ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด
<<
พฤษภาคม 2554
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
6 พฤษภาคม 2554

“Honda Brio” ดีกว่าที่คิด ขับสนุกขับง่ายช่วงล่างหนึบ

ด้วยปัจจัยกดดันจากราคาน้ำมันแพง บวกกับเทรนด์รถยนต์ขนาดเล็กประหยัดพลังงานหรือ "Eco Car" กำลังฮอตฮิตในยุคปัจจุบัน ส่งผลให้ Honda Brio ถูกคาดหวังอย่างสูงในทุกๆ ด้าน โดยก่อนที่ทีมข่าวรถวันนี้และโลกวันนี้รายวันจะเดินทางมาทดสอบบนเส้นทาง "เชียงราย-ดอยตุง" เพื่อนฝูงต่างฝากประเด็นมาให้ค้นหาและพิสูจน์เจ้าเก๋งเล็กดีไซน์เตะตาคันนี้ ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ ความน่าใช้ กำลังเครื่องยนต์ ช่วงล่าง เรื่อยมาถึงความสะดวกสบายของห้องโดยสาร ที่สำคัญยังให้เทียบรุ่นกับ Nissan March ว่า ความเหมือนบนความต่างมีอะไรบ้าง


รูปทรงและภายใน ดีไซน์สวยทันสมัย

ดีไซน์ตัวรถ จะว่าไปแล้วถือเป็นเรื่องนานาจิตตัง โดย Honda Brio ถูกพัฒนาให้เป็นรถที่เน้นขับในเมือง รูปทรงดูสวยและโฉบเฉี่ยว ทำให้ต้องตาต้องใจสาวๆ และวัยรุ่นเป็นอย่างดี กระจังหน้าทรงปีกเครื่องบิน ติดโลโก้ตรงกลาง ช่องลมทรงเหลี่ยมคางหมูดูกลมกลืนกับกันชน ที่มีรูปทรงแฝงความสปอร์ต ดวงไฟทรงหยดน้ำรับกับซุ้มล้อ ฝากระโปรง และแนวเส้นที่แนบข้างลำตัวไปตลอดคัน ผิดกับ March ที่มีรูปทรงป้อมๆ โค้งมน ด้านท้าย Brio ออกแบบได้น่ามอง ด้วยกันชนทรงโตและดวงไฟท้ายใหญ่ทรงเหลี่ยมรับฝาประตูแผ่นกระจกหนาทั้งบาน

test drive honda brio

ภายใต้รูปทรงกะทัดรัด 4 ที่นั่ง มิติรถแบบหน้าสั้นหลังตัด พร้อมเก็บรายละเอียดที่เป็นจุดด้อย Nissan March แม้สัดส่วนจะเล็กกว่า March นิดหน่อย แต่กลับมีพื้นที่เหนือศรีษะและพื้นที่วางเท้าเหลือเฟือ และมิติภายในให้ทัศนวิสัยกว้างรอบด้าน

ภาพโดยรวมในการดีไซน์ดูหรูและแฝงอารมณ์สปอร์ตกว่าคู่แข่ง ภายในเลือกใช้โทนสีเบจ ทำให้มีมิติที่ดูกว้างขึ้น เบาะนั่งแถวหน้านั่งสบายลงตัวก็จริง แต่จะดีกว่านี้หากปรับระดับสูงต่ำได้ เบาะหลังดูแข็งแรงกว่า ตัวพนังผิงให้องศาลาดกว่า ช่วยให้นั่งสบาย และยังพับเบาะเพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระ พวงมาลัย 3 ก้าน คอนโซลกลางดูกลมกลืนกับมาตรวัดเรืองแสงแบบอนาล็อกผสมดิจิตอลแบบ 3 วง พร้อมระบบเครื่องเสียงแบบ 2 DIN ที่มาพร้อมกับช่องต่อ USB โหมดหรือปุ่มควบคุมใช้งานง่าย


ขับสนุกช่วงล่างหนึบ..ดีเกินคาด

จากโจทย์เส้นทางทดสอบ ทั้งในตัวเมืองเชียงรายระยะร่วม 13 กม. ในรุ่นเกียร์ธรรมดา 5 สปีดตัวท็อป และจากเชียงราย-ดอยตุง-เชียง ระยะทาง 113 กม. ในรุ่นท็อปเกียร์อัตโนมัติ CVT จะว่าไปแล้วนับเป็นความหาญกล้าของค่ายฮอนด้าที่หวังจะหมัดใจลูกค้าให้เห็นถึงจุดเด่นของรถ

test drive honda brio

ภายใต้เครื่องยนต์เบนซิน SOHC 4 สูบ 1.2 ลิตร 90 แรงม้า ระบบวาล์วไอดีแปรผัน i-VTEC บล็อกเดียวกับที่วางอยู่ใน City และ Jazz ส่วนระบบความปลอดภัยมีมาครบ รวมถึงอัตราประหยัดน้ำมัน 20 กม.ต่อลิตร ตามข้อกำหนด BIO โดยเฉพาะการขับบนเส้นทาง (เชียงราย-ดอยตุง-เชียงราย) สะท้อนให้เห็นถึงความคล่องตัวในการขับขี่ แอนเดอริ่งพวงมาลัย ตลอดจนสมรรถนะขุมพลัง อัตราเร่ง ระบบช่วงล่าง โดยมีไฮไลต์การทดสอบบนทางไฮเวย์ และทางลาดชันทางโค้งบนดอยเป็นอุปสรรคให้ได้พิสูจน์

เกียร์ธรรมดา 5 สปีด รอบจัดอัตราเร่งโดน

เริ่มแรกขับรุ่นเกียร์ธรรมดา 5 สปีด แม้จะใช้เวลาและระทางในการทดสอบไม่มากนัก แต่ทำให้รับรู้ถึงความคล่องตัวของพวงมาลัยที่ฉับไว แรกๆ ผมคิดว่าอาการนี้จะเกิดขึ้นกับผมเท่านั้น แต่ครั้นไล่ถามนักข่าวรุ่นน้องทั้งชายและหญิง ทุกคนลงความเห็นทำนองเดียวกันว่า ไวเกินควร ขณะที่วิศวกรญี่ปุ่นแคมว่า นี่เป็นความตั้งใจ เพราะจากผลสำรวจที่ทำวิจัยบ่งชี้ให้เซ็ทอัพพวงมาลัยตามใจประดาแฟนพันธุ์แท้ฮอนด้าเพศผู้หญิงโดยเฉพาะ

test drive honda brio

อัตราเร่งต้นต้นถึงกลาง ต้องยอมรับว่าจัดจ้านโดนใจและสปอร์ตกว่าคู่แข่ง ด้วยรอบเครื่องยนต์ที่กว้าง สามารถลากรอบเล่นเกียร์เรียกกำลังมาใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง แต่ครั้นใส่เกียร์ 4 กำลังกลับสะดุด ส่งผลให้ความเร็วปลายไม่ดีนัก และสู่คู่แข่งไม่ได้

เกียร์อัตโนมัติ CVT ขับสนุกขับง่าย

จากนั้นย้ายมาขับรุ่นท็อปเกียร์อัตโนมัติ CVT กับเส้นทางไกล ผมเริ่มจะคุ้นกับความไวพวงมาลัยมากขึ้น ช่วยให้การเลี้ยวกลับรถรวมถึงจังหวะซุกแซงคล่องตัว ครั้นพ้นเขตชุมชนเจอทางโล่งๆ ไม่รอช้าทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่า กำลังทดสอบรถ Eco Car จะไปคาดหวังกับสมรรถนะช่วงล่างและความเร็วปลายไม่ได้นัก

ด้วยขุมพลัง 1.2 ลิตร 90 แรงม้า อัตราเร่งออกตัวจัดจ้าน จับอัตราเร่ง 0-100 กม.ต่อชม. ด้วยการนับในใจคะเนได้ประมาณ 15 วินาที ส่วนความเร็วช่วงกลาง 80-110 กม.ต่อชม. Brio ก็น่าประทับใจกว่าคู่แข่ง

ครั้นถึงช่วงความเร็วปลาย 130 กม.ต่อชม. เริ่มออกอาการเหี่ยวและแป้กอยู่ที่ 145 กม.ต่อชม. จะคิกดาว์น หรือยัดลงมาโหมดเกียร์ S พร้อมปิดแอร์ ก็สุดที่ 145 กม.ต่อชม. (Nissan March เกียร์ธรรมดาไหลถึง 190 กม.ต่อชม. เกียร์อัตโนมัติ CVT ไหลถึง 180 กม.ต่อชม) ประเด็นนี้ดูจะไม่ถูกใจสื่อมวลชนหลายคนนัก (วิศวกรญี่ปุ่นบอกว่า ล็อกความเร็วไว้) แต่สำหรับผมไม่มีปัญหา เพราะนี่คือ Eco Car ได้เท่านี้ก็หรูแล้ว

test drive honda brio

ขณะหวดความเร็วที่ 145 กม.ต่อชม. ก็จะยกคันเร่ง ความเร็วลดมาอยู่ที่ 100-110 กม.ต่อชม. เพราะโดนเจอฝนกระหน่ำ เหลือบไปที่บานกระจกหลัง ซึ่งเป็นเสมือนประตูบานที่ 5 พร้อมคล่ำหาโหมดเปิดใบปัดน้ำฝนหลัง ปรากฏว่าไม่มี ผมภาวนาอย่าให้ละอองโคลนเกาะบานกระจกมากกว่านี้ เพราะไม่อยากจอดรถลงไปเช็ด และเหลือระยะทางขับขึ้นลงบนดอยตุงอีกหลายสิบกิโลเมตร (ผลวิจัยวิศวกรญี่ปุ่นระบุว่า อัตราจับฝุ่นละลองใกล้เคียงรถซีดานและไม่ส่งผลต่อทัศนวิสัยขับขี่) งานนี้ขอเถียงว่า ไม่จริง! เพราะประสบมากับตัวเองมาหยกๆ

ช่วงล่างหนึบดีกว่าที่คาด

และแล้ว..ไฮไลต์การทดสอบก็มาถึงกับเส้นทางลาดชัน ผสมทางโค้งบนดอยตุง เป็นโจทย์ท้าทายคนขับ และยังเป็นความตั้งใจฮอนด้าที่หวังให้สื่อและลูกค้าได้ประจักษ์จุดเด่นของระบบช่วงล่าง รวมถึงการตอบสนองระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT และขุมพลังเครื่องยนต์

test drive honda brio

งานนี้ไม่มีมีใครยอมใคร ทั้งบด-อัด-ยัดเกียร์-ใส่ความเร็ว-สาวพวงมาลัยกันไม่ยั้ง ทำให้ทุกคนขับอย่างเพลิดเพลินกันเต็มเหนี่ยว ไร้เสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร ขากลับเข้าตัวเมืองเชียงรายทุกคนยังคงสนุกกับการขับขี่กันอย่างเต็มที่ ผมพยายามค้นหาข้อเสนอแนะต่อวิศวกรญี่ปุ่นในช่วง Q&A ภายใต้ความเป็นรถ Eco Car แต่ค้นหายากพอสมควร ส่วนอัตราประหยัดน้ำมันดูค่าเฉลี่ยแล้วบริโภคเฉลี่ย 14 กม.ต่อลิตร นอกจากเรื่องคาใจคือ ใบปัดน้ำฝนหลัง บานกระจกหลัง และความแข็งแรงของคานด้านท้ายเพื่อรองรับกับการชนปะทะด้านหลัง

สรุป..สมรรถนะดีกว่าที่คาด

จากการทดสอบต้องยอมรับว่า Honda Brio รถ Eco Car ไม่ทำให้ผิดหวังแต่อย่างใด เป็นรถเล็กที่มีดีเกินตัว ภายนอก/ภายในโฉบเฉี่ยวทันสมัย ช่วงล่างไว้วางใจได้ แม้จะขับด้วยความเร็วสูงระดับ 130 กม.ต่อชม. ขุมพลังจัดจ้านเร้าใจตั้งแต่ตีนต้นถึงกลาง สามารถขับใช้งานในเมืองอย่างคล่องตัว จะเอาไปขับเที่ยวไกลๆ ก็พอไหวแต่ถ้าใครอยากได้คงต้องรอยาวไม่น้อยกว่า 4-5 เดือนถึงจะรู้ว่า ภาวการณ์ผลิตรถปกติของ Brio จะเริ่มเมื่อไหร่

ข้อมูลทางเทคนิค

เครื่องยนต์ i-VTEC SOHC 4 สูบ 16 วาล์ว

ความจุกระบอกสูบ(ซีซี) 1.198

แรงม้าสูงสุด (พีเอส/รอบต่อนาที) 90/6,000

แรงบิดสูงสุด(นิวตัน-เมตร/รอบต่อนาที) 110/4,800

ระบบเกียร์ อัตโนมัติ CVT

ช่วงล่าง หน้า/หลัง แม็กเฟอร์สันสตรัท เหล็กกันโคลง/ ทอร์ชั่นบีม

พวงมาลัย แร็คแอนด์พิเนียน

ระบบเบรก หน้า / หลัง ดิสก์ / ดรัม

ความจุถังน้ำมัน(ลิตร) 35

รัศมีวงเลี้ยว(เมตร) 4.5

ขนาดล้อ/ยาง 175/65 R14

Sanook! Auto Comment

เสียดายที่ไม่ได้มีโอกาสไปสัมผัสรถรุ่นนี้ด้วยตัวเอง แต่จากที่ฟังเพื่อนๆ พี่น้องๆ สื่อมวลชนที่บินตรงไปขับมาก็บอกเป็นเสียงเดียวกันในเรื่องของช่วงล่างและความปลอดภัยที่เราไม่อาจมองข้ามไปได้ว่าเป็นเรื่องของ เพียงแต่คำถามที่เหลือที่หลายคนยังแคลงใจคือใบปัดหลังกับ บานกระจกที่อยู่ในจุดเสี่ยงต่อการชน




Create Date : 06 พฤษภาคม 2554
Last Update : 6 พฤษภาคม 2554 13:25:37 น. 0 comments
Counter : 1385 Pageviews.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zulander
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 77 คน [?]




หวยซอง เลขเด็ด
หวยซอง เลขเด็ด หวยซองแม่นๆ หวยซองดัง รวมหวยซอง






ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add zulander's blog to your web]