แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว และ เวชศาสตร์ป้องกัน ร.พ.พนมสารคาม อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา
เวชศาสตร์ครอบครัวและชุมชน
คนคือทรัพยากรที่สำคัญที่สุดในการบริหารจัดการ
ข่าวสุขภาพที่น่าสนใจ
เรื่องสัพเพเหระที่น่าสนใจ
เรื่องแปลกที่น่าสนใจ
ที่พักข้อมูลไว้เพื่อนำมาลงต่อไป
ข่าวสุขภาพที่น่าสนใจ1
เรื่องสัพเพเหระที่น่าสนใจ1
ข่าวสุขภาพที่น่าสนใจ2
คนคือทรัพยากรที่สำคัญที่สุดในการบริหารจัดการ 1
กลุ่มเรื่องที่น่าสนใจ
เอกสารประกอบการสอน
ข่าวการเมืองที่น่ารู้และควรติดตาม
คนคือทรัพยากรที่สำคัญที่สุดในการบริหารจัดการ2
เรื่องสัพเพเหระที่น่าสนใจ2
รวมข่าววิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี่ที่น่าสนใจ
ข่าวสุขภาพที่น่าสนใจ3
เรื่องแปลกที่น่าสนใจ2
KAP:K-Knowledge,A-Attitude,P-Practise
ชมรมจริยธรรม ร.พ.พนมสารคาม
ข่าวการเมืองที่น่ารู้และควรติดตาม2
<<
กุมภาพันธ์ 2550
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
25 กุมภาพันธ์ 2550
"พาใจไปเที่ยว"การไปเที่ยว ที่ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อย ไม่ต้องเสียเวลา
"ผู้พิพากษา ไม่มีความยุติธรรมบ้านเมืองจะล่ม"
"อิสรภาพ ในโลกเรามีอยู่ 2 อย่าง คุณว่าอย่างไหนดีกว่ากัน"
"สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเปลี่ยนชื่อสลับเอาสังคมขึ้นก่อนเศรษฐกิจ"
"ครอบครัว คือ หน่วยย่อยของสังคม ที่จะชี้อนาคตของประเทศ"
"คนที่ตั้งตนไว้ผิด ภายหลังตั้งตนไว้ถูกอย่างเช่นเศรษฐีขี้เหนียวคนนี้ก็ได้รับผลดีได้"
ดญ.วัย 13 'กำพร้า' ตีขิมหาทุนเรียน ตัวอย่างที่น่ายกย่อง
"พาใจไปเที่ยว"การไปเที่ยว ที่ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อย ไม่ต้องเสียเวลา
คุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ รมว.วธ. ใช้สมุดพกความดี ประเมินเลื่อนขั้น-ตำแหน่งขรก.
เศรษฐกิจแบบพอเพียง ใช้ได้แม้ในเรื่องเล่าเรียน???
พุทธกาลลัทธิ"จารวาก"สอนว่า ดี ชั่ว ถูก ผิดไม่มีอยู่จริง ทำสิ่งที่สมมุติกันว่าดีหรือชั่วไม่มีผล
เขาคนนั้นคือ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน "จิตแพทย์"
"การแก้ปัญหาสังคมที่ยากๆด้วยแนวทางสามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา"
มองทางโลกให้มองต่ำ มองทางธรรม ให้มองสูง ทางธรรม ขอเสนอ ให้มองเจ้าคุณนรฯเป็นแนวทาง
"พาใจไปเที่ยว"การไปเที่ยว ที่ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อย ไม่ต้องเสียเวลา
โดย:รินใจ
จากเวบ
//www.budpage.com/ba69.shtml
พอถึงวันหยุด ผู้คนมักมีนัดกับสถานที่แปลก ๆ ใหม่ ๆ ไกลจากชีวิตอันจำเจ
ภาพวัดโสธรวรารามวรวิหาร ต.โสธร อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา
สำหรับคุณสถานที่ดังกล่าวอาจได้แก่ภูเขาสูง ทะเลกว้าง หรือป่าลึก ที่ที่คุณจะได้ชื่นชมกับทิวทัศน์อันงดงาม สัมผัสกับบรรยากาศอ่อนละมุน และพิศวงกับนฤมิตกรรมของธรรมชาติ ได้ดูนก ตกปลา และอำลาอาทิตย์ยามอัสดง แต่ว่าวันนั้นยังมาไม่ถึง และคุณก็ยังต้องอยู่ในกรุง ผจญกับมลพิษ และฟันฝ่ากับจราจรอันจลาจลเช้าจรดค่ำต่อไป
ตื่นเช้าขึ้นมาเพียงแค่นึกถึงการดิ้นรนขับเคี่ยวกับชีวิตกลางกรุงก็เหนื่อยใจแล้ว แต่ไยต้องรอให้วันหยุดมาถึงแล้วจึงจะยิ้มออกได้
แม้ตัวยังอุดอู้อยู่ในกรุง แต่ใช่หรือไม่ว่าใจสามารถท่องเที่ยวที่ไหนก็ได้ตามปรารถนา ถึงจะยังไม่มีโอกาสพาตัวไปท่องธรรมชาติ แต่เราสามารถพาใจไปเที่ยวได้ทุกเวลา จะใกล้หรือไกล ก็ได้ทั้งนั้น
แทนที่จะนึกถึงสมรภูมิรบกันตั้งแต่เช้า จะไม่ดีกว่าหรือหากเราพาใจไปสัมผัสกับธรรมชาติอันรื่นรมย์ สร้างความสดชื่นให้จิตใจ จะได้มีพลังพร้อมรับกับสรรพสิ่ง
ตื่นเช้าขึ้นมา
-อาบน้ำแปรงฟันแล้ว ยืดเส้นยืดสายสักพัก
-แล้วนอนราบกับพื้น ปิดตา หายใจเข้าลึก ๆ หายใจออกยาว ๆ สัก ๔-๕ ครั้งให้ชุ่มปอด จากนั้นก็หายใจอย่างเป็นธรรมชาติ ค่อย ๆ น้อมจิตไปอยู่ที่ลมหายใจ ปล่อยวางความคิดทั้งหลาย เก็บงานการและกำหนดนัดหมายเอาไว้ก่อน ให้จิตรับรู้แต่ลมหายใจที่เข้าออก ถ้าใจเผลอแล่นไปตามความคิดเมื่อไหร่ รู้ตัวก็ดึงกลับมาที่ลมหายใจ
-เมื่อใจเริ่มสงบแล้ว ลองนึกว่าคุณกำลังอยู่กลางทุ่งหญ้าเขียวขจียามอรุณรุ่ง แสงทองทาทาบปุยเมฆ แล้วดวงอาทิตย์ดวงโตก็ค่อย ๆ พ้นขอบฟ้า หมอกลอยสูงขึ้นอย่างช้า ๆ แลเห็นนกบินแต่ไกล คุณหายใจรับเอาความสดชื่นยามเช้าเข้าไปเต็มปอด แล้วเดินไปตามทางเล็ก ๆ จนถึงชายป่า เสียงนกร้องต้อนรับคุณขณะเดินเข้าไปในป่าครึ้ม ต้นไม้สูงใหญ่ยืนเรียงรายตามสองข้างทาง แผ่กิ่งก้านประสานกันเป็นซุ้ม ลำแสงลอดผ่านเป็นระยะ ๆ คุณเดินอย่างสงบ ได้ยินเสียงไก่ป่าขันอยู่ไม่ไกล สักพักก็ได้ยินเสียงลำธาร มีทางเล็ก ๆ พาคุณตัดผ่านป่าไผ่ทองเหลืองอร่าม เสียงน้ำกระทบหินดังชัดขึ้นเรื่อย ๆ แล้วคุณก็มาถึงลำธารกลางป่า น้ำใสจนเห็นปลาแหวกว่าย คุณเลือกนั่งบนหินสีขาวกลางลำธาร เท้าเปลือยเปล่าสัมผัสน้ำเย็น ลมพัดมาต้องตัวเบา ๆ แล้วคุณก็ปิดตา จิตจดจ่อแต่ที่เสียงลำธาร .....น้ำไหลริน จิตนิ่งสงบ
ทีนี้ค่อย ๆ เปิดตา พาใจกลับมาสู่ห้องที่คุณนอนอยู่ ภารกิจต่าง ๆ กำลังรอคุณอยู่ข้างหน้า แต่ใจคุณตอนนี้ไม่เหนื่อยท้อหรือหนักอึ้งแล้ว เพราะได้รับพลังจากธรรมชาติในจินตนาการ ซึ่งที่จริงก็คือพลังแห่งความสงบจากจิตที่คิดในทางบวกนั่นเอง
ท่องเที่ยวทัศนาจรแบบนี้ คุณสามารถเลือกไปไหนก็ได้ วันนี้เที่ยวป่า พรุ่งนี้ลองไปท่องภูสูง มองเห็นทะเลเมฆทอดยาวสุดสายตา มะรืนก็ไปนั่งชายหาด ชมอาทิตย์ผุดขึ้นจากทะเลเรียบราวกระจก นี้เป็นวิธีหนึ่งในการเตรียมใจให้สดชื่นและพร้อมเผชิญกับชีวิตอันยุ่งเหยิง ใหม่ ๆ อาจจินตนาการได้ลำบาก แต่ทำบ่อยเข้า ก็จะนึกภาพได้ง่าย การใช้ดนตรีบรรเลงเบา ๆ เปิดคลอไปด้วย จะช่วยให้ใจสงบได้เร็วขึ้น และจินตนาการได้ดีขึ้น
การจินตนาการในทางบวกนี้นอกจากจะช่วยสร้างสุขภาพใจแล้ว ยังเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพกายด้วย
บางวันแทนที่จะไปท่องเที่ยวนอกตัว ลองเที่ยวไปตามร่างกายของตัวเองบ้าง เริ่มจากเท้า ขา ขึ้นมาตามตัว ไปที่ตับ กระเพาะ ปอด หัวใจ ไหล่ แขน คอ ไล่ขึ้นไปถึงปาก จมูก ตา สมอง
ขณะที่ไล่ไปตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ให้นึกภาพว่ามีแสงนวลแผ่มาเพิ่มพลังให้แก่อวัยวะส่วนนั้น หรือจินตนาการว่ามลพิษต่าง ๆ กำลังถูกขับออกมา จะสร้างภาพว่าเซลเม็ดเลือดขาวกำลังขัดถูทำความสะอาดอวัยวะส่วนนั้นก็ได้ ถ้าอวัยวะส่วนไหนเจ็บป่วย ก็อาจจินตนาการว่าเลือดกำลังไปหล่อเลี้ยงดูแลอวัยวะส่วนนั้นอย่างเต็มที่
หรือจะนึกว่า "นีโอ" แห่งแม็ททริกซ์กำลังขับไล่ศัตรูตัวร้ายออกไปจากร่างกายก็ไม่ผิดกติกา
จะนึกภาพไปอย่างไรก็ได้แล้วแต่ความถนัด ขอให้เป็นไปในทางที่สร้างความเข้มแข็งแก่ร่างกาย และเยียวยาบำบัดส่วนที่เจ็บป่วย
วิธีนี้มีผลดีต่อร่างกายมาก แม้ดูไม่น่าเป็นไปได้ แต่ก็มีผลการวิจัยสนับสนุนมานานแล้ว ใจของเราเหมือนโทรทัศน์ตรงที่เปิดได้หลายช่อง ช่องที่ดูแล้วเครียดนอนไม่หลับ เราเปิดดูกันบ่อยแล้ว ไยไม่เปิดดูช่องที่ชวนให้สุขกายสบายใจกันบ้าง
Create Date : 25 กุมภาพันธ์ 2550
Last Update : 25 กุมภาพันธ์ 2550 15:39:27 น.
1 comments
Counter : 910 Pageviews.
Share
Tweet
เพิ่มเรื่อง"สุขกับงาน "โดย:รินใจ
จากเวบ
//www.budpage.com/ba54.shtml
ไปเที่ยวไกลถึงฮาวายหรือปารีส แต่ถ้าใจยังกังวลถึงลูก ๆ ที่เมืองไทย หรือเพิ่งทะเลาะกับแฟนที่โอ้เอ้ผิดนัด แล้วอย่างนี้จะมีความสุขได้อย่างไร
ในทางตรงกันข้าม เพียงแค่นั่งเล่นที่สวนสาธารณะข้างบ้าน แต่ใจปลอดโปร่งเพราะปล่อยวางภาระทั้งปวง แถมได้ยิ้มหัวกับลูก ๆ หยอกเอินกับแฟน อะไรจะสุขเท่า
ใช่หรือไม่ว่า เที่ยวที่ไหน ไม่สำคัญเท่ากับเที่ยว อย่างไร
ฉันใดก็ฉันนั้น ทำงานที่ไหน หรือทำงาน อะไร ก็ไม่สำคัญเท่ากับทำงาน อย่างไร
คนเรามักฝันถึงงานที่มีเงินเดือนมาก ๆ ตำแหน่งสูง ๆ หรือโดดเด่นเป็นที่รู้จัก โดยคิดว่างานอย่างนี้แหละที่จะทำให้มีความสุข แต่ที่จริงแล้วความสุขไม่ได้อยู่ที่ประเภทของงานมากเท่ากับการวางจิตวางใจในขณะทำงาน จะสุขแค่ไหนขึ้นอยู่กับว่าเราทำงานด้วยความรู้สึกอย่างไร หาใช่เพราะเป็นงานอะไรไม่
งานแม้จะดูต่ำต้อย แอบอยู่หลังฉาก แถมซ้ำซากจำเจ แต่ถ้าทำด้วยใจรัก ก็ย่อมบังเกิดความแช่มชื่นเบิกบาน คุณแม่ที่ทำงานบ้าน หรือคุณย่าคุณยายที่เลี้ยงหลานทั้งวัน มีความสุขกว่าผู้จัดการหรือซีอีโอทั้งหลายก็เพราะเหตุนี้
จริงอยู่ใจรักในงานนั้นบางครั้งเกิดขึ้นเพราะได้งานที่ชอบ แต่แม้จะไม่ได้งานที่ชอบ เราก็ยังสามารถบันดาลใจให้เกิดความรักในงานได้ วิธีหนึ่งก็คือการมองให้เห็นคุณค่าของงานนั้น ๆ
งานอย่างเดียวกัน แต่มองด้วยมุมที่ต่างกัน ก็ให้ความรู้สึกที่ต่างกัน
ชายสามคนกำลังก่ออิฐ
คนแรกมีทีท่าเหนื่อยล้า หน้าบึ้งตึง
คนที่สองดูดีขึ้นหน่อย
ส่วนคนที่สามดูกระฉับกระเฉง หน้าตายิ้มแย้ม
เมื่อถูกถามว่ากำลังทำอะไรอยู่
คนแรกตอบอย่างขอไปทีว่า "กำลังก่ออิฐ"
คนที่สองบอกว่า "กำลังก่อกำแพง"
ส่วนคนที่สามตอบด้วยความภาคภูมิใจว่า "กำลังสร้างวัดครับ"
ก่ออิฐเหมือนกัน แต่ทำด้วยอาการต่างกันก็เพราะเห็นคุณค่าของงานต่างกัน
คนที่สามทำงานอย่างมีความสุขเพราะเห็นว่างานที่ตนทำนั้นไม่ใช่แค่ก่ออิฐธรรมดา ๆ แต่เป็นส่วนสำคัญในการสร้างสิ่งที่สูงส่งเป็นบุญเป็นกุศล อิฐแต่ละก้อนที่ก่อจึงให้ความรู้สึกปีติอิ่มเอิบใจ
นอกจากใจรักในงานแล้ว การทำให้งานกลายเป็นเรื่องสนุก ก็เป็นเคล็ดลับอีกอย่างหนึ่งของการทำงานอย่างมีความสุข คนไทยแต่ก่อนไม่ได้แยกงานกับความสนุกออกจากกัน เวลาเกี่ยวข้าวก็ร้องรำทำเพลงกันไปด้วย แต่เดี๋ยวนี้ พอเข้าโรงงานหรือออฟฟิศ ความสนุกก็ถูกกีดกันออกไป
ถึงแม้มิอาจร้องรำทำเพลงขณะทำงานในออฟฟิศ แต่เราก็ยังสามารถทำให้งานมีบรรยากาศแห่งความสนุกได้ แทนที่จะทำงานอย่างหน้าดำคร่ำเครียดกันไปทั้งวัน
เราอาจเริ่มต้นด้วยการช่วยกันตกแต่งสำนักงานให้มีสีสันเดือนละครั้งหรือสองอาทิตย์ครั้ง ถ้ามีหลายแผนก ก็ให้แต่ละแผนกช่วยกันคิดและร่วมกันสร้างเอกลักษณ์ของตนขึ้นมา แล้วมาประกวดกันโดยมีการสะสมคะแนนตลอดปี หรือให้แต่ละแผนกแต่ละกลุ่มผลัดกันเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวัน ด้วยการสรรหาเมนูแปลก ๆ ใหม่ ๆ แต่ไม่สิ้นเปลือง มาลิ้มลองกัน
กิจกรรมแบบนี้ทำให้เพื่อนร่วมงานมีโอกาสหันหน้ามาคุยและร่วมมือกันในเรื่องที่มีชีวิตชีวา ไม่ใช่คุยกันแต่เรื่องงานการอย่างเดียว ชุมชนแห่งมิตรสามารถเริ่มต้นได้จากบรรยากาศแบบนี้ ก่อนที่จะนำไปสู่การเอื้อเฟื้อเกื้อกูลในเรื่องที่สำคัญกว่า
ชุมชนอย่างนี้แหละที่จะทำให้คนมีใจรักในงานมากขึ้น เพราะงานกลายเป็นช่องทางที่จะ "ให้"แก่คนซึ่งตนรักใคร่ชอบพอ ยิ่งให้ก็ยิ่งมีความสุข จึงไม่คิดเกี่ยงงาน สวนทางกับความรู้สึกของผู้คนจำนวนมากที่ทำงานโดยพยายามออกแรงให้น้อยที่สุด และ "ตักตวง"ให้ได้มากที่สุดจากเพื่อนร่วมงาน
บ่อยครั้งเราไม่อาจเลือกงานได้ แต่เราเลือกได้ว่าจะทำงานด้วยท่าทีอย่างไร และจะใส่ความรู้สึกอะไรลงไปในงาน ความสุขจากงานการจึงมิใช่เรื่องยาก หากอยู่ในกำมือของเราทุกคน
.
โดย: . (
samrotri
) วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:15:59:50 น.
ชื่อ :
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
samrotri
Location :
ฉะเชิงเทรา Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [
?
]
น.พ.สำเริง ไตรติลานันท์
แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว และ เวชศาสตร์ป้องกัน
ตำแหน่ง นายแพทย์เชี่ยวชาญ หัวหน้ากลุ่มงานเวชปฏิบัติครอบครัวและชุมชน ร.พ.พนมสารคาม และ ร.พ.สร้างเสริมสุขภาพตำบลเขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา โทรฯ 0896112714
ป่ามืด
Marquez
เจ้าหญิงไอดิน
อีคิวศูนย์
แมงดาตัวเมีย
panomsarakham
forceps
BlogGang.com
samrotri
หนูเล็กนิดเดียว
โยเกิตมะนาว
wicsir
Webmaster - BlogGang
[Add samrotri's blog to your web]
เวบบ์ร.ร.เบญจมราชรังสฤษฏิ์ ฉ.ช.
สำนักงานกองทุนสนับสนุน การสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
สารานุกรมเสรี(Wikipedia)
กระทรวงสาธารณสุข
ราชวิทยาลัยแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวแห่งประเทศไทย
ศูนย์คุณธรรม
ข้าวใจดอทคอม
วิทยุธรรมะออนไลน์
ขบวนการสร้างสุข
โครงการเผยแพร่ธรรมะสู่เยาวชน
อุทยานการเรียนรู้
ศูนย์กลางการเรียนรู้ไอทีแห่งชาติ
เวบบ์หอพักนิสิตเก่าจุฬาฯ
โครงการรักหัวใจใส่ใจโคเลสเตอรอล
Medline Encyclopedia
รับฟังเสียงธรรมจากเวบไซด์
เวบไซด์ของทุกคนในครอบครัว
budpage" เพื่อชีวิตและชุมชนชาวพุทธ
พระจันทร์ ดวงเดือน เพื่อนชีวิต
เวบไซด์อนุรักษ์ธรรม เพื่อผู้ที่ศึกษาธรรม
เวบไซด์วิธีทำอาหารโหระพาดอทคอม
เวบไซด์ออกกำลังกายด้วยไม้พลองป้าบุญมี
Thaipoem.comร้องเพลงกันดีกว่า
คอมพ์ทายใจเราได้
เวบศิษย์เก่านักเรียนเตรียมอุดมฯรุ่น35
เวบประตูสู่ธรรม
เวบคลังสมองชุมชน
ปฏิจสมุปบาท
บล็อกOKNATIONSAMROTRI
"เวบสืบค้นกฎหมายไทย "
ความรู้เรื่องโรคและสุขภาพภาษาไทย
เวบบอร์ดร.พ.พนมสารคาม
เวบบ์ภายในโรงพยาบาลพนมสารคาม
"พุทธศาสนาแนววิทยาศาสตร์สำหรับปัญญาชนผู้แสวงหา"
หลวงพ่อชา สุภัทโท ตอบปัญหาธรรม
Bloggang.com
จากเวบ
//www.budpage.com/ba54.shtml
ไปเที่ยวไกลถึงฮาวายหรือปารีส แต่ถ้าใจยังกังวลถึงลูก ๆ ที่เมืองไทย หรือเพิ่งทะเลาะกับแฟนที่โอ้เอ้ผิดนัด แล้วอย่างนี้จะมีความสุขได้อย่างไร
ในทางตรงกันข้าม เพียงแค่นั่งเล่นที่สวนสาธารณะข้างบ้าน แต่ใจปลอดโปร่งเพราะปล่อยวางภาระทั้งปวง แถมได้ยิ้มหัวกับลูก ๆ หยอกเอินกับแฟน อะไรจะสุขเท่า
ใช่หรือไม่ว่า เที่ยวที่ไหน ไม่สำคัญเท่ากับเที่ยว อย่างไร
ฉันใดก็ฉันนั้น ทำงานที่ไหน หรือทำงาน อะไร ก็ไม่สำคัญเท่ากับทำงาน อย่างไร
คนเรามักฝันถึงงานที่มีเงินเดือนมาก ๆ ตำแหน่งสูง ๆ หรือโดดเด่นเป็นที่รู้จัก โดยคิดว่างานอย่างนี้แหละที่จะทำให้มีความสุข แต่ที่จริงแล้วความสุขไม่ได้อยู่ที่ประเภทของงานมากเท่ากับการวางจิตวางใจในขณะทำงาน จะสุขแค่ไหนขึ้นอยู่กับว่าเราทำงานด้วยความรู้สึกอย่างไร หาใช่เพราะเป็นงานอะไรไม่
งานแม้จะดูต่ำต้อย แอบอยู่หลังฉาก แถมซ้ำซากจำเจ แต่ถ้าทำด้วยใจรัก ก็ย่อมบังเกิดความแช่มชื่นเบิกบาน คุณแม่ที่ทำงานบ้าน หรือคุณย่าคุณยายที่เลี้ยงหลานทั้งวัน มีความสุขกว่าผู้จัดการหรือซีอีโอทั้งหลายก็เพราะเหตุนี้
จริงอยู่ใจรักในงานนั้นบางครั้งเกิดขึ้นเพราะได้งานที่ชอบ แต่แม้จะไม่ได้งานที่ชอบ เราก็ยังสามารถบันดาลใจให้เกิดความรักในงานได้ วิธีหนึ่งก็คือการมองให้เห็นคุณค่าของงานนั้น ๆ
งานอย่างเดียวกัน แต่มองด้วยมุมที่ต่างกัน ก็ให้ความรู้สึกที่ต่างกัน
ชายสามคนกำลังก่ออิฐ
คนแรกมีทีท่าเหนื่อยล้า หน้าบึ้งตึง
คนที่สองดูดีขึ้นหน่อย
ส่วนคนที่สามดูกระฉับกระเฉง หน้าตายิ้มแย้ม
เมื่อถูกถามว่ากำลังทำอะไรอยู่
คนแรกตอบอย่างขอไปทีว่า "กำลังก่ออิฐ"
คนที่สองบอกว่า "กำลังก่อกำแพง"
ส่วนคนที่สามตอบด้วยความภาคภูมิใจว่า "กำลังสร้างวัดครับ"
ก่ออิฐเหมือนกัน แต่ทำด้วยอาการต่างกันก็เพราะเห็นคุณค่าของงานต่างกัน
คนที่สามทำงานอย่างมีความสุขเพราะเห็นว่างานที่ตนทำนั้นไม่ใช่แค่ก่ออิฐธรรมดา ๆ แต่เป็นส่วนสำคัญในการสร้างสิ่งที่สูงส่งเป็นบุญเป็นกุศล อิฐแต่ละก้อนที่ก่อจึงให้ความรู้สึกปีติอิ่มเอิบใจ
นอกจากใจรักในงานแล้ว การทำให้งานกลายเป็นเรื่องสนุก ก็เป็นเคล็ดลับอีกอย่างหนึ่งของการทำงานอย่างมีความสุข คนไทยแต่ก่อนไม่ได้แยกงานกับความสนุกออกจากกัน เวลาเกี่ยวข้าวก็ร้องรำทำเพลงกันไปด้วย แต่เดี๋ยวนี้ พอเข้าโรงงานหรือออฟฟิศ ความสนุกก็ถูกกีดกันออกไป
ถึงแม้มิอาจร้องรำทำเพลงขณะทำงานในออฟฟิศ แต่เราก็ยังสามารถทำให้งานมีบรรยากาศแห่งความสนุกได้ แทนที่จะทำงานอย่างหน้าดำคร่ำเครียดกันไปทั้งวัน
เราอาจเริ่มต้นด้วยการช่วยกันตกแต่งสำนักงานให้มีสีสันเดือนละครั้งหรือสองอาทิตย์ครั้ง ถ้ามีหลายแผนก ก็ให้แต่ละแผนกช่วยกันคิดและร่วมกันสร้างเอกลักษณ์ของตนขึ้นมา แล้วมาประกวดกันโดยมีการสะสมคะแนนตลอดปี หรือให้แต่ละแผนกแต่ละกลุ่มผลัดกันเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวัน ด้วยการสรรหาเมนูแปลก ๆ ใหม่ ๆ แต่ไม่สิ้นเปลือง มาลิ้มลองกัน
กิจกรรมแบบนี้ทำให้เพื่อนร่วมงานมีโอกาสหันหน้ามาคุยและร่วมมือกันในเรื่องที่มีชีวิตชีวา ไม่ใช่คุยกันแต่เรื่องงานการอย่างเดียว ชุมชนแห่งมิตรสามารถเริ่มต้นได้จากบรรยากาศแบบนี้ ก่อนที่จะนำไปสู่การเอื้อเฟื้อเกื้อกูลในเรื่องที่สำคัญกว่า
ชุมชนอย่างนี้แหละที่จะทำให้คนมีใจรักในงานมากขึ้น เพราะงานกลายเป็นช่องทางที่จะ "ให้"แก่คนซึ่งตนรักใคร่ชอบพอ ยิ่งให้ก็ยิ่งมีความสุข จึงไม่คิดเกี่ยงงาน สวนทางกับความรู้สึกของผู้คนจำนวนมากที่ทำงานโดยพยายามออกแรงให้น้อยที่สุด และ "ตักตวง"ให้ได้มากที่สุดจากเพื่อนร่วมงาน
บ่อยครั้งเราไม่อาจเลือกงานได้ แต่เราเลือกได้ว่าจะทำงานด้วยท่าทีอย่างไร และจะใส่ความรู้สึกอะไรลงไปในงาน ความสุขจากงานการจึงมิใช่เรื่องยาก หากอยู่ในกำมือของเราทุกคน
.