|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
อันธกาล : ทมยันตี
พอดีไปอ่านเจอกระทู้หนึ่งที่พูดเกี่ยวกับเรื่อง ล่า ของทมยันตี ที่ทางช่องเคเบิลกำลังเอามารีรันอยู่
ตัวเราไม่เคยดูเรื่องล่าหรอกค่ะ จำไรไม่ค่อยได้ แต่จำเกี่ยวกับหนังสือได้ เพราะเคยอ่านอยู่ที่ห้องสมุด จำได้ว่าหดหู่มาก เศร้ามาก เสียใจมาก
แต่มันก็ไม่ถึงที่สุด เท่ากับการอ่านเรื่อง อนธกาล ของทมยันตี
คืออย่างน้อย ตอนอ่านเรื่องล่า เราพอมีความทรงจำเกี่ยวกับละครบ้าง ว่าเรื่องราวมันเป็นมายังไง แต่กับอันธกาล นี่อ่าน เพราะความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองล้วนๆ ด้วยอ่านเจอว่ามีเค้าโครงจากเรื่องจริง
พอได้ตอบไปในกระทู้นั้น ความทรงจำเกี่ยวกับ อนธกาล ก็โลดแล่นขึ้นมา แต่มันเป็นความทรงจำที่เลวร้ายมาก อ่านจบแล้วเราร้องไห้ไม่ออก แต่ความรู้สึกของเราคือ ช็อคไปแล้ว ช็อคแบบตาค้าง ไม่เข้าห้องสมุดโรงเรียนไปหลายวันเลย
ตอนนั้นเราอยู่ม.4 หรือ ม.5 นี่แหละ ช่วงนั้นจะเข้าห้องสมุดตอนเย็นๆ เวลาที่เพื่อนๆไปเรียนพิเศษที่อื่น แล้วเราก็ยังไม่อยากกลับบ้าน (เพราะเราไม่เรียนอะไรเลย นอกจากฝรั่งเศส) มันเป็นหนังสือเล่มเก่าๆที่ซ่อนตัวอยู่ในตู้หนังสือของห้องสมุด เป็นหนังสือที่เราสนใจเพราะชื่อเรื่อง มันคล้ายกับชื่อเพื่อนเรา แต่ตัดตัว ล ลิง ออก แถมยังชื่อคนแต่งอีก ทมยันตี ทำไมเราจะไม่สนใจ
แล้วเราก็นั่งอ่านเล่มนั้นอย่างรวดเร็ว จนห้องสมุดปิด อ่านจบ เราช็อคตาตั้ง เราอ่านทวนซ้ำไปซ้ำมาอีกหลายรอบในตอนจบนั้น อ่าน จนมั่นใจว่ามันคือตอนจบแน่ๆ ความรู้สึกตีขึ้นมาเลย เศร้ามาก เศร้าสุดๆ เศร้าแบบ พูดไม่ถูก มันไม่ร้องไห้ แต่ตัวนี่ชาวิ๊งๆไปเลย (เท่าที่อ่านเจอหลายคนก็รู้สึกแบบนี้ มีคนหนึ่งถึงขนาดแอดมิทเข้าโรงพยาบาลเลย)
เราปิดหนังสือ และเอาไปวางคืนที่รถเข็น เดินออกจากห้องสมุดด้วยท่าทางล่องลอย ในหัวเรามีแต่ประโยคนั้นย้ำซ้ำไปซ้ำมา ยิ่งมารวมกับตอนที่อ่านเจอว่า นี่มีเค้าโครงมาจากเรื่องจริง เรายิ่งชาหนึบ เราไม่ไปห้องสมุดอีกหลายวัน แล้วพอไปอีก เราก็ไม่เดินเฉียดใกล้ตู้หนังสือที่มีหนังสือเล่มนี้วางอยู่เลย
มันทนไม่ไหว
นี่ขนาดมันผ่านมาตั้งสิบปีแล้ว แต่เรายังจำความรู้สึกตอนอ่านได้ดี
เรายังจำชื่อเรื่อง จำรูปเล่ม จำตู้ที่มันอยู่ได้ จำได้ดีถึงขนาดกลิ่นกระดาษเหลืองกรอบที่เราจับ
ยังจำประโยคสุดท้ายของเรื่องได้
ถ้าคิดจะอ่านอะไรสักอย่างที่ทำให้คุณจิตตก เศร้าให้กับโชคชะตาของคน และพร้อมจะบอกตัวเองว่า เราเกิดมาโชคดีที่สุดแล้ว ที่เราเป็นอยู่น่ะดีที่สุดแล้ว ... ก็อ่านเล่มนี้เถอะค่ะ
ปล. โชคดีที่อ่านตอนเด็กๆ สมัยที่ไม่นิยมการพูดหยาบทั้งกับคนอื่นและต่อตัวเอง ถ้ามาอ่านเจอตอนอายุเท่านี้ อ่านจบคงร้อง แสรด....ด ลั่นห้องสมุดไปแล้ว
Create Date : 23 ตุลาคม 2554 |
Last Update : 23 ตุลาคม 2554 13:28:11 น. |
|
8 comments
|
Counter : 5888 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: เซม IP: 125.24.11.24 วันที่: 23 ตุลาคม 2554 เวลา:18:15:20 น. |
|
|
|
โดย: L IP: 115.87.143.69 วันที่: 23 ตุลาคม 2554 เวลา:20:11:27 น. |
|
|
|
โดย: J^_^J IP: 110.169.83.152 วันที่: 24 ตุลาคม 2554 เวลา:4:30:22 น. |
|
|
|
โดย: มธุสรมาเอง 555 IP: 192.168.200.111, 223.206.2.184 วันที่: 27 ตุลาคม 2554 เวลา:19:04:35 น. |
|
|
|
โดย: มทิรา วันที่: 23 พฤศจิกายน 2554 เวลา:22:12:50 น. |
|
|
|
โดย: วารุณ IP: 223.206.161.246 วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:9:13:58 น. |
|
|
|
โดย: pumekha วันที่: 7 เมษายน 2555 เวลา:9:42:34 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]

|
เป็นผู้หญิง (แหงดิ) ที่มีความฝันมากมาย แต่ไม่เคยไขว่คว้ามันมา จนถึงวันนี้ ชีวิตก้าวขึ้นเลข 2 รู้ตัวแล้วว่าเวลาไม่คอยท่า เธอเลยคิดได้ว่า ถึงเวลาไล่คว้าความฝันแล้ว
คิดและกำลังลงมือทำ ...
หวังว่าวันแห่งความสำเร็จ คงจะมาในไม่ช้า
|
|
|
|
|
|
|
เอาเข้าจริงเราว่าเรื่องนี้มีจุดพีคอยู่แค่จุดเดียวคือความลับตอนจบเรื่อง มันควรจะถูกเขียนเป็นเรื่องสั้นมากกว่า แต่อย่างว่าละ ทมยันตีเป็นพวก "เขียนเรื่องสั้นทำไม เปลืองพลอต" เลยพยายามเข็นมันออกมาให้เป็นเรื่องยาวจนได้