|
|
หอมเอยหอมกลิ่นแก้ว รัมภา ประหนึ่งสวนบุหงา กล่อมเกลี้ยง ถึงไกลห่างตรึงตา ตรึงพี่ ไยเอย ขออยู่เคียงแลเลี้ยง ร่วมม้วย เพรียงกันเรื่องเล่าในกาลก่อนย้อนถึงความรักของพระโอรสสุวรรณไพศาลกับบุหงารัมภา นางฟ้าผู้เป็นที่รักครั้งหนึ่ง นางฟ้าบุหงารัมภาได้เสด็จลงมายังเมืองมนุษย์เพื่อชื่นชมดอกบัวสัตตบงกชอันงดงามตามคำยกยอของทิพยนลินีสหายรัก ครั้นเสด็จถึงบึงบัวที่นครสัตตบรรณก็ทรงตระหนักในทันทีว่าดอกบัวหลวงในบึงนี้ไม่ได้มีเจ็ดสีและกลิ่นหอมโชยอย่างที่เพื่อนเล่า พระองค์ทรงถูกหลอกให้ออกห่างจากสวนสวรรค์เพราะพระสหายต้องการจะเก็บดอกไม้ล้ำค่าไปให้ยักษ์ผู้สง่างามนามขัณฑุมาร ขณะนั้น พระโอรสสุวรรณไพศาลทรงลอบออกจากวังเพื่อเสด็จประพาสป่าและฝึกคาถาอาคม อันที่จริงควรจะกล่าวว่า ทรงหนีหัวข้อสนทนาเรื่องว่าที่ลูกสะใภ้จึงจะใกล้เคียง ระหว่างที่พระโอรสทรงพระดำเนินผ่านบึงบัวนั้นก็ทรงสะดุดพระเนตรพระกัณณ์เข้ากับบางอย่าง!
นางฟ้าองค์หนึ่งกำลังเป่าเวทย์เสกบัวบานดอกใหญ่ที่อยู่ใจกลางบึงให้ผลิบานเป็นกลีบสีรุ้งส่องประกาย!พระโอรสประทับนิ่งหลังต้นไม้ใหญ่พลางทอดพระเนตรนางฟ้าผู้มีกลิ่นหอมรัญจวนราวกับถูกกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูอยู่ในสวนบุหงานานาพรรณ แม้จะทรงมองนางจากที่ห่างไกลแต่พระองค์กลับทรงรู้สึกตรึงตาตรึงจิตโดยไม่ทราบสาเหตุ ตั้งพระทัยมั่นว่าจะขออยู่เคียงข้างเอาใจใส่เลี้ยงดูนางตราบจนชีวิตจะหาไม่
เมื่อนางฟ้าบุหงารัมภาบันดาลคาถาเสร็จสิ้นสัตตบงกชเจ็ดสีก็หุบกลับเป็นดอกตูมดังเดิม ทรงเหาะเหินสู่ชั้นฟ้าหมายจะพาพระสหายเสด็จมาทอดพระเนตรแต่นางหายตัวไปเป็นเวลานานจนพระองค์ทรงลืมสิ้น พระโอรสสุวรรณไพศาลเสด็จมาที่บึงบัวแทบทุกวันเพียงเพื่อจะได้ทำความรู้จักนางแต่ก็ทรงผิดหวังกลับไปทุกที รอแล้วรอเล่าเฝ้าแต่รอ พระโอรสทรงรอนานถึงสามเดือนก็ยังไม่ได้พบจึงรับสั่งให้ทหารและนางกำนัลขุดดอกตูมที่ไม่ยอมบานดอกนั้นไปไว้ในสระ ณ อุทยานหลวง ทำให้ทรงทราบว่าสัตตบงกชเจ็ดสีจะบานยามต้องแสงจันทร์สีทอง และในคืนนั้น ก็ทรงได้พบนางอันเป็นที่รักตามจิตอธิษฐาน
นางฟ้าบุหงารัมภาเสด็จลงมาพบพระโอรสสุวรรณไพศาลบ่อยครั้ง อนึ่ง เพื่อหลบเลี่ยงท้าวขัณฑุมารที่เริ่มแสดงกริยาอาการไม่เหมาะสมลับหลังทิพยนลินี จากบทสนทนาทั่วไปพัฒนาเป็นความเข้าใจเติมเต็มช่องว่างของอีกฝ่ายจนกระทั่งผูกสัมพันธ์เป็นสายใยรัก ด้วยเกรงว่าท้าวขัณฑุมารที่กำลังเรืองอำนาจจะบุกมาระรานพระองค์หลังจากได้ชัยชนะ พระชายาบุหงารัมภาจึงต้องเสด็จขึ้นไปประสูติพระธิดาครึ่งมนุษย์ในวิมานชั้นฟ้าจนต้องอาญาสวรรค์
เมื่อเหล่าเทวดานางฟ้าปั่นป่วนรุ่มร้อนด้วยแสงทองแผดจ้าที่สาดออกมาจากวิมานของพระชายาบุหงารัมภา พระอินทร์จึงต้องเสด็จมาตัดสินความตามกฎด้วยวาจาสิทธิ์แห่งพระอินทร์ พระชายาบุหงารัมภาทรงสูญสิ้นอิทธิฤทธิ์ ไม่สามารถออกจากพระตำหนักเมืองมนุษย์หรือพบบุตรีได้จนกว่าจะถึงกาลอันเหมาะสมครั้นมารดาถูกส่งลงไปยังแผ่นดินทารกน้อยก็ร่วงหล่นจากฟ้า โชคดีที่พระอัครชายาทิพยนลินีทรงช่วยไว้ทัน พระองค์เสด็จไปทูลขอพระสวามีให้เลี้ยงดูธิดาน้อยในนครยักษ์แต่กลับถูกปฏิเสธ กลายเป็นองค์เหนือหัวแห่งอสุรนครที่ทรงมีพระเมตตาต่อเด็กมนุษย์ตาดำๆ
หลังจากนั้น เมื่อทรงทราบว่าเหนือหัวกันสูรสิ้นพระชนม์ด้วยพระหัตถ์ของพระสวามี พระอัครชายาทิพยนลินีจึงทรงรีบมาช่วยท่านอำมาตสหบาลกับทารกน้อยและทำให้เหล่าทหารสามารถอัญเชิญเสด็จพระศพกลับอสุรนครได้สำเร็จ
“บุหงารัมภาเจ้ารู้หรือไม่”
“ว่าองค์อินทร์ทรงเสียสละเพื่อวิมานมาศมากแค่ไหน”พระอัครชายาทิพยนลินีทรงรำพึงเพียงลำพังหลังจากขอพระราชทานอนุญาตจากพระสวามีกลับมาประทับที่วิมานอย่างเดียวดาย
Create Date : 28 ตุลาคม 2562 |
|
10 comments |
Last Update : 29 ตุลาคม 2562 4:57:04 น. |
Counter : 575 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 29 ตุลาคม 2562 14:37:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 30 ตุลาคม 2562 19:55:53 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์ |
|
Rss Feed |
| ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]
|
สวัสดีค่ะ รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ ขอบคุณที่แวะมาทักทายและอ่านงานเขียนที่ Blog ซ่อนคำค่ะ
|
|
|
|
สวัสดียามเช้าครับคุณซ่อนคำ