดิมแล้วบอก เขาเอาส้อมเขี่ยขนมหลากหลายชนิดที่วางเรียงอยู่ตรงหน้าอย่างสนใจ ขนมนี่เพื่อนเธอทำเองเหรอ ใช่ เธอตอบพร้อมกับวางแก้วน้ำชาลงตรงหน้า เขาเอ่ยขอบคุณเบา ๆ เพื่อนเธอคนนี้อยู่บ้านเรเวนคลอใช่มั้ย ถ้าชั้นจำไม่ผิดเขาเป็นเพื่อนสนิทของเธอ เขาจำได้ว่าสมัยที่เรียนที่ฮอกวอตส์นั้นมักจะเห็นจูเลียน่าไปไหนมาไหนคนเดียวอยู่บ่อย ๆ แต่ก็จะมีบางครั้งที่จะเห็นเด็กสาวอีกคนคอยวิ่งตามหรือพยายามที่จะเดินตามให้ทันเธออยู่บ่อย ๆ
ซิ้นดี้เป็นเพื่อนคนเดียวที่ชั้นมี จูเลียน่าเอ่ยเสียงเรียบ แววตาล่องลอยกลับไปในอดีต การที่ชั้นได้เข้าไปอยู่ที่เรเวนคลอนั้นมีเด็กหลายคนไม่ยอมรับ มันจำเป็นด้วยเหรอว่าชั้นเป็น สเนป แล้วต้องอยู่ สลิธีริน ก็เหมือนชั้นแหล่ะ ช่วงเทอมแรกเข้ากับใครไม่ได้เลย กริฟฟินดอร์ก็ทำเหมือนกับชั้นเป็นตัวเชื้อโรค น่าขยะแขยงจนไม่อยากเข้าใกล้ ส่วนสลิธีรินก็ว่าเป็นพวกนอกคอก...หักหลังพวกเดียวกัน เขาใส่อารมณ์ด้วยการคนแก้วอย่างแรง แต่เธอก็ได้เพื่อนสนิทตั้งแต่ปีแรก จูเลียน่าแย้ง ในขณะที่ชั้นใช้เวลาเกือบ 5 ปีกว่าจะมีเพื่อนสักคนหนึ่ง ซิเรียสวางแก้วชาลง แล้วกุมมือเธออย่างอ่อนโยน เล่าให้ชั้นฟังหน่อยสิ หลังจากที่เรียนจบแล้วเธอทำอะไรบ้าง
พอเรียนจบปุ๊บชั้นก็เดินทางออกจากอังกฤษทันทีโดยไม่แวะกลับไปที่บ้านก่อน สมบัติที่มีติดตัวก็มีเพียงข้าวของที่เอามาจากฮอกวอตส์เท่านั้น เขาลือกันว่าเธอใช้ชีวิตอยู่แบบพวกมักเกิ้ล ใช่ ชั้นเอาเงินไปแลกเป็นเงินปอนด์ทั้งหมด แล้วไปตั้งหลักปักฐานอยู่ทางเอเชีย ชั้นใช้เงินเก็บที่มีมาหาบ้านและส่งเสียให้ตัวเองเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยของมักเกิ้ล เธอเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย!!! ถามอย่างตกใจ จูเลียน่ายิ้ม ใช่!!
เพราะชั้นเลือกลงวิชามักเกิ้ลศึกษาก็เลยสนใจและอยากจะศึกษาจากพวกมักเกิ้ลโดยตรง พอไปปรึกษาเรื่องนี้กับศ.ดัมเบิ้ลดอร์ ศ.ดัมเบิ้ลดอร์ก็เลยหาหนังสือและข้อสอบเก่า ๆ ของพวกมักเกิ้ลมาให้ชั้นลองทำจนชำนาญ พอเรียนจบท่านก็ออกใบรับรองว่าชั้นเรียนจบระดับเกรด 12 ของพวกมักเกิ้ลให้ชั้นอีกด้วย งั้นแสดงว่านอกจากดัมเบิ้ลดอร์แล้วก็ไม่มีใครรู้ถึงการตัดสินใจของเธอเลยสิ ใช่ ระหว่างที่เตรียมตัวสอบนั้นมีจดหมายมาจากทางบ้านนับ 10 ฉบับ ถามว่าชั้นอยู่ที่ไหนทำไมถึงไม่ยอมกลับบ้าน แต่ชั้นก็ไม่เคยตอบกลับ จนกระทั่งผลสอบออกมาว่าชั้นสอบติดได้เข้าเรียนต่อแล้ว ชั้นถึงได้ตอบกลับไป ชั้นขอเดาว่าทางบ้านเธอคนโกรธมาก ยิ่งกว่าโกรธอีก พ่อแม่ชั้นส่งจดหมายมายื่นคำขาดให้ชั้นกลับบ้าน แต่ชั้นปฏิเสธกลับไป พวกท่านก็เลยตัดขาดชั้นออกจากชีวิตต้องจดหมายกัมปนาท เธอยิ้มเสียงขื่น มันคงเป็นช่วงเวลาที่แย่มากสิกับการที่ต้องคอยปรับตัวให้เข้ากับพวกมักเกิ้ล มันแย่สุด ๆ เชียวล่ะ ชั้นต้องระวัง...ไม่ใช้เวทมนตร์ต่อหน้าคนอื่น คอยควบคุมสมาธิให้ดี ๆ ต้องปรับความคิดให้เข้ากับพวกมักเกิ้ล ช่วงปีแรกนั้นชั้นแทบเอาตัวไม่รอดด้วยซ้ำ มีเรื่องมากมายประดังเข้ามา...แต่ก็ไม่รู้จะไปปรึกษาใคร!!
ซิเรียสนึกทึ่งในความสามารถของหญิงสาวตรงหน้า เขารู้ว่าเธอเป็นคนเก่ง แต่ไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะใช้ชีวิตกับสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันราวฟ้ากับดินเพียงลำพังได้ แต่เธอก็รอดมาได้ ใช่...แต่เธอรู้มั้ยว่าเทอมแรกที่ชั้นเรียนน่ะ ชั้นสอบไม่ผ่านแม้แต่วิชาเดียว!!! ฮะ!!! ก่อนหน้าที่ชั้นจะสอบเพียงแค่ 2 วัน อยู่ ๆ ก็มีข่าวใหญ่เกิดขึ้น
เขามองหน้าเธออย่างสงสัย แก๊สระเบิดกลางกรุงลอนดอน
ซิเรียสชะงัก อย่าบอกนะว่า...หลังจากที่พ่อกับแม่ตัดขาดจากชั้นแล้ว นอกจากซินดี้ก็ไม่เคยมีใครส่งจดหมายมาหาชั้นอีก แล้วจู่ๆ ในวันนั้นก็มีนกฮูกจากที่บ้านส่งหนังสือพิมพ์มาให้ชั้น มันมาจากเซเวอรัส มีโน้ตเพียงว่า เธอต้องอ่าน ส้อมเขี่ยขนมไปอยู่ในจากไปมา ในนั้นพาดหัวเรื่องที่ลอร์ดโวลเดอมอร์สิ้นอำนาจ ส่วนอีกข่าวที่ใหญ่ไม่แพ้กันก็เรื่อง... วางส้อมที่อยู่ในมืออย่างแรง ตอนที่อ่านข่าวชั้นแทบช็อค ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอจะทำอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายเป็นเพื่อนของเธอ เพื่อนสนิท เชียวนะซิเรียส!!! น้ำเสียงสั่นเครือ บ่งบอกถึงความอัดอั้น...เจ็บปวด
แล้วเธอเชื่อหรือเปล่าล่ะ เขาถามเสียงเรียบ เธอเชื่อ อย่างที่ ทุกคนเชื่อ หรือเปล่า จูเลียน่าชะงัก เชื่อหรือเปล่างั้นเหรอ เธอเคยถามตัวเองอย่างนั้นมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา เชื่อหรือเปล่าว่าคนคนนี้จะสามารถลงมือสังหารเพื่อนได้อย่างเลือดเย็น? เชื่อหรือเปล่าว่าเขา...คนที่พยายามหลีกเลี่ยงศาสตร์มืดทุกวิถีทาง จะเลือกที่จะเดินบนทางนั้น? เชื่อหรือเปล่าว่าเขาเป็นคนโหดร้ายอำมหิตเหมือนอย่างที่ทุกคนหวาดกลัว?
เธอมองอดีตคู่หมั้นอย่างพิจารณา สมัยเรียนที่ฮอกวอตส์นั้นเขาเป็นชายหนุ่มรูปงาม เป็นที่หมายปอง...เป็นชายในฝันของเด็กสาวหลาย ๆ คน จากวันนั้นจนวันนี้แม้เขาจะเปลี่ยนแปลงไปมาก ภายใต้ริ้วรอยหยาบกร้านที่เกิดจากความทุกข์ก็ยังคงมีชายหนุ่มรูปงามคนเดิมแอบแฝงอยู่ จะว่าไปแล้วถึงแม้พวกเขาจะเป็นคู่หมั้นกัน แต่ก็รู้จักกันน้อยมาก พูดคุยกันเพียงไม่ถึง 10 ครั้งเท่านั้น ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะเลือกที่จะเชื่อในสิ่งที่พวกเขาเห็น แต่เธอ...เลือกที่เชื่อตามเสียงเรียกของหัวใจ ถ้าชั้นเชื่อข่าวพวกนั้น ชั้นคงไม่มานั่งอยู่ตรงนี้หรอกซิเรียส เธอยิ้มออกมา ชั้นเชื่อเธอ!!
อะไรก็ไม่สำคัญอีกแล้ว ซิเรียสบอกกับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการยอมรับจากคนอื่นหรือการพ้นจากข้อกล่าวหาทั้งปวง เพราะสิ่งที่เขาต้องการมาตลอดหลังจากเกิดเรื่องนั่นก็คือความเชื่อมั่นจากแฮร์รี่และจูเลียน่า คนสองคนที่สำคัญที่สุดในชีวิต และตอนนี้ทั้งสองคนก็เลือกที่จะเชื่อเขา...เชื่อเพียงเขาเท่านั้น!!!
เธอบอกชั้นหน่อยสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น คือ...เจมส์กับลิลี่เลือกชั้นเป็นคนเก็บความลับของพวกเขาน่ะ แต่ชั้นคิดว่าไม่ว่ายังไงโวลเดอมอร์ก็คงจะตามล่าชั้นก่อนเพราะเห็นว่าชั้นเป็นเพื่อนสนิท ชั้นก็เลยขอให้เปลี่ยนเป็นปีเตอร์แทน แต่กลับกลายว่ามันนั่นแหล่ะที่เป็นคนทรยศ!!! เขาพูดออกมาอย่างแค้นใจ เพื่อนที่คบกันมา...ไม่นึกเลยว่าจะเห็นแก่ตัวขนาดนี้ พอทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่มันคิด มันก็หนีเอาตัวรอด แต่พอหมดทางหนีมันก็ระเบิดตัวเองทำให้ชั้นกลายเป็นแพะรับบาป ในขณะที่มันเป็นผู้บริสุทธิ์ แล้วอย่างนี้จะทำยังไงเธอถึงจะพ้นผิดได้ล่ะซิเรียส ผู้ชายคนนั้นตายไปแล้วนี่ ยังหรอก.. อะไรนะ!!! มันยังมีชีวิตอยู่ แต่ซ่อนอยู่กับโวลเดอมอร์ ถ้าจับตัวมันมาได้ชั้นก็จะพ้นผิด จะเป็นอิสระเหมือนเดิมอีกครั้ง
รอยยิ้มอย่างมีความหวังและไม่ยอมแพ้ของซิเรียส แบล็คคนเดิมทำให้เธอรู้สึกมีความสุขขึ้นมาอีกเยอะ ว่าแต่ทำไมเธอถึงตัดสินใจกลับมาสอนที่ฮอกวอตส์ล่ะจูเลีย นึกขึ้นมาได้ เพราะไม่คิดว่าเธอจะกลับมาอังกฤษอีก เธอจำวาเลอรี่ได้มั้ย ซิเรียสย่นคิ้ว วาเลอรี่...ยัยลูกพี่ลูกน้องตัวแสบน่ะเหรอ มีเหรอจะจำไม่ได้ จำได้สิ ทำไมจะจำไม่ได้ แล้วเธอรู้หรือเปล่าว่าวาเลอรี่แต่งงานแล้ว เขายักไหล่ เนื่องจากเขาเป็นที่รักน้อยมาก เขาก็เลยไม่ได้สนใจเรื่องของญาติพี่น้องมากนัก แล้วเธอรู้หรือเปล่าว่าสามีของวาเลอรี่น่ะเป็นมักเกิ้ล!!
เพล้ง!! ส้อมในมือตกโดยไม่รู้ตัว จูเลียน่ามองชายหนุ่มที่นั่งอ้าปากค้างแล้วหัวเราะคิก ไม่แปลกใจหรอกที่เขาจะไม่รู้เพราะว่าเรื่องเสื่อมเสียทำนองนี้ไม่มีตระกูลเลือดบริสุทธิ์ตระกูลไหนหรอกที่อยากให้คนนอกรู้ แม้จะคนในครอบครัวอย่างเขาก็ตาม วาเลอรี่มีลูกสาวคนหนึ่ง เธอเข้าเรียนที่ฮอกวอตส์ปีนี้และก็ยังเป็นลูกทูนหัวของชั้นด้วย เธอก็เลยตัดสินใจมาสอนที่นี่ ถามเมื่อตั้งสติขึ้นมาได้ ตอนแรกชั้นก็ลังเลเหมือนกัน เพราะว่าเมื่อออกมาแล้วชั้นก็ไม่อยากกลับเข้ามาอีก แต่ศ.ดัมเบิ้ลดอร์ขอร้อง... ขอร้อง? ดัมเบิ้ลดอร์เนี่ยนะ ใช่ เธอพยักหน้า ท่านบอกว่าอยากจะให้ชั้นกลับมาสอนที่นี่ แต่พอถามก็ไม่ยอมบอกเหตุผลว่าเพราะอะไร ฮึ...คนอย่างดัมเบิ้ลดอร์น่ะเหรอ ถึงตายยังไงเขาก็ไม่ยอมพูดออกมาหรอก ถึงแม้จะไปคุกเข่าอ้อนวอนแทบตายก็เถอะ เขาประชด จูเลียน่าหัวเราะ วูบหนึ่งเธอเห็นหน้าของเด็กสาวจากบ้านกริฟฟินดอร์แว่บขึ้นมาในความคิด ความคล้ายคลึงของเด็กสาวคนนั้นกับหญิงสาวอีกคนหนึ่ง...นั่นคือหนึ่งในเหตุผลหรือเปล่า?
ฟังแต่เรื่องของชั้นน่าเบื่อออก เล่าเรื่องของเธอบ้างสิ เรื่องของชั้น? ไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก ก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าชั้นเวลาอยู่ในคุก 13 ปี แล้วแฟนเธอล่ะ เป็นยังไงบ้าง หญิงสาวถามเสียงแผ่ว สบายดีหรือเปล่า ซิเรียสมองหน้าอีกฝ่าย แต่เธอก้มหน้าลงทำให้เขาไม่รู้ว่าเธอรู้สึกอย่างไรถึงได้ถามอย่างนี้ออกไป
เราเลิกกันแล้วล่ะ
เขาพูดเสียงเรียบ จูเลียน่าเบิกตากว้างอย่างตกใจ ...คิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้นนะ อ้าว... เธอเริ่มงง ก็...อยู่ดี ๆ เขาก็หนีไปไม่เคยติดต่อมาอีก ชั้นก็เลยคิดว่าเราคงเลิกกันแล้ว เขาหายไปนานหรือยัง ก็...ก่อนชั้นเข้าคุกประมาณปีนึง จูเลียน่าทบทวนความจำ งั้นเหรอ? แล้วเธอไม่เคยตามหาเขาเลยหรือ เคย แต่มันเหมือนกับว่าเขาหายไปจากโลกนี้ แม้แต่จดหมายที่ส่งไปก็ยังถูกตีกลับ เหมือนเขาไม่อยากให้ชั้นเจอยังไงยังงั้นแหล่ะ จูเลียน่าถอนใจ เขาคงรู้มั้ง...ว่าคนที่ชั้นรักไม่ใช่เขา เขาถึงได้หนีไป รักสามเส้า...ไม่เคยทำให้ใครมีความสุขได้จริง ๆ
ชั้นเคยขอเขาแต่งงาน... แม้จะรู้ว่าสักวันเขาต้องเป็นของหญิงอื่น แต่ใจทั้งดวงก็อดจะหายวูบไม่ได้ แต่เขาไม่ยอมแต่ง เขาบอกว่า การแต่งงานไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด แต่ความรักที่ชั้นกับเขามีต่อกันต่างหากที่สำคัญ เขามองหญิงสาวที่นั่งหน้าเศร้า เธอรู้ไหมชั้นวางแผนการแต่งงานเอาไว้ เพราะอยากทำให้เขาประหลาดใจ แต่แล้วอยู่ ๆ เขาก็หายไป... ซิเรียส... ชั้นพยายามหาเหตุผลว่าทำไมเขาถึงหนีไป แต่ก็หาข้อสรุปไม่ได้ ก็เลยคิดว่าบางทีตอนนี้เขาอาจจะมีความสุขอยู่กับคนที่เขารักและก็คนที่รักเขาอย่างแท้จริงแล้วก็ได้ เขากุมมือเธอเอาไว้ แล้วเธอล่ะจูเลีย...ชั้นยังหวังจะได้มั้ยว่าสักวันหนึ่ง...สำหรับเธอแล้ว ชั้นจะได้เป็นคน ๆ นั้น
จูเลียน่าก้มลงมองมือใหญ่ที่เกาะกุมมือเธอไว้ มือข้างนี้...ครั้งหนึ่งเคยโอบประคองเธอไว้อย่างอ่อนโยน มือข้างนี้...ครั้งหนึ่งเคยเช็ดหยาดน้ำตาในยามที่เธอเจ็บปวดจนสุดจะทน และมือข้างนี้นี่แหล่ะที่เธอเคยหวังในตลอดหลายปีที่ผ่านมาว่า สักวันหนึ่งที่เธอจะได้สัมผัสมันอีกครั้งเมื่อกลับมาสู่อังกฤษ แม้ไม่คิดฝันมาก่อนเลยว่าจะเป็นไปได้ แต่ตอนนี้มันก็เป็นไปแล้ว!!!
เธอคิดว่าเพราะอะไรชั้นถึงเลือกที่จะเดินทางออกจากอังกฤษกันล่ะซิเรียส เธอถามอย่างน้อยใจ พอเรียนจบปุ๊บชั้นก็ต้องออกมาใช้ชีวิตนอกฮอกวอตส์ มันก็ต้องมีสักวันหนึ่งล่ะที่ชั้นจะต้องได้เจอเธอกับมิสวีเบอร์ ชั้นต้องทนเห็นพวกเธออยู่ด้วยกันมาแล้วตั้ง 5 ปี แล้วยังต้องทนต่อไปอีกเหรอ ถ้าไม่เพราะว่ารักเธอมากชั้นคงไม่เลือกที่จะเดินทางไปซะไกลลิบขนาดนั้นหรอก ขนาดตอนที่ได้รับจดหมายเชิญจาก ศ. ดัมเบิ้ลดอร์ ชั้นเองก็ยังลังเลอยู่ตั้งนาน แต่เพราะว่าชั้นอยากรู้ข่าวของเธอชั้นก็เลยกลับมา เธอสะบัดมือออก แล้วยังมาถามชั้นด้วยคำถามงี่เง่าอย่างนั้นอีก!!! ซิเรียสยิ้มกว้าง ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีพวกเขาก็ยังคงเหมือนเดิม ไม่เคยพูดว่า รัก ออกมาตรง ๆ ได้แต่ แสดง ให้อีกฝ่ายรู้ แต่คราวนี้แหล่ะ... อุ๊ย...นั่นเธอจะทำอะไรน่ะ จูเลียน่าอุทานเมื่อจู่ ๆ ซิเรียสก็ลุกขึ้นมานั่งคุกเข่าตรงหน้าเธอ เขาก้มลงจุมพิตมือเรียวบางทั้ง 2 ข้างหนัก ๆ แล้วดึงเข้ามาแนบอก ชั้นรักเธอนะจูเลีย เขาเอ่ยออกมาอย่างนุ่มนวล จูเลียน่าหน้าแดงระเรื่อ ความรักที่ชั้นมีให้เธอไม่เคยจืดจางลงเลย มีแต่จะมากขึ้นไปเรื่อย ๆ ด้วยซ้ำ ดวงตาคู่สวยเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา แต่งงานกับชั้นนะ
จูเลียน่าสะอื้นออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ไม่อยากจะเชื่อ...เขาขอเธอแต่งงาน!!! ความปิติท่วมท้นจนไม่อาจบรรยายออกมาได้ เธอได้แต่ส่ายหน้าไปมาจนซิเรียสไม่สบายใจ เธอไม่อยากแต่งงานกับชั้นเหรอ? แต่ชั้นก็เข้าใจนะว่าไม่เหมาะ เพราะว่าชั้นมีคดีติดตัวอยู่ตอนนี้ ...ไม่...ไม่ใช่... เธอพยายามปฏิเสธแล้วโผเข้ากอดอีกฝ่ายแน่น ชั้น...ชั้นดีใจมากต่างหาก... เขาเริ่มยิ้มออก งั้นหมายความว่าเธอจะแต่งงานกับชั้นใช่มั้ย เธอรีบพยักหน้ารับทันที ซิเรียสหัวเราะเสียงดังลั่นอย่างยินดี เขากอดเธอแน่น ชั้นรักเธอนะจูเลีย...รักมาก...และไม่เคยรักใคร...อย่างที่ชั้นรักเธอเลย
อย่าพูดเป็นเล่นนะซิเรียส จูเลียน่าเอ็ดเมื่อ อดีตคู่หมั้น ที่ตอนนี้ขยับขึ้นมาเป็น ว่าที่เจ้าบ่าว (ที่จะแต่งกันอีกเมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้) ยืนยันว่าเขาสามารถลอบเข้าไปหาเธอในฮอกวอตส์ได้ เธอจะลอบเข้าไปในฮอกวอตส์ได้ยังไงกัน เธอไม่มีทางทำได้หรอก ทำได้สิ เขายังคงยืนยัน เธอไม่ต้องห่วงหรอกน่า ชั้นรู้วิธีเข้าไป แล้วก็ไม่มีใครจับได้ด้วย เธอแน่ใจได้ยังไง อ้าวววว...ก็ชั้นเคยทำมาก่อนนี่ อะไรนะ!!! เธอเคยลอบเข้าไปในฮอกวอตส์มาก่อนเหรอ เธอร้องถามเสียงหลง ใช่...ขนาดดัมเบิ้ลดอร์ยังไม่รู้เลย จูเลียน่าลังเล นะ...ชั้นอยากเจอเธอบ่อย ๆ นี่ เขาอ้อน เธอลังเลเพราะไม่อยากตามใจเขา การลอบเข้าไปในฮอกวอตส์เขาอาจจะว่าง่ายเพราะเคยทำมาแล้ว แต่หลังจากนั้นล่ะ คนมากมายจะไม่มีใครจับเขาได้เลยเหรอ!! โอเคนะ? เขาพยายามระงับอาการดีใจเมื่อเห็นท่าทางลังเล แล้วก็ต้องยิ้มกว้างเมื่อเธอตอบรับอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
จูเลียน่าก้มลงมองนาฬิกาแล้วได้แต่ถอนใจ ไปกันเถอะ เธอชวนชายหนุ่มที่นั่งหน้างอขึ้นมาทันทีที่เธอบอกว่าต้องกลับแล้ว เธอออกไปก่อนเถอะเดี๋ยวชั้นตามไป เธอพยักหน้าแล้วเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์เพื่อไปชำระเงินและบอกลาบรินน์
****************************************
ซิเรียสพยายามระงับอาการหงุดหงิดและไม่สบายใจ เขาไม่อยากกลับไปที่ภาคี (หรือก็บ้านน่ะแหล่ะ) เลย ไม่รู้ว่านอกจากรีมัสแล้วจะมีคนอื่นรู้หรือยังเรื่องที่เขาแอบออกมา ไม่ใช่กลัวอะไรหรอก เพียงแต่รำคาญเท่านั้น ซิเรียสเปลี่ยนร่างกลับเป็นสุนัขสีดำตัวใหญ่ เขาเดินตรงไปยังหน้าร้านก็เห็นหญิงสาวยืนคุยอยู่กับใครบางคน เขามองไม่เห็นว่าเป็นใครจนกระทั่งสายตา 2 คู่สบกันเข้าอย่างจัง
ตายโหง!!!...เฮอร์ไมโอนี่!!! ซวยอะไรอย่างนี้ฟะ ซิเรียสคราง ต่างฝ่ายต่างตัวแข็งทื่อ เขาเห็นเฮอร์ไมโอนี่จ้องเขาตาไม่กระพริบ ริมฝีปากขยับไปมาแต่ก็ไม่มีเสียงหลุดรอดออกมา ซิเรียสออกวิ่งตรงไปที่ประตูเพื่อที่จะหนีแต่เฮอร์ไมโอนี่รีบก้าวมาขวางทางเอาไว้ สนัฟเฟิลส์?...ให้ตายเหอะ ใช่จริง ๆ ด้วย!!! เด็กสาวร้องเสียงลั่นจนซิเรียสนึกเคือง อยากจะเรียกให้คนทั้งร้านมารุมกันจับเขาหรือไงนะ ดูเหมือนว่าเด็กสาวเองก็จะคิดเหมือนกันเพราะเธอรีบยกมือขึ้นปิดปาก แต่ก็ช้าไปเพราะเสียงนั้นร้องเรียกให้เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าเคาท์เตอร์หันมามองทันที เกิดอะไรขึ้นเหรอเฮอร์ไมโอนี่
ซิเรียสหันไปมองคนถามตาค้าง เจ้าหมอนั่นเรียกว่า เฮอร์ไมโอนี่ งั้นเหรอ หน้าตาอย่างนี้...สีผมอย่างนี้มีหรือเขาจะไม่รู้จัก จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก นายน้อยของตระกูลมัลฟอย...เดรโก มัลฟอย!!! ซิเรียสหันไปมองเด็กสาวที่ยืนหน้าเจื่อนอย่างกล่าวหา นี่!! อย่าบอกนะว่าเธอมาเดทกับเจ้าเด็กนี่ รอนกับแฮร์รี่รู้หรือเปล่าฮะเฮอร์ไมโอนี่ว่าเธอมาเดทกับศัตรูของพวกเขา ตะโกนถามเด็กสาวเสียงดังลั่น แต่เพราะอยู่ในสภาพนี้เสียงที่ดังออกมาจึงกลางเป็น โฮ่งๆๆๆๆๆ ชุดใหญ่ เฮอร์ไมโอนี่เชิดหน้าขึ้น แม้เธอจะไม่เข้าใจที่เขาพูดแต่ก็พอจะรู้ล่ะว่าพูดเรื่องอะไร อย่ามาว่ากันนะ!!! ทีตัวเองล่ะทำไมมาอยู่ตรงนี้ได้ หนีออกมาได้ยังไง!!! เธอเถียงอย่างไม่ยอมแพ้ ซิเรียสเองก็นึกขึ้นได้ แต่เรื่องอะไรล่ะจะยอมรับผิด เขาหันไปมองมัลฟอยที่ยืนมองทะเลาะกันของคนกับหมาอย่างงง ๆ แล้วคำรามใส่เสียงดังลั่น
****************************************
มัลฟอยสะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ ๆ สุนัขสีดำตัวใหญ่หันมาขู่คำรามใส่เขาและทำท่าเหมือนจะกัด เขาถอยหนีอย่างระแวง จะไม่ให้กลัวได้ยังไงล่ะ ถ้าตัวเล็กก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ตัวใหญ่เบ่อเริ่มถ้ายืนได้ก็คงสูงเกือบเท่าเขาล่ะ เอ๋?...ยืนได้งั้นเหรอ ดวงตาสีซีดหรี่ลงเมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เมื่อปีที่แล้วมีหมาตัวใหญ่ ๆ ยืนอยู่กับพอตเตอร์มันนี่หว่า เขามองสุนัขสีดำตัวใหญ่อย่างพิจารณา จะว่าไป...ไอ้ตัวนั้นมันก็เหมือนไอ้ตัวนี้ไม่มีผิดเลยแฮะ (ซิเรียสขู่ใส่หนักกว่าเดิมเมื่อเห็นเด็กหนุ่มมองเขาเหมือนท้าทาย จนไม่สนใจเสียงห้ามปรามของเฮอร์ไมโอนี่กับจูเลียน่า)
ไอ้ตัวนี้มันหมาของพอตเตอร์ไม่ใช่เหรอเฮอร์ไมโอนี่ เธอหันมามองมัลฟอยอย่างตกใจ รู้ได้ยังไง?? ถ้าจำไม่ผิด ชั้นว่าชั้นเห็นมันอยู่กับพอตเตอร์เมื่อตอนปีที่แล้วนี่ ใช่ไหม ชะ...ใช่แล้ว นี่เป็นหมาของแฮร์รี่ เก่งนี่ที่จำได้ เอ่ยชมทั้งที่ใจไม่ดี คนอะไร...ผ่านมาตั้งปีแล้วยังจำได้อีก!! ดวงตาสีซีดหรี่มองสุนัขตรงหน้าอย่างเกลียดชังสงสัยก็เพราะรู้ว่าใครเป็นนายของมัน ส่วนซิเรียสเองก็คำรามใส่เด็กหนุ่มไม่เลิกรา ยิ่งเห็นไอท่าทางยะโสเหมือนผู้เป็นพ่อแล้วยิ่งหงุดหงิด โว้ย!!!...เฮอร์ไมโอนี่เห็นว่ามันดีตรงไหนฟะถึงเลือกมันเป็นแฟน...อยากจะกัดลิ้นฆ่าตัวตายเสียจริง!!
จูเลียน่ามองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างสนใจ เฮอร์ไมโอนี่กับซิเรียสรู้จักกันงั้นหรือ? แล้วทำไมเขาถึงไม่บอกเธอเลย เธอพยายามรั้งซิเรียสไว้ไม่ให้พุ่งเข้าหามัลฟอย เธอหันไปมองเฮอร์ไมโอนี่ที่รั้งแขนเด็กหนุ่มไว้พยายามชวนให้กลับโรงเรียน แต่ดูเหมือนมัลฟอยจะไม่สนใจ เธอเห็นขาข้างหนึ่งของเด็กหนุ่มขยับไปมาเล็กน้อยเหมือนจะบอกซิเรียสว่า ถ้าแกเข้ามาชั้นเตะแกกระเด็นแน่ นี่ไม่มีอะไรทำแล้วหรือไงถึงจะทะเลาะกันหมา เฮอร์ไมโอนี่ร้องถามออกมาอย่างโมโหเมื่อเขาไม่ยอมกลับตามคำชวนของเธอ วันนี้ไม่ได้เตะเจ้าของก็ขอเตะหมามันสักทีก็ยังดี เขาตอบกวน ๆ คนบ้า!!!
ขอโทษทีนะที่ต้องขัดจังหวะสักครู่ บรินน์เอ่ยขัดออกมาเสียงเรียบออกมาจากหลังเคาน์เตอร์ แต่ก็ทำให้ทั้ง 4 ชะงักกึกทันที ถ้าจะทะเลาะกันก็ออกไปทะเลาะข้างนอก เพราะว่าเสียงของพวกเธอจะทำให้ลูกค้าจะไม่กล้าเข้ามาในร้านชั้น เข้าใจมั้ย? ขอโทษนะซินดี้ ขอโทษค่ะคุณคาลด์เวล จูเลียน่ากับเฮอร์ไมโอนี่เอ่ยออกมาพร้อมกัน ไม่เป็นไรจ๊ะ งั้นเราไปกันเถอะเดรโก
จูเลียน่าหันไปเรียกเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังลากมัลฟอยออกจากร้าน เอ่อ...เฮอร์ไมโอนี่จ๊ะ ครูขอคุยด้วยหน่อยได้มั้ย ได้ค่ะ ตอนแรกก็งงว่าเรื่องอะไร แต่พอเห็นจูเลียน่าหันไปมองซิเรียสเธอก็เข้าใจทันที คงอยากถามเรื่องของเธอกับซิเรียสล่ะสิท่า? แล้วหันไปทางมัลฟอยที่ยืนหน้าบึ้ง เธอกลับไปก่อนแล้วกันเดี๋ยวชั้นตามไป มัลฟอยตวัดสายตาขุ่นเคืองไปยังศ.สาวก่อนจะแสยะยิ้มให้สุนัขสีดำตัวใหญ่เป็นการส่งท้าย ถ้าอย่างนั้นครูว่าเราไปนั่งที่โต๊ะกันเถอะ
****************************************
ให้ตาย ชั้นไม่คิดมาก่อนเลยว่าเธอจะสิ้นคิดขนาดนี้เฮอร์ไมโอนี่!! ผู้ชายในโลกนี้มีที่หาดีไม่ได้แล้วหรือไงฮะ ถึงได้หันไปคบไอเด็กผีนั่นน่ะ!!! ซิเรียสเปิดฉากใส่ทันทีที่พวกเขาอยู่กันตามลำพัง หนูก็ไม่เห็นว่าเขาไม่ดีตรงไหนนี่ เฮอร์ไมโอนี่เถียง เขาออกจากน่ารัก แถมยังสุภาพแล้วก็ยังใจดีอีกด้วย น่ารัก!! สุภาพ!! ใจดี!!! ซิเรียสร้องเสียงหลง เขารู้สึกเหมือนจะคลั่งจนอย่างลงไปดิ้นกับพื้น!! นี่เธอโดนไอหมอนี่ทำเสน่ห์ใส่หรือไงฮะเฮอร์ไมโอนี่!! ไม่มีทางที่คนอย่างมันจะเป็นอย่างที่เธอว่าได้หรอก!!!
แต่ตอนนี้เขาเป็นแบบนั้นนะซิเรียส จูเลียน่าขัด ตั้งแต่ที่ลูเชี่ยนตายไป เด็กคนนั้นเขาก็เปลี่ยนไป อาจจะไม่เปลี่ยนจนเป็นคนละคน แต่ก็ต้องบอกว่าเขาเป็นคนดีคนหนึ่งเลยล่ะ นี่เธอกำลังเข้าข้างเด็กพวกนี้นะจูเลีย!! ซิเรียสท้วง ชั้นไม่ได้เข้าข้างพวกเขานะซิเรียส เธอทำน้ำเสียงเหมือนเบื่อหน่าย ชั้นแค่พูดในสิ่งที่ชั้นเห็นเท่านั้น เด็กคนนั้นเมื่อก่อนอาจจะแย่ในสายตาของคนอื่น แต่ตอนนี้ศาสตรจารย์หลาย ๆ ท่านต่างก็พูดกันเป็นเสียงเดียวว่า เขาเป็นเด็กดีขึ้น ซิเรียสทำหน้าหงิกในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มแป้นเพราะตอนนี้เธอชนะไปหนึ่งยกแล้ว
แต่ไม่ว่ายังไงชั้นก็ยอมรับอยู่ดี เขายังคงเถียง ห้าม คบกับไอหมอนั่นอีกนะเฮอร์ไมโอนี่ ไม่ เฮอร์ไมโอนี่ค้าน ยังไงหนูก็จะไม่มีทางเลิกกับเขาเด็ดขาด คุณอย่ามาห้ามหนูเสียให้ยากเลย แต่... ไม่มีแต่ ยังไงหนูก็จะไม่เลิกกับเขา...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เธอจะไม่มีทางมีความสุขได้เลยนะเฮอร์ไมโอนี่ ซิเรียสพยายามให้เหตุผล ตราบใดที่เธอยังคบอยู่กับเขา ผู้ชายคนนั้นเขาจะไม่มีทางทำให้เธอมีความสุขได้หรอกเฮอร์ไมโอนี่ เขาเป็นใคร...แล้วเธอเป็นใครกันอย่าลืมสิ สิ่งที่เขาถูกสอนมาตั้งแต่เด็กคืออะไร แล้วเธอคิดว่าเขาจะโยนทิ้งสิ่งที่ถูกสอนไว้ข้างหลังแล้วมาใช้ชีวิตกับเธอได้ง่าย ๆ เหรอ เขาไม่มีทางทำได้หรอก ซิเรียสย้ำอย่างหนักแน่น คนพวกนั้นไม่มีหัวใจหรอก แล้วทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขาก็ต่างหวังผลประโยชน์จากคนรอบตัวทั้งนั้น
เด็กสาวเม้มปากแน่น ทำไมเธอจะไม่รู้ว่า เขา เป็นยังไง 5 ปีที่เธอรู้จักเขามา 5 ปีที่เขามักจะพูดและแสดงกิริยาหยาบคายใส่เธอมากกว่าใครทั้งหมด ด้วยเหตุผลที่ว่าเธอเป็น เลือดสีโคลน และเป็น เพื่อนสนิท ของแฮร์รี่ แต่ใจเธอก็เคยแอบหวังอยู่ ๆ เงียบว่าจะได้เป็นเพื่อนและได้พูดคุยอย่างปกติ ตอนที่เธอเริ่มคบกับเขานั้น เธอเองก็เคยคิดเหมือนกันว่านี่เป็นความจริงหรือเปล่า แล้วสำหรับเขาเธอเป็นคนที่พิเศษมากกว่าใครคนอื่นจริงใช่ไหม และเมื่อมาถึงตอนนี้เธอก็พร้อมที่จะเสี่ยงแล้ว
หนูจะไม่เลิกกับเขาเด็ดขาด และหนูก็จะไม่มีวันเสียใจด้วย เฮอร์ไมโอนี่เชิดหน้าขึ้น น้ำเสียงเธอเด็ดเดี่ยวอย่างคนที่เชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจทำ หนูรักเขาค่ะคุณซิเรียส และหนูต้องการอยู่ข้าง ๆ เขา ถ้าสักวันหนึ่งหนูต้องเสียน้ำตาเพราะเขา หนูก็จะไม่มีวันเสียใจเลย เพราะหนูถือว่าหนูได้ใช้ชีวิตช่วงหนึ่งอยู่กับคนที่หนูรักและช่วงนั้นคือความทรงจำที่มีล้ำค่าที่หนูจะไม่มีวันลืม
ซิเรียสกับจูเลียน่าได้แต่อึ้งกับคำตอบของเด็กสาว พวกเขามองหน้ากัน ช่วงเวลาที่ล้ำค่างั้นหรือ...ช่วงเวลาที่พวกเขาไม่มี เพราะแม้พวกเขารักกัน แต่ทางเลือกที่ซิเรียสเลือกก็คือหน้าที่และความถูกต้องไม่ใช่คนรัก จูเลียน่าเมินหน้าหนี นึกอิจฉาเด็กสาวตรงหน้า ความเด็ดเดี่ยวของเด็กสาวที่เธอไม่เคยมี ความกล้า...ที่พร้อมจะเผชิญกับความเจ็บปวดที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ในขณะที่พวกเขาทั้งสองเลือกที่จะเจ็บปวดโดยการหันหลังให้แก่กัน
อะ...อืม... จูเลียน่ากระแอมเล็กน้อย เอาล่ะ เมื่อเธอตัดสินใจอย่างนั้นแล้วซิเรียสคงจะไม่มีปัญหาอะไรอีก...ใช่มั้ย หันไปถามเขา ซิเรียสยักไหล่ ถ้าในเมื่อพูดอย่างนี้ชั้นคงจะไม่พูดอะไรอีก ในเมื่อโตแล้ว แล้วเลือกที่จะเดินทางนี้เองก็ตามใจ เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มแล้วลุกขึ้นกอดเขา ขอบคุณค่ะคุณซิเรียส ในเมื่อสรุปกันได้แล้ว ตอนนี้พวกเธอก็คงให้ตอบชั้นได้แล้วเหมือนกันใช่ไหม
ว่าพวกเธอรู้จักกันได้ยังไง
ก็คุณซิเรียสเขาเป็นพ่อทูนหัวของแฮร์รี่นี่คะ เรารู้จักกันตั้งแต่ที่เขาหนีออกมาจากอัซคาบันใหม่ ๆ แล้วเราก็พบกันหลายครั้งแล้วค่ะ ชั้นนึกว่าเธอซ่อนตัวเสียอีก หันไปถามเขาอย่างสงสัย นี่กลายเป็นว่าเธอติดต่อกับพวกแฮร์รี่ตลอดเลยเหรอ ก็ประมาณนั้นแหล่ะ ซิเรียสบอก ชั้นกับแฮร์รี่เราติดต่อกันทางจดหมายบ่อย ๆ แล้วไม่กลัวใครจับได้เหรอ ก็...เราไม่ได้ใช้ชื่อจริงนี่ เวลาพวกเด็ก ๆ เขียนถึงชั้นก็จะเรียกชั้นว่า สนัฟเฟิลล์ แล้วตอนปิดเทอมพวกเราก็ไปอยู่ที่บ้านของคุณซิเรียสด้วยค่ะ บ้านเหรอ? บ้านไหน ก็บ้านตระกูลแบล็คยังไงล่ะคะอาจารย์ อะไรนะ จูเลียน่าตกใจ นี่หมายความว่าตลอดเวลาเธออยู่ที่บ้านนั้นงั้นเหรอซิเรียส ใช่ แล้วไม่มีใครรู้เลยเหรอ มีตั้งหลายคนเพราะชั้นไม่ได้อยู่ที่บ้านนั้นคนเดียว...ดัมเบิ้ลดอร์ก็รู้...พี่ชายเธอเองก็เหมือนกัน อะไรนะ เซเวอรัสน่ะเหรอ!! ช่ายยย... เขาลากเสียง แต่ทำไมเซเวอรัสถึงไม่เคยพูดถึงเธอเลยล่ะ แล้วทำไมไอหมอนั่นมันถึงต้องบอกเธอล่ะ เธอก็รู้ว่ามันกับชั้นเกลียดกันอย่างกับอะไร จริงสิ เธอพึมพำ
แล้วอาจารย์กับคุณซิเรียสรู้จักกันได้ยังไงคะ เราเป็นคู่หมั้นกันจ๊ะ ตาของเฮอร์ไมโอนี่เบิกกว้าง เธอหันขวับไปที่ซิเรียสทันที คุณนั่นเอง ผู้ชายใจร้ายคนนั้น!! ซิเรียสสะดุ้ง เฮ้ย!! เรื่องอะไรล่ะ ชั้นไปทำอะไรให้ ก็คุณทำให้ศ.จูเลียน่าเสียใจนี่!!! เสียใจ? เรื่องอะไรกัน...นี่หมายความว่าเธอเล่าเรื่องให้คนอื่นฟังงั้นเหรอจูเลีย!! คราวนี้จูเลียน่าสะดุ้ง ก็...เอ่อ...อารมณ์มันพาไปน่ะ อารมณ์ส่วนไหนมานำไปฮะ!!! เขาว๊ากใส่เสียงดังลั่นทำเอา 2 สาวสะดุ้งเฮือก เธอถึงได้เล่าให้คนอื่นฟัง!!!
ก็...พอดีวันนั้นเฮอร์ไมโอนี่ไม่ค่อยสบายใจน่ะ ก็เลยปลอบใจด้วยการเล่าเรื่องของเราให้ฟังงั้นสิ ช่างเป็น ศ. ที่ทุ่มเทอะไรอย่างนี้ เขาประชด คงไม่มีใครเข้าใจลูกศิษย์ได้มากไปกว่าเธออีกแล้ว ศ.จูเลียน่า สเนป จูเลียน่าได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ จะโกรธเขาก็ไม่ได้ เพราะปกติแล้วเธอเป็นคนที่ไม่เคยบอกเล่าถึงความรู้สึกให้ใครฟัง แต่ทำไมไม่รู้วันนั้นเธอจึงได้เอ่ยเรื่องของเธอกับซิเรียสออกไปให้เด็กสาวฟัง สงสัยเป็นเพราะว่าในวันนั้นเฮอร์ไมโอนี่เองก็คงจะมีความรู้สึกที่ไม่ค่อยต่างจากเธอเท่าไหร่หรอกมั้ง
แล้วคุณออกมาอย่างนี้มีใครรู้หรือเปล่าคะ เฮอร์ไมโอนี่รีบตัดบทไปเรื่องอื่น รีมัสรู้ แต่ไม่รู้ว่าคนอื่นรู้กันหรือยัง ซิเรียสลุกขึ้น ชั้นกลับก่อนดีกว่า ตอนนี้ยังไม่เย็นมากคงยังไม่มาใครอยู่ที่บ้าน เฮอร์ไมโอนี่กับจูเลียน่าพยักหน้า ซิเรียสกลายร่างเป็นสุนัขสีดำตัวใหญ่ จูเลียน่ากดปุ่มเปิดกระจก ซิเรียสขยับจะเดินออกแต่เฮอร์ไมโอนี่รั้งไว้เสียก่อน อย่าบอกใครเรื่องวันนี้นะคะ เธอขอร้อง หนูไม่อยากให้แฮร์รี่กับรอนรู้ ซิเรียสมองเธออย่างพิจารณาแล้วพยักหน้ารับอย่างไม่เต็มใจนัก ขอบคุณค่ะ เมื่อซิเรียสจากไปแล้วจูเลียน่าก็เอ่ยชวน เราก็กลับกันบ้างดีกว่า จะได้เวลาอาหารเย็นแล้ว
****************************************
รีมัสเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาบนหัวเตียงแล้วถอนใจ มันเป็นเวลาเย็นแล้วแต่ซิเรียสก็ยังไม่กลับมา โชคดีที่ดูเหมือนว่าวันนี้สมาชิกภาคีคนอื่น ๆ ดูเหมือนจะยุ่งจนไม่มีเวลาแวะมาที่นี่ รีมัสก้มหน้าลงเพื่อนทำงานต่อ กึก...กึก...รีมัสเงยหน้าขึ้นอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงบางอย่างเบา ๆ กลับมาแล้วเหรอซิเรียส เงียบ...ไม่มีเสียงตอบ เขาวางปากกาในมือลงแล้วเดินออกมาจากห้อง ซิเรียส...นั่นนายหรือเปล่า? รีมัสร้องเรียกเบา ๆ แต่ก็ยังไม่มีเสียงตอบ เขาเกือบจะเดินกลับเข้าไปในห้องแล้วถ้าไม่ได้ยินเสียงพูดที่ดังขึ้นมาแผ่ว ๆ รีมัสขมวดคิ้ว เขาดึงไม้กายสิทธิ์ออกมาแล้วค่อย ๆ ย่องลงมาด้านล่าง แม้จะบอกตัวเองว่าที่นี่ปลอดภัยเพราะว่านอกจากคนในภาคีแล้วไม่น่าที่จะมีใครเข้ามาในนี้ได้ แต่สัญชาตญาณที่อยู่ในตัวบอกเขาว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล นอกจากเขาแล้วยังมีคนอื่น ๆ
เสียงพูดคุยยังมีและมันก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้ห้องนั่งเล่น รีมัสแอบอยู่ข้างประตูเมื่อมองเข้าไปด้านในก็ต้องขมวดคิ้ว แปลก...เสียงพูดคุยเงียบหายไปแล้ว ทั้งที่เขาได้ยินเสียงพูดของใครบางคนในห้องนี้แต่กลับไม่มีใครอยู่เลย รีมัสเดินเข้าไปหยุดอยู่หน้าเตาผิงแล้วมองไปรอบ ๆ ห้อง หรือว่าจะเป็นครีเชอร์ แต่ก็ไม่น่าจะใช่เพราะจากวีรกรรมครั้งล่าสุดดัมเบิ้ลดอร์ก็ส่งมันไปอยู่ที่ฮอกวอตส์นี่ รีมัสเก็บไม้กายสิทธิ์แล้วหันหลังจะกลับห้อง เสียงหัวเราะเบา ๆ ที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้รีมัสรีบหันกลับมาพร้อมกับดึงไม้กายสิทธิ์ออกมา
มือที่หยิบไม้กายสิทธิ์ชะงักเมื่อเห็นไม้กายสิทธิ์ที่ยื่นออกมาจากเงามืดตรงมุมห้อง รีมัสนึกแค้นใจในความประมาทของตนเองที่ไม่ตรวจดูให้ละเอียด เขามองปลายไม้ไล่เข้าไปในเงามืด ดวงตาเบิกกว้างอย่างตกใจและแปลกใจเมื่อเห็นเจ้าของไม้กายสิทธิ์ที่ก้าวออกมาจากเงามืดอย่างช้า ๆ เธอ... สวัสดีรีมัส...ไม่พบกันนานเลยนะ เธอ ทักเสียงหวานในขณะที่ดวงตาและริมฝีปากนั้นแย้มยิ้มอย่างเย็นชา ฝากความคิดถึงไปให้ซิเรียสด้วยละกันนะ...ครูซิโอ!!! อ๊ากกกกกก!!!!
Create Date : 22 พฤษภาคม 2549 |
Last Update : 23 พฤษภาคม 2549 12:04:13 น. |
|
0 comments
|
Counter : 440 Pageviews. |
 |
|
|
|
|
|
|