เรื่องประหลาดใจในวันเกิดวิแดนริก (มงกุฎจันทราตอนพิเศษ) Court&Crown Duel Mini-story
ความเดิมจากตอนที่แล้ว:
สืบด้วยงานแปลเก่าแก่ของจขบ. (ซึ่งลงไปเลหลังขายในกองสามเล่มร้อยแร้วว) มีตอนพิเศษที่เคยโพสท์ไว้ในเว็บของสนพ.
มาบัดนี้เว็บล่มไปแล้ว แต่ก็ได้รับอีเมลถามถึงจากนักอ่าน จึงนำมาลงไว้ในบล็อกตามคำเรียกขอ
คราวนี้เป็นเรื่องสั้นเล็กๆ เกิดขึ้นหลังตอนจบของเล่มสองค่ะ
เรื่องประหลาดใจในวันเกิดวิแดนริก
วิแดนริกกับข้ายืนเคียงข้างกันในท้องพระโรง ตาจับจ้องต้นไม้ฟลอวิกอันสูงใหญ่ เนื้อไม้สีทองอ่อนนั้นมีเส้นสายสีทองอำพันและเงินยวงพันตัวรอบแนวเปลือกไม้เรียบลื่น เหนือยอดหลังคาขึ้นไปไกล ใบไม้สีเขียวเหลือบเงินของเขาเปลี่ยนเป็นสีทองเพราะเข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้ว และอีกไม่นานใบไม้เหล่านั้นก็จะร่วงหล่นลงมา
ไม่ว่าเราจะเห็นว่าฟลอวิก เมรินดาร์เป็นคนเช่นไร เราก็ต้องยอมรับว่าเขาเป็นต้นไม้ที่งดงามมาก
"ไปกันเถอะ" ข้าเอ่ยขึ้น
วิแดนริกยิ้มให้ข้าอย่างฉงน "เจ้าคิดว่าเขาฟังเราอยู่จริงหรือ"
"โอ แน่นอน และแม้ข้าจะยินดีให้เขาฟังแนวทางบริหารบ้านเมืองที่ถูกที่ควรบ่อยๆ" ข้าชี้ไปยังเบาะนั่งที่วางอยู่หน้าจุดซึ่งเดิมเป็นฐานบัลลังก์ "แต่ข้าไม่อยากให้เขาได้ยินเรื่องอื่นใดทั้งนั้น"
วิแดนริกหัวเราะ ขณะที่เราเริ่มเดินออกไป เขาก็หันกลับไปมองด้านหลังอีกครั้งก่อนจะเอ่ยว่า "ข้าต้องยอมรับว่าการที่เขาได้ยินการตัดสินความทุกครั้ง ทำให้ข้าซื่อสัตย์ขึ้นมาก
อย่างกับว่าท่านไม่ได้เป็นอย่างนั้นอยู่แล้วงั้นล่ะ ข้าพึมพำ ริมฝีปากของวิแดนริกกระตุกเล็กน้อย ดวงตาสีเทายาวรีคู่นั้นมองข้าอย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนจะสอดมือเข้าไปใต้เรือนผมของข้าที่พลิ้วไปมาเพื่อดึงข้าเข้าไปในอ้อมกอดสัมผัสของเขายังทำให้ข้าสั่นวาบไปทั้งกาย มันยังแรงกล้าไม่ต่างจากจูบแรกของเรา ข้าคิดว่ามันคงจะทำให้ข้าตัวสั่นทุกครั้งไป
และข้าก็เฝ้ารอที่จะได้ลิ้มรสความรู้สึกนี้ไปชั่วชีวิต ข้าคิดอย่างมีความสุข แม้จะรู้สึกหวั่นใจไปพร้อมกัน เพราะนี่เป็นอีกครั้งที่ข้าริเริ่มทำบางสิ่งที่ดูจะเป็นความคิดสุดวิเศษเมื่อกลางดึกคืนหนึ่งในช่วงต้นฤดู แต่จากนั้นมาข้าก็เริ่มคลางแคลงใจ
วิแดนริกเดินทางบ่อยมาก ยิ่งในช่วงนี้ที่ฝนฤดูร้อนจางหายไปแล้ว ยังมีอะไรอีกมากในอาณาจักรเราที่เขาต้องไปดูแลด้วยตนเอง โดยเฉพาะแถบชายแดน
เราเดินไปตามโถงทางเดินและขึ้นไปยังห้องส่วนตัวของเราซึ่งปราศจากเหล่าข้ารับใช้ เราอยู่กันตามลำพังหลังประตูซึ่งทำจากไม้แกะสลักซึ่งจริงๆ ควรแทนที่จะเป็นม่านพรมตามปกติ ไม่มีใครแอบฟังเราได้
วิแดนริกหยุดยืนอยู่กลางห้องนั่งเล่นแล้ววางมือทั้งสองบนไหล่ข้า เอาล่ะ เขาว่า บอกข้ามา เจ้ามองข้าแปลกๆ แล้วก็ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดทั้งวันอีกเดี๋ยวข้าก็ต้องไปแล้ว แต่จะไม่ไปจนกว่าเจ้าจะบอกข้าว่าอะไรกวนใจเจ้าอยู่ เว้นเสียแต่เจ้าแค่อยากให้ข้าไปให้พ้นๆ สักสัปดาห์หนึ่งเพื่อจะได้ยกทัพไปบุกยึดดินแดนไหนสักแห่ง
Create Date : 24 เมษายน 2553 |
|
6 comments |
Last Update : 24 เมษายน 2553 15:41:37 น. |
Counter : 784 Pageviews. |
|
|
|
รางวัลที่ข้าได้รับคืออาการเลิกตาขึ้นอย่างกะทันหันจนเห็นประกายในนั้น และเสียงหัวเราะนุ่มๆ
จากนั้นข้าก็ถอนใจ อุตส่าห์คิดว่าแนบเนียนแล้วเชียว! ก็ได้ ข้าสูดลมหมายใจเข้าลึก ท่านก็รู้ว่าสัปดาห์หน้าจะถึงวันเกิดท่านแล้ว
ข้าพอจะจำเรื่องนั้นได้รางๆ เขาพึมพำ ดวงตายังหรี่ลงด้วยอาการหัวเราะ
ข้ากล่าวต่ออย่างกังวลข้าเตรียมเรื่องประหลาดใจไว้ แต่ไม่รู้ว่าควรจะบอกท่านก่อนหรือเปล่า ก่อนที่จะให้ท่านรู้ต่อหน้าทุกคนน่ะ ข้ารู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนผ่าว โอ๊ย! ข้าพูดได้แย่กว่าที่กลัวไว้เสียอีก
เขาโน้มตัวลงมาจูบข้า บอกเรื่องให้ประหลาดใจของเจ้าสัปดาห์หน้าเถอะ ข้าจะตั้งตารอ
ข้าถอนใจอีกครั้ง ถ้าท่านมั่นใจ
เขาถอยไปก้าวหนึ่ง รอยยิ้มฉงนนั้นยังคงค้างอยู่บนใบหน้า เจ้าไม่มั่นใจหรือ
ข้าโบกมือไปมาประหนึ่งว่าการทำเช่นนี้ถ่ายทอดความคิดได้ดีกว่าคำพูด ตอนนั้นมันดูเป็นความคิดที่ดี แต่ยิ่งข้าไตร่ตรองมากเท่าไหร่ คิดถึงเวลาที่จะต้องทุ่มเทให้ โอ ไม่รู้สิ มันอาจจะเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ก็ได้ นั่นคือสิ่งที่ข้ากลัว...
รอยยิ้มของเขายังคงอยู่ แต่ก็เพียงบนริมฝีปากเท่านั้น ไว้เราค่อยคุยเรื่องนี้กันสัปดาห์หน้าได้ไหม เขาถามด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลที่สุด กองทหารรอข้าอยู่เต็มลานหน้าวังแล้ว คงไม่เหมาะนักที่ข้าสั่งให้พวกเขามาตรงเวลาเมื่อระฆังผลัดเพลาดังแต่กลับชักช้าเสียเอง
ข้าอ้าปาก แต่ก็เปลี่ยนใจส่ายหน้า ใช่ ท่านพูดถูก ไปเถอะ ท่านต้องไปให้ถึงกรูมาเรธก่อนพลบค่ำ มิฉะนั้นมื้อค่ำที่เอเลเน็ตเตรียมไว้จะเสียเปล่า ท่านก็รู้ว่านางต้องจัดเตรียมอาหารอย่างดีไว้แน่ เหมือนที่เคยจัดตอนพักที่นี่
ตกลง เขาตอบ เจ้าจะฝากอะไรถึงนางไหม
เพียงความปรารถนาดีจากข้า ข้าตอบโดยอัตโนมัติด้วยบทสนทนาก่อนหน้านี้ยังคั่งค้างในใจ
แต่ไม่มีเวลาเรียบเรียงความคิดใหม่แล้วเพราะเขาจูบข้า หยิบเสื้อคลุมขี่ม้า แล้วจากไป รู้ตัวอีกที ข้าก็ยืนโบกมืออยู่ที่หน้าต่างชั้นบนขณะที่เขาขึ้นหลังม้าสีเทาหางยาวท่ามกลางกองเกียรติยศที่จัดแถวล้อมรอบเขา เกือกม้าที่ทำจากเหล็กกล้ากระทบกับกระเบื้องโมเสกเนื้อดีดังกุบกับ จากนั้นทั้งหมดก็ควบม้าผ่านประตูออกสู่ถนนจนลับตาไป