๑๔ เมษายน ๒๕๖๔ // 2021年4月14日 // April 14, 2021 มาเขียนเดือนละครั้ง ช่วงนี้ก็เป็นช่วงวันหยุดยาว เทศกาลสงกรานต์ กรุงเทพก็โล่ง รถน้อย คนน้อย เงียบ ๆ เหมือนเช่นเคยทุกปี ฝนตกหนักเกือบทุกวันเลย ช่วงนี้ วันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา เป็นวันคล้ายวันเกิดของเพื่อนรักของฉัน นั่นก็คือ Tomohisa Yamashita หรือ Yamapi นั่นเอง ความจริงเขาชื่อเล่นว่า Tomo อ่ะเนอะ แต่ว่า ชื่อในวงการ ชื่อที่คนเขารู้จักมา 20 กว่าปี ก็ชื่อ Yamapi นี่แหละ ปีนี้ ยามะพีก็อายุครบ 36 ปีแล้ว ขออวยพรย้อนหลังให้เพื่อนแล้วกันนะคะ ขอให้มีความสุขมาก ๆ มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง มีรอยยิ้มที่สดใสอยู่เสมอ ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน เดินทางไปไหนก็ขอให้ปลอดภัย แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง ขอให้มีแฟนคลับเพิ่มขึ้นทุกปี ขอให้มีผลงานดี ๆ ทำอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นงานด้านการแสดง ร้องเพลง หรือโฆษณา ก็ขอให้ประสบความสำเร็จสมดั่งที่ตั้งใจ ขอให้มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จัก เป็นที่ยอมรับในทุก ๆ งานที่ทำ ขอบคุณที่อยู่เป็นกำลังใจให้กันแบบนี้มาเสมอตลอดระยะ 16 ปี หวังว่าจะอยู่เป็นกำลังใจให้กันแบบนี้ไปเรื่อย ๆ อีกหลายสิบปี จนแก่จนเฒ่า จนอายุ 80-90 ปีไปเลย 555555555555 รักมากนะคะ และจะรักตลอดไปด้วยค่ะ ฉันไม่ค่อยจะได้เข้ามาเขียน blog บ่อย ๆ เหมือนเมื่อก่อน นาน ๆ จะมาเขียนที เพราะฉันมีความเครียดสะสมหลายเรื่อง มีเรื่องวุ่นวาย เรื่องยุ่ง ๆ ให้ต้องคิดและต้องทำเยอะแยะ แต่วันนี้ว่าง ก็เลยมาเขียนได้ ช่วงนี้ โควิด-19 กลับมาระบาดหนักกันอีกรอบแล้ว แต่ฉันโชคดีมาก ที่ตั้งแต่มีการระบาดของไวรัสชนิดนี้ ตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว มาจนถึงตอนนี้ เชื่อมั้ย ฉันไม่มีอาการไอ เจ็บคออะไรเลย ปกติ ฉันจะไอ เจ็บคออยู่บ่อย ๆ แต่ตั้งแต่มีไวรัสนี้ ฉันไม่เคยเจ็บคอหรือมีเสมหะอะไรเลย แต่ว่าเป็นหวัด มีน้ำมูกเป็นปกติอยู่แล้ว แพ้ฝุ่น แพ้ขนแมว ไปตามเรื่องตามราว เพราะฉันเป็นภูมิแพ้ เป็นหอบ จมูกก็เลยไวเป็นธรรมดาอยู่แล้ว แต่ไม่เคยเจ็บคอ คันคอ มีเสมหะ นอนป่วยเป็นไข้ ไม่มีเลย คงเป็นเพราะตั้งแต่มีไวรัสชนิดนี้ ทุกครั้งที่ต้องออกไปไหน ฉันก็ต้องใส่แมสตลอด ฉันก็เลยไม่เคยต้องไปสูดดมควันบุหรี่ หรือมีใครมาไอใส่ มันไม่มี ก่อนหน้านั้น 2-3 ปีที่แล้ว ฉันไม่ได้ใส่แมส ฉันก็รับควันบุหรี่เต็ม ๆ ใครไอ ใครจาม เราเดินผ่าน ก็ได้รับเต็ม ๆ แต่ตอนนี้ ฉันใส่แมสทุกวัน ทุกครั้ง อาจจะเป็นเพราะแบบนี้มั้ง ฉันก็เลยไม่เคยเจ็บคอ ไม่เคยไอ บวกกับดื่มน้ำเปล่าเยอะมาก แต่ก็ไม่ใช่ว่า ฉันจะเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรงอะไร ฉันก็เป็นคนป่วยคนนึง ไม่สบายออดแอดไปตามเรื่อง ไวรัสโควิด-19 เนี่ย ฉันชินแล้ว ตอนช่วงแรก ยอมรับว่ามีวิตกกังวลบ้าง ในช่วงต้นปีที่แล้ว แต่ตอนนี้ ชินแล้ว เรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้มากกว่า เขาแนะนำให้ใส่แมส ล้างมือบ่อย ๆ หลีกเลี่ยงที่แออัด ฉันก็ทำตามแบบนั้นมาตลอด ถ้าจะติดไวรัส สำหรับตัวเองฉันไม่กังวล เป็นห่วงก็แต่แมวที่เลี้ยงเอาไว้ 12 ตัว ไม่รู้ใครจะดูแล แต่มันก็คงไม่มีวันนั้นหรอก เพราะลึก ๆ แล้ว ฉันก็ยังมีความเชื่ออยู่ว่า "มันไม่ได้ติดกันง่าย ๆ ขนาดนั้นหรอกมั้ง" โดยเฉพาะสำหรับฉัน นอกจากแมวทีี่เลี้ยงเอาไว้แล้ว ฉันก็ไม่เคยกอดหอมหรือสัมผัสโดนตัวใครเลย ฉันไม่ค่อยกลัวโรคไวรัสนี้เท่าไหร่ เพราะร่างกายฉันตอนนี้ ป่วยด้วยโรคอื่นอยู่ ก็กลัวโรคอื่นมากกว่า กังวลกับสิ่งที่ร่างกายเป็นอยู่ตอนนี้มากกว่า นอกจากปัญหาสุขภาพที่ฉันต้องเผชิญแล้ว ความเครียดหลาย ๆ เรื่อง ก็สะสม จนรู้สึกเบื่อหน่ายกับโลกใบนี้เต็มที แต่ไม่เป็นซึมเศร้านะ ยังไง ๆ ก็ไม่มีวันเป็น เพราะฉันร้องไห้ ฉันเศร้า ฉันก็หาย ฉันไม่ได้จมดิ่งไปขนาดนั้น ฉันแค่เบื่อ ๆ มากกว่าที่อะไร ๆ ไม่เป็นไปอย่างที่ใจคิด ทุกวันนี้ ฉันฝืนอยู่ก็เพื่อแมวของฉันทั้ง 12 ตัว อยู่ เพื่อส่งพวกมันไปให้ถึงฝั่งให้ครบทุกตัว ภารกิจของฉันก็จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ เหมือนที่ฉันส่งพี่แอนท์ไปถึงฝั่ง เมื่อปีที่แล้ว ฉันทิ้งพวกมันไปไม่ได้ ไม่ว่ายังไง ฉันต้องฝืนอยู่ต่อไปให้ได้ เพราะฉันจะไม่มีวันทิ้งให้พวกมันต้องเผชิญกับโลกใบนี้ไปโดยไม่มีฉันอย่างเด็ดขาด!! ฉันจะอยู่เคียงข้างกับพวกมันไปในทุกช่วงอายุของพวกมัน ไม่ว่าจะเป็นตอนเด็ก ตอนโต ตอนแก่ชราและตอนช่วงสุดท้ายของชีวิต ฉันสัญญาว่า พวกมันจะมีฉันอยู่เคียงข้างเสมอ พูดแล้วน้ำตาจะไหล คิดถึงพี่แอนท์ ทุกวันนี้ก็ยังอาลัยอาวรณ์ ก็ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่า การปล่อยพี่แอนท์ให้เดินจากไป ก็ยังดีกว่าที่จะให้พี่แอนท์ฝืนอยู่ในร่างกายที่แก่ชราและเสื่อมสภาพ พี่แอนท์ฝืนเพื่อฉันมามากพอแล้ว ได้เวลาให้พี่แอนท์มีความสุข หลุดพ้นจากร่างกายที่เจ็บป่วยแบบนั้นสักที พี่แอนท์หลุดพ้นมาหลายเดือนแล้ว ตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ใกล้จะครบหนึ่งปีแล้ว ที่พี่แอนท์จากไป แต่ทุกครั้งที่นึกถึง น้ำตามันก็จะไหลทุกที เหมือน ๆ กับที่นึกถึงพ่อกับแม่ ฉันก็จะเป็นแบบนี้ เหมือนเสียสิ่งที่มีค่าในชีวิตไป แล้วมันไม่สามารถเรียกกลับคืนได้ ความรู้สึกเลยทั้งเสียใจและเสียดาย ที่ไม่มีสิ่งมีค่าเหล่านี้ อยู่ใกล้ตัวอีกแล้ว มันไม่ใช่ว่า ตอนมีชีวิตอยู่ แล้วไม่ปฏิบัติตัวให้ดีต่อกัน มันไม่ใช่แบบนั้น เพราะตอนมีชีวิตอยู่ ก็ทำดีต่อกันทุกวัน รักกันทุกวัน มีความสุขทุกวันที่ได้อยู่ด้วยกัน มันไม่ใช่ว่า เป็นความรู้สึกที่เสียใจหรือเสียดายภายหลัง ไม่ใช่ว่า ตอนมีชีวิตอยู่ ทำไมไม่ทำ มาอาลัยอาวรณ์อะไรตอนไม่มีแล้ว ตอนมีชีวิตอยู่ก็ทำดีต่อกันทุกวัน แต่ไม่ว่าจะทำยังไง ก็รู้สึกว่ามันไม่เพียงพอ รู้สึกว่า"ต้องการให้อยู่ตลอดไป ให้มีคำว่าตลอดไป" แต่โลกใบนี้ มันไม่มีหรอกคำว่าตลอดไป มันเป็นความรู้สึกที่สูญเสียสิ่งที่มีค่าในชีวิตไป และเรียกกลับคืนมาไม่ได้อีกแล้ว ทำได้แค่คิดถึง นึกถึง บางครั้งนึกถึงก็มีรอยยิ้ม แต่ส่วนใหญ่นึกถึงคือมีน้ำตา ยิ่งเวลาที่รู้สึกว่าโลกใบนี้ มันไม่น่าอยู่ มันน่ากลัว ก็ยิ่งคิดถึงสิ่งมีค่าที่เราเสียไป ยิ่งเหงา ยิ่งโดดเดี่ยว "นี่ฉันต้องเดินต่อไปเพียงลำพังบนโลกใบนี้เหรอ?" นั่นก็คือความคิด ความรู้สึกของฉันที่มีอยู่ในขณะนี้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าฉันจะปล่อยตัวเองให้เศร้าโศกอยู่ตลอดเวลา ฉันก็ยังมีความสุขกับสิ่งต่าง ๆ ที่ชอบ ฉันก็ยังมีความสุขกับแมวทั้ง 12 ตัวของฉัน ยังชอบดูบอล ดูละคร ฟังเพลงไปตามเรื่อง ตามปกติ ชอบฝึกฝนภาษาต่างประเทศ ยังใช้สมอง ใช้ความคิดในแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่มีอยู่ แก้ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่ก็พยายามจนสุดกำลังที่มี ไม่ใช่ปล่อยให้ตัวเองจมดิ่ง ไม่ใช่แบบนั้น พูดถึงฟุตบอล ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกส์ล่าสุด รอบ 8 ทีม เปเเอสเช ชนะ บาเยิร์น เข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้ายแล้ว เสียใจมาก เพราะฉันเชียร์บาเยิร์น แชมป์เก่าปีที่แล้ว แล้วก็ เชลซี ชนะ ปอร์โต้ เข้ารอบ 4 ทีมสุดท้ายเช่นกัน อันนี้ ก็ไม่น่าจะลุ้นอะไรอ่ะ เชลซีก็นอนมาอยู่แล้ว ถ้า เรอัลมาดริด ชนะ ลิเวอร์พูล ก็จะไปเจอกับ เชลซี นะ มันส์แหละงานนี้ ทีมเก่าอาซาร์ แต่อาซาร์จะได้เล่นหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ เจ็บบ่อยเหลือเกิน ที่รักของฉัน วันนี้เขียนเยอะแล้ว พอก่อนเนอะ เอาไว้วันหลังมาเขียนใหม่ ตัดจบแบบนี้แหละ bye bye
Facebook Twitter