บล็อกนี้ไม่มี VIP ค่ะ ทุก ๆ คนเป็น VIP อยู่แล้ว เมื่อคลิกเข้ามา
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
11 กรกฏาคม 2554
 
All Blogs
 
เมื่อ ‘กรุงเทพฯ’ เป็น ‘เมืองหนังสือโลก’ ภารกิจท้าทาย นิสัยรักการอ่านของคนกรุง

เมื่อ ‘กรุงเทพฯ’ เป็น ‘เมืองหนังสือโลก’
ภารกิจท้าทาย นิสัยรักการอ่านของคนกรุง











เป็นข่าวดีที่เกิดขึ้นมา
พร้อมความฉงนสงสัยของคนทั่วประเทศ
เมื่อจู่ ๆ
กรุงเทพมหานคร
ก็ได้รับการคัดเลือก
ให้เป็น ‘เมืองหนังสือโลกประจำปี 2556’
(World Book Capital 2013)
จากองค์การศึกษา
วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ
(ยูเนสโก)

เนื่องจากมีความพร้อม
ในการดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน
ผ่านการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
การเน้นการส่งเสริมการอ่านในชุมชน
และการแสดงเจตนารมณ์ของไทย
ที่จะจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน

แม้ปกติการคัดเลือกเมืองนั้น
จะถูกประกาศก่อนล่วงหน้า 2 ปีก็ตาม
แต่ทว่ากรุงเทพฯ ก็เพิ่งดำเนินการเรื่องนี้
เมื่อเดือนเมษายน 2554 นี้เอง
และเมื่อมาย้อนดู
ถึงนิสัยและอัตราการเป็นนักอ่านของคนกรุงเทพฯ
ก็ถึงว่าอยู่ในอาการน่าเป็นห่วงเป็นอย่างอย่างยิ่ง
เพราะปี ๆ หนึ่ง
คนกรุงอ่านหนังสือเฉลี่ย 5 เล่มเท่านั้น
แถมแหล่งบริการหนังสือและห้องสมุดก็มีอย่างจำกัด
แม้จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการ
กำหนดให้ ’การอ่านกลายเป็นวาระแห่งชาติ’
แต่ก็ดูเหมือนยังไม่มีการเคลื่อนไหว
หรือสร้างพลังขับเคลื่อน
ให้เกิดขึ้นในสังคมไทยได้ไม่กี่มากน้อย

ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้เอง
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ใครถึงไม่มั่นใจว่า
สุดท้ายเมืองหลวงของไทย
จะมีความพร้อมกับตำแหน่งดังกล่าว
เพราะฉะนั้นงานนี้จึงจำเป็นจะต้องมาวิเคราะห์ว่า
เหตุใดยูเนสโกถึงได้คัดเลือกให้กรุงเทพฯ
รับตำแหน่งอันทรงเกียรติครั้งนี้
และสุดท้ายการอ่านหนังสือของเมืองไทย
จะพัฒนาไปถึงจุดสุดยอด
ย่างที่คาดหวังได้จริง ๆ ไหม
หรือสุดท้ายนี่จะเป็นบทพิสูจน์
ของการทำงานแบบลูบหน้าปะจมูกอีกครั้งของสังคมไทย





การเมืองแบบยูเนสโก

หากหยิบยกคุณสมบัติ 5 ข้อ
ของการเป็นเมืองหนังสือโลก คือ


1. มีความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ในประเทศจนถึงระดับนานาชาติ

2. จัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านอย่างมีคุณภาพและต่อเนื่อง
โดยได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงานวิชาชีพ
ทั้งในประเทศและจากต่างประเทศ
อาทิ สมาคมนักเขียน สมาคมผู้จัดพิมพ์
สมาคมห้องสมุด สมาคมร้านขายหนังสือ เป็นต้น

3. มีโครงการสนับสนุน
การพัฒนาหนังสือและการอ่าน

4. ส่งเสริมสนับสนุน
ในเรื่องเสรีภาพการแสดงออกทางความคิด
ผู้คนในสังคมจัดพิมพ์และแจกจ่ายข้อมูลข่าวสารได้โดยอิสระ

5. เสนอโครงการและกิจกรรม
เพื่อเตรียมความพร้อมในการเป็นเมืองหนังสือโลกในปีที่จะประกวด

มาเทียบกับคู่แข่ง 6 เมืองจาก 6 ประเทศ
อย่าง กรุงไคโร สาธารณรัฐอาหรับแห่งอียิปต์,
อินชอนสาธารณรัฐเกาหลีใต้,
เควซอน ประเทศฟิลิปปินส์,
ควิโต ประเทศเอกวาดอร์,
ชาร์เรีย ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
และเสินเจิ้น สาธารณรัฐประชาชนจีน

หลายคนก็คงรู้สึกตรงกันว่า
ไม่เห็นกรุงเทพฯ
จะมีความโดดเด่นเหนือกว่าเมืองอื่นตรงไหน
แถมบางครั้งก็ยังดูด้อยกว่าด้วยซ้ำ
โดยเฉพาะที่เมืองไคไร ประเทศอียิปต์
ซึ่งมีหอสมุดแห่งชาติที่เก่าแก่เป็นสัญลักษณ์ของเมือง
แถมมีหนังสือมากมายมหาศาล
และคนที่นั่นก็อ่านหนังสือกันเป็นนิสัยปกติ

ขณะที่ย้อนกลับมาดูที่กรุงเทพฯ
แม้จะมีหอสมุดแห่งชาติ
ที่อุดมไปด้วยหนังสือโบราณเต็มไปหมดเช่นกัน
แต่กลับพบว่า
ที่นี่ก็ไม่ได้รับความนิยมอะไรมากมายนัก
วัน ๆ หนึ่งมีคนเข้ามาอ่านหนังสือกันที่นี่ไม่เท่าไหร่
ถึงขั้นที่นักเรียน-นักศึกษาบางคน
ยังไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนเลย

“คิดว่าเมืองที่ได้รับตำแหน่งนี้
ต้องมีความพร้อมทั้งด้านคนอ่าน
จำนวนห้องสมุด หรือทั้งคุณภาพของหนังสือ
นักเขียน โครงการการส่งเสริมของรัฐ
หรืออะไรหลาย ๆ อย่างมาประกอบกัน
แต่พูดแล้วประเทศไทยเหมือนยังห่างไกลอยู่นะ”
วิภาดา นุชเกิด นักอ่านตัวยงให้ความเห็น

คำถามต่อมาที่เกิดขึ้นก็คือ
เมื่อเราไม่ได้มีภาษีที่ดีกว่าคนอื่นสักเท่าไหร่
แล้วอะไรที่จะน่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ไทยได้รับคัดเลือกครั้งนี้

แน่นอนหากกลับไปพิจาณาความสัมพันธ์
ระหว่างไทยกับองค์การยูเนสโก
ก็ต้องยอมรับว่าช่วงนี้มีเรื่องขัดข้องหมองใจกันอยู่ไม่น้อย
โดยเฉพาะการที่ไทยถอนตัวจากภาคีสมาชิก
ของคณะกรรมการมรดกโลก
หลังจากที่มีปัญหาการทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก

ดังนั้นนี่อาจจะเป็น ‘รางวัลปลอบใจ’
หรือวิธีขอคืนดีรูปแบบหนึ่งก็ได้
ที่องค์การใหญ่เลือกใช้
ซึ่ง รศ.ดร.วิวัฒน์ มุ่งการดี
อดีตอาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ก็ให้ความเห็นว่า
มีความเป็นไปได้
เพราะเหตุการณ์ในลักษณะนี้
เคยเกิดขึ้นมาแล้วในองค์กรระดับโลกอื่น ๆ
ที่หวังจะเอาใจหรือชดเชยความรู้สึก
ให้แก่คนในประเทศนั้น
ตัวอย่างเช่น
คณะกรรมการรางวัลโนเบล
ก็เคยมีความคิดจะมอบรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ
ให้แก่ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ข
องสหรัฐอเมริกา
ทั้งที่ยังไม่เคยทำอะไร

“กรณีนี้นั้น
มันมองได้ว่าอาจจะเกี่ยวกับการเมืองก็ได้
เพราะเขาอาจจะต้องเอาใจเลี้ยงดูเราหน่อย
หมายความว่าต้องทำอะไรชดเชย
เพราะยูเนสโกเคยทำให้เราผิดหวัง
ที่เขาไม่ได้ฟังฝ่ายไทยในเรื่องอื่น
มันมีเรื่องของการเมืองระหว่างประเทศอยู่บ้างเป็นธรรมดา”

แต่ทั้งนี้
การจะไปสรุปว่านี่
เป็นเกมการเมืองขององค์การยูเนสโกที่มีต่อไทย
ก็คงจะไม่ใช่
เพราะเรื่องนี้ก็สามารถตั้งสมมติฐานได้อีกหลายทาง
ไม่ว่าจะเป็นองค์การยูเนสโก
อาจจะเตรียมตำแหน่งให้แก่ไทยอยู่แล้ว
แต่เผอิญว่าประจวบเข้ากับเรื่องมรดกโลกพอดี
เพราะฉะนั้นคงต้องดูบริบทแวดล้อมให้แน่นอนด้วย

“ผมว่า
ยูเนสโกเองก็คงจะต้องมองว่า
บ้านเรามีอะไรดี
มีอะไรที่พอที่จะให้เราได้บ้าง
ถ้ามันพร้อมเขาก็คงจะเลือกให้ในสิ่งนั้น
เพราะเอาเข้าจริงหนังสือในบ้านเรานั้นมันมีอยู่มาก
ถ้าจะเป็นเมืองหนังสือก็คงจะพอได้
แต่คนอ่านนั้น
ผมไม่แน่ใจว่าเขาจะอ่านกันมากพอไหม”






กลับมาดูที่นิสัยการอ่าน

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร
ที่ทำให้องค์การยูเนสโกตัดสินใจ
ให้ตำแหน่งเมืองหนังสือโลก
แก่กรุงเทพฯ มาครอบครอง
แต่นั่นก็คงไม่สำคัญ
เท่ากับเราจะทำอย่างไรกันต่อดี
โดยเฉพาะเรื่องสำคัญ
อย่างการสร้างนิสัยรักการอ่านให้เกิดขึ้นได้

เพราะแม้ตอนนี้ทางกรุงเทพมหานคร
โดย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
จะแถลงว่า
ได้เตรียมมาตรการส่งเสริมการอ่านไว้สารพัด
ตั้งแต่เพิ่มยอดการอ่านของกรุงให้ได้ปีละ 20 เล่ม
จัดตั้งหอสมุดกรุงเทพฯ
จัดตั้งพิพิธภัณฑ์ประวัติหนังสือไทย
จัดตั้งศูนย์วิจัยหนังสือและการอ่านแห่งประเทศไทย
จัดตั้งพิพิธภัณฑ์การ์ตูนไทย
รวมไปการเป็นเจ้าภาพงานหนังสือ
แต่นั่นก็ไม่เป็นเครื่องยืนยันว่า
สุดท้ายแล้วจะทำได้จริงๆ

ฉะนั้น
จุดแรกที่คงต้องกลับมาพูดคุยกันให้มากขึ้นกว่านี้
ก็คือ อะไรคือสาเหตุที่ทำให้การอ่านไปได้ไม่ถึงไหน
ซึ่งในกรณีหากยกคำพูด
ของ มกุฎ อรฤดี บรรณาธิการสำนักพิมพ์ผีเสื้อ
ที่เคยให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการรายวัน
ในช่วงที่กรุงเทพฯ เสนอตัวใหม่ ๆ
ก็คงพอสรุปได้ว่า
ปัญหาใหญ่ที่ยังแก้ไม่ตกนั้นมาจาก
ผู้เกี่ยวข้องส่วนใหญ่กับเรื่องนี้ยังขาดความจริงจัง
และความเข้าใจเกี่ยวกับการอ่าน

ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัด
ก็คือปัจจุบันเมืองไทยแทบจะไม่มีเอกลักษณ์
เกี่ยวกับหนังสือหรือการอ่านเลย
ที่เห็นอย่างมาก ก็คือ 2 เทศกาลประจำปี
อย่างสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ
และมหกรรมหนังสือแห่งชาติ
ที่มีการนำหนังสือมาลดราคา
แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นการตอบโจทย์
ของการสร้างนิสัยรักการอ่าน
ให้เกิดขึ้นได้อย่างยั่งยืนแม้แต่นิดเดียว

ขณะที่มิติอื่น ๆ
อย่างเช่นห้องสมุด
ซึ่งถือเป็นพื้นฐานสำคัญในการอ่าน
ทุกวันนี้เมืองไทยก็ยังไม่มี
เพราะทุกคนต่างก็มองว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญ
ดังเช่นคำอธิบาย
ของ นัชชา นิสสัยสุข บรรณารักษ์ห้องสมุดจตุจักร
ซึ่งเล่าให้ฟังว่า
ทุกวันนี้มีผู้มาใช้บริการห้องสมุดที่เธอทำหน้าที่
เฉลี่ย 50-60 คนต่อวันเท่านั้น

“คนไทยส่วนมากไม่ค่อยอ่านหนังสือกันหรอก
อย่างคนมาเข้าใช้
ก็จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นหรือลดลงขึ้นอยู่กับเวลา
เช่น เวลาพักเที่ยงคนก็เยอะ
วันไหนที่ข้าราชการว่างเขาก็เข้ามากันเยอ
ะส่วนวันไหนงานยุ่งก็มาใช้กันน้อย
แต่หากมองในภาพรวมแล้ว
เราจะเห็นคนอ่านหนังสือเข้ามาใช้ห้องสมุดเยอะ
แต่ถ้าเป็นนักอ่านจริง ๆ ประจำก็มีแค่ไม่กี่คนหรอก”

และที่สำคัญไปมากกว่านั้นก็คือ
ประเภทหนังสือที่คนไทยอ่าน
ซึ่งต้องยอมรับว่า
ผู้เชี่ยวชาญในวงการหนังสือ
ไม่ว่าจะบรรณาธิการหรือนักเขียนเคยออกมาพูดตรงกันว่า
การอ่านหนังสือนั้น
ไม่ได้สำคัญว่าจะอ่านหรือไม่
แต่สำคัญอยู่ที่สิ่งที่อ่านคืออะไร
เพราะหากเป็นหนังสือที่ไม่เพิ่มพูนความรู้
เช่น หนังสือซุบซิบดารา แอบถ่าย
หรือเรื่องไร้สาระ
หากอ่านไปแล้ว
อาจจะกลายเป็นโทษมากกว่าประโยชน์ด้วยซ้ำ





ถึงเวลาสร้างความยั่งยืน

ถึงตรงนี้
ก็คงพอเห็นภาพคร่าว ๆ
ของวัฏจักรอ่านหนังสือในบ้านเราไปแล้วว่า
อะไรคืออุปสรรคสำคัญ
ที่ทำให้การอ่านยังไปไม่ถึงไหน

คราวนี้
เรื่องต่อมาที่ต้องกลับมาครุ่นคิดต่อไป
ก็คือ แล้วสุดท้ายกรุงเทพฯ ควรจะทำอย่างไรต่อ
ถึงจะเป็นเมืองหนังสือโลกได้อย่างแท้จริง
ซึ่งในเรื่องนี้
วินัย ชาติอนันต์
กรรมการผู้จัดการบริษัท เคล็ดไทย จำกัด
บอกว่า
หากพิจารณาถึงปริมาณการผลิตหนังสือ
ก็นับว่าอยู่ในขั้นที่ดีมากขึ้น
เพราะฉะนั้นตอนนี้
คงถึงเวลาที่จะหาวิธี
ทำให้คนตื่นตัวในเรื่องการอ่านมากขึ้น
น่าจะสำคัญที่สุด
เพราะการอ่านก็คือวิธีที่ทำให้คนมีคุณภาพมากขึ้น

“ผลิตภัณฑ์จะต้องมีความจูงใจ
ให้เกิดการอ่านมากขึ้นกว่านี้
เพื่อที่จะได้สอดคล้องกับความเป็นจริง
ต้องทำให้คนอ่านหนังสือเพิ่มขึ้นไปด้วย
ที่นี้ถ้าเราดูจากปริมาณหนังสือ
ที่มีการผลิตมากขึ้นก็จะพบว่า
คนอ่านกับหนังสือมันยังเหลื่อมล้ำกันอยู่
แต่ว่าการเติบโตมันไม่ทันกัน
เพราะหนังสือบางเล่มบางเรื่อง
มันไม่ได้รับการสนับสนุนเต็มที่
ฉะนั้นเราก็ต้องช่วยกันว่าทำอย่างไร
ให้พวกสารประโยชน์เข้าสู่ผู้บริโภค
อาจจะจัดกิจกรรม
นำหนังสือดีไปออกบูท
หรือแสดงสินค้าในร้านหนังสือชั้นนำ
ตรงนี้คนอ่านเขาก็จะได้รับหนังสือดีกันมากขึ้น”

ขณะที่มกุฎฉายภาพให้เห็นว่า
วิธีการที่ดีที่สุดก็คือการใช้มาตรการทางกฎหมาย
โดยอาจจะต้องระบุไปเลยว่า
ให้ห้างสรรพสินค้ามีห้องสมุดเป็นของตัวเอง
ในอัตราส่วนที่เท่าใดก็ว่าไป
ตามสัดส่วนของพื้นที่ทั้งหมด

“ถ้าเป็นแบบนี้ในอนาคตห้างสรรพสินค้า
ก็จะเปลี่ยนคำโฆษณา
จากที่บอกว่าลดราคา 70-80 เปอร์เซ็นต์
ก็จะกลายเป็นห้างฯ นี้
มีหนังสือมากที่สุดและใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ
และสามารถยืมกลับบ้านได้ 5-10 เล่มนะ
คุณมานั่งนอนอ่านหนังสือในห้องสมุดเราได้นะ
ห้องสมุดเราเปิดได้ 24 ชั่วโมงนะ
ต่อไปนี้ก็จะมีกลไกใหม่เกิดขึ้น
จะต้องใช้สมองคิดหน่อย
ไม่ใช่ใช้งบประมาณอย่างเดียว”

ขณะเดียวกัน
แนวคิดเรื่องหนังสือดี
ก็มีความจำเป็นไม่น้อย
ซึ่งทาง กทม.
น่าจะมีการพัฒนาเรื่องห้องสมุดอย่างจริงจัง
โดยอาจจะสร้างห้องสมุดทั่วกรุงสัก 100 แห่ง
แล้วมีกระบวนการคัดเลือกหนังสือดีๆ
เข้ามาใส่จนเต็ม
ซึ่งนี่ก็จะเป็นการวางรากฐานการเรียนรู้ที่ดี
ให้แก่อนาคตของชาติได้



..........




แม้กรุงเทพฯ
จะได้ตำแหน่งนี้มาครอบครองอย่างสมเกียรติ
แต่นี่ก็ถือเป็นภารกิจที่ท้าทายไม่ใช่เล่น
เพราะย่อมหมายความว่า
ระยะเวลา 2 ปีต่อจากนี้ไป
ถึงเป็นช่วงสำคัญ
ที่ทุกภาคส่วนจะต้องร่วมแรงร่วมใจ
พัฒนาให้มหานครแห่งนี้
เป็นเมืองแห่งการอ่านหนังสือจริง ๆ เสียที
ไม่เช่นนี้
ตำแหน่งที่ได้มาก็ย่อมไร้ความหมาย
และไม่ควรค่าแก่ภาคภูมิใจเลยสักนิดเดียว

>>>>>>>>>>



ขอบคุณบทความจาก "ผู้จัดการ" ค่ะ



Create Date : 11 กรกฎาคม 2554
Last Update : 11 กรกฎาคม 2554 11:00:18 น. 1 comments
Counter : 1392 Pageviews.

 
ห้องสมุดในกรุงเทพมหานคร

หน่วยราชการอีกแห่งหนึ่งที่ให้บริการห้องสมุดประชาชน ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ซึ่งดำเนินงานตั้งแต่ครั้งยังมีฐานะเป็น เทศบาลนครกรุงเทพมหานคร กรุงเทพมหานครได้เริ่มจัดบริการ ห้องสมุดแก่ประชาชนเมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๙ โดยจัด ตั้งห้องสมุดประชาชนขึ้นในบริเวณสวนลุมพินี คือ "ห้องสมุดประชาชนสวนลุมพินี" เปิดดำเนิน การเมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๙ เป็นหน่วยงานสังกัดแผนการศึกษา กองกลาง เทศบาลนคร กรุงเทพมหานคร นับเป็นห้องสมุดประชาชน แห่งแรกที่จัดตั้งขึ้น

ปัจจุบัน กรุงเทพมหานครดำเนินงานห้องสมุดประชาชน ๒๐ แห่ง ในเขตต่าง ๆ ใน กรุงเทพมหานคร ซึ่งขึ้นอยู่กับหน่วยงานที่เรียกว่างานห้องสมุดประชาชน กองนันทนาการ สำนักสวัสดิการสังคม เดิมเป็นหน่วยงานสังกัดแผนการศึกษา กองกลาง ต่อมา พ.ศ. ๒๕๐๑ ได้รับอนุมัติเป็นแผนกขึ้นเรียกว่า แผนกห้องสมุดประชาชนนันทนาการ พ.ศ. ๒๕๐๔ ได้โอนมาอยู่ในสังกัดกองการศึกษา แล้วเปลี่ยนมาสังกัดกองนันทนาการ ฝ่ายการศึกษาและ สวัสดิการสังคมเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๐

ในปี พ.ศ. ๒๕๑๖ แผนกห้องสมุดประชาชนอยู่ในสังกัดกองบริการชุมชนและ เยาวชน ฝ่ายการศึกษาและบริการชุมชน ต่อมา พ.ศ. ๒๕๑๗ ได้มีการเปลี่ยนแปลงด้านการบริหารงานมา เป็นงานห้องสมุดประชาชน กองนันทนาการ สำนักสวัสดิการสังคม กรุงเทพมหานคร จนกระทั่งปัจจุบัน



รายชื่อห้องสมุดประชาชนในกรุงเทพมหานคร

ห้องสมุดวิชาการ
ชั้น ๔ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เขตพระนคร
โทร. ๐-๒๒๒๔-๘๖๘๒ หรือ ๐-๒๒๑๑-๒๑๔๑ ต่อ ๔๔๔๖
วัน-เวลาทำการ เปิด วันจันทร์-ศุกร์ เวลา ๐๘.๓๐-๑๖.๓๐ น.
ปิด วันเสาร์-อาทิตย์ และวันนักขัตฤกษ์

ห้องสมุดประชาชน สวนลุมพินี
ตั้งอยู่บนในบริเวณสวนลุมพินี ด้านหลังพระบรมรูปอนุสาวรีย์ รัชกาลที่ ๖
ถนนราชดำริ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ โทร. ๐-๒๒๕๒-๘๐๓๐
วัน-เวลาทำการ เปิด วันอังคาร-อาทิตย์ และวันนักขัตฤกษ์ เวลา ๐๘.๓๐-๒๐.๐๐ น.
ปิด เฉพาะวันจันทร์
บริการพิเศษ : ศูนย์การศึกษาเฉพาะกิจ มุม มสธ. ศูนย์วิทยบริการบัณฑิตศึกษา

ห้องสมุดประชาชน ซอยพระนาง
ตั้งอยู่ถนนราชวิถี ซอยพระนาง ใกล้อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เขตราชเทวี กรุงเทพฯ โทร. ๐-๒๒๔๖-๓๕๑๗
วัน-เวลาทำการ เปิด วันอังคาร-อาทิตย์และวันนักขัตฤกษ์ เวลา ๐๘.๓๐-๒๐.๐๐ น.
ปิด เฉพาะวันจันทร์
บริการพิเศษ : ศูนย์การศึกษาเฉพาะกิจ มุม มสธ.

ห้องสมุดประชาชน จตุจักร
ตั้งอยู่ ชั้น ๗ สำนักงานเขตจตุจักร ถนนวิภาวดีรังสิต เขตจตุจักร กรุงเทพฯ โทร. ๐-๒๕๑๒-๔๖๐๙
วัน-เวลาทำการ เปิด วันจันทร์-ศุกร์ เวลา ๐๘.๓๐ -๑๖.๐๐ น.
ปิด วันเสาร์-อาทิตย์ และวันนักขัตฤกษ์

ห้องสมุดประชาชน อนงคาราม
ตั้งอยู่ในบริเวณวัดอนงคาราม ถนนสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กรุงเทพฯ โทร. ๐-๒๔๓๗-๑๓๘๑
วัน-เวลาทำการ เปิด วันอังคาร-เสาร์ เวลา ๐๙.๐๐ -๑๗.๐๐ น.
ปิด วันอาทิตย์-จันทร์ และวันนักขัตฤกษ์

ห้องสมุดฯ วัดสังข์กระจาย
ตั้งอยู่บนหอขวางของศาลาการเปรียญ
ในบริเวณวัดสังข์กระจาย ถนนอิสรภาพ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ โทร. ๐-๒๔๖๕-๑๖๕๙
วัน-เวลาทำการ เปิด วันอังคาร-เสาร์ เวลา ๐๙.๐๐-๑๗.๐๐ น.
ปิด วันอาทิตย์-จันทร์ และวันนักขัตฤกษ์

ห้องสมุดประชาชน บางเขน
ตั้งอยู่ภายในบริเวณสำนักงานเขตบางเขน ถนนพหลโยธิน เขตบางเขน กรุงเทพฯ โทร. ๐-๒๕๒๑-๓๓๗๕
วัน-เวลาทำการ เปิด วันอังคาร-เสาร์ เวลา ๐๙.๐๐-๑๗.๐๐ น.
ปิด วันอาทิตย์-จันทร์ และวันนักขัตฤกษ์
บริการพิเศษ : ศูนย์การศึกษาเฉพาะกิจ มุม มสธ.

ห้องสมุดประชาชน วัดราชโอรสาราม ฯ
ตั้งอยู่ซอยอำเภอเก่า ถนนริมคลองด่าน แขวงบางค้อ เขตจอมทอง กรุงเทพฯ โทร. ๐-๒๔๑๖-๐๘๑๖
วัน-เวลาทำการ เปิด วันอังคาร-เสาร์ เวลา ๐๙.๐๐-๑๗.๐๐ น.
ปิด วันอาทิตย์-จันทร์ และวันนักขัตฤกษ์

ห้องสมุดประชาชน วัดรัชฎาธิษฐานฯ
ตั้งอยู่ภายในบริเวณวัดรัชฎาธิษฐานฯ
ซอยจรัญสนิทวงศ์ ๓๕ แขวงคลองชักพระ เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ โทร. ๐-๒๔๑๒-๐๗๐๒
วัน - เวลาทำการ เปิด วันอังคาร - เสาร์ เวลา ๐๙.๐๐ -๑๗.๐๐ น.
ปิด วันอาทิตย์ - จันทร์ และวันนักขัตฤกษ์

ห้องสมุดประชาชน ประเวศ
ตั้งอยู่ซอยสุภาพงษ์ ถนนศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ โทร. ๐-๒๓๙๘-๕๗๐๐
วัน - เวลาทำการ เปิด วันอังคาร - เสาร์ เวลา ๐๙.๐๐ -๑๗.๐๐ น.
ปิด วันอาทิตย์ - จันทร์ และวันนักขัตฤกษ์

ห้องสมุดประชาชน วัดลาดปลาเค้า
ตั้งอยู่ในบริเวณวัดลาดปลาเค้า ถนนวัดลาดปลาเค้า แขวงจรเข้บัว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ โทร. ๐-๒๕๗๐-๕๗๙๒
วัน - เวลาทำการ เปิด วันอังคาร - เสาร์ เวลา ๐๙.๐๐ -๑๗.๐๐ น.
ปิด วันอาทิตย์ - จันทร์ และวันนักขัตฤกษ์

ห้องสมุดประชาชน ภาษีเจริญ
ตั้งอยู่ซอยเพชรเกษม ๕๐/๔ ถนนเพชรเกษม เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ โทร. ๐-๒๔๕๘-๑๒๘๑
วัน - เวลาทำการ เปิด วันอังคาร - เสาร์ เวลา ๐๙.๐๐ -๑๗.๐๐ น.
ปิด วันอาทิตย์ - จันทร์ และวันนักขัตฤกษ์
บริการพิเศษ : ศูนย์การศึกษาเฉพาะกิจ มุม มสธ.

ห้องสมุดประชาชน หนองจอก
ตั้งอยู่บริเวณโรงเรียนภักดีนรเศรษฐ ถนนเลียบวารี แขวงกระทุ่มราย เขตหนองจอก กรุงเทพฯ โทร. ๐-๒๙๘๘-๔๔๘๐
วัน - เวลาทำการ เปิด วันอังคาร - เสาร์ เวลา ๐๙.๐๐ -๑๗.๐๐ น.
ปิด วันอาทิตย์ - จันทร์ และวันนักขัตฤกษ์

ห้องสมุดประชาชน วัดศิริพงษ์ธรรมนิมิต
ตั้งอยู่ในบริเวณวัดศิริพงษ์ธรรมนิมิต
ซอยวัชรพล ถนนรามอินทรา แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ โทร. ๐-๒๙๘๘-๔๔๘๐
วัน - เวลาทำการ เปิด วันอังคาร - เสาร์ เวลา ๐๙.๐๐ -๑๗.๐๐ น.
ปิด วันอาทิตย์ - จันทร์ และวันนักขัตฤกษ์

ห้องสมุดประชาชน เขตบางซื่อ
ตั้งอยู่อาคาร เลขที่ ๑๐๘๑ - ๒ ถนนประชาชื่น เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ โทร. ๐-๒๕๘๗-๘๗๒๒
วัน - เวลาทำการ เปิด วันอังคาร - เสาร์ เวลา ๐๙.๐๐ -๑๗.๐๐ น.
ปิด วันอาทิตย์ - จันทร์ และวันนักขัตฤกษ์

ห้องสมุดประชาชน เขตธนบุรี
ตั้งอยู่อาคาร เลขที่ ๑๘๘/๑๑ ถนนวุฒากาส แขวงตลาดพลู เขตธนบุรี กรุงเทพฯโทร. ๐-๒๔๖๖-๘๓๗๑
วัน - เวลาทำการ เปิด วันอังคาร - เสาร์ เวลา ๐๙.๐๐ -๑๗.๐๐ น.
ปิด วันอาทิตย์ - จันทร์ และวันนักขัตฤกษ์

ห้องสมุดประชาชน เขตบึงกุ่ม
ตั้งอยู่อาคาร เลขที่ ๔/๑๔๙๑ ถนนนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ โทร. ๐-๒๕๑๙-๔๙๐๐
วัน - เวลาทำการ เปิด วันอังคาร - เสาร์ เวลา ๐๘.๓๐ -๒๐.๐๐ น. วันอาทิตย์ เวลา ๐๙.๐๐ -๑๗.๐๐ น.
ปิด วันจันทร์ และวันนักขัตฤกษ์

ห้องสมุดประชาชน เขตคลองสาน
ตั้งอยู่อาคาร เลขที่ ๔๑๑ ถนนประชาธิปก เขตคลองสาน กรุงเทพฯ โทร. ๐-๒๔๓๘-๙๕๓๗
วัน - เวลาทำการ เปิด วันอังคาร - เสาร์ เวลา ๐๘.๓๐ -๒๐.๐๐ น. วันอาทิตย์ เวลา ๐๙.๐๐ -๑๗.๐๐ น.
ปิด วันจันทร์ และวันนักขัตฤกษ์

ห้องสมุดประชาชน เขตมีนบุรี
ตั้งอยู่อาคาร เลขที่ ๔๗/๑๐ - ๑๑ ถนนสีหบุรานุกิจ เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ ๑๐๕๑๐ โทร. ๐-๒๕๑๘-๒๔๗๔
วัน - เวลาทำการ เปิด วันอังคาร - เสาร์ เวลา ๐๘.๓๐ -๒๐.๐๐ น. วันอาทิตย์ เวลา ๐๙.๐๐ -๑๗.๐๐ น.
ปิด วันจันทร์ และวันนักขัตฤกษ์

ห้องสมุดประชาชน เขตบางกอกใหญ่
ตั้งอยู่อาคาร เลขที่ ๖๑/๑๖ - ๑๗ ถนนเจริญสนิทวงศ์ แขวงท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ โทร. ๐-๒๔๑๑-๔๑๗๘
วัน - เวลาทำการ เปิด วันอังคาร - เสาร์ เวลา ๐๘.๓๐ -๒๐.๐๐ น. วันอาทิตย์ เวลา ๐๙.๐๐ -๑๗.๐๐ น.
ปิด วันจันทร์ และวันนักขัตฤกษ์

การให้บริการห้องสมุดประชาชนในกรุงเทพมหานคร
บริการศึกษาค้นคว้าหาความรู้ภายในห้องสมุด
- บริการยืมหนังสือไปอ่านที่บ้าน
- บริการมุมหนังสือสำหรับเด็ก
- จัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน
- บริการโสตทัศนศึกษา
- บริการยืมระหว่างห้องสมุด
- บริการตอบคำถามและช่วยการค้นคว้า
- บริการแนะนำหนังสือใหม่
- บริการกฤตภาค
- บริการบรรณานุกรม
- บริการดรรชนีวารสาร
- บริการข่าวสารทันสมัย
- บริการบรรณนิทัศน์
- บริการถ่ายเอกสาร

การยืม - คืนหนังสือ
- สมาชิกห้องสมุด มีสิทธิยืมหนังสือได้ครั้งละ ๒ เล่ม ภายใน ๗ วัน
- ส่งหนังสือคืนเกินกำหนด ต้องชำระค่าปรับ วันละ ๑ บาท/เล่ม
- กรณีทำหนังสือหาย หรือชำรุด ต้องชดใช้ตามราคาในท้องตลาด หรือหาหนังสือใหม่ มาใช้คืน

กิจกรรมในห้องสมุดประชาชนกรุงเทพมหานคร
- จัดนิทรรศการ
- จัดมุมหนังสือ
- ฉายวีดีทัศน์ สารคดี , การ์ตูน ฯลฯ

กิจกรรมในห้องสมุดเคลื่อนที่
- เล่นเกมต่าง ๆ
- เล่านิทานประกอบหุ่นมือ
- ฉายวีดีทัศน์ สารคดี , การ์ตูน ฯลฯ

ที่มา : กรุงเทพมหานคร ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๔๗




โดย: โสดในซอย วันที่: 11 กรกฎาคม 2554 เวลา:14:20:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add 's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.