ใครว่าอยู่เมืองนอกสบาย ... ตอนที่ ๓ กา(เร่อกา)ล่าดินเนอร์
วันนี้เป็นวันดีครับ
โอ๊ะ ๆ ..... พอผมเปิดตัวขึ้นมาแบบนี้ปั๊บ คุณๆคงเลิกคิ้ว
ทำตาโตเท่านกเค้าแมวกันล่ะสิ ยังครับยัง..... ไม่ต้องตกอกตกใจกันไป
นายพอลสุดหล่อคนนี้ยังไม่ยอมตกหลุมหญิงสาวคนใด
ไม่ว่าจะไทย จีน ฝรั่ง หรือแขก ให้ต้องยอมกัดก้อนกินเกลือ กู้หนี้ยืมสิน
ยกขันหมากไปสู่ขอสาวเจ้าหรอกนะครับ
แต่ที่บอกว่าเป็นวันดี ก็เพราะว่าร้านอาหารของเราได้รับคัดเลือก
ให้เป็นหนึ่งในสี่ผู้เข้ารอบสุดท้ายร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งรัฐ
ในการประกวดภัตตาคารยอดเยี่ยมแห่งชาติ ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี
โดยสมาคมภัตตาคารและธุรกิจอาหารแห่งประเทศต่างหากล่ะครับ
ดังนั้นค่ำนี้ผมและพี่บัว ลูกสาวคนเดียวของป้านา
ซึ่งปกติแล้วทำหน้าที่เป็นผู้จัดการร้าน ดูแลรับรองรวมทั้งรับหน้าลูกค้า
เวลามีปัญหาใดใดก็ตามเกิดขึ้น และว่าไปแล้วก็เป็นนายอีกคนของผม
รองจากนายใหญ่อย่างป้านา เราเป็นตัวแทนของร้าน
เข้าร่วมพิธีประกาศรางวัลซึ่งจัดขึ้น ณ หอประชุมใหญ่
ของมหาวิทยาลัยมีชื่อแห่งหนึ่ง ซึ่งก็เป็นต้นสังกัดของผมเองอีกต่างหาก
ในฐานะที่ยังเป็นศิษย์ปัจจุบัน
ทำไมไม่ใส่เดรสล่ะเจ๊.....
ผมถามขึ้นด้วยความสงสัย
ขณะที่เราสองคนเดินออกจากที่จอดรถไปยังหอประชุมใหญ่
ไม่มี พี่บัวตอบสั้นๆ
ไม่ต้องแปลกใจครับ ผมมักเรียกเธอว่าเจ๊ด้วยวัยที่มากกว่าเล็กน้อย
และผิวพรรณที่ออกขาวเสียจนโดนคนจีนส่งภาษาจีนถามทางให้ก็หลายครั้ง
เวลาเดินตามท้องถนน ด้วยนึกว่าเป็นคนชาติเดียวกัน
แม้แต่ลูกค้าฝรั่งยังไม่คิดว่าเธอเป็นคนไทย ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
เพราะฝรั่งมักเข้าใจว่าคนไทยต้องหน้าตาคมเข้ม ผิวคร้ามแดด
อย่างพวกฟิลิปปินส์ ซึ่งว่ากันว่าเป็นชาติที่ละม้ายคล้ายไทยทื่สุด
ในขณะที่พี่บัว หรือที่ลูกค้ารวมทั้งพนักงานสัญชาติอื่นๆในร้าน
เรียกเธอว่าโลตัส (พ้องเข้ากับซูเปอร์สโตร์ยักษ์ใหญ่ชื่อดังอย่างช่วยไม่ได้)
กลับมีใบหน้าอ่อนเยาว์กว่าอายุ
และหากไม่ใช่เพราะป้ายชื่อพร้อมตำแหน่งที่อยู่บนอกเสื้อแล้วล่ะก็
ทุกคนก็มักเข้าใจว่าเธอเป็นเพียงนักศึกษาที่มาทำงานพาร์ตไทม์เท่านั้น
แต่ว่างานคืนนี้มันกาล่าดินเนอร์ไม่ใช่หรือเจ๊
ผมทำหน้าฉงน นึกไปถึงรายละเอียดในบัตรเชิญที่ป้านาเอาให้ดูเมื่อวันก่อน
แล้วไอ้งานกาล่าดินเนอร์นี่ เขาก็ต้องแต่งตัวเฉิดฉาย
สาวๆสวมชุดราตรีสวยงาม ประดับเรือนกายด้วยเครื่องเพชรวูบวาบ
รวมทั้งสวมรองเท้าส้นสูงแหลมเปี๊ยวชนิดแทงทะลุหลังเท้าผู้ร้ายได้
หากมีไอ้โจรโชคร้ายคนไหนเกิดคิดโง่ๆ ควักมีดขึ้นมาจี้
ในค่ำคืนอันแสนหรูหราแบบนี้
แต่นี่พี่บัวกลับสวมเสื้อสูท
ที่แม้จะเป็นสูทสีเบอร์กันดีที่ดูหรูหรากว่าสูทดำแบบมาตรฐาน
ที่สาวๆทำงานออฟฟิศทั้งหลายมักสวมกันเป็นปกติในวันทำงาน
แต่มันก็ยังไม่ใช่เดรส และแม้สร้อยเพชรเส้นเล็กๆที่ลำคอระหงนั่น
รวมทั้งสร้อยข้อมือเส้นจิ๋วเข้าชุดอีกเส้นที่โผล่พ้นออกมานอกแขนเสื้อ
จะขับให้นายสาวของผมดูสง่ามีราศีขึ้นไปอีก
แต่มันก็ยังห่างไกลจากคำว่าชุดราตรีอยู่ดีนั่นล่ะ.....
ใช่..... กาล่าดินเนอร์ แต่ฉันไม่มีชุดราตรีนี่ แล้วปกติเวลาอยู่ร้าน
ก็ใส่แต่ชุดไทย อีกอย่าง..... ฉันไม่อยากแต่งสวยให้ใครเขาคิดว่า
ฉันมากับแฟน เกิดใครเข้าใจผิดขึ้นมาจริงๆ ฉันได้ขายไม่ออกกันพอดี
โอ้โห..... เจ๊คร้าบ เป็นแฟนกับนายพอลสุดหล่อไม่ดีตรงไหน
ขนาดจีน่ายัยหมวยแดนโสมให้ท่าผมเสียขนาดนั้น
ผมยังไม่เคยคิดจะสนใจเลยนะจะบอกให้ นี่ยังไม่นับสาวๆอีกหลายคน
ที่ผมยังไม่ได้เอามาโม้ อ๊ะ..... เอามาเล่าให้คุณๆฟังนะครับ อะแฮ่ม!
โต๊ะหมายเลข 25..... ตรงนั้นเอง
พี่บัวสาวเท้าตรงไปยังโต๊ะที่ได้รับการยืนยัน
จากพนักงานต้อนรับที่อยู่หน้างานว่าคือโต๊ะที่สำรองเอาไว้ให้พวกเรา
โดยมีผมเดินตามไปติดๆ
ห้องโถงด้านในหอประชุมใหญ่ตกแต่งอย่างสวยงาม
โต๊ะดินเนอร์แบบฟุลคอร์สราวห้าสิบโต๊ะจัดวางอย่างหรูหรา
เล่นเอากะเหรี่ยงไทยตกยากที่ได้รับคำสั่งจากป้านานายใหญ่
ให้มาเป็นบอดี้การ์ดควบตำแหน่งคู่ควงของลูกสาวเจ้าของร้าน
อดใจสั่นขึ้นมานิดๆไม่ได้ ก็แหม..... นี่มันงานกาล่าดินเนอร์ครั้งแรก
ในชีวิตของโดม เอ๊ย พอลผู้จองหองเลยนะครับคุณ
พวกเรากล่าวทักทายผู้ร่วมโต๊ะซึ่งนั่งรออยู่ก่อนแล้วสามคน
อันได้แก่คุณพ่อ คุณแม่ และคุณลูกสาว
ที่เป็นตัวแทนจากร้านอาหารจีนแห่งหนึ่งซึ่งอยู่คนละเมืองกับร้านของเรา
จะเรียกว่าตัวแทนก็ไม่รู้จะเรียกได้เต็มปากเต็มคำไหม
เพราะหลังจากพูดคุยกันสักพักก็ได้ความว่า
ทั้งร้านมีกันแค่สามคนพ่อแม่ลูกนี่ละครับ
หากไม่นับเด็กลูกมืออีกคนที่จ้างมาช่วยล้างหม้อรามชามไหนั่น
เรียกได้ว่าเป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือน เงินทองไม่รั่วไหลดีว่างั้น.....
ลงนั่งได้ก้นไม่ทันร้อนดีก็มีตัวแทนจากร้านอิตาเลี่ยนอีกสองคน
ซึ่งก็เป็นคู่สามีภรรยาเชื้อสายอิตาเลี่ยนเข้าร่วมโต๊ะด้วย
ร้านนี้ดีกว่าร้านแรกนิดหนึ่ง เพราะใหญ่โตกว่ารุ่นอุตสาหกรรมในครัวเรือน
ยกระดับขึ้นกลายเป็นอุตสาหกรรมขนาดย่อม
เนื่องเพราะไม่ได้ทำกันแค่สองคนผัวเมีย
อย่างน้อยเท่าที่พูดคุยดู ก็ได้ความว่ามีทั้งพนักงานเสิร์ฟและพนักงานครัวล่ะ
Excuse me, whatd you like to drink?
(ขอโทษนะคะ..... ไม่ทราบจะดื่มอะไรคะ)
บริกรสาวเดินเข้ามาถามอย่างสุภาพ
ผมมองไปที่แก้วน้ำหลากชนิดตรงหน้า
ก่อนกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก
โอ้..... แม่เจ้า แก้วอะไรมันจะเยอะขนาดนี้ แค่กินข้าวมื้อเดียว
คนๆเดียวจะต้องใช้แก้วถึงห้าใบเลยเชียวหรือ
ที่ร้านเรายังมีแค่ใบเดียวเอง ไม่ว่าลูกค้าจะดื่มไวน์ประเภทไหน
วัน กลาส ฟิตซ์ ออล ..... แปลว่า ใบเดียวใส่มันได้ทุกอย่างครับ..... เอิ๊ก
What drinks do you have?
(แล้วคุณเสิร์ฟเครื่องดื่มอะไรบ้างคะ)
พี่บัวถาม ก่อนที่จะได้รับคำตอบยาวเหยียดจากบริกรสาวตาสีฟ้า
We have white wine, red wine, sparkling wine,
mineral water, tomato, apple and orange juice.
(เรามีไวน์ขาว ไวน์แดง แชมเปญ น้ำแร่
น้ำมะเขือเทศ น้ำแอ๊บเปิ้ล แล้วก็น้ำส้มค่ะ)
แน่นอนครับ..... นางเอกของผมเลือกน้ำส้ม แถมพ่วงด้วยน้ำแร่อีกต่างหาก
ตามประสาคนไทยที่ขาดน้ำเปล่าขณะรับประทานอาหารไม่ได้
ผมหรือครับ..... เอ็มร้อยห้าสิบ อุ๊..... ลืมตัว ไวน์แดงสิครับ
แม้ว่าโดยปกติหากจะต้องดื่มแล้ว
กะเหรี่ยงไทยอย่างผมต้องวิสกี้โซดาเท่านั้น
แต่งานนี้เขาไม่เสิร์ฟนี่ แถมยังต้องมานั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อ
เป็นหน้าเป็นตาให้กับนายในงานกาล่าดินเนอร์สุดไฮโซเยี่ยงนี้
งั้นยาจกอย่างผมก็ขอเลือกดื่มไวน์ เป็นการยกระดับจากกะเหรี่ยงไทยตัวดำ
ให้กลายเป็นนายพอลผู้จองหองอย่างละครหลังข่าวบ้านเราบ้างเหอะ
(.....ถูกเรื่องหรือเปล่านี่)
แล้วกะเหรี่ยงไทยผู้เผยออยากเข้าสังคมชั้นสูงก็ถึงบางอ้อ.....
เมื่อบริกรสาวเดินเสริ์ฟเครื่องดื่มให้ทุกคนจนครบ
ที่แท้แก้วทรวดทรงต่างกันทั้งห้าใบตรงหน้า
แบ่งออกเป็นแก้วไวน์ก้านสูงปากแคบสำหรับไวน์ขาว
แก้วไวน์ก้านสูงปากกว้างสำหรับไวน์แดง
แก้วไวน์ก้านสูงเอวคอดกิ่วแถมยังบางเฉียบสำหรับแชมเปญ
แก้วหนาทรงสูงแต่ไม่มีก้านจับสำหรับน้ำผลไม้
และแก้วหนาทรงเตี้ยไม่มีก้านอีกเช่นกันสำหรับน้ำแร่ครับ
อ่า..... เล่ามาถึงตรงนี้ คุณๆคงอ้าปากค้าง
จะด้วยเพราะยิ่งอ่านยิ่งงงหรืออะไรก็ตามแต่
เอาเป็นว่าแก้วทุกชนิดที่เขาจัดวางไว้บนโต๊ะ
ตรงหน้าผู้ร่วมรับประทานอาหารทุกคนนั่น
ทุกใบล้วนมีหน้าที่ของมันทั้งสิ้นก็แล้วกันนะครับ..... เฮ้อ
ไม่นานบริกรสาวคนเดิมก็กลับออกมาอีกครั้ง
พร้อมด้วยจานขนมปังกลมแบบที่เรียกว่าดินเนอร์โรลในอ้อมแขน
ซึ่งโดยปกติแล้วจะรับประทานพร้อมกับไวน์
ระหว่างที่รออาหารเรียกน้ำย่อยในลำดับถัดไป
เจ้าหล่อนเดินวนรอบโต๊ะ วางจานดินเนอร์โรลพร้อมทั้งเนยสดก้อนเล็กๆ
ทางซ้ายมือของแขกผู้มีเกียรติ (เเต่จะน้อยหรือมาก
กะเหรี่ยงอย่างผมเองก็ชักเริ่มไม่มั่นใจ) จนครบถ้วนทุกคน
และแล้วเหตุการณ์เหนือความคาดหมายก็เกิดขึ้น
เมื่อคุณพ่อวัยกลางคนตัวแทนจากร้านจีน
หยิบขนมปังจากจานเล็กทางขวามือขึ้นมาทาเนย
แล้วส่งเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆหน้าตาเฉย
ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของผู้ร่วมโต๊ะทุกคน..... ไอ๋หยา!
โม้ส่งท้าย
ตอนนี้ค่อนข้างยาวครับ ผมเลยคิดว่าคงจะต้องหั่นกลาง เเล้วไปต่อให้ติดอีกทีในตอนถัดไป ขอรับรองด้วยเกียรติของพี่หนูพลอย ว่าตอนหน้ามาเร็วเเน่นอนครับ ขอขอบคุณมิตรรักเเฟนเพลงของสายัญ ที่ผมเหมาเอาเองว่าคือมิตรรักเเฟนเพลงของผมด้วยไม่มากก็น้อย ที่คอยขี่เเพะไล่บี้คุณเธอ ทำให้คุณเธอต้องมาไล่บี้เอากับผมอีกที
ผมซาบซึ้งในน้ำใจของทุกท่านเป็นที่ยิ่ง จึงขอฝากเพลงนี้ไว้เเทนกายเเละตัวอักษร ระหว่างที่ผมห่างหายหน้าตาไปจากเเป้นพิมพ์ไม่กี่วันนี้ สาวน้อย สาวใหญ่ สาวเเก่ เเม่ยกทั้งหลาย รอหน่อยนะครับ
Be Near by Shane Barnard & Shane Everett
Create Date : 26 สิงหาคม 2552 |
|
37 comments |
Last Update : 26 สิงหาคม 2552 13:02:12 น. |
Counter : 1954 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: nikanda 26 สิงหาคม 2552 5:46:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 26 สิงหาคม 2552 9:38:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: okra 26 สิงหาคม 2552 12:44:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: I_sabai 26 สิงหาคม 2552 14:50:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: veerar 26 สิงหาคม 2552 19:20:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: Artagold 26 สิงหาคม 2552 19:38:40 น. |
|
|
|
| |
โดย: maistyle 26 สิงหาคม 2552 21:36:18 น. |
|
|
|
| |
โดย: aeann 27 สิงหาคม 2552 5:54:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 27 สิงหาคม 2552 6:56:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: พรายทราย 27 สิงหาคม 2552 12:28:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: tanjira 27 สิงหาคม 2552 13:34:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: แม่ภุมิ (Artagold ) 27 สิงหาคม 2552 17:47:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: okra 27 สิงหาคม 2552 23:32:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: ยางมะตอยสีชมพู IP: 124.122.50.249 28 สิงหาคม 2552 21:49:43 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) 28 สิงหาคม 2552 22:31:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: sawkitty 29 สิงหาคม 2552 13:04:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: maistyle 29 สิงหาคม 2552 20:29:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: maistyle 31 สิงหาคม 2552 20:06:53 น. |
|
|
|
| |
โดย: veerar 31 สิงหาคม 2552 20:38:23 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
ขออนุญาตสงวนสิทธิ์การคัดลอก ดัดเเปลง เเก้ไข เผยเเพร่ หรือนำผลงานทุกชิ้นไปใช้ไม่ว่าด้วยวัตถุประสงค์ใด เว้นเเต่ได้รับอนุญาตก่อนนะคะ ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจค่ะ
|
|
|
|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
คนก็ทักนะ ทักว่าหนีห่าวๆๆ(มั๊ง) เป็นภาษาจีนเสีย 10%
ส่วนอีก90%ชอบถามว่า นี่เธอ เธอเป็นคนฟิลิปปินล์เหรอ
อย่าว่าแต่ฝรั่งเลยค่ะ..ที่คิดว่าคนไทยเหมือนคนฟิลิปปินล์
วันก่อนโน้น..พาลูกออกไปเดินเล่น เห็นผู้หญิงเดินผ่านมา
เราก็มั่นใจเต็มที่ ทักไป "คนไทยใช่ไหมคะพี่?"..เธอคนนั้นงง..
ตอบกลับมา "เปล่าค่ะ ฉันเป็นคนฟิลิปปินล์" ฮา เลย เราหน้าแหก