Bloggang.com : weblog for you and your gang
Literature is a luxury. Fiction is a necessity.
Group Blog
คุย คุย และคุย
เที่ยว เที่ยว และเที่ยว
แปล แปล และแปล
อ่าน อ่าน และอ่าน
อ่าน อ่าน และอ่าน (ภาคการ์ตูน)
ห้องสมุดส่วนตัว
When in leeds...
คุย คุย และคุย 2553
อ่านแล้วก็อ่านอีก
คุย คุย และคุย 2554
<<
มิถุนายน 2551
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
25 มิถุนายน 2551
(ทดลองอ่าน) A Great and Terrible Beauty : Gemma Doyle บทที่ 1
All Blogs
ความงาม (มงกุฎจันทราตอนพิเศษ) Beauty: A Crown and Court Duel Short Story (จบ)
ความงาม (มงกุฎจันทราตอนพิเศษ) Beauty: A Crown and Court Duel Short Story (2)
ความงาม (มงกุฎจันทราตอนพิเศษ) Beauty: A Crown and Court Duel Short Story
เรื่องประหลาดใจในวันเกิดวิแดนริก (มงกุฎจันทราตอนพิเศษ) Court&Crown Duel Mini-story (2)
เรื่องประหลาดใจในวันเกิดวิแดนริก (มงกุฎจันทราตอนพิเศษ) Court&Crown Duel Mini-story
แหวนปริศนา (มงกุฎจันทราตอนพิเศษ) Court&Crown Duel One shot
บางฉากบางตอนจาก A Conspiracy of Kings (เรื่องชุดยูเจนิดิส)
(ทดลองอ่าน) A Great and Terrible Beauty : Gemma Doyle บทที่ 1
Elephant : Slawomir Mrozek
Street sweeping show - Feng ji shai
Like one of the family - Alice Childress
Witch hunt by Vivian Vande Velde
(ทดลองอ่าน) A Great and Terrible Beauty : Gemma Doyle บทที่ 1
เอาบทแรกที่เคยแปลไว้มาให้อ่านกันเล่นๆประกอบรีวิว
เนื่องจากบทแรกนี้เป็น excerpt ที่หาได้ทั่วไปในเน็ท
หวังว่าคงจะไม่มีปัญหาลิขสิทธิ์นะ - _-"
บทที่ 1
21 มิถุนายน 1895
บอมเบย์, อินเดีย
ช่วยบอกทีเถอะค่ะว่าเจ้านั่นจะไม่ขึ้นโต๊ะอาหารมื้อค่ำวันเกิดหนูเย็นนี้
ฉันจ้องหน้าอยู่กับงูเห่าซึ่งขู่ฟ่อดไม่หยุด ลิ้นที่เป็นสีชมพูจนไม่น่าเชื่อปราดเข้าออกริมฝีปากอันโหดร้ายขณะที่ชายชาวอินเดียผู้มีดวงตาสีฟ้าขุ่นอย่างคนตาบอดเอียงคอเข้าหาแม่แล้วพร่ำพรรณนาเป็นภาษาฮินดีว่างูเห่านั้นอร่อยเพียงใด
แม่ยื่นนิ้วที่สวมถุงมือขาวไปไล้ต้นคองูตัวนั้น ว่าไงจ๊ะ เจมม่า ตอนนี้หนูก็อายุสิบหกแล้ว พอจะทานงูเห่าได้หรือยัง
เจ้าสัตว์เลื้อยคลานนั่นทำให้ฉันขนลุก ไม่ดีกว่าค่ะ ขอบคุณ
ชายชราตาบอดชาวอินเดียยิ้มจนเห็นเหงือกแล้วยื่นงูเห่าเข้าใกล้เราอีกทำให้ฉันถอยไปชนชั้นไม้ซึ่งเต็มไปด้วยรูปปั้นเทพเจ้าของชาวอินเดียองค์น้อย รูปปั้นรูปหนึ่งซึ่งแสดงถึงผู้หญิงที่มีแขนมากมายและใบหน้าถมึงทึงหล่นลงพื้น นางคือพระแม่กาลีผู้ทำลายล้าง หลังๆนี้แม่ชอบหาว่าฉันรับนางเป็นนักบุญประจำตัวไปเสียแล้ว ช่วงนี้เราไม่ค่อยถูกกันนัก แม่หาว่าเป็นเพราะฉันเข้าสู่วัยที่เกินทน ขณะที่ฉันป่าวประกาศให้ทุกคนที่ยอมฟังรับรู้ว่าเป็นเพราะแม่ไม่ยอมพาฉันไปลอนดอนต่างหาก
หนูได้ยินว่าที่ลอนดอน คนเขาไม่ต้องถอดเขี้ยวอาหารก่อนกิน ฉันว่า เราเดินผ่านชายขายงูเห่าเข้าไปยังกลุ่มคนที่คลาคล่ำอยู่ทั่วทุกตารางนิ้วของตลาดนัดอันพลุกพล่านแห่งบอมเบย์ แม่ไม่ตอบอะไรเพียงแต่โบกมือให้นักเล่นหีบเพลงหมุนกับลิงของเขา อากาศวันนี้ร้อนเหลือทน เหงื่อชุ่มโชกทั่วผิวหนังใต้ชุดผ้าฝ้ายและซับในไปหมด กองทัพแมลงวันซึ่งดูจะรักชอบฉันเป็นนักหนาบินฉวัดเฉวียนอยู่ตรงหน้าไม่หยุดหย่อน ฉันฟาดมือไปยังปีศาจติดปีกตัวหนึ่ง ทว่ามันก็หลบพ้น และฉันเกือบจะสาบานได้ว่าได้ยินเสียงมันเยาะหยันกลับมา ความหดหู่ของฉันยิ่งทับถมขึ้นเป็นทวีคูณ
เมฆหนาดำทะมึนเบื้องบนเตือนว่าถึงฤดูมรสุมแล้ว ฤดูที่ฝนอาจเทลงมาจากฟากฟ้าได้ทุกเมื่อ ทั่วทั้งตลาดฝุ่นคละคลุ้งนั้น ชายโพกหัวเจรจา ส่งเสียง และเสนอส่วนลด ยกผ้าไหมหลากสีให้เราดูด้วยมือสีน้ำตาลกรำแดด เกวียนบรรทุกตะกร้าหวานกระจายอยู่ทุกหนแห่ง เสนอขายทั้งของกินของใช้ ตั้งแต่แจกันทองแดงเพรียวบาง กล่องไม้แกะสลักเป็นลายดอกไม้ละเอียดยิบ จนถึงมะม่วงที่สุกงอมด้วยความร้อน
อีกไกลไหมคะกว่าจะถึงบ้านใหม่ของมิสซิสทัลบอท เรานั่งรถลากกันไม่ได้หรือคะ ฉันถามด้วยน้ำเสียงที่ตั้งใจให้แสดงความรำคาญเต็มที่
วันนี้อากาศดีน่าเดินออก และถ้าลูกช่วยพูดจาให้ดีๆหน่อย แม่จะขอบใจมากนะจ๊ะ
แม่รับรู้ถึงความรำคาญในน้ำเสียงของฉันได้
สริตา หญิงรับใช้ที่ทนทุกข์อยู่กับเรามานานส่งผลทับทิมให้ด้วยมืออันเหี่ยวย่น นายหญิง ผลไม้พวกนี้ดีมาก เรานำกลับไปฝากนายผู้ชายดีไหม
ถ้าฉันเป็นลูกสาวที่ดีก็คงซื้อมันกลับไปฝากพ่อ เฝ้าดูดวงตาสีฟ้าของท่านเป็นประกายสดใสยามหั่นผลไม้สีแดงชุ่มฉ่ำนั้น แล้วใช้ช้อนเงินตักเมล็ดน้อยๆด้านในทานอย่างสุภาพบุรุษชาวอังกฤษทุกกระเบียดนิ้ว
เดี๋ยวพ่อก็ทำสูทสีขาวเปื้อนอีกหรอก ฉันบ่นพึม แม่ทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างก่อนจะคิดได้แล้วเปลี่ยนเป็นถอนใจอย่างเดิม เราเคยไปทุกที่ด้วยกัน ฉันกับแม่ ทั้งไปเที่ยววิหารโบราณ สำรวจประเพณีท้องถิ่น เข้าชมเทศกาลของพวกฮินดู และตื่นอยู่จนดึกเพื่อเฝ้าดูท้องถนนที่สว่างไสวด้วยแสงเทียน แต่เดี๋ยวนี้แม่แทบไม่พาฉันออกไปไหนเลย ราวกับฉันเป็นคนโรคเรื้อนที่ไร้นิคมอยู่
พ่อต้องทำเสื้อเลอะแน่ พ่อทำอย่างนั้นทุกทีเลย ฉันพึมพำเป็นการแก้ตัวแต่ดูจะไม่มีใครสนใจเลยเว้นแต่นักเล่นหีบเพลงมือกับลิงของเขา คอปกสูงประดับลูกไม้ของฉันชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อ ฉันโหยหาความเย็นและสีเขียวสดชื่นของอังกฤษซึ่งได้แต่อ่านเจอในจดหมายที่คุณย่าส่งมาเหลือเกิน
จดหมายเหล่านั้นเต็มไปด้วยเรื่องซุบซิบเกี่ยวกับงานเต้นรำในยามน้ำชาและงานราตรี ว่าใครทำให้ใครเสื่อมเสียที่อีกซีกโลก ขณะที่ฉันต้องติดเกาะอยู่ในประเทศอินเดียที่ฝุ่นคลุ้งและแสนจะน่าเบื่อ นั่งดูลิงของนักเล่นหีบเพลงมือโยนผลอินผลัมสลับไปมา อันเป็นกลเดียวกับที่มันเล่นเมื่อปีก่อน
Create Date : 25 มิถุนายน 2551
Last Update : 25 มิถุนายน 2551 18:14:38 น.
6 comments
Counter : 599 Pageviews.
Share
Tweet
ดูลิงนั่นสิคะ เมมซาอิบ น่ารักจริงๆ! สริตาพูดเหมือนกับฉันยังเป็นเด็กสามขวบที่เกาะชายส่าหรีนางอยู่เลย ดูเหมือนจะไม่มีใครเข้าใจว่าฉันอายุสิบหกปีเต็มแล้ว และอยากจะ ไม่สิ ต้องการจะไปอยู่ที่ลอนดอน ที่ซึ่งฉันจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ใกล้พิพิธภัณฑ์ งานราตรี และชายที่อายุมากกว่าหกขวบแต่น้อยกว่าหกสิบ
สริตา เจ้าลิงนั่นเป็นหัวขโมยมืออาชีพที่เดี๋ยวก็จะเข้ามาขอเงินเดือนเธอแล้ว ฉันถอนใจ และเจ้าสัตว์หน้าขนนั่นก็ไต่มาเกาะอยู่บนไหล่ฉันพร้อมยื่นมือแบออกราวกับรู้จังหวะดี อยากลงหม้อสตูว์วันเกิดไหมล่ะ ฉันกัดฟันพูดไป เจ้าลิงคำรามฟ่อด แม่ขมวดคิ้วที่ฉันทำตัวไร้มารยาทแล้วโยนเหรียณลงในกระป๋องของเจ้าของเหรียญหนึ่ง เจ้าลิงยิ้มอย่างผู้ชนะก่อนจะกระโดดข้ามศีรษะฉันหนีไป
พ่อค้านายหนึ่งยื่นหน้ากากแกะสลักที่มีเขี้ยวแหลมและหูช้างออกมา แม่รับมันมาใส่โดยไม่พูดอะไร ไหนดูซิแม่อยู่ไหน แม่ว่า มันเป็นเกมที่เราเล่นกันตั้งแต่ฉันเดินได้ เกมซ่อนหาเพื่อทำให้ฉันยิ้มออก เกมอย่างเด็กๆ
ก็เห็นแต่แม่นั่นแหละ ฉันพูดอย่างเหนื่อยหน่าย ฟันก็เหมือนเดิม หูก็เหมือนเดิม
แม่ส่งหน้ากากคืนพ่อค้า ฉันสะกิดเอาความทะนงอันเป็นจุดอ่อนของท่านพอดี
และแม่ก็เห็นว่าอายุสิบหกดูจะไม่เหมาะกับลูกสาวคนนี้เอาเสียเลย แม่ว่า
ใช่ค่ะ หนูอายุสิบหกแล้ว สิบหก อายุที่เด็กผู้หญิงดีๆส่วนใหญ่ถูกส่งกลับไปเรียนที่ลอนดอนกันหมดแล้วฉันย้ำคำว่า ดีๆ เป็นพิเศษ ด้วยหวังว่าจะช่วยกระตุ้นเตือนความรู้สึกผิดและตระหนักถึงหน้าที่แม่ที่เหมาะสมได้
ลูกนี้ดูจะเขียวไปหน่อยนะ ฉันว่า แม่จ้องมะม่วงไม่วางตา การเลือกผลไม้ของท่านนั้นจริงจังเสมอ
ไม่เห็นมีใครขังทอมไว้ที่บอมเบย์เลย ฉันตัดสินใจอ้างพี่ชายเป็นทางออกสุดท้าย พี่ไปอยู่ลอนดอนตั้งสี่ปีเต็ม!
แถมตอนนี้ก็จะเข้ามหาวิทยาลัยแล้วด้วย
ผู้ชายไม่เหมือนกันนี่จ๊ะ
ไม่ยุติธรรมเลย หนูจะไม่ได้ออกงานสังคม แล้วก็ต้องกลายเป็นยายแก่ขึ้นคานเลี้ยงแมวร้อยตัวที่เอาแต่ดื่มนมจากชามกระเบื้องเคลือบ ฉันเริ่มโวยวายแล้ว แม้จะไม่น่าดู แต่ฉันก็ไม่อาจห้ามตัวเองได้
เข้าใจแล้ว แม่เอ่ยขึ้นในที่สุด ลูกอยากจะถูกจูงไปตามห้องจัดเลี้ยงในสังคมลอนดอนราวกับม้าพันธุ์ดีให้คนประเมินว่าจะเป็นแม่พันธุ์ที่ดีได้ไหมงั้นรึ ลูกจะยังคิดว่าลอนดอนน่าหลงใหลนักอยู่หรือเปล่าเมื่อตกเป็นเป้าของคำนินทาโทษฐานที่ละเมิดกฎไปเพียงนิดเดียว ลอนดอนไม่ได้สวยงามอย่างที่จดหมายของคุณย่าลูกว่าไว้หรอกนะ
หนูจะรู้ได้ยังไงล่ะ ก็ไม่เคยเห็นมันนี่
เจมม่า... แม่ขึ้นเสียงเป็นเชิงปรามแม้ปากจะยังคงยิ้มให้เหล่าคนอินเดียเช่นเคย ต้องไม่ปล่อยให้พวกนั้นคิดว่าสุภาพสตรีชาวอังกฤษอย่างเราใจคอคับแคบเสียจนมาทะเลาะกันอยู่บนถนน เราคุยกันแต่เรื่องดินฟ้าอากาศเท่านั้น และหากอากาศไม่ดี เราก็แกล้งทำเป็นไม่สังเกตเห็นเสีย
โดย:
ทินา
วันที่: 25 มิถุนายน 2551 เวลา:18:07:02 น.
สริตาหัวเราะอย่างหวั่นๆ ไม่น่าเชื่อเลยว่าเมมซาอิบจะโตขึ้นเป็นสาวน้อยแล้ว เหมือนว่าเมื่อวานนี้คุณหนูยังอยู่ในเปลอยู่เลย ดูสิ อินทผลัม! ของโปรดของคุณหนู นางยิ้มกว้างจนเห็นฟันที่หลุดร่วงไปและรอยยับย่นทุกรอยบนใบหน้านั้น อากาศร้อนเหลือเกิน ทำให้ฉันเกิดอยากจะกรีดร้องแล้ววิ่งหนีไปจากทุกสิ่งและทุกคนที่เคยรู้จัก
อินทผลัมพวกนั้นต้องเน่าในแน่ๆ เหมือนอินเดียไงล่ะ
เจมม่า พอได้แล้ว ดวงตาสีเขียวสดของแม่จ้องมาที่ฉัน ใครๆก็ว่าดวงตาคู่นั้นทั้งหยั่งลึกและชาญฉลาด ฉันเองก็มีตาโตสองชั้นสีเขียวสดใสเหมือนอย่างท่าน พวกอินเดียว่าดวงตาเช่นเราทำให้พวกเขาอึดอัดและหวาดหวั่นราวกับถูกภูตผีเฝ้ามองอยู่ สริตาก้มลงยิ้ม สองมือสาละวนวุ่นอยู่กับการจัดส่าหรีสีน้ำตาลเข้าที่ ฉันรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ดูถูกบ้านของหล่อน บ้านของเรา แม้หมู่นี้ฉันจะไม่รู้สึกว่ามันเป็นบ้านแล้วก็ตาม
คุณหนูไม่อยากไปลอนดอนหรอกค่ะ มันทั้งมืด ทั้งหนาว แล้วก็ไม่มีเนยกีให้ทาขนมปังด้วย คุณหนูต้องไม่ชอบแน่
รถไฟลั่นหวูดเข้าสถานีใกล้อ่าวซึ่งทอประกายระยิบระยับ บอมเบย์ มันแปลว่าอ่าวที่ดีแต่ตอนนี้ฉันคิดเรื่องดีๆเกี่ยวกับมันไม่ออกเลย ควันกลุ่มหนาลอยขึ้นจากรถไฟจนสัมผัสเมฆดำทะมึน แม่มองมันลอยขึ้นฟ้าไป
ใช่ ทั้งหนาวทั้งมืด แม่เอื้อมมือขึ้นแตะลำคอ ไล้นิ้วไปตามสร้อยคอที่สวมอยู่ ซึ่งเป็นเหรียญเงินอันน้อยสลักลายเนตรแห่งการหยั่งรู้เหนือรูปพระจันทร์เสี้ยว แม่ว่ามันเป็นของขวัญจากชาวบ้าน เป็นเครื่องรางนำโชค ฉันไม่เคยเห็นแม่ถอดมันออกเลย
สริตาแตะแขนแม่ไว้ ได้เวลากลับแล้วเจ้าค่ะ
แม่ถอนสายตาจากรถไฟขบวนนั้น และปล่อยมือจากสายสร้อย จ้ะ ไปกันเถอะ เราต้องสนุกกันแน่ที่บ้านมิสซิส ทัลบอท แม่มั่นใจว่าเธอต้องอบเค้กพิเศษสำหรับวันเกิดลูกไว้แล้ว...
ชายผู้หนึ่งซึ่งโพกศีรษะด้วยผ้าขาวและสวมเสื้อคลุมสำหรับเดินทางตัวหนาสีดำถลามาจากด้านหลังแล้วชนกับแม่โดยแรง
ต้องขอโทษนับพันครั้งขอรับ คุณผู้หญิง เขายิ้มแล้วโค้งต่ำเพื่อขออภัยที่เสียมารยาท เผยให้เห็นชายหนุ่มที่สวมเสื้อคลุมประหลาดเช่นเดียวกันทางด้านหลัง และเราสองคนก็ประสานสายตากันอยู่ครู่หนึ่ง เขาอายุมากกว่าฉันเล็กน้อย น่าจะประมาณสิบเจ็ด มีผิวสีน้ำตาล ริมฝีปากอวบอิ่ม และขนตาที่งอนยาวที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา ฉันรู้ว่าไม่ควรนึกสนใจหนุ่มอินเดีย แต่ก็ไม่มีโอกาสได้เห็นชายหนุ่มมากนัก ทำให้อดหน้าแดงขึ้นมาไม่ได้ เขาเป็นฝ่ายถอนสายตาออกไปหันมองผู้คน
แกควรจะระวังให้มากกว่านี้ สริตาตะคอกใส่ชายที่อายุมากกว่า แล้วเงื้อมมือตั้งท่าจะตี หวังว่าแกคงไม่ใช่ขโมยนะ ไม่งั้นโดยลงโทษแน่
ไม่ใช่ขอรับ ไม่ใช่ เมมซาอิบ ข้าเพียงแต่เป็นคนซุ่มซ่ามนัก รอยยิ้มของเขาหายไปพร้อมกับทีท่าร่าเริงอย่างคนปัญญาทึบ ก่อนจะกระซิบกับแม่ด้วยสำเนียงอังกฤษไร้ที่ติว่า เซอร์ซีใกล้เข้ามาแล้ว
ประโยคนั้นไม่มีความหมายใดสำหรับฉัน มันเป็นแค่เพียงคำพล่ามที่หัวขโมยสมองไวใช้หลอกล่อเรา ฉันกำลังจะพูดกับแม่อย่างนั้นแต่สีหน้าหวาดกลัวที่เห็นทำให้ฉันต้องตะลึง ดวงตาของแม่เบิกกว้างขณะที่หันซ้ายหันขวามองฝูงชนบนท้องถนนราวกับกำลังหาเด็กหาย
อะไรคะ มีอะไรหรือคะ ฉันถาม
ชายสองคนนั้นหายไปในทันใด พวกเขากลืนหายไปกับฝูงชน ทิ้งไว้เพียงรอยเท้าบนพื้นฝุ่น ผู้ชายคนนั้นพูดอะไรกับแม่
โดย:
ทินา
วันที่: 25 มิถุนายน 2551 เวลา:18:08:27 น.
เสียงที่แม่ตอบกลับมานั้นแข็งกร้าวราวเหล็กกล้า ไม่มีอะไรจ้ะ เขาคงเป็นคนเสียสติน่ะ ทุกวันนี้ถนนไม่ปลอดภัยเอาเสียเลย ฉันไม่เคยได้ยินแม่พูดแบบนี้มาก่อน เสียงนั้นทั้งกระด้าง ทั้งหวาดกลัว เจมม่า แม่ว่าแม่ไปหามิสซิสทัลบอทคนเดียวดีกว่า
แต่ว่า...แล้วเค้กล่ะคะ มันฟังดูไร้สาระก็จริงแต่นี่ก็เป็นวันเกิดฉัน และถึงฉันจะไม่อยากใช้เวลาวันนี้ไปกับการนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นของมิสซิสทัลบอท ฉันก็ยิ่งไม่อยากนั่งอยู่กับบ้านคนเดียวทั้งวัน เพียงเพราะคนบ้าชุดดำกับพวกทำให้แม่ตกใจ
แม่กระชับผ้าคลุมไหล่แน่นเข้า เดี๋ยวค่อนทานเค้กกันทีหลังก็ได้...
แต่แม่สัญญาแล้ว...
จ้ะ แต่นั่นมันก่อนที่... แม่เงียบไป
ก่อนอะไรคะ
ก่อนที่ลูกจะทำให้แม่อารมณ์เสียน่ะสิ! จริงๆนะเจมม่า ลูกไม่ควรไปเยี่ยมใครด้วยอารมณ์แบบนี้หรอก เดี๋ยวสริตาจะไปส่งที่บ้าน
หนูไม่ได้อารมณ์เสียนะ ฉันเถียง แต่น้ำเสียงไม่ได้เข้ากับคำพูดแม้แต่น้อย
ไม่เลย! ดวงตาสีเขียวของแม่จ้องมาที่ฉัน แววตานั้นฉายบางสิ่งที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน มันคืออารมณ์โกรธแค้นที่แรงกล้าและน่ากลัวจนแทบหยุดหายใจ ทว่ามันก็จากไปอย่างรวดเร็วพอๆกับที่ปรากฏขึ้น และแม่ก็กลับเป็นแม่อีกครั้ง ลูกเหนื่อยเกินไปแล้ว กลับไปพักเถอะจ้ะ ไว้คืนนี้เราค่อยฉลองกันแล้วแม่จะให้ดื่มแชมเปญนะ
แม่จะให้ดื่มแชมเปญนะ นั่นไม่ใช่คำสัญญา เป็นแค่ข้ออ้างในการไล่ฉันไปให้พ้นต่างหาก ครั้งหนึ่งเราเคยทำทุกสิ่งร่วมกัน แต่ตอนนี้ แค่เดินตลาดโดยไม่ทะเลาะกันก็ทำไม่ได้เสียแล้ว ฉันกลายเป็นเรื่องขายหน้า เป็นสิ่งที่น่าผิดหวัง ลูกสาวที่แม่ไม่อยากพาไปไหนด้วย ไม่ว่าจะเป็นลอนดอน หรือบ้านของหญิงแก่ที่ชงชาจืดๆก็ตาม
หวูดรถไฟดังขึ้นอีกครั้งทำให้แม่สะดุ้งสุดตัว
นี่จ้ะ ให้ใส่สร้อยของแม่ดีไหม เอาสิจ๊ะ ใส่เลย แม่รู้ว่าลูกชอบมันมาก
ฉันยืนนิ่งปล่อยให้แม่สวมสร้อยคอที่ฉันอยากได้มาตลอด ทว่าตอนนี้กลับถ่วงคอฉันไว้อย่างวัตถุที่ส่องประกายอย่างน่ารังเกียจ มันคือสินบน แม่กวาดตามองตลาดนัดฝุ่นคลุ้งอีกครั้งก่อนที่ดวงตาสีเขียวจะกลับมาหยุดที่ฉัน
ดูสิ ลูกแม่ช่าง...โตเหลือเกิน แม่ยกมือที่สวมถุงมือข้างหนึ่งขึ้นกุมแก้มฉันค้างไว้ ราวกับจะจดจำมันไว้ด้วยปลายนิ้ว เจอกันที่บ้านนะจ๊ะ
ฉันไม่อยากให้ใครเห็นน้ำตาที่เอ่อล้นสองเบ้าตา จึงพยายามคิดหาคำพูดที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่ทำได้ และโพล่งออกไปกลางตลาดเช่นนั้น
ต่อให้แม่ไม่กลับบ้านอีกเลยหนูก็ไม่สนหรอก
โดย:
ทินา
วันที่: 25 มิถุนายน 2551 เวลา:18:09:37 น.
อืม อ่านเเล้วเห็นได้เลยว่า คุณทินาชอบเรื่องนี้นัก สำนวนจะออกไปเป็นตะวันตก ก็เเน่หล่ะเเปลมาจากหนังสืออังกฤษ ผมไม่ค่อยได้อ่านฉบับเเปลเป็นไทย นับได้เลย น่าจะ สองเล่มนะ ไม่นับหนังสือนอกเวลาที่บังคับผมเรียน เเต่อ่านที่คุณเเปลเเล้ว ผมรู้สึก รู้สึก รู้สึก เหมือนได้อ่านภาษาอังกฤษไปในตัวเลย เเม้ตัวอักษรเป็นไทย ถ้าทั้งหมดนี่คุณเขียนเอง ไม่ได้เเปลมา ผมจะซื้อไว้เลยครับ
ไว้ ถ้าเเปลเสร็จ ขอจองซื้อเป็นคนเเรกนะครับ จริงๆ น่าจะไปเป็นนักเเปลนวนิยายมืออาชีพเลยนะครับ เชียร์ๆ
คุณทิน่า น่าจะมีวิสัยทัศน์กว้างนะ เท่าที่ผมดู
ขอบคุณนะครับที่เเบ่งปันชั่วโมงผ่อนคลายความตรึงเครียดจากที่ออฟฟิศ อิอิ
โดย: ฟูลิน IP: 118.175.64.125 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2551 เวลา:10:58:24 น.
เพิ่มเติม หนังสือนอกเวลาที่บังคับให้ผมเรียน ผมก็อ่านไม่เข้าหัวซักเล่มนะ เเต่มะกี้อ่านของคุณมาก็ ยอมรับว่า ชอบครับ
รวมถึงชอบประโยคนี้ด้วย
Literature is a luxury. Fiction is a necessity
เห็นเหมือนกัน
โดย: ฟูลิน IP: 118.175.64.125 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2551 เวลา:11:03:17 น.
อ๋า มีคนแวะเข้ามาด้วยแฮะ
ง่า แปลแล้วเหมือนอ่านภาษาอังกฤษแสดงว่ายังติดกลิ่นนมกลิ่นเนยสินะคะ ต้องแก้ไข ต้องแก้ไข ^_^
ถ้ามีโอกาสได้แปลเรื่องนี้จริงๆก็คงดี (ฝันเฟื่องอีกแล้ว)
แต่ระหว่างนี้อุดหนุนเรื่องอื่นไปพลางๆก่อนดีไหมคะ ^O^
Literature is a luxury. Fiction is a necessity. ก็มันจริงนี่นา เนอะ เนอะ
โดย:
ทินา
วันที่: 18 พฤศจิกายน 2551 เวลา:4:00:05 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
ทินา
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [
?
]
หลังไมค์เชิญทางนี้จ้า
Friends' blogs
ป้ามด
ลวิตร์
ยาคูลท์
the grinning cheshire cat
Il Maze
grappa
มณฑารัตน์
แพนด้ามหาภัย
apple_cinnamon
ฝนตกแดดออก
Clear Ice
อั๊งอังอา
สาวไกด์ใจซื่อ
หมูย้อมสี
Kai-Au
ThE BooK@HoLiC
rebel
hunjang
หวานเย็นผสมโซดา
~:พุดน้ำบุศย์:~
DoRaePEET
Masaomi
Froggie
@Dakki_Chan@
jackfruit_k
Webmaster - BlogGang
[Add ทินา's blog to your web]
Links
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
สริตา เจ้าลิงนั่นเป็นหัวขโมยมืออาชีพที่เดี๋ยวก็จะเข้ามาขอเงินเดือนเธอแล้ว ฉันถอนใจ และเจ้าสัตว์หน้าขนนั่นก็ไต่มาเกาะอยู่บนไหล่ฉันพร้อมยื่นมือแบออกราวกับรู้จังหวะดี อยากลงหม้อสตูว์วันเกิดไหมล่ะ ฉันกัดฟันพูดไป เจ้าลิงคำรามฟ่อด แม่ขมวดคิ้วที่ฉันทำตัวไร้มารยาทแล้วโยนเหรียณลงในกระป๋องของเจ้าของเหรียญหนึ่ง เจ้าลิงยิ้มอย่างผู้ชนะก่อนจะกระโดดข้ามศีรษะฉันหนีไป
พ่อค้านายหนึ่งยื่นหน้ากากแกะสลักที่มีเขี้ยวแหลมและหูช้างออกมา แม่รับมันมาใส่โดยไม่พูดอะไร ไหนดูซิแม่อยู่ไหน แม่ว่า มันเป็นเกมที่เราเล่นกันตั้งแต่ฉันเดินได้ เกมซ่อนหาเพื่อทำให้ฉันยิ้มออก เกมอย่างเด็กๆ
ก็เห็นแต่แม่นั่นแหละ ฉันพูดอย่างเหนื่อยหน่าย ฟันก็เหมือนเดิม หูก็เหมือนเดิม
แม่ส่งหน้ากากคืนพ่อค้า ฉันสะกิดเอาความทะนงอันเป็นจุดอ่อนของท่านพอดี
และแม่ก็เห็นว่าอายุสิบหกดูจะไม่เหมาะกับลูกสาวคนนี้เอาเสียเลย แม่ว่า
ใช่ค่ะ หนูอายุสิบหกแล้ว สิบหก อายุที่เด็กผู้หญิงดีๆส่วนใหญ่ถูกส่งกลับไปเรียนที่ลอนดอนกันหมดแล้วฉันย้ำคำว่า ดีๆ เป็นพิเศษ ด้วยหวังว่าจะช่วยกระตุ้นเตือนความรู้สึกผิดและตระหนักถึงหน้าที่แม่ที่เหมาะสมได้
ลูกนี้ดูจะเขียวไปหน่อยนะ ฉันว่า แม่จ้องมะม่วงไม่วางตา การเลือกผลไม้ของท่านนั้นจริงจังเสมอ
ไม่เห็นมีใครขังทอมไว้ที่บอมเบย์เลย ฉันตัดสินใจอ้างพี่ชายเป็นทางออกสุดท้าย พี่ไปอยู่ลอนดอนตั้งสี่ปีเต็ม!
แถมตอนนี้ก็จะเข้ามหาวิทยาลัยแล้วด้วย
ผู้ชายไม่เหมือนกันนี่จ๊ะ
ไม่ยุติธรรมเลย หนูจะไม่ได้ออกงานสังคม แล้วก็ต้องกลายเป็นยายแก่ขึ้นคานเลี้ยงแมวร้อยตัวที่เอาแต่ดื่มนมจากชามกระเบื้องเคลือบ ฉันเริ่มโวยวายแล้ว แม้จะไม่น่าดู แต่ฉันก็ไม่อาจห้ามตัวเองได้
เข้าใจแล้ว แม่เอ่ยขึ้นในที่สุด ลูกอยากจะถูกจูงไปตามห้องจัดเลี้ยงในสังคมลอนดอนราวกับม้าพันธุ์ดีให้คนประเมินว่าจะเป็นแม่พันธุ์ที่ดีได้ไหมงั้นรึ ลูกจะยังคิดว่าลอนดอนน่าหลงใหลนักอยู่หรือเปล่าเมื่อตกเป็นเป้าของคำนินทาโทษฐานที่ละเมิดกฎไปเพียงนิดเดียว ลอนดอนไม่ได้สวยงามอย่างที่จดหมายของคุณย่าลูกว่าไว้หรอกนะ
หนูจะรู้ได้ยังไงล่ะ ก็ไม่เคยเห็นมันนี่
เจมม่า... แม่ขึ้นเสียงเป็นเชิงปรามแม้ปากจะยังคงยิ้มให้เหล่าคนอินเดียเช่นเคย ต้องไม่ปล่อยให้พวกนั้นคิดว่าสุภาพสตรีชาวอังกฤษอย่างเราใจคอคับแคบเสียจนมาทะเลาะกันอยู่บนถนน เราคุยกันแต่เรื่องดินฟ้าอากาศเท่านั้น และหากอากาศไม่ดี เราก็แกล้งทำเป็นไม่สังเกตเห็นเสีย