Bloggang.com : weblog for you and your gang
sansook
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [
?
]
โค้ดนี้เป็นภาพพื้นหลังนำไปวางที่ช่อง Script Area ค่ะ https://youtu.be/K2vg5yDgVX4
Group Blog
สรุป พ.ร.บ.
ความรู้ทั่วไป
ทักทาย
นานาสาระ
วิเคราะห์นะจ๊ะ
ดูดวงกันเถอะ
เก็บมาฝาก
สรุปภาษาไทย
ความรักแม่เอ๊ย
แนวข้อสอบ
แบบทดสอบจิตวิทยา
แนวคิด และมุมมอง
เรื่องเล่า
เคล็ดลับความสวย
เรียงร้อยเรื่องราว
กฎหมายน่ารู้
งาน งาน งาน
รักษาสุขภาพกันเถอะ
เคล็ดลับดีๆ
สรุปแนวข้อสอบหลักสูตรประถมศึกษา
เชิญชวนสู่ธรรมมะ
ฮวงจุ้ยน่ารู้
เมื่อจิตนาการบังเกิด
อสูรพ่ายรัก
แนะนำผลงาน
เรือนรัก - นางรอ
เงาแปร
บรรยากาศสละคาน
คลังข้อสอบ
ดวงไฟในมือมาร
เหลี่ยมรักทรชน
ยั่วรักพยัคฆ์ร้าย
สามนารี
นิยายชุด ภารกิจรัก เรื่องเหนี่ยวหัวใจสุดไกปืน
เกี่ยวกับบริหารงานบุคคลท้องถิ่น
เล่ห์วิวาห์มาเฟีย
ละครเหนี่ยวหัวใจสุดไกปืน
ทวงใจสุดปลายฟ้า
อีบุคสุดแซ่บ
เมษายน 2562
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
26 เมษายน 2562
บทที่ 4
All Blogs
บทที่ 5
บทที่ 4
บทที่ 3
บทที่ 2
บทที่ 1
บทนำ
Friends' blogs
sansook
Chulapinan
baby_15
ไร่ปลายตะวัน
lovers
ge-or-ge
โมกสีเงิน
tingnoy
พลังชีวิต
Mr.Terran
hangclub
nirin_18
คนผ่านทางมาเจอ
patra_vet
ซ่อนรอยยิ้ม
นิยายฝันหวาน
ป้ามด
รำเพย
นิชนันท์
วัตตรา
Insignia_Museum
Baan_Bualoy
ooseabubbleoo
literature
bigger
ใยไหมเจ้าค่ะ
super novel
นัทธ์
Webmaster - BlogGang
[Add sansook's blog to your web]
Links
BlogGang.com
บทที่ 4
เหนี่ยวหัวใจสุดไกปืน นิยายลำดับที่1 ซีรีย์ชุด ภารกิจรัก
อักษรา
www.mebmarket.com
ชีวิตของเขาได้อุทิศไว้เพื่อแผ่นดิน แต่หัวใจของเขาได้วางลงตรงแทบเท้าเธอ“นภัสชลยอดรัก...ครั้งหนึ่งผมเคยมอบดอกกล้วยไม้ให้กับคุณ แต่ไม่เคยเอ่ยความในใจ วันนี้ผมจึงไม่อาจเก็บความปลื้มเปรมที่คุณกรุณาตอบรักผู้ชายต่ำต้อยคนนี้ไว้กับตัวเองได้อีกต่อไป...เวลานี้จึงอยากประกาศให้ทุกคนรู้ว่าหัวใจของผมได้ถูกวางลงบนแทบเท้าของคุณแล้ว...และพร้อมที่จะรองรับกับทุกย่างก้าวของคุณและเดินเคียงคู่ไปตลอดกาล...ผมรักคุณ...”
บทที่
4
ภาพการทำงานด้วยความเสียสละของอาสาสมัครแพทย์ตรงหน้า ทำให้ชยินกวาดตามองหาแพทย์หญิงวริสา ก่อนจะหยุดอยู่ที่หญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่งจดอะไรบางอย่างอยู่บนโต๊ะ ด้านหน้ามีคนไข้เป็นหญิงผิวดำอุ้มลูกน้อยอยู่ในอก
ขณะกำลังยืนรอหมอที่เดินหายเข้าไปในเต้นท์ ชยินรู้สึกได้ว่าหัวใจเขาเต้นแรงขึ้นๆ ราวกับมันจะโลดออกมา จนอดรู้สึกขบขันตัวเองไม่น้อยที่ความตื่นเต้นยินดีกำลังทำให้เขาเป็นเหมือนเด็กหนุ่มตกอยู่ให้ห้วงความรัก
ดวงตาคมกริบทอประกายอ่อนโยน ขณะพยายามมองผ่านฝูงชนซึ่งยืนอยู่จนแน่นขนัดไปยังคนที่อยู่ในเต้นท์ ร่างสูงใหญ่ภายใต้อาภรณ์เรียบหรูราคาแพงยังคงยืนรออยู่ด้านนอกอย่างสงบ แม้ตลอดการรอคอยนั้นภายในใจของเขาจะกระวนกระวายมากมายแค่ไหนก็ตาม
แม้บอกตัวเองว่าพร้อมเผชิญหน้ากับผู้หญิงที่กำหัวใจไว้หลายปี แต่พอเอาเข้าจริงๆ เขากลับรู้สึกประหม่ากับการพบเธออีกครั้ง ชายหนุ่มหลุบเปลือกตาลงมองยอดหญ้าตรงปลายเท้าขณะถอนใจออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า...
ซาเยร์มองท่าทางถึ่งกล้ากึ่งกลัวของผู้เป็นนายอย่างขบขัน บอกไปใครจะเชื่อว่าผู้กองหน้าดุผู้ไม่เคยกลัวแม้แต่ความตาย กำลังหวาดหวั่นที่จะเผชิญหน้ากับผู้หญิง ด้วยอยู่กันมานานตลอดชีวิตในช่วงวัยหัวเลี้ยวหัวต่อเขาไม่เคยเห็นชยินให้ความสนใจอิสตรี หรือมีความรู้สึกอ่อนไหวให้กับความรัก จวบจนเมื่อชายหนุ่มพบกับแพทย์หญิงนภัสชลตัวประกันสาวแสนสวยที่มีสถานะแตกต่างกันชนิดจักรวาลกับแกนโลก
เวลานั้นแม้ความรักจะก่อเกิดแต่หน้าที่และความรับผิดชอบ รวมถึงความไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวงจึงทำให้ หัวใจที่เพิ่งอ่อนระทวยกับความรักของผู้กองหนุ่มถูกปิดล็อคไว้อย่างแน่นหนา...จวบจนประตูความรักนั้นได้เปิดขึ้นอีกครั้ง และเขาเชื่อว่ามันจะเป็นรักสุดท้ายของชยิน เพราะตั้งแต่ร่วมเป็นร่วมตายกันมา เขาไม่เคยเห็นอีกฝ่ายออกไล่ล่าความรักอย่างเอาเป็นเอาตายแบบนี้มาก่อน
ทั้งชยินและซาเยร์ยืนรอการปรากฏตัวของแพทย์หญิงวริสาด้วยความรู้สึกไม่แตกต่างกันมากนัก ตลอดการรอคอยด้วยระยะเวลาเพียงไม่กี่นาที ทว่าในความรู้สึกของชายหนุ่ม กลับยาวนานราวกับเวลาที่เดินอยู่นั้นผ่านไปแล้วนับชั่วโมง จนทำให้คนรอเริ่มร้อนรุ่มใจ
ดวงตาคมกริบเพ่งมองยอดหญ้าตรงปลายเท้าเลื่อนไปมองกิ่งไม้แห้ง แล้วเลยไปยังใบไม้ร่วงหล่นอยู่ในบริเวณ ก่อนจะหยุดอยู่ที่รองเท้าผ้าใบสีขาวสะอาดตา ซึ่งผู้สวมมันกำลังเดินย่ำอยู่บนยอดหญ้าด้วยจังหวะการก้าวย่างอย่างกระฉับกระเฉง...
ชยินไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของรองเท้าผ้าใบ นอกจากพยายามบอกตัวเองให้ระงับความตื่นเต้นไว้ ชายหนุ่มยิ้มทั้งยังก้มหน้าอยู่อย่างนั้น ในขณะหัวใจเต้นตึกตักจนรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนไปตามจังหวะการเต้นของมัน
แม้จะเตรียมตัวเตรียมใจรวมถึงเตรียมคำพูดมาอย่างดี แต่พอเอาเข้าจริงๆ ชยินกลับลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปจนหมดสิ้น เมื่อสมองเริ่มขาวโพลนเพราะถูกความตื่นเต้นครอบงำ ขณะกำลังลำดับคำพูดเจ้าของรองเท้าผ้าใบที่กำลังทำให้หัวใจของเขาเต้นกระหน่ำชนิดเลือดฉูบฉีดเต็มอัตราก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าในระยะห่างเพียงเอื้อมมือถึง
ชายหนุ่มพยายามระงับความตื่นเต้นโดยการมองไล่ขึ้นไปช้าๆ พร้อมกันนั้นเขาก็นึกหาคำพูดอันไพเราะเสนาะหูที่คิดว่าหากเอ่ยออกไปแล้ว มันจะต้องสร้างความประทับใจให้กับเธอ...
ในขณะชยินรู้สึกราวกับตัวเขากำลังยืนอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้นานาพรรณ กลิ่นหอมอ่อนๆ จากน้ำหอมชั้นดีที่ลอยมาแตะจมูกทำให้ชายหนุ่มเผลอสูดดมแล้วลอยละล่องไปกับความหอมอันละมุนละไม ยามสายลมพัดโชยมาสัมผัสกับผิวกายเขาก็ยิ่งเคลิบเคลิ้มไปกับบรรยากาศซึ่งกำลังอบอวลอยู่ในห้วงรัก จนรู้สึกว่าเวลานี้หัวใจของเขากำลังโบยบินอยู่ในมวลอากาศราวกับกลีบดอกไม้ปลิดปลิวอยู่ในกระแสลม
ให้ตายเถอะ...ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าความรักกำลังทำให้โลกหยุดหมุนไปชั่วขณะ ชายหนุ่มบอกตัวเองแล้วปล่อยความรู้สึกให้ล่องลอยอยู่ในหัวงความฝัน และเป็นความฝันอันแสนหวาน...
ขณะชยินกำลังดื่มด่ำอยู่กับความรักที่ใกล้สมหวัง ด้านซาเยร์ก็กำลังยืนปลงอนิจจังให้กับความจริงที่ผู้เป็นนายกำลังจะเผชิญในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า...ดวงตากึ่งขบขันกึ่งเห็นใจมองคนร่างใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าหญิงสาวร่างอรชรแล้วถอนใจ...ดังเฮ้อ!
“สวัสดีครับ...หมอ...” ชยินเงยขึ้นพอเห็นคนตรงหน้าเต็มตา ถ้อยคำมากมายที่เขาตั้งใจจะพูดออกไปถูกกลืนกลับลงคอ ดวงตาหวานฉ่ำเปลี่ยนเป็นเบิกกว้าง ในขณะริมฝีปากอ้าค้างอยู่อย่างนั้น...และมันก็ทำให้โลกที่เพิ่งหยุดหมุนเปลี่ยนเป็นโคลงเคลงในความรู้สึกของชายหนุ่ม ชยินมองหญิงสาวที่ปรากฏชัดเต็มตาด้วยสีหน้าทั้งตกใจและงุนงง ก่อนจะหันไปทาง ซาเยร์แล้ววกกลับมาจ้องเธอใหม่...
“สวัสดีค่ะ...คุณต้องการพบดิฉันเหรอคะ” เธอทักทายเขาด้วยสีหน้างุนงงไม่ต่างกัน
“เอ่อ...ผมต้องการพบหมอลีครับ”
“ค่ะดิฉันคือหมอลี ไม่ทราบคุณมีธุระอะไรกับดิฉันหรือคะ”
“เอ่อ...ผมคิดว่าน่าจะมีการเข้าใจผิดคือ...หมอลีที่ผมต้องการพบคือแพทย์หญิงวริสาครับ” คำพูดของชายหนุ่มทำให้คนที่กำลังงุนงงกับการปรากฏตัวของเขา ร้องอ๋อขึ้นมาทันที
“อ้อ...คุณหมอลี” หญิงสาวทวนชื่อบุคคลที่อีกฝ่ายต้องการพบ แล้วยิ้มกว้างออกมาในขณะมองคนตรงหน้าด้วยสายตาที่คนถูกมองรู้สึกได้ไม่ยากว่า เวลานี้สีหน้าเต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลายของเขาคงตลกไม่น้อยในสายตาของเธอ
“ใช่ครับ...ผมต้องการพบคุณหมอ ไม่ทราบว่าเธอสะดวกไหม” เขารู้สึกเหมือนเสียงของตัวเองที่เปล่งออกไปนั้นแผ่วเบาราวกับคนหมดแรง
“หมอลีไม่ได้ร่วมเดินทางมากับคณะของเราค่ะ พอดีมีเหตุสุดวิสัยทำให้แพทย์ที่ต้องเดินทางไปเคนย่าถอนตัวกะทันหัน โชคดีที่หมอลีขอวีซ่าสำรองไว้ทางเราจึงเปลี่ยนให้คุณหมอ ร่วมเดินทางไปกับคณะอาสาสมัครที่เดินทางไปเคนย่าค่ะ” พอได้ยินว่าวริสาเปลี่ยนเส้นทาง ชยินถึงกับหูอื้อตาลายไปกับความผิดหวังที่โถมเข้ามาอย่างฉับพลันนั้น
“เธอไม่ได้อยู่ที่นี่เหรอครับ...” ชายหนุ่มแทบไม่ได้ยินคำถามของตัวเอง รวมถึงคำตอบของคนที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าก็ด้วย แต่กระนั้นเขาก็ยังสอบถามถึงรายละเอียดของอาสาสมัครแพทย์อีกกลุ่ม
หลังจากได้รับข้อมูลเกี่ยวกับหน่วยแพทย์อาสาที่เดินทางไปเคนย่า ชยินยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ในขณะหญิงสาวชื่อเดียวกับวริสาเดินกลับเข้าไปในเต้นท์ ดวงตาเต็มไปด้วยความหวังหลุบลงมองยอดหญ้าตรงปลายเท้าด้วยความรู้สึกแตกต่างไปจากเดิมชนิดหวานเป็นขม
“ผู้กองจะเอายังไงต่อ แต่ผมว่าเราน่าจะกลับไปตั้งหลักกันใหม่ คราวนี้คงต้องดูฤกษ์ดูชัยก่อนเดินทาง” ซาเยร์เอ่ยขึ้นหลังจากปล่อยให้ผู้เป็นนายดื่มด่ำกับความผิดหวังอยู่ครู่ใหญ่
“ฉันจะไปเคนย่า แกช่วยโทร.แจ้งเลขาฯ จัดการเอกสารเกี่ยวกับการเดินไปที่นั่นให้เร็วที่สุด ฉันจะกลับไปรอที่โรงแรม” แม้จะเพิ่งลิ้มรสความผิดหวัง แต่เมื่อตั้งใจว่าจะตามเธอไปในทุกๆ ที่ ชยินจึงไม่คิดย่อท้อกับอุปสรรค์ที่กำลังดาหน้าเข้ามาทดสอบ
“ผู้กองเอาจริงเหรอครับ”
“แกเห็นฉันเป็นคนเล่นๆ หรือไง”
ซาเยร์มองท่าทางจริงจังของเจ้านายด้วยความเห็นใจ แม้ลึกๆ เขาจะไม่เห็นด้วยกับการที่ชายหนุ่มกำลังวิ่งตามความรักอย่างไร้ทิศทาง แต่เมื่ออีกฝ่ายยังยืนยันจะเดินหน้า เขาจึงไม่พูดอะไรอีกนอกจากแจ้งความประสงค์นั้นไปยังเลขาฯ และไม่ลืมย้ำไปว่าเอกสารที่ต้องการนั้นเร่งด่วนขนาดไหน ส่วนคนนำทางหลังจากรับค่าจ้างเต็มจำนวน ก็ปฏิเสธที่จะกลับไปพร้อมกันเพราะต้องการอยู่ช่วยงานกลุ่มแพทย์
พอโยนความกดดันไปให้เลขาฯ ซาเยร์เดินตามผู้เป็นนายโดยทิ้งระยะห่างพอสมควร พอถึงรถขณะกำลังจะเปิดประตูฝั่งคนขับเสียงโทรศัพท์ของชยินก็ดังขึ้น ชายหนุ่มเหลือบมองผู้เป็นนายดึงโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าแล้วกดรับสาย ก่อนจะหันหลังพิงกับตัวรถมองผู้คนที่พลุกพล่านอยู่ห่างออกไปไม่ไกลมาก
“ว่าไงลาฟูร์” ชายหนุ่มกรอกเสียงทักทายปลายสายด้วยภาษาฝรั่งเศส
“เซดริก...เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ” ชยินนิ่วหน้าเมื่อได้ยินเสียงร้อนรนดังมาตามสาย
“เกิดอะไรขึ้น”
ถามกลับเสียงเข้มก่อนจะขยับตัว เมื่อได้ยินสิ่งที่ฝ่ายกำลังรายงาน แล้วหันไปมองหน้าคนสนิทที่เปลี่ยนจากอิริยาบถสบายๆ เป็นเตรียมพร้อม ซาเยร์มองสีหน้าเคร่งขรึมอย่างผิดปกติของผู้เป็นนาย พอขยับปากจะถามแต่อีกฝ่ายกางมือเชิงห้ามเสียก่อน
ซาเยร์มองสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเจ้านายด้วยความไม่สบายใจ จวบจนอีกฝ่ายยุติบทสนทนาเขาจึงขยับเข้าไปหาแล้วถาม
“มีเรื่องอะไรหรือครับผู้กอง”
“เตโชถูกลอบยิงระหว่างเดินทางไปลียง” คำบอกเล่านั้นทำให้คนรอคำตอบอย่างจดจ่อรู้สึกตกใจไม่น้อย
“คุณเตโชถูกลอบยิง...เป็นไปได้ยังไง แล้วอาการเป็นอย่างไรบ้างครับผู้กอง” ซาเยร์ถามพลางนิ่วหน้าอย่างฉงนใจกับข่าวที่เพิ่งได้รับ
“อาการไม่น่าเป็นห่วง โชคดีที่ลาฟูร์อยู่ด้วยไม่อย่างนั้นคงแย่” น้ำเสียงของชยินเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด
“มันเกิดขึ้นได้ยังไงครับ”
“ฉันก็ไม่รู้ เราคงต้องรีบกลับฝรั่งเศส” ชายหนุ่มตัดสินใจในทันที
“แล้วหมอละครับผู้กอง”
“ฉันจะส่งคนไปดูแลเธอที่เคนย่า เอาไว้เสร็จเรื่องเตโชค่อยว่ากันใหม่”
“ให้ตายเถอะ...ทำไมฟ้าถึงได้กลั่นแกล้งผู้กองขนาดนี้ ให้มีความรักทั้งทีจะเอากลีบกุหลาบโรยให้หน่อยก็ไม่ได้” ซาเยร์เปรยขึ้นอย่างเห็นใจ
“ถ้าฟ้าจะทดสอบความพยายามของฉันด้วยอุปสรรคเฮงซวยพวกนี้ ฉันก็พร้อมสู้กับมัน ฉันไม่ล้มเลิกความตั้งใจง่ายๆ แน่” ชยินมองอุปสรรคที่เขากำลังเผชิญอย่างไม่ยอมแพ้ แม้เวลานี้เขาจำเป็นต้องถอยก็ตามที
********
พอกลับถึงฝรั่งเศสชยินพยายามควานหาศัตรูในมุมมืดว่าเป็นใคร เพราะนับตั้งแต่ย้ายมาอยู่ฝรั่งเศส แม้ธุรกิจจะรุ่งโรจน์ขนาดไหน แต่งานของเขาก็ไม่ได้สร้างศัตรูทางธุรกิจ ตลอดสองสัปดาห์เขาพยายามไล่ล่าหาคนร้าย จนในที่สุดก็ระแคะระคายว่า หมาที่กำลังลอบกัดพวกเขาเป็นคนของนายพลลอซูซึ่งแทรกซึมอยู่ในกลุ่มผู้ลี้ภัยจากกลุ่มประเทศในแถบเอเซีย ซึ่งเป็นค่ายลี้ภัยที่ได้รับการดูแลจากรัฐบาลฝรั่งเศสเพื่อรอส่งต่อไปยังประเทศที่สาม...
ในขณะชยินแทรกซึมเข้าไปยังค่ายผู้ลี้ภัยในฐานะผู้บริจาครายใหญ่ เขาได้รับสิทธิพิเศษจากรัฐบาลจึงทำให้การเข้าออกเป็นด้วยความสะดวกและได้รับการคุ้มครองราวกับเป็นบุคคลสำคัญ แต่การควานหาเงามืดที่อยู่ท่ามกลางกลุ่มคนหลากหลายเชื้อชาติและภาษาที่มีราวเจ็ดร้อยคนก็ทำได้ไม่ง่ายนัก
แม้จะส่งคนแทรกซึมเข้าไปในฐานะผู้ลี้ภัย แต่ด้วยมีข้อจำกัดหลายอย่างจึงทำให้การทำงานไม่ได้ราบรื่นสักเท่าไรนัก ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องแวะเวียนเข้าไปอยู่บ่อยครั้ง ในรูปแบบของการไปเยี่ยมเยียนและให้ความช่วยเหลือในด้านต่างๆ ตามความจำเป็น และวันนี้ก็เช่นกัน....
หลังกลับจากมอบสิ่งของที่จำเป็นให้กับกลุ่มผู้ลี้ภัย ท่ามกลางบรรยากาศค่อนข้างอบอ้าว ชยินนั่งอยู่ในรถยนต์คันหรู ระหว่างทางเขาเห็นมีรถของหน่วยแพทย์อาสาจำนวนหลายคันติดธงสัญลักษณ์ของประเทศที่เข้าร่วมโครงการ ขับสวนเข้าไปในค่ายผู้ลี้ภัย แต่เขาก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับมันเพราะเห็นภาพเหล่านั้นจนชินตา...ก่อนจะเอนหลังพิงกับเบาะแล้วหลุบเปลือกตาลงอย่างเหนื่อยหน่ายกับความวุ่นวายที่ยังไม่จบสิ้น...
ในขณะชายหนุ่มกำลังถอดถอนใจอย่างเบื่อหน่ายกับวิถีชีวิต ที่ยังคงวนเวียนอยู่กับเส้นทางที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งอย่างไม่สิ้นสุดนั้น อยู่ๆ รถที่ขับมาดีๆ ก็แฉลบลงข้างทางพร้อมกับเสียงกัมปนาทดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“ผู้กองเราถูกลอบยิง” เสียงนั้นเป็นของซาเยร์
“มันยิงมาจากทางไหน ส่งปืนให้ฉันด้วย” ชายหนุ่มถามขณะก้มลงยื่นมือออกไปรับปืนจากคนสนิท
“มาทั้งซ้ายและขวาเลยครับผู้กอง” ตอบหลังจากนิ่งฟังจนรู้ว่าวิถีกระสุนพุ่งมาจากทิศทางใด
“มีจำนวนมากน้อยแค่ไหน”
“ไม่ต่ำกว่าห้าคน” ซาเยร์ตอบอย่างชำนาญ
“พอฝ่าออกไปได้ไหม” ถามสีหน้ากังวล
“ถ้ามันไม่ส่องเราด้วยอาวุธหนักก็พอมีหวังครับผู้กอง แต่ผมว่างานนี้เจ็ดสิบสามสิบ”
“ไอ้เจ็ดสิบสามสิบของแกคืออะไร”
“เจ็ดสิบคือเราตายเรียบครับผู้กอง ส่วนอีกสามสิบเผื่อบาดเจ็บสาหัส” ซาเยร์บอกอย่างอารมณ์ดี
“หน้าสิ่วหน้าขวานจนจะลงนรกอยู่รำไร แกยังมีหน้ามาพูดเล่นอีกนะซาเยร์” แม้จะเผชิญกับภาวะกดดัน แต่ชยินก็รู้สึกผ่อนคลายไม่น้อยกับความขี้เล่นนั้น
“ผมไม่อยากให้ผู้กองเครียดครับ เครียดมากๆ เกิดยิงพลาดมันจะเปลืองกระสุนเปล่าๆ” ชายหนุ่มยักคิ้วปรามาสอีกฝ่ายอย่างทะเล้น
“หุบปากของแก แล้วชี้เป้ามาว่าไอ้พวกลูกหมานั่นมันซุกหัวอยู่ตรงไหน ฉันจะได้ส่งมันไปลงนรกเร็วๆ” คนที่ชีวิตคร่ำหวอดอยู่ในสนามรบออกคำสั่งเสียงเหี้ยม
“สิบสองนาฬิกาสอง บนเนินนั่นหนึ่ง เก้านาฬิกาหนึ่ง แล้วก็ด้านหลังอีกหนึ่ง ผู้กองจะส่องตัวไหนก่อนผมจะได้กระโดดออกไปเป็นเป้าให้” ซาเยร์รายงานอย่างคล่องแคล่ว
“ออกไปเป็นเป้ามันคงถล่มแกจากทุกทิศ จุดที่พวกมันซุ่มอยู่ห่างจากค่ายผู้ลี้ภัยไม่มากนัก ถ่วงเวลามันไว้ก่อนเสียงปืนดังขนาดนี้อีกไม่นานพวกทหารคงมา” ชยินบอกอย่างมีความหวัง ในขณะสายตาจับจ้องไปยังทิศซึ่งมีคนกลุ่มหนึ่ง กำลังฮึกเหิมเพราะคิดว่าตัวเองเป็นมัจจุราชกำลังไล่ล่าคร่าชีวิตผู้คน...
Create Date : 26 เมษายน 2562
Last Update : 26 เมษายน 2562 0:40:22 น.
0 comments
Counter : 797 Pageviews.
Share
Tweet
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.