★ (Posters) Burn after Reading & Saul Bass...The WHO ?
ยัง อยากเก็บตกความชื่นมื่นอย่างขำขำฮาฮาจากการได้ดูหนังเรื่อง Burn after Reading เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ด้วยการพูดถึงหรือชำแหละในส่วนของใบปิดหนังเรื่องนี้ต่อสักหน่อย ใบปิดของ Burn after Reading ที่ใช้ในการประชาสัมพันธ์หนังตั้งแต่แรกเริ่ม ตั้งแต่หนังได้เปิดตัวฉายรอบปฐมทัศน์ในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเวนิสประเทศอิตาลีนั้น เป็นใบปิดเวอร์ชั่นพื้นหลังเทสาดสีแดงเต็มพื้นที่ เว้นขอบขาวไว้หน่อยทั้งสี่ด้าน แล้วโปรยตกแต่งหน้าตาด้วยตัวอักษรสีขาวที่มีรูปแบบแบบไม่มีระเบียบสูงต่ำไม่สม่ำเสมอ เป็นชื่อของนักแสดงนำหลักทั้งหลาย (ซึ่งไม่จำเป็นต้องโชว์หน้าตาเพราะแค่ชื่อชั้นแต่ละคนก็มั่นใจเหลือแหล่ว่าขายได้ชัวร์) และต่อท้ายด้วยชื่อหนังตัวอักษรสีเหลือง เชื่อว่าแม้ชื่อของผู้กำกับฯจะตัวเล็กกระจิ๋วหลิวเบียดแทรกขอพื้นที่อยู่ยังไงก็เป็นจุดเด่นมองเห็นได้ไม่ยากเพราะเป็นตัวอักษรสีขาวท่ามกลางความเหลืองของชื่อหนังและพื้นหลังแดงเข้มก็ยิ่งขับให้เห็นชัด ใต้ชื่อหนังลงมาเป็นภาพของผู้ชายคนหนึ่งกำลังใช้กล้องส่องทางไกล ตัวคนเป็นสีดำทึบหมายถึงการเป็นใครสักคน, บุคลลึกลับ แต่การผูกเนคไทช่วยให้การเป็นใครสักคนนั้นถูกจำกัดวงแคบลงมาอีกว่าชายผู้นี้คงทำงานอยู่ในหรือทำงานให้องค์กรอะไรสักอย่าง อาจเป็นเจ้าหน้าที่อะไรสักอย่างแต่ไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาทั่วไปแน่ การวางตัวอักษรชื่อนักแสดงจากด้านบนไล่เรียงลงมาและเป๋เอียงมาด้านขวาจนถึงชื่อหนังและสุดท้ายจบที่ขวาจัดๆแบบริมขอบด้วยภาพคนตัวมืดทึบ ทำให้การจัดองค์ประกอบหรือการจัดหน้ากระดาษขาดความสมดุลไป ขณะที่ด้านซ้ายของภาพพื้นที่ส่วนใหญ่โล่งเปล่าจะมีก็แต่เพียงท่อนปลายแขนและมือที่ถือปืนอยู่เท่านั้นโผล่มา หากนึกถึงหลักการออกแบบแบบสองข้างไม่เท่ากันโดยใช้น้ำหนักความเข้มของสีที่แตกต่างหรือวัตถุสองข้างใหญ่เล็กไม่เท่ากันแต่จัดเกลี่ยให้สมดุลเป็นตัวช่วยแล้ว ใบปิดใบนี้อยู่พ้นหลักคำอธิบายการจัดความสมดุลทั้งสองอย่างนั้น แต่...เฉียบขาดในการทำให้เราไม่รู้สึกว่าภาพเทลาดไปข้างใดข้างหนึ่งด้วยการที่เจ้าคนส่องกล้องส่องมองไปทางซ้ายของภาพก็เป็นการลากนำสายตาคนดูไปด้านซ้าย ส่วนด้านซ้ายเจ้าปลายปืนนั้นจ่อจ้องตรงมาทางขวาก็เป็นการลากนำสายตามาด้านขวา แล้วเมื่อสายตาซ้ายต่อสายตาขวามาประสานกัน มันจึงเกิด..เปรี๊ยะ..ชิ๊งงงงง วิ๊งงง...อยู่ตรงกลาง ..เป็นอันจบ .. 55+ ไม่ต้องไปกังวลอิงตัวอักษรที่เทลงข้างใดข้างหนึ่งเสียให้ยาก อีกอย่างที่น่าสนใจของการเทตัวอักษรทั้งหลายให้เอียงมาทางด้านขวาซึ่งก็จะหยุดตรงใกล้ๆกับปลายของกล้องส่องทางไกล หากมองย้อนกลับขึ้นไป (เหมือนในลักษณะปลายบุหรี่ที่มีควันลอยอ้อยอิ่ง) จะเห็นว่านี่เป็นการบอกเป็นนัยๆว่าคนทั้งหมดเหล่านี้นั้นกำลังถูกสอดส่องสังเกตุพฤติกรรมจากใครบางคนอยู่..นะ จากการหยิบยกรายละเอียดที่ปรากฏในใบปิดตามที่ได้แจกแจงไปดังข้างต้นนั้น หากมองดูรวมๆแม้ในแบบที่ว่าไม่รู้มาก่อนว่าใครเป็นใครหรือหนังเรื่องนี้เป็นแนวไหน ยังเชื่อว่าอย่างน้อยๆใบปิดสามารถบอกอารมณ์หลักบอกแนวของหนังได้มากพอสมควร สีแดงคงพอบอกได้ว่าหนังเรื่องนี้มีความรุนแรงหรือมีเสียเลือดเนื้อกันบ้าง (คิดแบบประชดประชดก็คือคง ไม่ใช่หนังรักโรแมนติกแน่ๆ 55) มีกล้องส่องทางไกล มีปืน ก็น่าจะเดาได้ว่ามีความลึกลับ น่าสงสัย ไม่ปลอดภัยและเป็นอันตรายคลุมหนังเรื่องนี้อยู่ เท่านี้ก็เท่ากับว่าใบปิดได้ทำหน้าที่เสนอตัวเองได้อย่างเยี่ยมเอี่ยมอ่องแล้ว จากนั้นก็อยู่ที่ว่ารสนิยมของคนพบเห็นใบปิดนี้เป็นอย่างไร ใจตรงกัน อยากซื้อตั๋วดูหนังเรื่องนี้หรือไม่...เท่านั้นเอง ใบปิดนี้ (และอีกชุดหนึ่งเฉพาะใบปิดที่แยกเดี่ยวนักแสดงทั้ง 5 ตามภาพเล็กด้านบนสุดของบล็อก) ออกแบบโดย บริษัท Mojo, CCL ที่ทำการอยู่ที่เมืองลอส เองเจลลิส, แคลลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา งานหลักๆที่บริษัทโมโจรับสนองความต้องการของลูกค้าคือทั้งรับออกแบบและรับผลิตสื่อที่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์ (ใบปิด,ทีเซอร์และเทรลเลอร์), เทรลเลอร์ของเกม (warcraft III, Fight Club etc.) และอีกหลายแขนงในสายงานโฆษณา และแน่นอนว่า เมื่อใบปิดใบนี้ปรากฏโฉมในที่สาธารณะอวดสายตาใครต่อใครโดยเฉพาะนักดูหนังทั้งหลายแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงใบปิดหนังสุดคลาสสิค ของหนังแนวลึกลับเขย่าขวัญสุดคลาสสิค ของผู้กำกับฯระดับตำนานชาวอังกฤษ อย่างใบปิดหนังเรื่อง Vertigo (1958) ที่กำกับโดย อัลเฟรด ฮิทชค็อค ออกแบบไว้โดย ซอล แบส (Saul Bass) ทั้งพื้นหลังเป็นสีแดงสด ตัวอักษรรูปแบบแบบไม่เท่าวางอยู่ชิดไปด้านหนึ่งทั้งบนและล่าง แต่ได้ภาพของคนเป็นสีมืดทึบและอีกคนเป็นเส้นรอบรูป ที่ศีรษะของคนทั้งสองชี้เบนไปด้านขวาและการวนของเส้นสีขาวที่เป็นการวนออกทางด้านขวาช่วยนำสายตาให้ถ่วงดุล จึงเป็นที่แน่ชัดว่าการออกแบบใบปิดหนัง Burn after Reading (เขย่าขวัญ, น่าสงสัยแบบเย้ยเย้ย) ได้รับแรงบันดาลใจจากใบปิดหนัง Vertigo (ลึกลับซ่อนเงื่อน)ของแบสด้วยจิตคารวะแน่นอน...ฟันธง! (หรือคอนเฟิร์ม!)ซอล แบส (Saul Bass : May 8, 1920April 25, 1996) เป็นนักออกแบบงานทางด้านกราฟฟิคระดับชั้นนำชาวอเมริกันนับตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา (รุ่นราวคราวเดียวกันกับ พอล เรนด์ (Paul Rend) นักออกแบบที่มีชื่อเสียงทางด้านการออกแบบสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายการค้า (Logo) ผลงานของเบนด์ อาทิเช่นเครื่องหมายการค้าของ IBM, UPS และ ABC) แบสเป็นผู้บุกเบิกแล้วมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในด้านการออกแบบภาพเคลื่อนไหวที่ผสานเข้ากับตัวอักษรของชื่อหนัง, ชื่อนักแสดงหรือเครดิตต่างๆที่สำคัญในช่วงหัวเรื่องของหนังเรื่องนั้นๆ (motion picture title sequences, ให้ลองนึกถึงหนังเรื่อง James Bond เช่นตอน Casino Royale (2006) ก็จะมีพวกไพ่ลอยฉวัดเฉวียนไปมาและสาวๆกรุยกรายเป็นเรื่องเป็นราว ไม่ใช่แบบหนังเริ่มเรื่องฉายแล้วก็ทยอยมีตัวอักษรชื่อคนนั้นคนนี้ปรากฏขึ้น <- - - อย่างนี้ไม่เรียกว่าเป็น Title sequence แต่จะเรียกว่า Opening credits) ในงานออกแบบใบหนังของแบสนั้น จุดเด่นคือการเลือกใช้สีไม่มากสี จับประเด็นหรือแก่น (Theme) ของหนังเรื่องนั้นๆ แล้วลดรูป ตัดทอนรายละเอียดออกไป คงไว้แต่ใจความสำคัญและใช้รูปทรงทางเรขาคณิตพื้นฐานมาช่วย อ่านความเป็น ซอล แบส เพิ่มเติมได้ที่เวปไซต์ //www.designmuseum.org/design/saul-bass หรือที่ wikipedia หรือสนใจรายชื่อหนังที่แบสทำหน้าที่เป็น title designer ได้ที่ imdb ผลงานการออกแบบใบปิดหนังส่วนหนึ่งของ ซอล แบส เรียงจากซ้ายไปขวา แถวบนลงล่าง ชื่อหนัง : ปีที่ออกฉาย : ชื่อผู้กำกับฯ The Man with the Golden Arm (1955), Saint Joan (1957) Otto Preminger :: Love in the Afternoon (1957) Billy Wilder North by Northwest (1959) Alfred Hitchcock :: Anatomy of a Murder (1959) Otto Preminger :: Exodus (1960) Otto Preminger One, Two, Three (1961) Billy Wilder :: West Side Story (1961) Jerome Robbins, Robert Wise :: Advise & Consent (1962) Otto Preminger :: The Cardinal (1963) Otto Preminger Bunny Lake Is Missing (1965) Otto Preminger :: The Man with the Golden Arm (1955) Otto Preminger :: Such Good Friends (1971) Otto Preminger :: It's a Mad Mad Mad Mad World (1963) Stanley Kramer ใบปิดหนังที่ออกแบบโดยได้รับแรงบันดาลใจจากงานออกแบบของ ซอล แบส ซอล แบสและผลงาน ** หมายเหตุ :: ภาพใบปิดทั้งหมดขอขอบคุณ //www.impawards.com ที่ให้การสนับสนุนอย่างไม่เป็นทางการ
Please welcome ขอเชิญ ทุกท่านร่วมแสดงความคิดเห็นต่อหนังหลากเรื่องหลายแนว ทั้งชนโรง ทั้งหนังแผ่น ได้ที่ //vreview.yarisme.com ค่ะ และเรายังมีกิจกรรมให้ทุกท่านมีสิทธิลุ้นรับบัตร Major M Cash มูลค่า 500 บาท ฟรี!!!! จำนวน 8 ใบ ทุกเดือนอีกด้วย
Create Date : 29 พฤศจิกายน 2551
26 comments
Last Update : 30 พฤศจิกายน 2551 14:49:45 น.
Counter : 2799 Pageviews.
โดย: เอกเช้า IP: 124.120.185.98 30 พฤศจิกายน 2551 11:44:45 น.
โดย: nanoguy IP: 125.24.98.81 1 ธันวาคม 2551 5:38:00 น.
โดย: grappa 1 ธันวาคม 2551 11:12:04 น.
โดย: McMurphy 1 ธันวาคม 2551 18:45:35 น.
โดย: hiansoon 2 ธันวาคม 2551 20:32:57 น.
โดย: บลูยอชท์ 2 ธันวาคม 2551 21:45:29 น.
โดย: renton :: IP: 125.26.129.82 4 ธันวาคม 2551 15:41:02 น.
โดย: McMurphy 4 ธันวาคม 2551 21:54:15 น.
โดย: 24poster IP: 124.121.127.151 19 สิงหาคม 2552 16:17:46 น.
โดย: konseo 8 พฤษภาคม 2556 8:40:20 น.
.Just wait until night
then switch the light off
DeUsynlige (2008) Erik Poppe : : หนึ่งเป็นผู้ทำลาย หนึ่งเป็นฝ่ายสูญเสีย เวลาผ่านต่างฝ่ายต่างเริ่มชีวิตใหม่แต่ที่สุดแล้วโชคชะตาก็นำพาให้ทั้งสองต้องมาเผชิญหน้ากัน ~ ถึงพล็อตจะสามัญแบบนี้แต่หนังวางสถานการณ์ที่แสดงและเหตุการณ์ที่ซ่อนอยู่ได้หมาะกันดีมาก การถ่ายโอนตัวละครจุดศูนย์กลางของเรื่องจากคนหนึ่งไปคนหนึ่งก็ไหลลื่น เรื่องราวที่บรรจุความกดดันต่อสู้กับตัวเองของตัวละครก็เข้มข้น และ "โอกาส" เป็นสิ่งที่หนังขอให้เราเห็นเป็นสำคัญเพราะที่สุดแล้วเราจะเห็นว่าฝ่ายที่เคยสูญเสียกลับด้านมาเป็นผู้ทำลายบ้าง ทั้งหมดเป็นความละเอียดในอารมณ์ของผกก.ที่ทำออกมาได้น่าชื่นชมจริงๆ
Adventureland (2009) Greg Mottola : : เด็กหนุ่มพรหมจรรย์และเด็กสาวเมียเก็บนายช่างของสวนสนุกเกิดลังเลในความรู้สึกที่มีให้แก่กัน ครั้นจะจูนกันติดกลับมีเรื่องให้เข้าใจผิดกันซะงั้น ~ ปั๊ปปี้เลิฟสนุกๆ ประสาวัยรุ่นวัยเรียน ฉากหลังเป็นยุค 80 ที่มีกัญชาเป็นสื่อกลางสร้างความสัมพันธ์ เพลงดิสโก้ ฟังก์ พั้งค์ จากยุคนั้นก็อัดกันขนกันมาเพียบ เพลิน และมองว่า คริสเตน สจ๊วต นั้นดูทื่อมะลื่อไงไม่รู้
Mutum (2007) Sandra Kogut : : เด็กชายคนหนึ่งแถบบ้านนาของบราซิล ต้องเผชิญกับความดุดันของพ่อ สนิทกับอาแต่เหมือนเขาจะมาจีบแม่ ถูกเพื่อนวัยเดียวกันเหน็บแนมและที่สำคัญคือสูญเสียเพื่อนรักที่สุดในชีวิต ~ อะไรจะแกร่งเกินนี้ไม่มีอีกแล้ว เจ้าหนูไม่ได้อยู่ในร่างของคนมองโลกในแง่ดี หากแต่ให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยความเข้าใจและมองถึงสิ่งที่ตนต้องทำ ... ชอบเรื่องที่แทรกอยู่เล็กๆ อย่างความผิดปกติทางสายตา (สายตาสั้น) เมื่อมันเกิดขึ้นกับคนในชนบทซึ่งไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร จะเห็นความแตกต่างก็ต่อเมื่อได้ลองสวมแว่นตาเท่านั้น
Dalkomhan insaeng (2005) Ji-woon Kim : : มือขวาของเจ้าพ่อฝีมือสุดเนี้ยบทำการใดไม่เคยล้มเหลว ตีรันฟันแทงเตะต่อยขอให้บอก แต่จะมาตายเอาก็เพราะริอาจมีใจให้ เด็ก ของเจ้าพ่อ ~ หนังแก็งส์เตอร์ของพี่ๆ เกาหลีเขาต้องบอกว่าออกแบบท่าทางกันมาดี ดูแล้วเพลิน นึกถึง Transpotter ที่ เจสัน สเตแธม ในชุดสูทหรูระยับแต่ยกแข้งขาถีบยันได้ดีเอาเรื่อง ทรยศหักหลังยังเป็นชนวนหลักที่สร้างสีสันให้กับหนังแนวนี้ สนุกดีแม้จะชวนสับสนนิดหน่อยว่าใครอยู่ฝ่ายไหนลูกน้องใคร (ก็หน้าตาเขาคล้ายกันน่ะ)
Noise (2007) Matthew Saville : : หนังมีส่วนผสมของความเป็นหนังเขย่าขวัญอยู่เพียงส่วนหนึ่งทั้งๆ ที่มีเหตุสะเทือนขวัญรุนแรง แต่... อ่านต่อ ที่นี่
1
2 3 4 5 6 7 8
9 10 11 12 13 14 15
16 17 18 19 20 21 22
23 24 25 26 27 28 29
30