Literature is a luxury. Fiction is a necessity.
Group Blog
 
<<
เมษายน 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
24 เมษายน 2553
 
All Blogs
 

เรื่องประหลาดใจในวันเกิดวิแดนริก (มงกุฎจันทราตอนพิเศษ) Court&Crown Duel Mini-story

ความเดิมจากตอนที่แล้ว:

สืบด้วยงานแปลเก่าแก่ของจขบ. (ซึ่งลงไปเลหลังขายในกองสามเล่มร้อยแร้วว) มีตอนพิเศษที่เคยโพสท์ไว้ในเว็บของสนพ.

มาบัดนี้เว็บล่มไปแล้ว แต่ก็ได้รับอีเมลถามถึงจากนักอ่าน จึงนำมาลงไว้ในบล็อกตามคำเรียกขอ

คราวนี้เป็นเรื่องสั้นเล็กๆ เกิดขึ้นหลังตอนจบของเล่มสองค่ะ


เรื่องประหลาดใจในวันเกิดวิแดนริก

วิแดนริกกับข้ายืนเคียงข้างกันในท้องพระโรง ตาจับจ้องต้นไม้ฟลอวิกอันสูงใหญ่ เนื้อไม้สีทองอ่อนนั้นมีเส้นสายสีทองอำพันและเงินยวงพันตัวรอบแนวเปลือกไม้เรียบลื่น เหนือยอดหลังคาขึ้นไปไกล ใบไม้สีเขียวเหลือบเงินของเขาเปลี่ยนเป็นสีทองเพราะเข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้ว และอีกไม่นานใบไม้เหล่านั้นก็จะร่วงหล่นลงมา

ไม่ว่าเราจะเห็นว่าฟลอวิก เมรินดาร์เป็นคนเช่นไร เราก็ต้องยอมรับว่าเขาเป็นต้นไม้ที่งดงามมาก

"ไปกันเถอะ" ข้าเอ่ยขึ้น

วิแดนริกยิ้มให้ข้าอย่างฉงน "เจ้าคิดว่าเขาฟังเราอยู่จริงหรือ"

"โอ แน่นอน และแม้ข้าจะยินดีให้เขาฟังแนวทางบริหารบ้านเมืองที่ถูกที่ควรบ่อยๆ" ข้าชี้ไปยังเบาะนั่งที่วางอยู่หน้าจุดซึ่งเดิมเป็นฐานบัลลังก์ "แต่ข้าไม่อยากให้เขาได้ยินเรื่องอื่นใดทั้งนั้น"

วิแดนริกหัวเราะ ขณะที่เราเริ่มเดินออกไป เขาก็หันกลับไปมองด้านหลังอีกครั้งก่อนจะเอ่ยว่า "ข้าต้องยอมรับว่าการที่เขาได้ยินการตัดสินความทุกครั้ง ทำให้ข้าซื่อสัตย์ขึ้นมาก”

“อย่างกับว่าท่านไม่ได้เป็นอย่างนั้นอยู่แล้วงั้นล่ะ” ข้าพึมพำ ริมฝีปากของวิแดนริกกระตุกเล็กน้อย ดวงตาสีเทายาวรีคู่นั้นมองข้าอย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนจะสอดมือเข้าไปใต้เรือนผมของข้าที่พลิ้วไปมาเพื่อดึงข้าเข้าไปในอ้อมกอดสัมผัสของเขายังทำให้ข้าสั่นวาบไปทั้งกาย มันยังแรงกล้าไม่ต่างจากจูบแรกของเรา ข้าคิดว่ามันคงจะทำให้ข้าตัวสั่นทุกครั้งไป

และข้าก็เฝ้ารอที่จะได้ลิ้มรสความรู้สึกนี้ไปชั่วชีวิต ข้าคิดอย่างมีความสุข แม้จะรู้สึกหวั่นใจไปพร้อมกัน เพราะนี่เป็นอีกครั้งที่ข้าริเริ่มทำบางสิ่งที่ดูจะเป็นความคิดสุดวิเศษเมื่อกลางดึกคืนหนึ่งในช่วงต้นฤดู แต่จากนั้นมาข้าก็เริ่มคลางแคลงใจ

วิแดนริกเดินทางบ่อยมาก ยิ่งในช่วงนี้ที่ฝนฤดูร้อนจางหายไปแล้ว ยังมีอะไรอีกมากในอาณาจักรเราที่เขาต้องไปดูแลด้วยตนเอง โดยเฉพาะแถบชายแดน

เราเดินไปตามโถงทางเดินและขึ้นไปยังห้องส่วนตัวของเราซึ่งปราศจากเหล่าข้ารับใช้ เราอยู่กันตามลำพังหลังประตูซึ่งทำจากไม้แกะสลักซึ่งจริงๆ ควรแทนที่จะเป็นม่านพรมตามปกติ ไม่มีใครแอบฟังเราได้

วิแดนริกหยุดยืนอยู่กลางห้องนั่งเล่นแล้ววางมือทั้งสองบนไหล่ข้า “เอาล่ะ” เขาว่า “บอกข้ามา เจ้ามองข้าแปลกๆ แล้วก็ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดทั้งวันอีกเดี๋ยวข้าก็ต้องไปแล้ว แต่จะไม่ไปจนกว่าเจ้าจะบอกข้าว่าอะไรกวนใจเจ้าอยู่ เว้นเสียแต่เจ้าแค่อยากให้ข้าไปให้พ้นๆ สักสัปดาห์หนึ่งเพื่อจะได้ยกทัพไปบุกยึดดินแดนไหนสักแห่ง”




 

Create Date : 24 เมษายน 2553
6 comments
Last Update : 24 เมษายน 2553 15:41:37 น.
Counter : 784 Pageviews.

 

ครั้งหนึ่งมุกตลกของเขาคงจะทำให้ข้ารีบทักท้วงและปฏิเสธอย่างขุ่นเคือง แต่ตอนนี้ข้าชินกับอารมณ์ขันเฉพาะตัวของวิแดนริกกับซาโวน่าแล้วจึงตอบไปว่า “ท่านเดาออกได้ยังไง ข้าเตรียมดาบกับเกราะ ไว้อีกห้องเรียบร้อยแล้ว”

รางวัลที่ข้าได้รับคืออาการเลิกตาขึ้นอย่างกะทันหันจนเห็นประกายในนั้น และเสียงหัวเราะนุ่มๆ

จากนั้นข้าก็ถอนใจ “อุตส่าห์คิดว่าแนบเนียนแล้วเชียว! ก็ได้” ข้าสูดลมหมายใจเข้าลึก “ท่านก็รู้ว่าสัปดาห์หน้าจะถึงวันเกิดท่านแล้ว”

“ข้าพอจะจำเรื่องนั้นได้รางๆ” เขาพึมพำ ดวงตายังหรี่ลงด้วยอาการหัวเราะ

ข้ากล่าวต่ออย่างกังวล“ข้าเตรียมเรื่องประหลาดใจไว้ แต่ไม่รู้ว่าควรจะบอกท่านก่อนหรือเปล่า ก่อนที่จะให้ท่านรู้ต่อหน้าทุกคนน่ะ” ข้ารู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนผ่าว “โอ๊ย! ข้าพูดได้แย่กว่าที่กลัวไว้เสียอีก”

เขาโน้มตัวลงมาจูบข้า “บอกเรื่องให้ประหลาดใจของเจ้าสัปดาห์หน้าเถอะ ข้าจะตั้งตารอ”

ข้าถอนใจอีกครั้ง “ถ้าท่านมั่นใจ”

เขาถอยไปก้าวหนึ่ง รอยยิ้มฉงนนั้นยังคงค้างอยู่บนใบหน้า “เจ้าไม่มั่นใจหรือ”

ข้าโบกมือไปมาประหนึ่งว่าการทำเช่นนี้ถ่ายทอดความคิดได้ดีกว่าคำพูด “ตอนนั้นมันดูเป็นความคิดที่ดี แต่ยิ่งข้าไตร่ตรองมากเท่าไหร่ คิดถึงเวลาที่จะต้องทุ่มเทให้ โอ ไม่รู้สิ มันอาจจะเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ก็ได้ นั่นคือสิ่งที่ข้ากลัว...”

รอยยิ้มของเขายังคงอยู่ แต่ก็เพียงบนริมฝีปากเท่านั้น “ไว้เราค่อยคุยเรื่องนี้กันสัปดาห์หน้าได้ไหม” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลที่สุด “กองทหารรอข้าอยู่เต็มลานหน้าวังแล้ว คงไม่เหมาะนักที่ข้าสั่งให้พวกเขามาตรงเวลาเมื่อระฆังผลัดเพลาดังแต่กลับชักช้าเสียเอง”

ข้าอ้าปาก แต่ก็เปลี่ยนใจส่ายหน้า “ใช่ ท่านพูดถูก ไปเถอะ ท่านต้องไปให้ถึงกรูมาเรธก่อนพลบค่ำ มิฉะนั้นมื้อค่ำที่เอเลเน็ตเตรียมไว้จะเสียเปล่า ท่านก็รู้ว่านางต้องจัดเตรียมอาหารอย่างดีไว้แน่ เหมือนที่เคยจัดตอนพักที่นี่”

“ตกลง” เขาตอบ “เจ้าจะฝากอะไรถึงนางไหม”

“เพียงความปรารถนาดีจากข้า” ข้าตอบโดยอัตโนมัติด้วยบทสนทนาก่อนหน้านี้ยังคั่งค้างในใจ

แต่ไม่มีเวลาเรียบเรียงความคิดใหม่แล้วเพราะเขาจูบข้า หยิบเสื้อคลุมขี่ม้า แล้วจากไป รู้ตัวอีกที ข้าก็ยืนโบกมืออยู่ที่หน้าต่างชั้นบนขณะที่เขาขึ้นหลังม้าสีเทาหางยาวท่ามกลางกองเกียรติยศที่จัดแถวล้อมรอบเขา เกือกม้าที่ทำจากเหล็กกล้ากระทบกับกระเบื้องโมเสกเนื้อดีดังกุบกับ จากนั้นทั้งหมดก็ควบม้าผ่านประตูออกสู่ถนนจนลับตาไป

 

โดย: ทินา 24 เมษายน 2553 15:37:16 น.  

 

ข้าหันกลับมาด้วยความรู้สึกโดดเดี่ยว ไม่ใช่แค่เพราะห้องที่ว่างเปล่า แต่เพราะบางสิ่ง... บางสิ่ง...

ใช่แล้ว ต้องมีบางสิ่งผิดปกติแน่ วิแดนริกยังคงซ่อนความรู้สึกตัวเองได้ยามที่ต้องการ แม้ว่าข้าแทบจะไม่ได้เห็นหน้ากากอันแสนสุภาพนั้น และแม้ได้เห็นก็มักจะเป็นยามออกว่าราชการ

ทำไมข้าจึงมาเห็นมันในตอนนี้ ข้าเห็นมันครั้งแรกเมื่อใดกัน

ข้าพยายามคิดย้อนกลับไป ใช่ตอนที่ข้าเอ่ยถึงมื้อค่ำที่เอเลเน็ตเตรียมไว้รึเปล่า ไม่สิ ก่อนหน้านั้น แต่ตอนไหนกันล่ะ ข้าพูดอะไรออกไป ไม่ใช่ตอนแรกที่ข้าเอ่ยถึงเรื่องประหลาดใจ ต้องเป็นหลังจากนั้น

ข้ายังคงครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่เมื่อประตูห้องเปิดออกและนีอุ้มหลานสาวคนใหม่ของข้าเข้ามา

ข้ายิ้มอย่างอดไม่ได้เมื่อเห็นศีรษะน้อยๆ ที่มีผมสีเข้มนุ่มราวกลุ่มไหมปกคลุมบางๆ ข้าเอื้อมมือไปแตะเด็กน้อยด้วยนิ้วเพียงนิ้วเดียวด้วยกลัวว่าจะทำให้เธอตื่น “นอนไม่หลับอีกแล้วหรือ”

นีพยักหน้า “แบรนเข้าเวรดึก ข้าเลยมานี่ เราเดินชมวังมาสองรอบแล้ว ดีนะที่วังนี้กว้างมาก”

นีกับแบรนลงมาจัดงานวันฉลองนามลูกสาวที่นี่เพราะวิแดนริกกับข้าทิ้งอธานาเรลไปทลานธ์ไม่ได้ ข้ากล่อมให้พวกทั้งคู่อยู่ต่อรอร่วมงานวันเกิดของวิแดนริก และเรื่องประหลาดใจที่ข้าเตรียมไว้ให้เขา

นีมองข้าอย่างพินิจพิเคราะห์ “เจ้าสบายดีรึเปล่า”

“โอ นี ข้ากลัวว่าเรื่องประหลาดใจที่เตรียมไว้จะเป็นความผิดพลาด ข้ามาคิดๆ ดู บางทีการที่ข้าเรียนเวทมนตร์อาจเป็นประเด็นด้านการเมืองก็ได้ เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่เก่งเรื่องคาดการณ์เรื่องพรรค์นั้นล่วงหน้า ถ้าเกิดเขาไม่ชอบล่ะ”

นีหัวเราะโดยไม่ออกเสียงเพื่อไม่ให้ทารกน้อยตื่น “แต่เจ้าเพิ่งคาดการณ์ไปนี่! ไม่เอาน่า การที่เจ้าเรียนเวทมนตร์เล็กๆ น้อยๆ จะมีผลร้ายอะไรได้”

ข้าทิ้งตัวลงบนกองหมอนแล้วใช้มือเท้าคาง “ไม่รู้สิ” ข้าครวญ “แต่มีบางอย่างทำให้เขาไม่สบายใจแน่ๆ เรื่องนั้นข้ามั่นใจ”

“เขาพูดเช่นนั้นหรือ”

“เปล่า แต่เขาตีสีหน้าเรียบเฉยใส่ข้า ทีแรกข้าคิดว่าเป็นเพราะเขากำลังจะออกเดินทาง แต่มีอย่างอื่นแอบซ่อนอยู่ ก็ตอนที่ข้าเอ่ยถึงเรื่องประหลาดใจที่ว่า ซึ่งเขาไม่ประหลาดใจเลยแม้แต่น้อย คือข้าก็ไม่ได้บอกเขาไปหรอกว่าเป็นเรื่องเวทมนตร์ แต่เขารู้ สาบานได้เลย ข้าลืมหนังสือฝึกเวทไว้ให้เขาเห็นโดยบังเอิญรึเปล่า แล้วทำไมเขาถึงต้องตีสีหน้าเรียบเฉยด้วย การฝึกมนตราจะดึงดูดนักเวทผู้ชั่วร้ายมาหรืออย่างไร” ข้าครางอีกครั้ง “ตอนเริ่มเรียนข้าคิดว่ามันจะเป็นเรื่องที่วิเศษมาก แต่มาตอนนี้ข้าชักจะสงสัยว่าตัวเองทำพลาดครั้งใหญ่รึเปล่า แต่เขาไม่อยากบอกว่ามันเป็นเรื่องผิดพลาดเพราะกลัวว่าข้าจะเสียใจ ข้าบอกได้เลยนะว่านั่นทำให้ข้ารู้สึกแย่ยิ่งกว่า”

นียังคงหัวเราะอยู่ การที่นางหัวเราะเงียบๆจนตัวโยนทำให้ข้านึกถึงกาต้มน้ำที่กำลังเดือด เด็กน้อยในอ้อมแขนเริ่มขยับตัว นางจึงเริ่มเดินไปทางประตู “ข้าคงต้องพาลูกไปนอนแล้ว” นีกระซิบ “แต่ข้าว่าเจ้าคิดมากไปเอง อย่ากังวลเลย หมั่นฝึกซ้อมเถอะ งานแสดงดนตรีฉลองวันเกิดที่เจ้าจัดจะได้สมบูรณ์แบบ ข้าเชื่อมั่นใจเป็นที่สุดว่าเขาจะต้องประทับใจอย่างแน่นอน”

 

โดย: ทินา 24 เมษายน 2553 15:38:43 น.  

 

“เขาต้องปลื้มมากแน่” ซาโวน่าพูดในคืนนั้น

เราอยู่กันตามลำพังในห้องอาหารส่วนตัวของปีกพระที่นั่ง ซาโวน่าบอกว่าทามาร่ากลับชามาดิสไปดูแลการเก็บเกี่ยวตอนเชิญตัวเองมาทานมื้อค่ำกับข้า การพูดอย่างไม่ยี่หระของเขาบอกให้ข้ารู้ว่าทั้งคู่ทะเลาะกันอีกแล้ว แต่วิแดนริกบอกข้าว่าทั้งสองมีความสุขอย่างเหลือล้นยามง้อให้อีกฝ่ายคืนดี ข้าจึงทำเป็นไม่สังเกตเห็นอะไรผิดปกติ ข้าจะไม่เข้าไปยุ่มย่ามในชีวิตของพวกเขาเด็ดขาด ซาโวน่ากลายเป็นเหมือนพี่ชายข้าไปแล้วก็จริง แต่ก็เป็นพี่ชายที่เข้าใจยาก ส่วนทามาร่านั้น แม้นางจะจงรักภักดีกับเราอย่างมาก (อย่างไม่น่าเชื่อ) ก็ยังคงหงุดหงิดง่ายอย่างกับอะไรดี

เนื่องจากเราอยู่กันตามลำพัง ข้าจึงระบายความกลัวในใจให้เขาฟัง เขารู้จักวิแดนริกดีกว่าใคร และเขาก็ส่ายหน้าระหว่างที่ข้าพูด “ไม่มีทาง” เขาย้ำอยู่อย่างนั้น “ไม่มีทางที่เขาจะไม่เห็นดีเห็นงามกับการที่เจ้าตัดสินใจฝึกเวท เขาเองยังพูดอยู่บ่อยๆ ว่าอยากมีเวลาฝึกเสียเองแต่ก็ไม่เคยว่าง ข้าว่าเขาจะรับเรื่องประหลาดใจของเจ้าด้วยความยินดีเลยล่ะ”

“ขอบคุณท่านมาก” ข้าตอบไปแต่ในใจยังกังวลอยู่ ก็ท่านไม่ได้เห็นสีหน้าของเขาในตอนนั้นนี่

ข้าจึงใจชื้นขึ้นเพียงครึ่งเดียวเมื่อเข้านอนในคืนนั้น ข้าเปิดผ้าม่านออกกว้างเพื่อจะได้มองหมู่ดาวที่อยู่นอกหน้าต่าง วิแดนริกกำลังมองหมู่ดาวเหล่านั้นเหมือนข้าไหม หรือเขาจะยังยุ่งอยู่กับเอเลเน็ต

ข้าถอนใจ ข้าเป็นคนที่นางขอนำเรื่องปัญหาที่ยังค้างคาในกรูมาเรธซึ่งสืบเนื่องมายุคของกัลดราน เมรินดาร์ผู้ชั่วร้ายมาปรึกษา ไม่ใช่วิแดนริก และข้าก็เป็นคนที่เสนอให้เขาไปตรวจสอบด้วยตัวเองแทนที่จะส่งคนเดินสาส์นไป แถมยังแนะนำให้เขาพักที่นั่นสักสัปดาห์เพื่อจะได้แวะไปเยี่ยมตัวปัญหาทั้งหลายด้วยตนเอง

การที่นางมาหาข้าแทนที่จะเป็นวิแดนริกบอกให้ข้ารู้ว่านางยังตัดใจได้ไม่ขาดดี และข้าก็รู้ว่าการมีเขาอยู่ที่นั่นถึงหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ จะต้องทำให้นางลำบากใจ ซึ่งแปลได้ว่านางต้องการความช่วยเหลือจริงๆ

ข้าภาวนาในใจให้คนทั้งสองโชคดี และหลับไปอย่างไม่สบายใจนัก

(มีต่อจ้า)

 

โดย: ทินา 24 เมษายน 2553 15:40:29 น.  

 

 

โดย: thanitsita 24 เมษายน 2553 17:27:25 น.  

 

 

โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว 24 เมษายน 2553 18:08:29 น.  

 

 

โดย: Loveaddicted8 25 เมษายน 2553 15:56:03 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ทินา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




หลังไมค์เชิญทางนี้จ้า
Friends' blogs
[Add ทินา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.