Literature is a luxury. Fiction is a necessity.
Group Blog
 
<<
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
26 กันยายน 2553
 
All Blogs
 
เรื่องประหลาดใจในวันเกิดวิแดนริก (มงกุฎจันทราตอนพิเศษ) Court&Crown Duel Mini-story (2)

ลืมไปเลยว่าลงค้างไว้เป็นเดือนแล้ว แย่จริงๆ -_-" คราวนี้ลงจนจบเลยค่ะ
.
.
.

นั่นเป็นครั้งสุดท้ายในสัปดาห์ที่ข้าได้มีเวลาว่าง ข้ายังต้องจัดการรายละเอียดปลีกย่อยของงานเลี้ยงซึ่งจะน่าตื่นตาตื่นใจทีเดียว การละเล่นในงานนี้คือการแสดงดนตรีและข้าจะสร้างมายาประกอบเพลงไปด้วย ดังนั้นนอกเหนือจากการนั่งอยู่ตามลำพังบนเบาะหน้าต้นไม้เนื้อทองของฟลอวิกเพื่อรับฟังคำร้องทุกข์จากประชาชน เข้าร่วมการพิจารณาคำร้องหลังจากนั้น ดูแลเรื่องจิปาถะในวัง รวมถึงออกเยี่ยมและรับการเยี่ยมจากเหล่าทูตานุทูต ข้าก็จะฝึกร่ายคาถาทั้งตามลำพังและพร้อมกับเหล่านักดนตรีจนกระทั่งแทบจะพึมพำมันออกมาในยามหลับ

สัปดาห์นั้นผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับสายน้ำตกในฤดูใบไม้ผลิ และทันใดนั้นวิแดนริกก็ควบม้าฝ่าหมอกสีเทากลับมาในวันเกิดของเขา ข้ารอคอยเขาอย่างใจจดใจจ่อ ทว่าก็ไม่ได้มีแต่ข้าเพียงคนเดียว เพราะการเป็นกษัตริย์นั้นไม่เอื้อต่อความเป็นส่วนตัวเลย คนอื่นๆก็รอคอยเขาอยู่เช่นกัน ทั้งคนรับใช้และคนเดินสาส์นของผู้คนจำนวนมากอย่างไม่น่าเชื่อซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกองทัพพากันมายืนรออยู่ในลานหน้าพระราชวังขณะที่เขากับผู้ติดตามลงจากหลังม้า ข้าไม่สามารถตัดสินใจในเรื่องใดที่เกี่ยวข้องกับกองทัพหรือความไม่สงบที่ชายแดนได้ ประสบการณ์ในฐานะเคานท์เตสนักปฏิวัติของข้าทำได้เพียงสอนให้ข้าตระหนักถึงความซับซ้อนของานเช่นนี้

วิแดนริกเหลือบมองมาทางข้าเพียงแว่บเดียว ดวงตาอันอ่อนล้าของเขาเข้มขึ้นอย่างครุ่นคิด ข้ายิ้มตอบ และหวังว่าจะซ่อนความกังวลที่ทำให้หัวใจข้าเต้นแรงนั้นได้สักครั้งหนึ่ง

เราได้สบตากันเพียงแว่บเดียวแต่ข้าก็บอกได้ทันทีว่าสีหน้าของตัวเองเผยความในใจออกมาอีกแล้ว เพราะคิ้วของเขาขมวดเข้าก่อนจะเบือนหน้าหนีไป ให้ข้าเห็นเพียงแต่ผมสีทองยาวสยายซึ่งยุ่งด้วยแรงลมตัดกับผ้าคลุมสีดำขณะที่เขากับกลุ่มคนเดินสาส์นเข้าวังไป

และคนเดินสาส์นก็เดินเข้าออกห้องทำงานของเขาตลอดบ่าย เมื่อระฆังยามเย็นดังขึ้นข้าก็เลิกรอเวลาที่จะได้อยู่กับเขาตามลำพังและรีบวิ่งไปเปลี่ยนเสื้อ ข้าออกไปรับแขกที่ห้องรับรองตามลำพังและสำรวจความเรียบร้อยเป็นครั้งสุดท้าย พลางพึมพำคาถาไปตลอดทาง

วิแดนริกเกือบจะมาสาย ซาโวน่าเป็นคนพาตัวเขามาและกดไหล่เขาให้นั่งลงกับเบาะที่โต๊ะแขกพิเศษ เขาก้มลงกระซิบกับข้า “ข้าเกือบต้องท้าเขาดวลดาบเพื่อให้เขาทิ้งงานมา ทำให้ดีนะ”

และข้าก็ทำได้ดี หรืออย่างน้อยก็ดูว่าจะดี

อาหารรสชาติเยี่ยมไร้ที่ติ นักดนตรีเล่นเพลงได้ดียิ่งกว่าการซ้อมหนไหน และคาถามายาของข้าก็ทำให้แขกเหรื่อร้องด้วยความยินดี ข้าตระหนักว่าอารมณ์นั้นมีผลต่อมนตรายิ่งนัก ยิ่งอารมณ์ของผู้ใช้รุนแรงเท่าใด มนตราก็จะยิ่งแรงกล้าขึ้นเท่านั้น ดวงดาวโปรยปรายลงจากเพดาน สายรุ้งและเมฆหลากสีลอยอยู่กลางอากาศ ทิวทัศน์อันงดงามที่ถูกเลือกสรรมาจากแต่ละฤดูเข้าปกคลุมห้องทั้งห้องไว้
ข้าบอกได้ว่าบรรดาแขกเหรื่อชอบมันมาก แต่ข้าก็แทบไม่ได้ใส่ใจกับปฏิกริยาของพวกเขาเลย ใจของข้าจดจ่ออยู่แต่กับวิแดนริก



Create Date : 26 กันยายน 2553
Last Update : 26 กันยายน 2553 17:34:34 น. 7 comments
Counter : 806 Pageviews.

 
เขามองตาม พยักหน้าอย่างชื่นชม และปรบมือไปพร้อมกับทุกคน และในช่วงท้ายของงาน เมื่อเหล่าข้าราชสำนักและเชื้อพระวงศ์พากันชื่นชมทักษะด้านเวทมนตร์ของข้า (ใช่ว่าการสร้างภาพจะเป็นเรื่องยากอะไร แต่มันจะดูยากมากถ้าเราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเวทมนตร์เลย!) วิแดนริกก็พยักหน้าและยิ้ม แต่รอยยิ้มของเขาเป็นรอยยิ้มสุภาพ เป็นรอยยิ้มที่ใช้ในราชสำนัก และดวงตาเขาก็ดูเหนื่อยอ่อนเหลือเกิน

เราจะต้องทะเลาะกันไหม เขาไม่กล้าเอ่ยปากบอกข้าเรื่องตรากฎหมายโบราณหรืออันตรายที่สลับซับซ้อนบางประการที่ข้ามองข้ามไปหรือเปล่า

นีปรากฏตัวขึ้นข้างข้า “เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า” นางกระซิบพลางมองหน้าข้าอย่างเป็นห่วง

ข้าส่ายหน้า ลำคอของข้าตีบตันเกินกว่าจะกล้าเอ่ยคำใดออกมา

“แอบออกไปทางประตูคนรับใช้สิ” นางกระซิบ “ไม่มีใครสังเกตหรอก ยิ่งเมื่อวิแดนริกกลับมาแล้ว และถ้าเกิดมีใครทักขึ้นมาข้าจะบอกว่าเจ้าร่ายมนต์จนหมดแรง ไม่มีใครสงสัยเรื่องนั้นแน่” นางเสริมพร้อมรอยยิ้มกว้าง

ข้าบีบมือนางตอบแล้วก้าวไปด้านโน้นมี มุดหลบแขนคนด้านนี้ที จากนั้นก็เปิดประตู และเสียงพูดคุยกับเสียงแก้วเจียระไนกระทบกันก็หายไป เหลือเพียงความเงียบงันที่ห่มคลุมข้าไว้

ข้าวิ่งกลับห้องไปตามทางแคบๆ ที่ไม่ค่อยมีใครใช้

ข้ากลั้นน้ำตาเอาไว้จนได้อยู่ตามลำพัง แล้วจึงปล่อยโฮออกมาเต็มที่ น้ำตาร้อนผ่าวร่วงโดนลูกปัดที่ปักอยู่อย่างงดงามบนชุดราตรีตัวใหม่ของข้า ทว่าข้าก็ไม่สนใจ ข้าสูดน้ำมูกพลางขนตำราเวทมนตร์ที่ศึกษามาอย่างตั้งใจ ที่เฝ้ารอมาเนิ่นนาน ออกมาใส่หีบไม้ใบใหญ่ ทันทีที่เก็บเสร็จ ข้าจะเรียกคนรับใช้มาขนมันไปเผาเสีย วิแดนริกจะได้ไม่ต้องมาแจกแจงกับข้าให้ลำบากใจ

แต่ก่อนที่ข้าจะทันปิดฝาหีบ ประตูด้านหลังก็เปิดออก แล้วเขาก็เข้ามายืนอยู่ที่นั่น

“เจ้าทำอะไรน่ะ”

ข้าสะดุ้งเฮือกแล้วเงยหน้าขึ้นอย่างรู้สึกผิดโดยยังมีหนังสือเล่มสุดท้ายอยู่ในมือ ข้าเห็นเขายืนอยู่ที่กรอบประตูด้วยสีหน้าลำบากใจ

ข้าโยนหนังสือลงหีบ “ท่านไม่ต้องพะ พะ พูดอะไรหรอก”

ข้าคร่ำครวญพร้อมสะอื้นฮั่กๆ “ข้าคงไม่ทันได้คิด... คิดไม่ถึงรู้ว่าจะมีปัญหา... ท่านก็รู้ว่าข้าไม่เก่งเรื่องพวกนี้ ไม่คะ คะ เคยเลย...”

เพียงสองก้าวเขาก็เข้ามายืนอยู่ข้างข้า “เมล” เขากระซิบในเรือนผมข้า

“ข้าขอโทษ” ข้าพล่ามไม่หยุด “ข้ารู้ว่าทำให้ทุกอย่างยิ่งแย่... มันอดไม่ได้ข้าขอโทษที่หมู่นี้อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ...”

เขากอดข้าไว้ด้วยแขนข้างหนึ่งแล้วเอื้อมมืออีกข้างไปแตะหนังสือเล่มบนสุดในหีบ“เจ้าต้องเก็บตำราพวกนี้ไว้ในหีบไม้ด้วยหรือ” เขาถาม “บอกข้าหน่อยได้ไหมว่าทำไม เป็นกฎลึกลับของผู้ใช้เวทหรือ”

ข้าสะอึก “เปล่า...คือว่าข้าคิดว่าไม่มีหรอก แต่ข้าคิดว่าถ้าทำแบบนี้จะเผาได้ง่ายขึ้น คือข้าคิดว่าน่าจะรีบกำจัดมันเสียท่านจะได้ไม่ต้องลำบากใจ...”

ฝาหีบถูกปิดดังปังอย่างไม่แยแส

วิแดนริกจับไหล่ข้าด้วยมือทั้งสองแล้วค่อยๆ หมุนตัวข้ากลับมาหาเขา

“อะไรนะ” เขาถาม “เมล เจ้าตั้งใจจะทำอะไร”

“ก็กำจัดตำราข้าไงล่ะ ท่านไม่ต้องพูดอะไรหรอก ข้ารู้ว่าตัวเองไม่แนบเนียนนัก แต่ข้าอ่านสีหน้าท่านออก ท่านไม่พอใจ ข้าทำอะไรผิดพลาดไป แต่ข้าก็พยายามจะแก้ไข...”

“เมล”

ฟืด! ฮึกๆ! “...ข้าตั้งใจจะจัดการให้เสร็จก่อนท่านกลับมา ท่านจะได้ไม่ต้อง...”

“เมล”

“...พะ พะ พูดอะไรที่เราจะเสียใจ ที่ท่านไม่อยากพูด ที่ข้าไม่อยากฟัง ที่ทะ ทะ ทำให้เราระ ระ รู้สึกยะ ยะ แย่...”

“เมเลียร่า!”


โดย: ทินา วันที่: 26 กันยายน 2553 เวลา:17:32:17 น.  

 
“หือ” ข้าครางเสียงสูง

เขาถอนใจเสียงดัง ปล่อยมือจากข้า แล้วเดินตัดห้องก้าวยาวๆไปหยุดอยู่ยืนที่ริมหน้าต่าง เขาใช้มือของเขาไล้ไปมาตามบนแนวขอบหน้าต่างอย่างรวดเร็วจนเผยให้เห็น... สิ่งใดกัน ความกลัวใช่ไหม หรือว่าความประหม่า

ข้าจ้องเขานิ่ง ข้าไม่เคยเห็นด้านนี้ของเขามาก่อน

เขาหันกลับมามองข้า “บางทีเราน่าจะเริ่มกันใหม่ตั้งแต่ต้น” วิแดนริกสูดลมหายใจเข้าลึก “และข้าจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ข้าชอบมนต์ของเจ้ามาก” เขาว่า “ข้าชอบเรื่องประหลาดใจที่เจ้าเตรียมไว้มาก ข้าบอกไม่ถูกเลยว่าดีใจแค่ไหนที่เจ้าตัดสินใจฝึกเวทเพราะเจ้าก็รู้ดีว่าข้าเองอยากเรียนมากแต่ไม่มีเวลา และข้าก็ไม่คิดว่าตัวเองจะมีพรสวรรค์ด้านนั้นด้วย”

“หือม์” ข้าร้อง แต่อย่างน้อยน้ำตาก็หยุดแล้ว “แต่... ข้าไม่เข้าใจ”

“เจ้ามีพรสวรรค์” เขาว่าต่อ “ที่ได้รับมาจากแม่เจ้า แต่ข้าไม่อยากให้เจ้าศึกษาเรื่องพรรค์นี้เพราะ...” เขาหันกลับไป “โอ เพราะเหตุผลหลายอย่าง” เขาไม่ได้มองข้าแล้วแต่มองสายฝนนอกหน้าต่าง

ข้าเดินไปสัมผัสมือเขา “ข้าไม่เข้าใจเลย ตอนที่ข้าบอกว่ามีเรื่องให้ประหลาดใจ ก่อนที่ท่านจะไป ท่านดู... เอ่อ ข้าคิดว่าท่านรู้อยู่แล้วและก็ไม่ชอบความคิดนั้น แต่ไม่รู้จะบอกข้ายังไงเสียอีก”

“ข้าคิดว่าตัวเองรู้เรื่องอื่น” เขาพูดกับหน้าต่าง ไม่หันมาพูดกับข้า “และกลัวว่าเจ้าจะบอกข้าว่าเรื่องนั้นทำให้เจ้าเป็นทุกข์”

ข้าจ้องโครงหน้าของเขาที่สว่างขึ้นด้วยแสงตะเกียงตัดกับเงามืดที่หน้าต่าง ริ้วฝนบนกระจกหน้าต่างส่องประกายระยิบระยับพอๆกับเพชรที่ติ่งหูเขา ความคิดของข้ากระเจิดกระเจิงราวกับแสงที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วทิ้งไว้เพียงสมองอันว่างเปล่า

ข้าสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วก็อีกครั้ง เมื่อเขายังไม่พูดอะไร ภาพอันไม่น่าเป็นไปได้มากมายต่างก็มารวมตัวกันเป็นภาพเล็กๆ ภาพเดียว เป็นข้อสรุปที่ข้าไม่เคยมีโอกาสคำนึงถึงมาก่อน

แต่ข้าก็รู้ให้แน่

“สรุปแล้วไม่มีเหตุผลซ่อนเร้นทางการเมืองอะไรที่ห้ามไม่ให้ข้าศึกษาเวทมนตร์งั้นหรือ หมายถึงเวทมนตร์แท้ๆ น่ะ ไม่ใช่พวกคาถามายาที่มีไว้เพื่อความบันเทิง”

เขาหันกลับมา และดูเหมือนจะคิดว่าตัวเขาเองก็ต้องระวังคำพูดเช่นเดียวกับข้า “เท่าที่ข้ารู้ ไม่มีเหตุผลอะไรที่เจ้าไม่ควรจะเป็นนักเวท”

ข้าถอนใจยาวอย่างโล่งอก ปล่อยให้ความรู้สึกนั้นแผ่ซ่านไปทั่วร่าง “อย่างนั้นก็ดีแล้ว” ข้าโล่งใจจนหัวหมุน
หัวหมุนพร้อมประหม่าและเขินขึ้นมาในทันที อันเป็นอารมณ์ที่ข้าคุ้นเคยดี

ข้าทำเป็นหันไปหยิบหนังสือออกจากหีบเพื่อซ่อนอารมณ์เหล่านั้น

แต่วิแดนริกรู้จักด้านนั้นของข้าดีเกินไป เพียงก้าวเดียวเขาก็มายืนอยู่ข้างๆ ทำให้ข้าต้องเงยหน้าขึ้นมอง “ข้าคิดว่าเรื่องให้ประหลาดใจของเจ้าจะเป็นเรื่องอื่นที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง” เขาลองเชิง

และใบหน้าของข้าก็ร้อนผ่าว ข้ารู้ว่ามันแดงมาก อาจจะแดงเลือดหมูทีเดียว

“ก็” ข้าว่า “เอ่อ มันก็มี แต่ข้าตั้งใจจะให้ท่านเป็นของขวัญส่วนตัว ตอนเราอยู่กันตามลำพัง คือคงไม่เป็นไรถ้าคนในราชสำนักจะรู้ แต่ข้าไม่กล้า... ข้าไม่กล้ายืนขึ้นต่อหน้าคนพวกนั้นแล้วโพล่งออกมา ว่าเรากำลังจะมีเจ้าหญิงหรือเจ้าชายตัวน้อยๆ ในฤดูใบไม้ผลินี้!”

เขาร้องออกมาด้วยความยินดีแล้วอุ้มข้าขึ้น ก่อนจะรีบวางข้าลงโดยเร็วเสียจนศีรษะข้าโคลงไปมา

“เมื่อกี้ข้าทำอะไรผิดรึเปล่า” เขาถาม มองหน้าข้าอย่างกังวล

ข้าหัวเราะ “ไม่เลย! ข้าไม่ได้จู่ๆ กลายเป็นแก้วไปซะหน่อย! โอ วิแดนริก ข้ามีความสุขเหลือเกิน แทบจะเก็บความลับไม่อยู่ แต่ข้าต้องแน่ใจก่อน หมอยาบอกให้รอ ข้าก็เลยรอ แล้วก็คิดว่าน่าจะรออีกหน่อยจนถึงวันเกิดท่านนี่หมายความว่าท่านเดาออกหรือ”

เขายิ้มอย่างเด็กซุกซน “ข้าเริ่มสงสัยตอนที่นีกับแบรนพาหลานคนใหม่ของเจ้ามาหา แต่แทนที่เจ้าจะมองหลานอย่างโหยหาเหมือนแต่ก่อนตอนมองเด็กเล็กๆ เจ้ากลับคอยจับและอุ้มแกอย่างกับว่ากำลัง เอ่อ ฝึกอยู่”

“ใช่แล้ว! ข้าฝึกทั้งเวทมนตร์ทั้งการเลี้ยงเด็ก แต่เดี๋ยว! แล้ว... เมื่อวันก่อน... ท่านคิดว่าข้าไม่สบายใจเรื่องนี้หรือ” ข้าแตะหน้าท้องที่ยังแบนราบของตัวเอง

เขาคว้ามือข้าไป “เรามาสัญญากันเถอะว่าจะไม่พยายามอ่านใจอีกฝ่ายอีกโดยไม่ถามกันว่าตัวเองคิดถูกหรือไม่ในทันที ห้ามถนอมน้ำใจอีกฝ่ายอีก ข้าว่าข้าคงจะทนอยู่อย่างนี้ไปอีกสัปดาห์ไม่ได้ เฝ้าคิดว่าเจ้าเสียใจ... เป็นทุกข์...”

“ไม่มีวันซะหรอก ไม่มีวัน” ข้าพูดขณะที่ซบอยู่กับอกของเขา “ข้าเกือบจะเผาตำราตัวเองเสียแล้ว ตั้งหลายเดือนกว่าจะรวบรวมมาได้...”

“มันปลอดภัยแล้ว” เขาว่า “และเจ้าก็ไม่ได้ทำจากแก้ว” เขาอุ้มข้าขึ้น

ข้าหัวเราะ “และข้าก็ไม่ได้ทำจากแก้ว”

เขาอุ้มข้าเขาไปในห้องนอนเราและเตะประตูปิดปัง


โดย: ทินา วันที่: 26 กันยายน 2553 เวลา:17:35:54 น.  

 
ขอบคุณค่ะ
เพิ่งหยิบมงกุฎจันทรามาอ่านอีกรอบ อยากอ่านตอนพิเศษที่เคยโพสต์ในบอร์ดบลูเบลล์มาก ค้นเจอที่นี่ดีใจมาก
ถ้าไม่รบกวนขอภาคลูกด้วยนะคะ อยากอ่านค่ะ
ขอบคุณอีกครั้งค่ะ


โดย: สาวน้อยเกวลิน วันที่: 26 พฤศจิกายน 2553 เวลา:21:21:14 น.  

 
ไม่ว่าจะอ่านเรื่องนี้อีกสักกี่รอบ อยากบอกว่ายังไงก็สนุก


โดย: ต้นอ้อ IP: 110.49.193.93 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:16:45:50 น.  

 
ชอบมากค่ะหาซื้อมาอ่านนานแล้ว และอยากอ่านตอนต่อไป แต่ไม่มีขาย ขอบคุณที่ลงให้อ่านค่ะ


โดย: หน่อย IP: 124.120.29.79 วันที่: 5 เมษายน 2554 เวลา:12:57:10 น.  

 
ลมตะวันมีเพจ fb แล้วนะคะ เสิร์ชหาด้วยคำว่า "ลมตะวัน" ได้เลย หวังว่าจะได้ต้อนรับที่โน่นนะคะ ^^


โดย: ทินา IP: 58.8.216.22 วันที่: 18 ตุลาคม 2554 เวลา:22:06:44 น.  

 
หาอ่านยากมาก ขอบคุณค่ะ ชอบเรื่องนี้มาก ๆ เป็นนิยายประจำตัวที่ถือว่าเป็นสมบัติที่มีค่ามาก ๆค่ะ


โดย: หน่อย IP: 115.87.127.192 วันที่: 14 พฤษภาคม 2555 เวลา:20:07:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทินา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




หลังไมค์เชิญทางนี้จ้า
Friends' blogs
[Add ทินา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.