sansook
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]




คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โค้ดนี้เป็นภาพพื้นหลังนำไปวางที่ช่อง Script Area ค่ะ https://youtu.be/K2vg5yDgVX4
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2553
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
21 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add sansook's blog to your web]
Links
 

 

ตอนที่ ๒ เผชิญปัญหา




ชายร่างกำยำหยุดนิ่งอยู่กับที่เมื่อเห็นอาวุธในมือของหญิงสาวตรงหน้า เมื่อเห็นท่าทางเอาเรื่องของเธอคนทั้งสามต่างหันไปมองหน้ากันและกันเหมือนขอมติว่าจะรุกไปข้างหน้าหรือล่าถอยเพื่อดูสถานการณ์ แต่ก่อนที่จะมีใครทันได้ตัดสินใจเสียงของผู้เป็นนายก็แผดขึ้น

“ไอ้พวกเฮงซวยฉันบอกให้ไปลากตัวนังนั่นมาพวกแกหูแตกหรือยังไง”

“แต่...คุณดนุ..ผู้หญิงคนนั้นมีอาวุธนะครับ”

ลิ่วล้อหนึ่งในสามหันไปบอกเจ้านายด้วยน้ำเสียงอันนอบน้อม

“อะไรกัน..อย่าบอกนะว่าพวกแกกลัวขวดในมือแม่นั่น”

ดนุเดชปรายตามองลูกน้องทั้งสามประกายตากราดเกรี้ยวและดูแคลน

“ผมไม่ได้กลัวหรอกครับคุณดนุแต่ที่ไม่อยากทำอะไรรุนแรงเพราะกลัวเธอมีบาดแผลต่างหาก”

ชายคนเดิมตอบกลับน้ำเสียงอ่อยๆ เพราะพวกเขารู้ดีว่าถ้าพลั้งมือทำเรือนร่างของสตรีที่เจ้านายพึงใจมีริ้วรอยผลที่จะได้รับมันจะเป็นเช่นไร

“ฉันไม่สนหรอกว่าพวกแกจะได้ตัวแม่นั่นมาสภาพไหน...ไปลากมันมา”
เสียงเกรี้ยวกราดของชายหนุ่มยังคงดังดีไม่มีตก

“แล้วแกคิดเหรอว่าฉันจะยอมให้พวกแกลากไปง่ายๆ ไอ้พวกหน้าตัวเมีย”
และเสียงใสๆ ของสตรีผู้เป็นเป้าหมายก็แผดขึ้นมาบ้าง

“ไอ้ดาว....แกจะไปต่อล้อต่อเถียงกับมันทำไม๊”

วิกานดาถลาเข้าไปเอามืออุดปากเพื่อนไว้แทบไม่ทันเมื่อเห็นว่าวาจาของเจ้าหล่อนกำลังเพิ่มดีกรีของความขัดแย้งให้ระอุขึ้น

“แกจะบ้ารึไงไอ้ต้อย”

หญิงสาวสะบัดตัวพร้อมกับแกะมือของเพื่อนออก

“พวกแกจะยืนรอให้แม่นั่นด่าแม่แกก่อนรึไง...ฉันบอกให้ไปลากมันมา...”

และดีกรีความรุนแรงก็เริ่มขึ้นเมื่อชายร่างใหญ่ทั้งสามพุ่งทะยานเข้าหาเป้าหมายทันทีที่คำสั่งของผู้เป็นนายจบลง

เสียงหวีดร้องของผู้หญิงดังขึ้นเมื่อเห็นชายร่างใหญ่สามคนพุ่งเข้ารุกรานหญิงสาวร่างเปรียว ไม่มีใครกล้าขยับเพราะเกรงอาวุธร้ายที่อีกฝ่ายถือคุมเชิงอยู่
หลายคนยกมือปิดหน้าเพราะไม่อาจทนดูภาพหญิงสาวผู้น่าสงสารถูกรังแก มีเสียงจิ๊จ๊ะและสบถอย่างมีอารมณ์ของผู้ชายเมื่อเริ่มทนไม่ได้กับการกระทำของบุรุษเพศที่กำลังใช้กำลังกับสตรีผู้อ่อนแอ

ถึงจะมีเสียงที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของชายหนุ่มร่างโย่งแต่ก็ไม่มีใครกล้าแสดงตัวเป็นพระเอกเพราะคนส่วนใหญ่รู้ดีว่าคนที่กำลังกร่างมีอิทธิพลขนาดไหน

ผัวะ!...โครม!....เพล้ง!

เมื่อชายร่างใหญ่พุ่งเข้ามาพริบพันดาวอาศัยความคล่องตัวจากการฝึกฝนหลบหลีกก่อนจะทั้งเตะทั้งต่อยทั้งทุ่มอีกฝ่ายด้วยอาวุธที่พอจะหยิบฉวยได้ ในขณะที่วิกานดาอาศัยความว่องไวและพละกำลังคว้าหมับไปที่เก้าอี้แล้วกระหน่ำฟาดลงบนตัวของผู้รุกราน หญิงสาวทั้งสองใช้ความรวดเร็วและแม่นยำเข้าห้ำหั่นกับคู่กรณีจนแต่ละคนเริ่มร่วงลงพื้น

เสียงผัวะและเสียงวัตถุหนักๆ ที่กำลังปลิวกันให้ว่อนสร้างความรู้สึกหดหู่ใจให้กับคนที่ยืนปิดหูปิดตาแล้วซุกตัวอยู่ในมุมมืดเป็นอย่างมาก หลายคนคิดว่าสุภาพสตรีหน้าตาน่ารักคงถูกอัดจนยับเยินไปแล้ว

“โอ๊ย....!”

หลายคนรู้สึกฉงนใจไม่น้อยเมื่อเสียงโครมครามเงียบลงแต่เสียงร้องโอดโอยกลับไม่ใช่เสียงสุภาพสตรีอย่างที่คิด

มีเสียงหึ...และรอยยิ้มจากคนที่ยืนลุ้นอยู่โดยรอบเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ที่ต่างกังวลไม่ได้เป็นอย่างที่นึกภาพไว้ พอได้ยินเสียงคล้ายโล่งใจพ่นออกมาจากรอบทิศหลายคนที่ยืนหลับหูหลับตาเริ่มใจชื้นขึ้นเพราะคิดว่าอาจจะมีอัศวินมาดเข้มกระโดดลงไปช่วยคลี่คลายสถานการณ์

เมื่อเสียงร้องแสดงความเจ็บปวดของผู้ได้รับบาดเจ็บที่ดังขึ้นเป็นเสียงทุ้มของผู้ชายถึงสามคน หลายคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างแอบปรบมือให้กับหญิงสาวร่างเปรียวหน้าหวานกับหญิงสาวอีกคนที่ดูจัดจ้านไปทั้งตัวที่กำลังยืนหอบน้อยๆ เมื่อสอยพ่อร่างใหญ่สามคนลงไปกองบนพื้นได้สำเร็จ

ดนุเดชถึงกับกัดกรามแน่นเมื่อเห็นลิ่วล้อร่างใหญ่กลิ้งโค่โร่อยู่ตรงพื้นในสภาพที่เห็นแล้วบอกได้คำเดียวคือ...เซ็ง!....

“ไอ้พวกใจเสาะไม่ได้เรื่องสักคน...แค่ผู้หญิงคนเดียวพวกแกไม่มีปัญญาทำอะไรเลยหรือไง”

ชายหนุ่มหน้าเข้มตวาดเสียงดังจนลั่นผับเมื่อเห็นบรรดาลิ่วล้อทั้งหลายนอนระเนระนาดจนน่าอนาถใจ ชายหนุ่มเข่นเขี้ยวเดินเข้าไปถีบร่างของลูกน้องที่นอนโอดโอยขวางทางอย่างเดือดดาล

“ถอยไปให้พ้น”

พอได้รับคำสั่งให้ล่าถอยบรรดาหนุ่มล่ำทั้งหลายก็ถึงกับพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ แล้วถอยร่นไปด้านหลัง

“เธอรู้มั้ยว่ากำลังเล่นอยู่กับใคร...รู้มั้ยว่าคนอย่างฉันถ้าจะฆ่าใครสักคนมันไม่ใช่เรื่องยากเลย”

พริบพันดาวหันไปคว้าขวดเบียร์ที่วางอยู่โต๊ะข้างๆ ขึ้นมากระชับไว้ในมือ
“เธอคิดเหรอว่าไอ้ขวดนั่นมันจะทำอะไรฉันได้”

ดนุเดชปรายตามองขวดเบียร์ในมีเรียวเล็กอย่างดูแคลน

“วางไอ้นั่นลง”

ชายหนุ่มเล็งวัตถุสีดำทะมึนไปทางหญิงสาวผมหยิกพร้อมกับออกคำสั่ง
“แน่จริงอย่าใช้เครื่องทุ่นแรงสิ”

วิการดากระชับเก้าอี้ในมือไว้แน่นก่อนจะท้าทายอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกที่ไม่เต็มร้อยสักเท่าไร

“ฉันยังไม่อยากฆ่าเธอถอยออกไป...ส่วนแม่นั่นวันนี้ฉันไม่ปล่อยให้เธอลอยนวลแน่”

ดนุเดชปรายตาไปทางวิกานดาและออกคำสั่ง ก่อนจะหันไปตวาดใส่หน้าหญิงสาวอีกคนพร้อมกับส่ายอาวุธในมือข่มขู่

“ดาว! ต้อย!”

หนึ่งจันทร์ที่เพิ่งมาถึงตะโกนเรียกน้องกับหญิงสาวอีกคนน้ำเสียงตื่นๆ

“ทำไมต้องเอาปืนขึ้นมาขู่กันด้วยมีอะไรค่อยๆ พูดค่อยๆ คุยกันสิ”

หญิงสาวที่เพิ่งเข้ามาตวัดสายตาไปจ้องหน้าหนุ่มเลือดร้อนก่อนจะเริ่มเปิดการเจรจา

“ถ้าไม่อยากเป็นศพก็ถอยไป ”

แต่ดูเหมือนพ่อหนุ่มเลือดร้อนจะไม่นิยมยึดหลังอหิงสาแต่อย่างใด

“คุณจันทร์ถอยออกมาก่อนดีกว่าเรื่องแค่นี้น้องดาวคงจัดการได้”

กิตติทัตที่พอประเมินสถานการณ์ได้รีบคว้าข้อมือของแฟนสาวแล้วดึงเธอออกห่างจากจุดอันตราย

“แต่...พี่กิตผู้ชายคนนั้นมีปืนนะคะ”

หญิงสาวบอกอย่างกังวล

“ก็แค่ปืนไม่ใช่ระเบิดสักหน่อยเอาน่าไม่คณามือน้องดาวหรอก...”

ชายหนุ่มบอกยิ้มๆ ก่อนจะเดินไปยืนอยู่อีกด้านแล้วรอดูผลงานของว่าที่น้องภรรยาอยู่เงียบๆ

“หึ...ฉันก็อยากจะรู้ว่าไอ้ที่อยู่ในมือเธอกับในมือฉันอันไหนมันจะสร้างหายนะได้มากกว่ากัน”

เมื่อด่านหน้าล่าถอยดนุเดชที่เริ่มฮึกเหิมกับอาวุธในมือปรายตามองอาวุธในมือของหญิงสาวอย่างดูแคลน ก่อนจะเข่นเขี้ยวถามอย่างมีอารมณ์ขณะย่างเท้าเข้าไปหาหญิงสาวหน้าหวานด้วยท่าทางที่มาดมั่นในชัยชนะ

ผัวะ....โอ๊ย!

ชายหนุ่มที่กำลังฮึกเหิมในความเก๋าของตัวเองถึงกับชาวาบไปทั้งศีรษะเมื่อมีบางอย่างฟาดลงมาอย่างแรง

“แก....แกกล้าดียังไงถึงมาตีหัวฉัน...หาที่ตายชัดๆ”

มือหนากำปืนแน่นพร้อมกับส่องปลายกระบอกไปทางหญิงสาวหน้าหวานที่เพิ่งใช้ขวดแพ่นกระบาลของเขาด้วยความโกรธที่พุ่งจนทะลุปรอท แต่ก่อนที่จะทันลั่นไกปลายเท้าของแม่สาวหน้าหวานก็ตวัดฟาดเข้ากับแขนของเจ้าหนุ่มเลือดร้อนด้วยความเร็วที่ไม่มีใครคาดคิด หญิงสาวเตะปืนที่ตกลงพื้นไปอีกทางก่อนจะตวัดปลายเท้าเข้ายอดคางของชายหนุ่มหน้าเข้มแบบจังๆ ไปอีกหนึ่งที

“คุณดนุ! “

บรรดาลิ่วล้อร่างใหญ่ถึงกับเบิกตาโพลงแล้วเรียกชื่อผู้เป็นนายเสียงดังลั่นเมื่อเห็นร่างโปร่งของเจ้านายทรุดฮวบลงพื้น และจากสภาพของเจ้าหนุ่มเลือดร้อนที่ศีรษะอาบไปด้วยเลือดสร้างความหวาดผวาให้กับหนุ่มล่ำทั้งสามจนไม่มีใครกล้าคิดที่จะต่อกรกับแม่สาวตรงหน้าอีก

“พาคุณดนุไปโรงพยาบาลก่อนเร็ว”

ชายร่างใหญ่หนึ่งในสามหันไปบอกเพื่อนน้ำเสียงร้อนรน

“ไม่ต้อง...แกกล้าดียังไงถึงมาทำกับฉันแบบนี้....ก็ได้ถ้าแกอย่างมีเรื่องเดี๋ยวฉันจัดให้...”

ดนุเดชที่ความโกรธพุ่งขึ้นจนทะลุจุดเดือดปัดมือลูกน้องออกก่อนจะผุดลุกขึ้นชี้หน้าคู่กรณีแววตาเอาเรื่อง

“ดาว! พี่ว่าพอเถอะ”

หนึ่งจันทร์รีบเข้าไปดึงแขนน้องสาวเมื่อเห็นว่าเหตุการณ์กำลังบานปลายขึ้นทุกขณะ

“จะให้กลับยังไงพี่ดูไอ้นั่นสิ”

พริบพันดาวชี้มือไปยังชายร่างโย่งที่ยังคงเฮี้ยนไม่เลิก

“พี่กิต! เราจะทำยังไงกันดีคะจันทร์ว่าเราโทรไปแจ้งความดีกว่าไหม”

หนึ่งจันทร์ปรายตาไปทางคู่กรณีของน้องสาวสีหน้าหวาดหวั่นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมเลิกราง่ายๆ

“ตำรวจจะเอาอยู่ไหมนั่นจันทร์คงไม่รู้จักเจ้านั่นล่ะซี”

กิตติทัตส่ายหน้าไปมาอย่างหนักใจด้วยความที่เป็นนักเที่ยวเขาจึงพอรู้ว่าชายหนุ่มหน้าเข้มเป็นใครและร้ายกาจขนาดไหน...

แต่ก่อนที่จะมีการเจรจาสงบศึก เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาทก็เดินแหวกฝูงชนเข้ามาพอดี นายตำรวจชั้นประทวนทั้งสองถึงกับหน้าเผือดซีดเมื่อเห็นคนที่ยืนหน้าตาถมึงทึงชัดๆ เต็มตา ทั้งสองพ่นลมหายใจออกมาเมื่อรู้ว่าตนกำลังเผชิญอยู่กับอะไร

ถึงจะหวั่นๆ กับความร้ายกาจของชายหนุ่มตรงหน้าที่มักจะสร้างปัญหาอยู่เนืองๆ แต่นายตำรวจทั้งสองก็ไม่มีทางเลือกนอกจากจะพยายามไกล่เกลี่ยให้ทั้งคู่หันหน้าพูดคุยกัน แต่ชายหนุ่มผู้เสียเลือดกลับไม่ยอมยุติความเดือดดาลและยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เมื่อไม่รู้จะทำยังไงผู้พิทักษ์สันติราษฎ์ทั้งสองจึงเชิญทั้งหมดไปตกลงที่สถานีตำรวจ


ร้อยเวรหนุ่มหน้าแฉล้มนั่งมองบันทึกในมือพลางเหลืบตามองดวงหน้าหวานละมุนที่กำลังยิ้มน้อยๆ อยู่เบื้องหน้าด้วยหัวใจที่ไหวระทึก ตั้งแต่เป็นตำรวจเขายังไม่เคยพบผู้ต้องหาหน้าตาสะสวยแบบนี้มาก่อน นายตำรวจหนุ่มนั่งกระสับกระส่ายเหมือนเก้าอี้ที่นั่งอยู่ร้อนรุมดังถูกสุมด้วยไฟเมื่อปรายตาไปมองหน้าผู้เสียหายที่กำลังกดผ้าสีขาวห้ามเลือดบนศีรษะ

ดนุเดช พิทยะสรชาติ บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของนักการเมืองระดับชาติที่กำลังกุมอำนาจด้านกลาโหมกำลังทำให้เขาหนักใจจนทำอะไรแทบไม่ถูก นายตำรวจหนุ่มช้อนตามองหญิงสาวรูปร่างเปรียวใบหน้าหวานปานน้ำผึ้งอีกครั้งแล้วถามตัวเองว่า...สาวงามที่เห็นเป็นคนเดียวกับแม่สาวเลือดร้อนที่เพิ่งสร้างหายนะมาหมาดๆ จริงหรือ....

“หมวดลื้อจะจ้องหน้าแม่นั่นให้มันท้องเหมือนปลากัดรึไงรีบจัดการเอาไปเข้าซังเตสิ”

ชายหนุ่มร่างโย่งผู้มีอิทธิพลอยู่เต็มมือตะคอกออกมาเมื่อเห็นทางเจ้าหน้าที่ยังคงนั่งเฉย

“ใจเย็นๆ ก่อนซีครับคุณดนุเดชทางเราต้องฟังคำให้การของอีกฝ่ายด้วยเพื่อให้เกิดความยุติธรรมกับทั้งสองฝ่าย”

“โธ่เว๊ย! จะไปฟังคำแก้ตัวมันทำไมลื้อตาบอดเรอะ...ไม่เห็นหรือไงว่าแม่นั่นมันแพ่นกบาลอั๊วะซะแทบแยก”

ร้อยเวรหนุ่มหน้าแฉล้มชักเริ่มหนักใจเมื่อเห็นความงี่เง่าของพ่อหนุ่มเลือดร้อนลูกชายของผู้มีอิทธิพลที่อาจจะทำให้ตนก้าวหน้าหรือถอยหลังได้ทุกเมื่อ

“ดิฉันแค่ป้องกันตัว”

พริบพันดาวโต้แย้งข้อกล่าวหาเมื่อเห็นว่าเจ้าโย่งยังแสดงอำนาจบาตรใหญ่
“ป้องกันตัวบ้าอะไรใครไปทำอะไรให้เธอเรอะ”

“ช่างกล้าถาม...โดนฟาดกบาลแค่นี้ถึงกับความจำเสื่อมเลยเหรอ...หรือจะลองอีกสักครั้งถึงจะจำได้”

ร่างเปรียวผุดลุกขึ้นแล้วทำท่าจะถลาเข้าไปอัดเจ้านั่นอีกสักหมัดให้หายหมั่นไส้

“เฮ้ย! ไอ้ดาวใจเย็นๆ สิ”

หญิงสาวผมหยิกที่นั่งเงียบมาพักใหญ่หันไปคว้าข้อมือเรียวแล้วยึดไว้ ใบหน้าสวยเฉี่ยวที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางราคาแพงเหลือบแลไปทางคู่กรณีของเพื่อนสีหน้าหนักใจเมื่อเริ่มนึกได้ว่าใครเป็นใคร

“เห็นไหม...ว่ายัยนั่นมันอารมณ์ร้อนขนาดไหนนิสัยอันธพาลชัดๆ จับมันเข้าซังเตไปเลย”

“แกมันนิสัยดีนักนี่พ่อแม่ใหญ่คับฟ้าหรือยังไงถึงได้หาเรื่องชาวแบบนี้”
แม่สาวเลือดร้อนยังคงต่อล้อต่อเถียงไม่เลิกรา

“ดาว...ฉันถามแกจริงๆ เหอะแกไม่รู้จักอีตานั่นจริงๆ เหรอ”

วิกานดาสะกิดแขนเพื่อนแล้วโน้มตัวลงกระซิบถาม

“หึ...ทำไมแกรู้จักมันเรอะ”

คนถูกสะกิดส่ายหน้าแล้วเหลือบตาจ้องคู่กรณี

“แกไปอยู่โลกไหนมาฮึไอ้ดาว...นั่นน่ะลูกชายรัฐมนตรีกลาโหมคนที่กุมลูกไก่อย่างแกกับฉันอยู่ในมือยังไงเล่า”

วิกานดาถึงกับส่ายหน้าไปมาเมื่อเห็นชะตากรรมของเพื่อนดูท่าจะโดนราหูอมจนดำไปทั้งชาติ

“หา!...ไอ้ต้อยแกว่าอะไรนะ”

พริบพันดาวถามย้ำน้ำเสียงกึ่งตกใจกึ่งไม่เชื่อ

“นั่นน่ะลูกโคตรผู้บังคับบัญชาของเรา”

และคำตอบก็ย้ำชัดจนหญิงสาวหน้าสวยเปลี่ยนเป็นหน้าซีด

“แกล้อฉันเล่นใช่ไหมฮึ....”

ถึงจะรู้สึกใจเสียแต่พริบพันดาวยังมีความหวังเล็กๆ ว่าเพื่อนอาจจะกำลังล้อเธอเล่น

“ใครมันจะกล้าเอาเรื่องบ้าๆ แบบนี้มาล้อเล่นฉันก็ว่าทำไมรู้สึกคุ้นๆ หน้าอีตานั่นพิกลตอนเห็นอยู่ในผับมันมองไม่ถนัดแต่ตอนนี้สว่างซะนาดนี้มันชัดแล้วแกเอ๋ย...”

พริบพันดาวถึงกับเสียวสันหลังวาบเมื่อรู้ว่ากำลังเล่นกับอนาคตด้านการงานของตัวเอง หญิงสาวเหลือบตาไปจ้องหน้าคู่กรณีที่ตอนนี้หัวซีกหนึ่งมีผ้ามีขาวโป๊ะอยู่ด้วยสีหน้าที่ทั้งสะใจและหวั่นใจ

กรี๊ง!......

แต่ก่อนที่ใครจะทันได้ทำอะไรเสียงกริ่งโทรศัพท์ก็ดังขึ้นราวกับรู้ว่านักมวยที่กำลังถูกต้อนจนแทบถูกน็อคกำลังต้องการเสียงระฆังมาช่วยต่อลมหายใจ

“สถานีตำรวจ......ผมร้อยตำรวจตรีธิติพล รับสายครับ”

ร้อยเวรหนุ่มกรอกเสียงไปตามสายพอปลายสายตอบรับใบหน้าที่เคร่งเครียดถึงเผือดซีดเมื่อรู้ว่าตนกำลังพูดอยู่กับใคร นายตำรวจหนุ่มเหลือบตาไปมองหญิงสาวหน้าหวานก่อนจะเลยไปมองชายหนุ่มอีกคนที่กำลังนั่งจ้องหน้าเขาราวกับจะหาเรื่อง

“ครับท่าน”

เกือบสิบนาทีบทสนทนาที่มีเพียงร้อยเวรเท่านั้นที่ทราบก็ยุติลง นายตำรวจหนุ่มวางโทรศัพท์ลงบนแป้นแล้วหันไปเผชิญหน้ากับหญิงสาวหน้าหวานอีกครั้งด้วยสีหน้าที่เห็นชัดว่ากำลังหนักใจมากกว่าเบาใจ

“เชิญคุณพริบพันดาวกลับได้เลยครับ....”

นายตำรวจหนุ่มหันไปบอกพร้อมกับเตรียมหูกระเพื่อมเมื่อรู้ว่าหากอีกฝ่ายได้ยินจะมีผลสะท้อนกลับมาเช่นไร

“อะไรนะ! ให้แม่นั่นกลับงั้นเรอะ...”

และก็ไม่ผิดหวังเมื่อเสียงแผดลั่นของคนที่คาดไว้ก็ดังตามมาติดๆ

“ใจเย็นๆ ครับคุณดนุเดช...”

“ใครมันจะเย็นลง...ลื้อไม่เห็นเรอะว่ายัยนั่นมันตีหัวอั๊วะ....เฮ้ย! ปล่อยซีวะไอ้ตำรวจเฮงซวย...ใครเป็นผู้บังคับบัญชาที่นี่ไปเรียกมาอั๊วะไม่ยอมปล่อยแม่นั่นไปแน่....ยัยตัวแสบ...”

ดนุเดชเริ่มกราดเกรี้ยวจนนายตำรวจที่ยืนอยู่ใกล้ๆ รีบคว้าตัวไว้เพราะเกรงว่าจะเข้าไปทำร้ายหญิงสาวที่นั่งอยู่อีกด้าน เสียงเดือดดาลของชายหนุ่มยังคงแผดลั่นเมื่อเห็นว่าอิทธิพลที่ตนมีไม่อาจเอามาจัดการคู่กรณีได้

“...ขอบคุณมากนะคะหมวดดิฉันขอตัวก่อนดีกว่าค่ะ”

พอหนทางอันมืดมนเปิดกว้างพริบพันดาวที่เริ่มหนาวๆ ร้อนๆ กับอนาคตของตัวเองรีบผุดลุกขึ้นดึงแขนเพื่อนแล้วเดินออกจากห้องไปอย่างรีบๆ เพราะกลัวว่าขืนชักช้าเจ้าโย่งนั่นอาจจะพลิกสถานการณ์ให้เลวร้ายก็เป็นได้ ถึงจะรู้สึกแปลกใจว่าทำไมเธอถูกปล่อยออกมาง่ายๆ ในเมื่อคู่กรณีเป็นถึงลูกชายคนใหญ่คนโตขนาดนั้น

แต่ถึงจะสงสัยพริบพันดาวก็ไม่คิดเสียเวลาไปค้นหาคำตอบ เมื่อปัญหาที่กำลังเผชิญคลี่คลายลงอย่างไม่น่าเชื่อเธอจึงรีบเดินออกไปหาพี่สาวที่กำลังรออยู่ด้านนอกทันที....





 

Create Date : 21 พฤษภาคม 2553
3 comments
Last Update : 21 พฤษภาคม 2553 10:57:12 น.
Counter : 412 Pageviews.

 

ว๊าวๆๆ รอดตัวอย่างหวุดหวิดเลยนะเนี่ย หมวดดาว

 

โดย: Kwanita IP: 58.8.235.154 22 พฤษภาคม 2553 9:50:05 น.  

 

ท่าทางจะหนีรอดได้แค่ตอนนี้นะแหละนะ หมวดดาว

 

โดย: noorunda 23 พฤษภาคม 2553 16:34:29 น.  

 

funny

 

โดย: rujira IP: 180.183.75.240 19 มีนาคม 2554 16:10:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.