Bloggang.com : weblog for you and your gang
sansook
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [
?
]
โค้ดนี้เป็นภาพพื้นหลังนำไปวางที่ช่อง Script Area ค่ะ https://youtu.be/K2vg5yDgVX4
Group Blog
สรุป พ.ร.บ.
ความรู้ทั่วไป
ทักทาย
นานาสาระ
วิเคราะห์นะจ๊ะ
ดูดวงกันเถอะ
เก็บมาฝาก
สรุปภาษาไทย
ความรักแม่เอ๊ย
แนวข้อสอบ
แบบทดสอบจิตวิทยา
แนวคิด และมุมมอง
เรื่องเล่า
เคล็ดลับความสวย
เรียงร้อยเรื่องราว
กฎหมายน่ารู้
งาน งาน งาน
รักษาสุขภาพกันเถอะ
เคล็ดลับดีๆ
สรุปแนวข้อสอบหลักสูตรประถมศึกษา
เชิญชวนสู่ธรรมมะ
ฮวงจุ้ยน่ารู้
เมื่อจิตนาการบังเกิด
อสูรพ่ายรัก
แนะนำผลงาน
เรือนรัก - นางรอ
เงาแปร
บรรยากาศสละคาน
คลังข้อสอบ
ดวงไฟในมือมาร
เหลี่ยมรักทรชน
ยั่วรักพยัคฆ์ร้าย
สามนารี
นิยายชุด ภารกิจรัก เรื่องเหนี่ยวหัวใจสุดไกปืน
เกี่ยวกับบริหารงานบุคคลท้องถิ่น
เล่ห์วิวาห์มาเฟีย
ละครเหนี่ยวหัวใจสุดไกปืน
ทวงใจสุดปลายฟ้า
อีบุคสุดแซ่บ
เมษายน 2562
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
18 เมษายน 2562
บทนำ
All Blogs
บทที่ 5
บทที่ 4
บทที่ 3
บทที่ 2
บทที่ 1
บทนำ
Friends' blogs
sansook
Chulapinan
baby_15
ไร่ปลายตะวัน
lovers
ge-or-ge
โมกสีเงิน
tingnoy
พลังชีวิต
Mr.Terran
hangclub
nirin_18
คนผ่านทางมาเจอ
patra_vet
ซ่อนรอยยิ้ม
นิยายฝันหวาน
ป้ามด
รำเพย
นิชนันท์
วัตตรา
Insignia_Museum
Baan_Bualoy
ooseabubbleoo
literature
bigger
ใยไหมเจ้าค่ะ
super novel
นัทธ์
Webmaster - BlogGang
[Add sansook's blog to your web]
Links
BlogGang.com
บทนำ
เหนี่ยวหัวใจสุดไกปืน นิยายลำดับที่1 ซีรีย์ชุด ภารกิจรัก
อักษรา
www.mebmarket.com
ชีวิตของเขาได้อุทิศไว้เพื่อแผ่นดิน แต่หัวใจของเขาได้วางลงตรงแทบเท้าเธอ“นภัสชลยอดรัก...ครั้งหนึ่งผมเคยมอบดอกกล้วยไม้ให้กับคุณ แต่ไม่เคยเอ่ยความในใจ วันนี้ผมจึงไม่อาจเก็บความปลื้มเปรมที่คุณกรุณาตอบรักผู้ชายต่ำต้อยคนนี้ไว้กับตัวเองได้อีกต่อไป...เวลานี้จึงอยากประกาศให้ทุกคนรู้ว่าหัวใจของผมได้ถูกวางลงบนแทบเท้าของคุณแล้ว...และพร้อมที่จะรองรับกับทุกย่างก้าวของคุณและเดินเคียงคู่ไปตลอดกาล...ผมรักคุณ...”
บทนำ
ภาพคนไข้จำนวนมากที่ยืนรอรับการรักษาอยู่หน้าเต้นท์ของหน่วยแพทย์อาสา ทำให้หมอและเจ้าหน้าที่แต่ละคนต่างจดจ่อกับงานตรงหน้า จนไม่มีใครทันสังเกตว่าชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ในอาภรณ์สีทึมที่กำลังเดินปะปนอยู่กับฝูงชนดูต่างจากชาวบ้านโดยทั่วไป เจ้าของดวงตาคมกริบราวมีดโกนจ้องดวงหน้าหวานปนเศร้าของแพทย์หญิงวริสา ก่อนจะขยับหมวกปิดบังใบหน้าขณะเบนสายตาไปยังนายทหารหน้าเข้มกำลังถือดอกกล้วยไม้เดินตรงมาที่เต้นท์
ชยินมองช่อกล้วยไม้ในมือหนาแล้วนิ่วหน้าพร้อมกับยกมือขึ้นกอดอก เพราะนึกสงสัยว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไร ก่อนจะเหลือบมองดวงหน้าหวานละไมของแพทย์หญิงนภัสชลที่เต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวและมุ่งมั่น ด้วยประกายตานับถือในความทุ่มเทของเธอ แล้วเลยไปมองหญิงสาวอีกคนที่เดินอยู่บนถนนสายอุดมการณ์นั้นด้วยประกายตาแบบเดียวกัน
ภายใต้ใบหน้าสวยผุดผาดของแพทย์หญิงวริสาที่ตรึงอยู่ในความรู้สึก กำลังทำให้คนลอบมองอย่างตั้งใจรู้สึกวูบไหวในอารมณ์ ในยามเธอคลี่ยิ้มออกมาขณะถามไถ่อาการของคนไข้อย่างอารี ก็ยิ่งทำให้คนที่แอบมองอยู่เงียบๆ รู้สึกอุ่นวาบตรงกลางหัวใจ
ชายหนุ่มถอนใจออกมาแผ่วเบาเมื่อเห็นพวกเธอยังคงมุ่งมั่นเดินอยู่บนถนนสายอุดมการณ์ ตามสายอาชีพอันทรงเกียรตินั้นไม่เคยเปลี่ยนแม้ว่ากาลเวลาจะหมุนผ่านไปนานสักเท่าไร
ซึ่งต่างจากเขาที่เวลานี้เส้นทางสายอุดมการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้วอย่างสิ้นเชิง ขณะกำลังคิดถึงเรื่องราวเมื่อครั้งอดีต ชยินผุดรอยยิ้มบางๆ ออกมาเมื่อเขานึกถึงช่วงเวลาเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเมื่อครั้งถูกคนของนายพลลอซูถล่มด้วยอาวุธหนัก ดวงตาคมกริบหลุบลงช้าๆ แล้วสูดลมหายใจเข้าปอด เมื่อเสียงปืนดังอื้ออึงอยู่รอบด้านหวนกลับเข้าในมโนสำนึกอีกครั้ง
ในช่วงวินาทีเป็นตายนั้นเขารู้ว่าหญิงสาวที่ซุกอยู่ข้างตัวหวาดกลัวมากมายขนาดไหน แต่เธอกลับครองสติได้อย่างดีเยี่ยม และสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกชื่นชมในความเด็ดเดี่ยวของเธอมากขึ้นทุกขณะก็คือ เมื่อฝ่ายตรงข้ามสาดกระสุนเข้ามาราวห่าฝนเขากลับไม่ได้ยินเสียงหวีดร้องหลุดออกมา นั่นเพราะเธอพยายามกัดฟันข่มความกลัวแล้วหมอบตัวอยู่ในที่ของตน
เวลานั้นแม้อยากดึงร่างบอบบางเข้ามากอดปลอบประโลม แต่เขาก็ทำได้เพียงปล่อยให้เธอซุกตัวอยู่ข้างๆ แล้วปกป้องเธอจนสุดความสามารถ ตลอดการสู้รบอันดุเดือดเขาทำได้เพียงเหลือบมองเธออยู่บ่อยครั้งด้วยประกายตาเต็มไปด้วยความห่วงใย
เสียงปืนที่ดังอื้ออึงอยู่รอบกายทำให้เขามองร่างบอบบางหมอบนิ่งอยู่ข้างตัวอย่างเห็นใจ เธอไม่ควรมาเสี่ยงชีวิตอยู่ในสมรภูมิที่มีความขัดแย้งของคนชาติอื่น...
ดวงตาที่หลุบลงเปิดขึ้นช้าๆ ขณะจับจ้องใบหน้างดงามไม่เคยเปลี่ยน แล้วเลยไปยังมือเรียวที่ครั้งหนึ่งเคยช่วยรักษาชีวิตของเขาไว้...
ดวงตาคมกริบมองทุกอิริยาบถของแพทย์หญิงวริสา แล้วระลึกถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งที่เขาเข้าไปช่วยนายวาริส หลังจากให้คำมั่นสัญญาว่าจะอุทิศทุกลมหายใจเพื่อช่วยเหลือบิดาของเธอ แม้ว่ากว่าจะทำมันสำเร็จเขาเกือบเอาชีวิตไม่รอดเพราะถูกยิงระหว่างฝ่าดงกระสุนออกมาก็ตามที
ขณะได้รับบาดเจ็บสาหัสเพราะถูกกระสุนเจาะเข้าร่างถึงสามนัด ความเจ็บปวดจากพิษบาดแผลทำให้เขาเริ่มถอดใจ ระหว่างวินาทีเป็นวินาทีตายเขาได้ยินเสียงของเตโชตะโกนก้องบอกให้เข้มแข็ง พร้อมกันนั้นเสียงอึกทึกของเฮลิคอปเตอร์ก็ดังแว่วใกล้เข้ามา...
เวลานั้นเขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังนอนอยู่บนพรมแดนระหว่างความเป็นกับความตาย ทุกอย่างรอบกายเริ่มเป็นสีหม่น ดวงตาที่เคยมองเห็นแจ่มชัดค่อยๆ พร่าเลือน ส่วนเปลือกตานั้นก็หนักอึ้งจนลืมแทบไม่ขึ้น...เขาได้ยินเสียงลมหายใจผะแผ่วของตัวเองและได้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งจนรู้สึกสะอิดสะเอียน...
เมื่อแน่ใจว่าอาการสาหัสเกินเยียวยาเขาจึงหลุบเปลือกตาลง แล้วพยายามเรียกเตโชหวังเพียงจะฝากฝังแผ่นดินที่เขารักและเอ่ยคำอำลาน้องชายคนเดียว ระหว่างเฝ้ารอให้เตโชขานรับอย่างจดจ่อ อยู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าเร่งรีบตรงดิ่งเข้ามาพร้อมกับเสียงใสๆ ของใครคนหนึ่งดังกังวานขึ้น
“คุณชยิน...คุณได้ยินฉันไหมคะ”
เสียงนั้นก็ทำให้คนมองเห็นความตายอยู่รำไรนิ่วหน้า ก่อนจะกระตุกยิ้มเพราะคิดว่าเสียงหวานใสดังระฆังแก้วที่ได้ยินคงเป็นเพียงสิ่งที่จิตปรุงแต่งขึ้น...เขาคงรู้สึกผิดต่อเธอ...ชายหนุ่มสรุปได้เพียงเท่านั้น
เมื่อเหตุการณ์ที่เพิ่งประสบรุนแรงจนไม่น่ารักษาลมหายใจของตนได้ ชยินจึงบอกตัวเองว่าเวลานี้จิตวิญญาณของเขาคงหลุดลอยออกจากร่างไปนั่งคุกเข่าเพื่อขอให้เธอยกโทษกับสิ่งที่ได้กระทำลงไป ขณะภาวนาขอให้เธอได้ยินคำขอโทษจากเขา ปลายนิ้วอุ่นๆ ที่แตะแต้มอยู่บนใบหน้าก็ทำให้สติสัมปชัญญะอันลางเลือนหวนกลับคืนมาอีกครั้ง เขาเห็นดวงตาตื่นตระหนกกำลังจ้องมองมาด้วยสายตาอันพร่าเลือน
เวลานั้นเขาบอกไม่ถูกว่าทำไมถึงได้รู้สึกดีใจนักหนาที่ได้ยินเสียงของเธอ...ขณะหลุบเปลือกตาลงด้วยความหนักอึ้ง น้ำเสียงกังวานใสของเธอก็ทำให้เขาพยายามลืมตาขึ้น
“คุณชยิน...อย่าเพิ่งหลับ...มองหน้าฉัน”
วริสาใช้มือตบหน้าของชยินเบาๆ ก่อนจะหันไปขอเครื่องมือทางการแพทย์กับเตโช แล้วเริ่มลงมือรักษาคนเจ็บที่อาการหนักเอาการนั้นอย่างเร่งด่วน
“หมอ...” เขาได้ยินเสียงผะแผ่วของตัวเองร้องเรียกเธอ
“อย่าเพิ่งพูดอะไรค่ะ...อดทนและพยายามรักษาลมหายใจของคุณไว้นะคะ”
คำพูดของหญิงสาวทำให้คนที่พร้อมเดินหน้าสู่ความตายรู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างประหลาด จนทำให้ความรู้สึกเจ็บปวดที่กำลังเผชิญอยู่ผ่อนเบาได้อย่างน่าอัศจรรย์
“รักษาลมหายใจไว้...” ชายหนุ่มทวนคำเสียงแผ่ว
“ใช่ค่ะ...คุณต้องรักษาลมหายใจไว้เพื่อตัวเองนะคะ” วริสาตอบกลับเสียงอ่อนโยน
...รักษาลมหายใจเพื่อตัวเอง...ชยินทวนคำพูดนั้นกับตัวเอง ขณะขบกรามแน่นเพราะรู้สึกปวดหนึบตรงบาดแผล ใบหน้าเผือดซีดหันไปด้านข้างมองเสี้ยวหน้างดงามเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอยู่ในหน้าที่ของตน...ด้วยสติสัมปชัญญะใกล้ลางเลือนเต็มที...
เธอไม่เคยเปลี่ยน...คนที่กำลังดำดิ่งอยู่กับอดีตเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวที่มีความหมายต่อหัวใจ แล้วผุดรอยยิ้มออกมาขณะกระซิบกับตัวเอง...หมอจะรู้ไหมว่าในวันนั้นการที่เขาพยายามรักษาลมหายใจมันไม่ใช่เพื่อตัวเอง หากทั้งหมดทั้งมวลเป็นเพื่อเธอหาใช่ใครอื่น...
และหมอก็คงไม่รู้อีกเช่นกันว่าการผ่าเอากระสุนออกจากร่างกายในวันนั้น นอกจากสองมือนั่นจะช่วยรักษาชีวิตเขาไว้เธอยังได้กำจิตวิญญาณของเขาติดมือไปด้วย แต่ด้วยเป็นเพียงกลุ่มกำลังคนติดอาวุธที่ไร้อนาคตเขาจึงพยายามปฏิเสธความรู้สึกของตัวเอง
เมื่อก่อนเขาเคยคิดว่าการที่ยังจดจำแพทย์หญิงวริสาเป็นเพราะเธอคือคนช่วยชีวิตเอาไว้ รวมถึงรู้สึกผิดที่ดึงเธอเข้ามาเสี่ยงกับสงครามระหว่างชาติพันธ์ แต่พอกาลเวลาผ่านไปความทรงจำเกี่ยวกับเธอก็ยิ่งแจ่มชัด โดยเฉพาะความสวยผุดผาดของดวงหน้าที่ฉายประกายเด็ดเดี่ยวได้อย่างน่าทึ่ง ยิ่งตราตรึงอยู่ในหัวใจแม้วันเวลาจะผ่านไปนานสักเท่าไรก็ตามที
...หลังจากนั่งถามตอบตัวเองมาตลอดสามปี ความทรงจำยังติดตรึงไม่แปรผันนั้นก็ทำให้เขายอมรับในที่สุดว่า...ท่ามกลางสมรภูมิรบอันดุเดือด รวมถึงการต่อสู้เพื่อรักษาลมหายใจในสภาวะความหวังกำลังดับมืด การที่เขารู้สึกเห็นใจและห่วงใยคุณหมอคนสวยหาใช่ความรู้สึกผิด...หากมันคือความรักที่ก่อเกิดขึ้นโดยตัวเขาเองก็ไม่รู้ตัว...
ตลอดเวลาเขาพยายามหักห้ามความคิดถึงที่โบยบินอยู่ในความเพ้อฝัน อีกทั้งเจียมตัวเจียมใจเพราะสถานะของเขาและเธอนั้นแตกต่างกันจนเรียกว่าเส้นขนานก็ไม่ผิด...วันแล้ววันเล่าเขาได้แต่บอกตัวเองว่า...รักเธอไม่ได้...
ทว่าจนแล้วจนเล่าเขาก็ไม่อาจหักห้ามความปรารถนาที่จะละวางกับความต้องการนั้น แต่ด้วยสถานะของเธอที่แตกต่างราวฟ้ากับดินรวมถึงความไม่พร้อมหลายๆ อย่างเขาจึงทำได้แค่เพียงเฝ้ารอเวลาอย่างใจเย็น
จวบจนสถานะทางสังคมของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากผู้กองชยินนายทหารไร้บ้านมาเป็นนักธุรกิจผู้มั่งคั่ง โดยรากฐานเหล่านั้นมาจากเหมืองแร่ทองคำ ซึ่งเป็นเส้นเลือดใหญ่ในการเปลี่ยนอาวุธร้ายใช้ห้ำหั่นแย่งชิงอำนาจ เป็นขุมทรัพย์อันมหาศาลให้กับชีวิตของเขาและคนใต้การปกครอง
หลังจากนายพลอาเชยอมวางอำนาจ รัฐบาลได้เข้ามามีบทบาทในการปกครองมากขึ้น และสิ่งเหล่านั้นก็ทำให้การเมืองการปกครองมีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นตามลำดับ...
เวลานี้ชีวิตของเขากำลังรุ่งโรจน์ ธุรกิจของเขาประสบความสำเร็จในเวลาอันรวดเร็วจนถูกจัดอันดับ ให้เป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรงอันดับต้นๆ ของยุโรปในขณะนี้ ซึ่งต่างจากกลุ่มนายพลลอซูอย่างสิ้นเชิง เพราะนับตั้งแต่บิดาของเขาหันมาจับมือกับรัฐบาล คนพวกนั้นก็หลบลี้หนีหายราวกับไร้ตัวตน แม้จะมีการไล่ล่าเพื่อความมั่นคงในอนาคต แต่พวกเขาก็เร้นกายหายเข้าไปในผืนป่าและไม่มีใครได้ข่าวอีกเลย
เมื่อเห็นว่าฐานะอันแตกต่างทำให้ความรักของเขาและเธอได้ถูกวางอยู่บนเส้นขนาน จนมองไม่เห็นถึงความเป็นไปได้ว่ามันจะสามารถบรรจบกัน แต่เมื่อหันไปมองชายหญิงอีกคู่หนึ่ง...ชยินเบนสายตาไปยังอดีตคู่ปรับที่ก้าวย่างตรงเข้ามาด้วยจังหวะมั่นคง แล้วผุดรอยยิ้มอ่อนละมุนให้กับความรักที่กลั่นจากหัวใจอันกล้าแกร่ง ถูกถ่ายทอดออกมาจากดวงตากำลังจับนิ่งอยู่ที่แพทย์หญิงนภัสชล...
...ภูริช...ชื่อของนายทหารหน้าเข้มที่ดังก้องอยู่ในหัว ทำให้รอยยิ้มของชยินฉีกกว้างกว่าเดิมขณะเจ้าตัวส่ายหน้าน้อยๆ ให้กับความหมายอันลึกซึ้งของชื่อนั้น ชายหนุ่มเบนสายตาไปยังคุณหมอคนงาม ดวงตาคมกริบพินิจดวงหน้าหวานละไมของหญิงสาวผู้กำหัวใจเจ้าอดีตสายลับจอมป่วน ที่เข้ามาก่อกวนจนเกือบได้วางมวยกันอยู่บ่อยครั้ง...
เขารู้ว่าชื่อของคนทั้งสองหนึ่งหมายถึงแผ่นดิน ในขณะอีกหนึ่งหมายถึงท้องฟ้า แม้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำจะไม่มีวันบรรจบกันได้ แต่เมื่อชะตาชีวิตของคนคู่หนึ่งได้ถูกขีดไว้ด้วยพรหมลิขิต ความเป็นไปไม่ได้ก็ถูกเชื่อมด้วยสายฝนที่ชะโลมลงมาจากท้องฟ้า เพื่อชุบชีวิตให้กับผืนดินอันต่ำต้อยและก่อกำเนินสิ่งมีชีวิตให้กับโลกแห่งความรักไปตราบนานเท่านาน
ขนาดฟ้ากับดินยังสามารถเชื่อมกันได้ แล้วทำไมเส้นขนานจะบรรจบกันไม่ได้ หลังจากเห็นว่าทุกข้อจำกัดมีความเป็นไปได้เมื่ออยู่ในโลกของความรัก ชยินจึงบอกตัวเองอย่างมุ่งมั่น เมื่อความรักกำลังสั่งให้เขากลับมาทวงคืนหัวใจแม้ว่าต้องตามล่าไปจนสุดปลายฟ้าเขาก็จะดั้นด้นไขว่คว้ามาให้ได้...
ขณะกำลังยืนทบทวนถึงห้วงเวลาที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิต ชายหนุ่มคลายมืออกขณะจ้องนายทหารหน้าเข้มที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นคู่ปรับ กำลังเดินแหวกกลุ่มชาวบ้านไปยืนประจันหน้ากับแพทย์หญิงนภัสชน ก่อนจะล้วงผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับเหงื่อให้เธอ และภาพนั้นก็ทำให้วริสาและคนที่อยู่ในบริเวณตบมือกันเกียวกราว
“คุณภูริช...ทำอะไร...ฉันกำลังทำงานอยู่นะ”
เขาได้ยินเสียงกระซิบของเธอในขณะดวงตาคู่สวยกวาดมองไปรอบๆ แล้วยิ้มอย่างเขินอาย แต่คำตอบที่ได้กลับมาเป็นดอกกล้วยไม้ช่อใหญ่ถูกวางลงตรงหน้า พร้อมๆ กับเสียงหัวเราะคิกคักรวมถึงเสียงอื้ออึงจากคนรอบข้างเงียบฉับลงทันใด
ชยินมองร่างสูงใหญ่ที่ย่อตัวคุกเข่าลงตรงหน้าของคุณหมอคนสวย แล้วเลิกคิ้วกับการจู่โจมอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยนั้น แล้วใช้มือถูปลายคาง
...ให้ตายเถอะเขาคาดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าในวันที่ตัดสินใจเดินหน้าไขว่คว้าหาความรัก จะเป็นวันที่นายทหารหน้าเข้มนามภูริช กำลังคุกเข่ามอบดอกไม้ช่อใหญ่ให้กับภรรยาของเขา...พร้อมกับคำสารภาพรักอันหวานซึ้ง
ชยินบอกไม่ถูกว่าทำไมเขาถึงรู้สึกตื้นตันกับสิ่งที่ภูริชกำลังกระทำนั้น ชายหนุ่มมองใบหน้าเต็มไปด้วยความรักและศัทธาของแพทย์หญิงนภัสชล ในยามทอดมองไปยังคนรักของเธอด้วยความอิ่มเอิบใจ ก่อนจะเหลือบไปมองดวงหน้านวลเนียนของแพทย์หญิงอีกคนกำลังมองการกระทำนั้นด้วยความตื้นตันยินดี กับสิ่งที่เพื่อนรักได้รับ...จากคนรัก
“หมอผมขอให้คำมั่นว่าในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ความตื้นตันยินดีนั้นก็จะเป็นของคุณเช่นกัน” ชายหนุ่มกระซิบกับตัวเองขณะค่อยๆ เร้นกายเข้าไปในฝูงชน และเดินหายเข้าไปในแนวป่า
ชยินก้าวขึ้นไปนั่งบนรถยนต์คันใหญ่มีสมรรถนะในการขับเคลื่อนอันดีเยี่ยม หลังจากเสียงสตาร์ทเครื่องยนต์ดังกระหึ่มขึ้นคนทำหน้าที่พลขับก็หันไปจ้องใบหน้าหล่อเหลาหากเรียบเฉยแล้วเอ่ยขึ้น
“ผู้กองไม่คิดจะไปทักทายพวกเขาเหรอครับ”
“ไม่ละ...ฉันไม่อยากให้หมอตกใจจนไม่มีสมาธิรักษาคนไข้” ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบ
“คุณหมอยังเหมือนเดิมทุกอย่าง” คนที่คอยติดตามความเคลื่อนไหวของหญิงสาวมาหลายเดือนรายงาน
“ฉันรู้...ว่าเธอยังคงยึดมั่นในอุดมการณ์และทำหน้าที่หมอได้อย่างน่าชื่นชม” พูดพร้อมกับถอนใจยาว เมื่อนึกถึงใบหน้าสวยผุดผาดที่มีความมุ่งมั่นไม่เปลี่ยนแปลง
“เท่าที่ผมสืบได้คุณหมอยังไม่มีคนรัก ทั้งๆ ที่มีคนพยายามขอโอกาส ผู้กองว่ามันน่าแปลกไหม”
“การที่เธอไม่มีคนรักมันน่าแปลกตรงไหน” ถามพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้น
“ก็แปลกตรงเธอไม่สนใจใครนะสิครับ จากข้อมูลที่สายรายงาน คนเข้ามาจีบเธอล้วนมีฐานะและตำแหน่งการงานในระดับไม่ธรรมดา”
“บางทีเธออาจกำลังรอใครสักคน” ชยินเบนสายตาออกไปนอกตัวรถแล้วอมยิ้มน้อยๆ เมื่อความคิดกำลังยิงทุกอย่างเข้าหาตัวเอง
“หวังว่าใครสักคนนั้นคงไม่ใช่...” ซาเยร์หยุดพูดหันไปมองรอยยิ้มละมุนละไมของผู้เป็นนายแล้วพูดต่อ “ผู้กองอย่าบอกนะครับว่ากำลังคิดเข้าข้างตัวเอง”
คำพูดนั้นทำให้คนกำลังเคลิบเคลิ้มกับความฝันลมๆ แล้ง รู้สึกเหมือนถูกใครสักคนถีบลงจากที่สูง “แล้วการที่ฉันคิดเข้าข้างตัวเองมันผิดตรงไหน”
“มันก็ไม่ผิดหรอครับ ผมแค่เป็นห่วงว่าเกิดมันไม่เป็นอย่างที่ผู้กองมโนมันจะทำให้ผิดหวังเปล่าๆ”
“เอาเถอะถึงมันจะเป็นอย่างที่ฉันคิดหรือไม่ก็คงไม่มีความสำคัญอีกต่อไป เพราะเมื่อไรที่ฉันเดินเข้าไปขอความรักจากเธอเมื่อนั้นหัวใจของเธอก็จะเป็นของฉัน” ตอบกลับไปด้วยความเชื่อมั่นเต็มเปี่ยม
“ดูเหมือนผู้กองจะเชื่อมั่นเหลือเกินนะครับว่าคุณหมอจะตอบรับความรักนั้น”
“ฉันเชื่อมั่นว่าความรักของฉันจะต้องนำทางและพาหัวใจของเธอมาในที่สุด”
“แล้วถ้าเกิดว่ามันไม่เป็นอย่างที่คิดละครับ”
“แกคอยดูเถอะซาเยร์ คนอย่างฉันไม่เคยรักผู้หญิงคนไหนมาก่อน เมื่อหัวใจฉันเลือกหมอฉันก็พร้อมทำทุกอย่างเพื่อล่าหัวใจของเธอ” น้ำเสียงของชยินเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
“ถ้าผู้กองมุ่งมั่นขนาดนั้นผมก็พร้อมเดินหน้าเต็มกำลัง ว่าแต่ผู้กองจะเริ่มต้นยังไง”
“เอาไว้ถึงเวลาแกก็จะได้เห็นเอง...”
ตอบพร้อมกับอมยิ้มน้อยๆ เมื่อนึกถึงฉากสารภาพรักของผู้กองหน้าเข้ม ที่เขาคาดไม่ถึงว่านายทหารผู้ทรงเกียรตินายหนึ่ง จะยอมคุกเข่าให้กับผู้หญิงอันเป็นที่รักท่ามกลางฝูงชน ชนิดไม่หวาดหวั่นสักนิดหากใครสักคนจะมองว่าการกระทำนั้นมันจะทำให้ศักดิ์ศรีของบุรุษเพศลดน้อยลง
Create Date : 18 เมษายน 2562
Last Update : 22 เมษายน 2562 10:17:47 น.
1 comments
Counter : 649 Pageviews.
Share
Tweet
มาแล้วจ้า "นวนิยายรักสุดฟิน ภาคต่อ เหนี่ยวหัวใจสุดไกปืน"
ถ้าคุณเคยฟินกับผู้กองภูริช กับหมอ นภัส
อักษราต้องขออภัยถ้าจะทำให้คุณฟินกับ ผู้กองชยินและหมอลี จนหมอนกระจุย
โดย:
sansook
วันที่: 18 เมษายน 2562 เวลา:15:19:16 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
ถ้าคุณเคยฟินกับผู้กองภูริช กับหมอ นภัส
อักษราต้องขออภัยถ้าจะทำให้คุณฟินกับ ผู้กองชยินและหมอลี จนหมอนกระจุย