อยู่ก่อนแต่ง แต่งก่อนอยู่
* คำเตือน* ก่อนจะอ่าน ขอให้ทำใจนิดนึงนะคะว่ารำเพยเขียนบทความนี้ ให้ตัวเองกับบางคนอ่าน ดังนั้นคิดอะไรก็เขียนออกมาเลย ไม่มีการแปลทั้งสิ้น สำหรับผู้อนุรักษ์การใช้ภาษาไทย อ่าน blog นี้กรุณาเอาความเป็นนักอนุรักษ์วางไว้ที่อื่นก่อนอ่านค่ะ ไม่งั้นคุณอาจจะหงุดหงิดได้โดยง่าย
สมัยนี้คำถามที่ว่าอยู่ก่อนแต่งดีกว่าหรือไม่ เป็นคำถามที่เราจะได้ยินกันบ่อยครั้ง จนทำให้เราคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาไป แต่ถ้าเรามามองในอีกแง่หนึ่งก็คือว่าการอยู่ด้วยกันก่อนแต่งงาน หรือว่าการมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงานนั้น มันไม่ใช่เรื่องใหม่นักหรอกค่ะ สังเกตดูได้จากวรรณคดีของไทย โดยเฉพาะวรรณคดีที่สะท้อนภาพความเป็นอยู่ของคนไทยในอดีตได้ดีอย่างขุนช้างขุนแผน หรือพระอภัยมณี เราก็จะเห็นว่ามันเป็นเรื่องที่มีมานานแล้ว เพียงแต่ว่าเรามักจะไม่เอามาเป็นหัวข้อสนทนากัน คล้ายๆ เรารู้ว่ามีแต่ก็เป็น taboo ของสังคม ไม่พูดกัน ซึ่งต่างจากสมัยนี้ที่คนกล้าพูดกันมากขึ้น
In my opinion, no..that was wrong...in my case, I know I am terrified of intimacy, relationship and commitment because of the possibility of failure. I've been hurted so many times in the past that I am so afraid it would happen again. การอยู่ด้วยกันก่อนแต่งงานอาจจะเป็นเพียงข้ออ้างที่จะทำให้หนีออกได้ง่ายกว่า กันการที่ตัวเองจะต้องเสียใจได้ง่ายกว่า แต่ก็อย่างว่า นี่ก็แค่ความเห็นของรำเพยเท่านั้นแหละค่ะ ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนกลัวความผิดหวัง
ไอ้เรื่องการจะอยู่ก่อนแต่งนี่น่ะ ในความคิดของรำเพยคือมันจะได้อิทธิพลมาจากสังคมรอบตัวเรา เดี๋ยวนี้อะไรๆก็ "try it before you buy it and if you don't like this product, you can refund within 30 days." คนเรากลายเป็นมีแนวคิดว่าควรลองอยู่ด้วยกันก่อน ถ้าอยู่กันไม่ได้ก็เลิกกันไป ไม่เหมือนรุ่นพ่อแม่เราที่ถ้าอยู่ด้วยกันแล้วเกิดปัญหาก็จะพยายามหาทางปรับความเข้าใจกันเพื่อให้เข้ากันได้ ความอดทนของคนมีน้อยลง กลับกลายเป็นใช้หลักการเดียวกับการซื้อของมาใช้กับการมีชีวิตคู่ซะนี่ เพราะว่ากลัวว่าจะล้มเหลวอยู่ด้วยกันไม่ได้ ดังนั้นขอลองอยู่ด้วยกันสักระยะน่ะ ถ้าอยู่ด้วยกันได้ค่อยแต่งงาน
แต่ก่อนรำเพยก็พอจะเห็นด้วยกับการอยู่ด้วยกันก่อนแต่งนะคะ แต่ตอนนี้ชักจะไม่แน่ใจ เพราะว่าสถิติการหย่าร้างของคนที่อยู่ด้วยกันมาก่อนแต่งมันก็ไม่ได้น้อยไปกว่าคนที่แต่งก่อนเลย มันเลยเหมือนว่าอันที่จริงแล้วการจะอยู่ด้วยกันได้หรือไม่ได้มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับ cohabitate before marriage สักเท่าไหร่เลย แต่น่าจะขึ้นอยู่กับระดับความอดทนของคนที่มีน้อยลงเข้าไปทุกที
อีกอย่างก็คือว่า การทดลองอยู่ด้วยกันปี หรือสองปี มันก็ไม่ได้หมายความว่า เวลาปีหรือสองปีจะบอกได้ว่าอีกสิบปียี่สิบปี คู่ของเราจะเป็นอย่างไร I don't think that spending one or two years together would guarantee successful life together. Circumstances, personalities and relationships change over time, maybe it'd be better if we keep learning to accept and understand each other as we grow old together. That being the case, การที่ทดลองอยู่ด้วยกันก่อนปีหรือสองปี มันแทบจะไม่มีความหมายอะไรเลย เพราะมันไม่ใช่ indicator ที่จะบอกได้ว่าในระยะยาวเราจะเข้ากันได้ไหม
สิ่งของนั้นพอลองแล้วไม่ชอบก็เปลี่ยนได้ เพราะมันไม่มีความรู้สึกอะไร แต่คนเราไม่ใช่แบบนั้น As long as we have feelings, testing a relationship โดยที่ไม่พยายามที่จะทำให้มันรอดอยู่ตลอดรอดฝั่งไปได้ ก็มีแต่จะทำให้ฝ่ายที่ถูกเลิกนั้นเสียใจ and feel rejected. ถ้าต้องการจะอยู่กับใคร แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะอยู่ด้วยกันได้จริงๆ ก็ลองพิจารณาดูให้ดีๆจะดีกว่าไหมคะ เพราะว่าถ้าเราเริ่มด้วยความคิดที่ไม่แน่ใจว่าจะไปด้วยกันรอดไหม แล้วลองอยู่ด้วยกันก่อน ไอ้การทดลองอยู่ด้วยกันก่อนมันก็ไม่ได้แปลว่าจะทำให้อยู่ด้วยกันได้นะคะ the fact that you are concerned about this should already be a warning flag.
Perhaps it is best to carefully select your spouse. เลือกคนทีเราอยู่ด้วยแล้วสบายใจ คนที่เข้าใจเราไม่ว่าจะเรื่องดีหรือไม่ดี และเลือกคนที่อยู่ด้วยแล้วเป็นคู่กันได้โดยที่ไม่ต้องสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไป น่าจะดีที่สุด
จริงไหม
Create Date : 08 กันยายน 2548 |
|
42 comments |
Last Update : 8 กันยายน 2548 17:27:25 น. |
Counter : 2795 Pageviews. |
|
|
|
อิชั้นจะลบความเห็นนั้นออก
เราเตือนท่านแล้ว