ประวัติ Mini car ฉบับย่อ
ประวัติ Mini car ฉบับย่อ
ด้วยความชอบล้วนๆ อยากเก็บไว้อ่านบางอารมณ์ โดยส่วนตัว ไม่ชอบรถสีแดง เพราะสีมันจี๊ดไป แต่มี มินิ นี่แหล่ะที่สีไหนก็สวย แม้จะสีแดงก็เหอะ อย่าง BMW มีความคิดส่วนตัว ว่า BMW ต้องสีน้ำเงินเท่านั้น ส่วนรถอื่นๆ ไม่สีดำก็สีขาว เนี่ยแหล่ะสวยสุดแล้ว
ประวัติ Mini ฉบับย่อ
1956 อียิปต์เข้ายึดคลองสุเอซส่งผลให้เกิดวิกฤติการน้ำมัน ในอังกฤษ ยอดขายรถตกและมีการแบ่งปันน้ำมัน BMC หรือ British Motor Corporation ว่าจ้าง เซอร์อเล็ก อิสซิโกนิส ผู้เคยออกแบบมินิไมเนอร์ กลับเข้าทำงานอีกครั้ง
1957 อิสซิโกนิสวิศวกรวัย 51 ปีแสดงให้เซอร์เลียวนาร์ดลอร์ดเห็นว่า เขารู้จักวิธีที่จะออกแบบรถอย่างที่โลก ต้องการแต่จะทำ ก็ต่อเมื่อให้อิสระแก่เขาอย่างเต็มที่ ลอร์ดตกลงอิสซิโกนิสจึงเริ่มพัฒนาต้นแบบ ADO 15
1958 มินิเริ่มเป็นรูปเป็นร่างตามความคิดของอิสซิโกนิส ซึ่งเป็นการกระโดดก้าวผ่านจินตนาการทางด้าน วิศวกรรมรถยนต์ในยุคนั้น เช่น การวางชุดเกียร์ไว้ใต้เครื่องยนต์ เครื่องยนต์วางขวางขับเคลื่อนล้อหน้า กระทะล้อขอบ 10 นิ้ว และระบบกันสะเทือน แบบเต้ายางเป็นต้น
1959 มินิเปิดตัวในเดือนสิงหาคม โดยติดตราทั้ง ออสตินมินิ และ มอริสมินิ ไมเนอร์ เซเว่น ปฏิกิริยาจากสาธารณชนค่อนข้างหลากหลาย เพราะเมื่อเทียบกับรถที่ออกตัวไล่ๆกันอย่าง ไทรอัมพ์ เฮรัลด์ และฟอร์ด แองเกลีย 105E แล้ว มินิค่อนข้าง จะเสียเปรียบ ในด้านการตกแต่ง อย่างไรก็ตาม ขนาดความ ยาว แค่ 10 ฟุต และที่นั่ง 4 ที่ โดยเฉพาะราคาเพียง 496 ปอนด์ ซึ่งนับว่าถูกมาก เมื่อเทียบกับ 2คัน ดังกล่าวข้างต้นก็ทำให้ เกิดข้อเปรียบเทียบอย่างมากอิสซิโกนิสสูบบุหรี่จัด และชอบขับรถแบบเงียบๆ รถมินิจึงติดตั้งที่เขี่ยบุหรี่ แต่ไม่มีวิทยุประเด็นนี้น่าสงสัยว่าเป็นเพราะอิสซิโก นิสไม่ชอบฟังวิทยุ หรือเสียง เครื่องยนต์ดัง เสียจนไม่สามารถฟังเสียงวิทยุได้ ?
1960 มินิขายได้มากกว่า 116,000 คัน รถรุ่นใหม่ๆยังถูกจับตามองโดยสาธารณชน ที่มีความอยากรู้ว่าจะออกมาในรูปแบบใด บริษัทฟอร์ด ซื้อรถมินิและรื้อออกเป็นชิ้นๆ คำนวณต้นทุนการผลิตและได้ข้อสรุปซึ่งใกล้เคียงความจร ิงว่า BMC ขาดทุนในการผลิตมินิ
1961 ไรเลย์ เอลฟ์ และ โวลส์เลย์ ฮอร์เนท ทำสิ่งที่เหมือนกันคือ ทำมินิให้กลายเป็นรถหรูขนาดเล็ก ขยายที่เก็บของ ตกแต่งอย่างหรูหรา ในขณะที่นักสร้างรถสูตรหนึ่งอย่าง จอห์น คูเปอร์พบว่ามินิเป็นรถที่มีการขับขี่และ ยึดเกาะถนนที่ดีมาก คูเปอร์เสนอข้อตกลงกับ BMC เพื่อผลิต มินิคูเปอร์จำนวน1,000 คัน เพื่อให้สามารถ ผ่านการคัดเลือกและเข้าแข่งขันในรุ่นโปรดักชั่นได้ รถรุ่นนั้นออกขายด้วยขนาดเครื่องยนต์ 997cc. 55แรงม้าพร้อมดิสก์เบรค
1962 รถมินิคูเปอร์ ซึ่งขับโดย แพ๊ต น้องสาว สเตอลิงค์ มอสส์ ชนะการแข่งขัน ฮอลแลนด์ ทิวลิป แรลลี่ และ ในการแข่งขันมอนติคาร์โล แรลลี่ ราโน อัลโตเนน์ ขับรถมินิคูเปอร์ อยู่ในตำแหน่งที่สองก่อนที่จะพลิกคว่ำ และ ต้องออกจากการแข่งขันก่อนจบรายการ
1963 แพดดี้ ฮอพเคิร์ค พารถมินิคูเปอร์ เอส 1071 cc. 70 แรงม้า เข้าเส้นชัยในการแข่งขัน ตูร์ เดอ ฟรองซ์ ปีเตอร์ เซลเลอร์ สารวัตร พิงค์แพนเทอร์ตกแต่งมินิของเขา ด้วยเครื่องหวาย มินิกลาย เป็นแฟชั่นสำหรับดารา หรือ แม้แต่นักร้องอย่างริงโก สตาร์
1964 มินิมอคออกสู่ท้องถนนมันถูกสร้างเพื่อใช้งานสนาม ในสงครามซึ่งสามารถ ทิ้งลงจากเครื่องบินพร้อมร่มชูชีพได้ อย่างไรก็ตามถึงแม้จะมีราคาถูกเปิดโล่ง และ นั่งได้ถึง 4 คน แต่กองทัพบกอังกฤษก็ปฏิเสธที่จะใช้มันในสนามรบ เนื่องจากระยะจากพื้น ถึงใต้ท้องรถสูงเพียง 6 นิ้ว และขับเคลื่อนแค่ 2 ล้อ ขณะเดียวกัน มินิคูเปอร์เอส ก็ประสบชัยชนะในการแข่งขัน มอนติ คาร์โล แรลลี่ มินิที่วาง ตลาดมีระบบ กันสะเทือนแบบ ไฮโดรลาสติค ซึ่งออกแบบโดยผู้ออกแบบเต้ายาง อเล็กซ์ โมลตัน
1965 มินิคันที่ 1,000,000!!!
1966 ทิโมมาคินเอนและพอลอีสเตอร์ถูกปรับแพ้ ในการแข่งขันมอนติคาร์โลแรลลี่ชัยชนะ ซึ่งควรจะเป็นชัยชนะครั้งที่สามติดต่อกัน ในการแข่งขันมอนติคาร์โลแรลลี่หมดไปเนื่องข้อกล่าวหา ว่า ติดตั้งไฟหน้าผิดระเบียบ การแข่งถึงแม้ว่ามันจะถูกพิสูจน์ว่า ข้อกล่าวหาไม่เป็นความจริงแต่คำตัดสินของกรรมการไม่ส ามารถ เปลี่ยนแปลงได้
1967 วงเลี้ยวของมินิถูกลดลงจาก 32 ฟุต เหลือเพียง 28 ฟุต ในรุ่น Mk II
1968 9X รถซูเปอร์มินิหลังคาแฮทช์แบค ซึ่งอิสซิโกนิส ใช้เวลาหลายปีออกแบบถูกสั่งระงับ จอห์น โรดส์ขับ คูเปอร์เอสเข้าสู่เส้นชัยในการแข่งขันบริติชทัวริ่งค าร์แชมเปี้ยนชิพ ระบบกันสะเทือนแบบไฮโดรลาสติคถูกเปลี่ยนกลับเป็นเต้า ยางเหมือนเดิม เนื่องจากราคาถูกกว่า และไฮโดรลาสติค ถูกสั่งระงับการใช้ในเยอรมันนี
1971 บริติช เลย์แลนด์ ตัดสินใจที่จะไม่จ่ายค่ารอแยลตี้ ให้กับ จอห์น คูเปอร์ สำหรับรถมินิคูเปอร์ และยกเลิกการผลิตมินิคูเปอร์ ถึงตอนนี้รถมินิถูกผลิตออกมาปีละ 318,475 คัน
1976 ในอิตาลี อินโนเซนติ ผลิตรถแฮทช์แบคโดยใช้ฟลอแพลนของมินิ รถมินิ 1000 ลิมิต เอดิชั่น ถูกวางโชว์ในโชว์รูม
1979 ไม่เชื่ออย่าลบหลู่รถมินิชนะการแข่งขัน บริติช ซาลูน คาร์ แชมเปี้ยนชิพ
1980 ออสตินมินิ เมโทร วางตลาด โดยใช้มินิซับเฟรม ภายใต้รูปลักษณ์ของตัวถังแฮทช์แบค หรืออีก 18 ปี ถัดมาในชื่อ โรเวอร์ 100 ไม่มีอะไรเหมือนมินิ และถ้ายังนึกภาพไม่ออก ลองนึกถึงโฟล์คกอล์ฟรุ่นแรกๆ หรือ เปอร์โยซีรี่ 2
1984 รถมินิทุกคันที่ออกวางจำหน่ายมีกะทะล้อขนาด 12 นิ้ว และดิสก์เบรคเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
1985 โรเวอร์ เข้าควบคุมการจำหน่าย รถมินิในญี่ปุ่น ซึ่งมียอดขายที่น่าอัศจรรย์
1986 โนเอล เอ็ดมันส์ ขับรถมินิคันที่ 5,000,000 ออกจากสายการผลิตที่โรงงานลองบริดจ์
1988 เซอร์อเล็กซ์ อิสซิโกนิส เสียชีวิตเมื่ออายุ 81 ปี
1990 โรเวอร์ เปิดผ้าคลุมมินิคูเปอร์รุ่นใหม่ จำนวนจำกัด พร้อมทั้งลายเซ็น จอห์น คูเปอร์ และฝากระโปรงคาดขาว ซึ่งกลายเป็นรถขายดีในเวลาต่อมา อู่คูเปอร์ผลิตมินิสเปเชียลออกขายเองด้วยเช่นกัน
1992 มีการติดตั้งเครื่องกรองมลภาวะท่อไอเสีย หรือแคทตาลิติค คอนเวอร์เตอร์ ในรถมินิ ซึ่งเหลือเพียงเครื่องยนต์ขนาด 1275 cc ให้เลือกเพียงขนาดเดียว ( แล้วจะเลือกอะไร ? )
1993 มินิเปิดประทุน (คาบริโอเลท์) ซึ่งพัฒนาโดย สำนักออกแบบคาร์มานน์ในเยอรมันนี วางตลาดในราคา 12,000 ปอนด์
1995 มินิได้รับประชามติให้เป็นรถแห่งศตวรรษ จากแบบสอบถามเนื่องในวาระครบรอบ 100 ปี ของนิตยสารออโตคาร์
1997 การปรับปรุงครั้งสุดท้ายของมินิ เครื่องยนต์ขนาด 1.3 ลิตร หัวฉีด หรือในแบบของคูเปอร์ โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 9,000 ปอนด์ ถุงลมนิรภัยเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
1999 โรเวอร์แจ้งว่าจะระงับการผลิตมินิประมาณปี 2000 แต่ตัวถังจะยังมีการผลิตอยู่ต่อไปเพื่อใช้เป็นอะไหล่ ตลอดระยะเวลา 40 ปีที่ผ่านมารถมินิถูกผลิตขึ้นประมาณ 5.4 ล้านคัน ส่งผลให้มันเป็นรถอังกฤษคันเดียวที่เป็นรถขายดีตลอดก าล
2000 ทุกอย่างใหม่หมด ยุคของ BMW มินิ ซึ่งถึงแม้จะถูกออกแบบโดยวิศวกรของโรเวอร์ ซึ่งถูกซื้อโดย BMW ภายใต้รูปลักษณ์ใหม่กับเครื่องยนต์ BMW มินิยังคงอยู่
2002 เปิดตัวรุ่นพิเศษ มินิ คูเปอร์ เอส มาพร้อมกับขุมพลังในระดับ 163 แรงม้า จากเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร พ่วงซูเปอร์ชาร์จ
2004 ได้เสริมตลาดด้วยรุ่นเปิดประทุน
Create Date : 04 พฤษภาคม 2554 |
Last Update : 4 พฤษภาคม 2554 10:39:32 น. |
|
1 comments
|
Counter : 1375 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: แมวน้อย (smf-fantasy ) วันที่: 29 พฤศจิกายน 2554 เวลา:22:12:43 น. |
|
|
|
| |