|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ตกลงไปในสนามสอบมหา'ลัยครั้งแรกในชีวิต
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว... นานมากไหมน่ะหรอ? ก็เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมานี้นั่นแหละ (มันนานตรงไหนยะ!) เราได้ลงสัมผัสกับสนามสอบเข้ามหาลัยครังแรกในชีวิตด้วยแหละ เป็นการสอบข้อเขียนธุรกิจการบินของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิตฯ หัวหิน ถึงแม้จะไม่ได้ธุรกิจการบินที่เลือกไว้เป็นอันดับ 1 แต่ก็ได้ธุรกิจการโรงแรมที่เลือกเป็นอันดับ 2 ซึ่งก็ดีใจในระดับนึงที่สอบผ่าน ย้ำ! แค่ระดับนึงเท่านั้น เพราะความสมเพชในความโง่ของตัวเองมีมากกว่าความดีใจค่ะ
การสอบเป็นการสอบข้อเขียนภาษาอังกฤษ 50 ข้อ เราเข้าไปสอบอย่างไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย และก็เชื่อว่า 90% ของคนที่เข้าสอบก็เป็นเหมือนเรา เพราะว่าเขามาแนะแนวให้ฟังแล้วก็จัดสอบเลย เรารู้ตอนที่เรียนคาบสุดท้ายเสร็จแล้ว (คาบพระพุทธฯ ค่ะ อากาศสบายมากเพราะฝนตก นั่งเมาท์กับเพื่อนอย่างเมามันเลยคาบนั้น อิอิ) กำลังจะกลับบ้านไปนอนให้สบายอารมณ์ให้สมกับอากาศที่เป็นใจเพื่อนก็บอกว่าเขาจัดแนะแนวแล้วก็จะสอบ จะเอาป่ะ เราก็เอาก็เอาวะ สละเวลานอนสักนิด เข้าไปนั่งกาๆ สอบๆ ดูหน่อย ลองดูดิ๊ว่าจะมีขี้เลื่อยในสมองเท่าไหร่ เรื่องอ่านหนังสงหนังสือน่ะไม่ต้องพูดถึง ฉุกละหุกอย่างนั้นจะเตรียมตัวอะไรได้ล่ะ จริงไหม?
พี่เค้าแจ้งแอร์ไลน์ค่อนข้างต่ำนะ ตอนแรกเราได้ยินยังงงเลยว่าทำไมแค่นั้น แต่พี่เค้าก็บอกว่า ไม่ต้องสงสัย เห็นข้อสอบแล้วก็จะรู้เอง ซึ่งก็จริงเลย ข้อสอบภาษาอังกฤษล้วนๆ มี 2 ชุดเพื่อป้องกันการทุจริต เราได้ชุด 1 ที่มี reading 4-5 เรื่องนี่แหละไม่แน่ใจ (พี่เค้าบอกว่าชุด 1 ยากกว่าชุด 2 อ่ะ ซวยจริงๆ เรา ) เราอ่านรู้เรื่องนะ แต่ไม่รู้จะตอบอันไหนดี อันนั้นก็น่าใช่ อันนี้ก็มีสิทธิ์ถูก แบบมันไม่แน่ใจอ่ะ เวรกรรมจริงๆ
วันรุ่งขึ้นผลสอบก็ออกมา ตอนแรกรู้ว่าติดก็ดีใจ แต่พอดูคะแนนที่ได้นี่สิ ไม่เลย ไม่ดีเลย แม้ว่าจะรู้ตัวว่าปกติแล้วภาษาอังกฤษเราแย่แค่ไหน แต่ก็นะ... ยังรู้สึกแย่อยู่ดี บวกกับเราพลาดที่ไปเลือกการโรงแรมมาก่อนการท่องเที่ยวที่เราชอบมากกว่า เราเลยไม่ไปสอบสัมภาษณ์เมื่อเช้านี้ กะว่าจะสอบตรงอีกรอบให้ได้การบิน เป็นตัวเลือกเผื่อไว้ แม้เราจะไม่คิดเอาจริงเอาจังกับคณะนี้มากนักก็ตาม เผื่อไปๆ มาๆ ในที่สุดแล้วมันไม่ติดอะไรเลย อย่างน้อยก็มีอันนี้ไว้รองรับก็ยังดี
ขอสารภาพว่า...อันที่จริงแล้ว เรายังหาอนาคตตัวเองไม่ได้เลย ชอบหลายอย่างมาก ชอบเพลิดเพลินอยู่กับสัตว์(สัตวแพทย์) อยู่กับต้นไม้ ธรรมชาติ(วนศาสตร์, สิ่งแวดล้อม) การท่องเที่ยว(มัคคุเทศก์) ชอบการพูดคุยพบปะผู้คน ชอบคิดวิเคราะห์สิ่งต่างๆ มักสนุกไปกับตัวเลข(บัญชี) การวิเคราะห์และประเมินค่าผลได้ผลเสีย(บริหาร & เศรษฐศาสตร์) อูย...แล้วอย่างนี้จะเรียนอะไรดีล่ะเรา ช่วยแนะนำหน่อยสิ
นี่คือความคิดของเราที่เริ่มคิดได้นะ จะเลือกสัตวแพทย์เป็นที่หนึ่ง เพราะชีวิตนี้สัตว์เลี้ยงคือสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตเรา พ่อกับแม่ยังแบ่งใจให้น้อง แต่หมาของเรา กระต่าย กระรอก นก ฯลฯ มีเราเพียงคนเดียว โดยเฉพาะ...ปุย...หมาที่เราคือชีวิตของมัน เราเชื่อว่าเราเป็นสัตวแพทย์ได้ แต่ไม่แน่ใจว่าจะสอบติดไหม ถ้าติดแล้วเราจะสู้กับฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยาไหวรึเปล่า จะเรียนจบไหมล่ะ? นี่คือสิ่งที่เรายังกังวลอยู่
จะเลือกบัญชี-บริหารเป็นอันดับสอง เพราะว่าคณิตและสังคมคือวิชาที่เราไปได้ฉิวที่สุด ไม่ต้องอ่านหนังสือก็ทำได้(ได้ แต่ไม่ดีที่สุด) คือจะพูดไงอ่ะ แบบเลขใช่ปะ แค่จับอะไรได้นิดนึงเราก็ได้แล้ว บางเรื่องเช่นเรื่องความน่าจะเป็นเราไม่เคยทำโจทย์เลยสักข้อ โจทย์ข้อแรกที่เราทำคือโจทย์ในข้อสอบนั่นแหละ แต่เราก็ทำได้ 13 เต็ม 15 อะไรประมาณนี้ ส่วนสังคมน่ะ อ่านบ้าง แต่ไม่มากเท่าไหร่ คือจะเอาไว้อ่านวิชาสุดท้ายเลย ถ้ามีเวลาอ่านทันก็พยายามอ่านจนจบ เรามักจะไปใช้การวิเคราะห์ในห้องสอบแทน(ฝ้ายบอกว่ามันคือการเดาอย่างมีเหตุผล ฮา) พอผลออกมาก็ดีใช้ได้ เลยคาดว่าตัวเองน่าจะไปได้นะ (*เอิ่บ...ขออธิบายนิดนึงค่ะ ที่พูดๆ มาเนี่ยไม่ใช่ว่าเราจะคุยโม้โอ้อวดนะ แค่ให้ข้อมูลเพื่อขอความเห็นหน่อยน่ะค่ะ)
อ้อ...นิติศาสตร์เราก็ชอบนะ ค่อนข้างมากเลยแหละ เคยสอบติดค่าย precamp ของธรรมศาสตร์ด้วย แต่ไม่ได้ไปเข้าค่าย เพราะว่าคำหนึ่งคำของพ่อแม่ที่บอกว่า "จะเดินตามคนอื่นรึไง" คำๆ นั้นทำให้เราหยุดเลย ตอนนั้นเราคิดว่าฉันจะไม่สนนิติอีกต่อไป (เรื่องมันมีอยู่ว่ามีญาติของเราเพิ่งสอบติดคณะนิติศาสตร์ไปก่อนที่เราจะสอบผ่านค่ายนี้น่ะค่ะ) ซึ่งถึงแม้มันจะไม่ใช่คำพูดที่จริงจังมากนัก และเราก็แน่ใจว่าถ้าเราจะเรียนจริงๆ คงไม่มีใครหยุดเราได้แน่ๆ อาจมีคัดค้านบ้าง แต่สุดท้ายเราก็คงชนะอยู่ดี แต่คือมันก็เสียไปแล้วไง เลยตัดสินใจอย่างนั้น แต่ตอนนี้เราก็กำลังลองคิดดูใหม่ บางทีมันอาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของเราก็ได้
ตอนนี้ชีวิตของเรากำลังอยู่ในทางโค้งที่สำคัญมากๆ เรายังไม่มั่นใจในหลายๆ สิ่ง อีกทั้งปัญหาต่างๆ ก็มีมากเช่นกัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นปัญหาจากภายในตัวเราเองในปัจจุบัน และผลจากอดีตที่บางสิ่งเราไม่สามารถแก้ไขมันได้แล้ว ขณะนี้เราจึงพยายามหยุด(โดยเฉพาะหยุดความคิดของตัวเอง) และทำทุกสิ่งให้ผ่านไปได้อย่างดีที่สุด
ขอให้ตัวเราผ่านมันไปได้ด้วยดีเถอะนะ

ป.ล. อาจอ่านรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง งงๆ บ้างนะคะ เพราะทุกคนที่รู้จักเรามักบอกว่าเราพูดจาไม่รู้เรื่อง เมื่อเร็วๆ นี้ก็โดนว่ามา ว่าสงสัยอยู่กับหมามากเกินไปเลยพูดจาภาษาคนไม่รู้เรื่อง ซึ่งก็นะ...ขอน้อมรับ(นิดนึง ไม่รับเยอะ)ด้วยน้ำตา เพราะว่าลองไปอ่านที่เราคุย msn กับใครหลายๆ คนไว้ ก็รู้สึกว่าบางครั้ง(ย้ำ! แค่บางครั้ง) ตัวเองพูดจาไม่ค่อยเป็นภาษาคนจริงๆ นั่นแหละ
Create Date : 18 สิงหาคม 2550 |
Last Update : 18 สิงหาคม 2550 16:34:18 น. |
|
12 comments
|
Counter : 874 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: กุ๊กไก่ (kaijunk ) วันที่: 18 สิงหาคม 2550 เวลา:18:02:53 น. |
|
|
|
โดย: annieake วันที่: 18 สิงหาคม 2550 เวลา:18:59:36 น. |
|
|
|
โดย: poivang วันที่: 19 สิงหาคม 2550 เวลา:12:56:12 น. |
|
|
|
โดย: goodpeople วันที่: 19 สิงหาคม 2550 เวลา:16:01:49 น. |
|
|
|
โดย: สันดานเสีย วันที่: 19 สิงหาคม 2550 เวลา:23:27:25 น. |
|
|
|
โดย: gagayear วันที่: 20 สิงหาคม 2550 เวลา:12:04:30 น. |
|
|
|
โดย: quilt วันที่: 21 สิงหาคม 2550 เวลา:0:19:54 น. |
|
|
|
โดย: ศศิกัณห์ วันที่: 21 สิงหาคม 2550 เวลา:21:14:50 น. |
|
|
|
โดย: The letter of love IP: 203.154.7.49 วันที่: 6 มิถุนายน 2551 เวลา:20:25:30 น. |
|
|
|
โดย: นานา IP: 202.133.154.230 วันที่: 9 มิถุนายน 2551 เวลา:23:56:08 น. |
|
|
|
|
|
|
Emo น้องลิง
Emo หัวหอม
Emo เหลืองดุ๊กดิ๊ก
|
|
|
|
|
|
|