Bloggang.com : weblog for you and your gang
....ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะคน......
Group Blog
บ้านของเราฉบับสมบูรณ์
ข้อมูลสร้างบ้านของเรา
เรื่องเล่าข้อมูลก่อนที่จะลงมือสร้างบ้าน
(ส่วนตั้ว..ส่วนตัว)เรื่องเล่า..ภายในชายคาบ้านเรา..
สร้างบ้าน....สไตล์...ไหนกันดี...
กฏหมาย หลักการออกแบบบ้าน และข้อควรระวังจากผู้เหมาก่อสร้าง
เรื่องควรรู้ก่อนเลือกหน้าต่าง มุ้งลวด และการติดเหล็กคัด
เก็บไอเดียแต่งสวนมาฝาก
ระบบไฟฟ้าภายในบ้าน มาแต่งบ้าน กับไฟส่องผนังกันดีกว่า
รวบรวม..การจัดสวนห้องน้ำสไตล์ ใกล้ชิดธรรมชาติ..12ไอเดียทำห้องน้ำสไตล์รีสอร์ต
เพิ่มความสดใสให้บ้านต้อนรับปีใหม่
ขออภัยคะ
ห้องเก็บของ
เรื่องของ ราวบันได ไอเดียในการตกแต่งใต้บันไดให้เกิดประโยชน์
ไอเดียจัดโลกส่วนตัว ให้เจ้าตัวเล็ก
ไอเดียน่ารักๆ การแต่งห้องต่างๆในบ้าน
108 เคล็ดลับ สำหรับ แม่บ้าน-พ่อบ้าน
หนาวแล้ว....ไปเที่ยวกันไหมค่ะ
สุขภาพ 5 เคล็ดลับ...ปาร์ตี้ปีใหม่ให้สนุกสุขภาพดี
ต้นไม้ที่ทุกบ้าน ควรที่จะปลูก
ภาพหาดูยาก ภาพที่คุณอาจไม่เคยเห็น
วิธีทำ ให้ผิวขาว 27 วิธี... บอกลาผิวหม่นหมอง
มาดูแนวๆของต่างชาติ..ต้อนรับปีใหม่นี้ ชาวญี่ปุ่น
ห้องทดลอง
คําคมคารมรัก..
อาหารอีสาน
<<
พฤศจิกายน 2553
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
11 พฤศจิกายน 2553
อากาศเปลี่ยน ควรทานอาหาร ออกกำลังกาย พักผ่อนอย่างไร
All Blogs
5 เคล็ดลับ...ปาร์ตี้ปีใหม่ให้สนุกสุขภาพดี
10 อาหารเสริม ความสวย
10 ความเข้าใจผิด กับเรื่องอาหาร
รู้หรือไม่? ยาชนิดไหนไม่ควรกินคู่กัน
อากาศเปลี่ยน ควรทานอาหาร ออกกำลังกาย พักผ่อนอย่างไร
จริงหรือไม่จริง
ครีมหมักผม ที่เราทำได้เอง
ออกกำลังกายตอนเช้าหรือตอนเย็นดี
อย่าเปิดแอร์รถเวลาร้อนจัด อันตรายมากๆ
สมุนไพรอันตราย 13 ชนิด ต่อชีวิตคนทำงาน (ขำๆ) ยิ้มทำให้อายุยืนน๊ะ
อากาศเปลี่ยน ควรทานอาหาร ออกกำลังกาย พักผ่อนอย่างไร
อากาศเปลี่ยน ควรทานอาหาร ออกกำลังกาย พักผ่อนอย่างไร
อากาศเริ่มเปลี่ยนจากความอบอ้าวและเปียกชื้นในหน้าฝน มาเป็นอากาศที่แห้งแล้งและเย็นเยือกของหน้าหนาว เมื่อเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีร่างกายไม่แข็งแรงเกิดอาการไม่สบายและไปหาแพทย์ มักจะได้คำวินิจฉัยที่คล้ายคลึงกัน คือ เป็นหวัดหรือเป็นไข้หวัด ทั้งนี้ตั้งอยู่บนรากฐานทางระบาดวิทยาที่ว่า ช่วงการเปลี่ยนแปลงของฤดู โรคภัยไข้เจ็บที่พบบ่อย คือ โรคหวัดหรือไข้หวัดนั่นเอง
ความจริงถึงแม้ทางการแพทย์แผนตะวันตก (ปัจจุบัน) จะปักใจเชื่อว่า ต้นเหตุของการเป็นหวัด คือ เชื้อ ไวรัส แต่ไม่เคยมีการตรวจหาเชื้อไวรัสในผู้ป่วยที่เป็นหวัดในแง่ปฎิบัติเลย ทั้งนี้เช่นเดียวกับหลายๆ โรคที่ไม่ทราบสาเหตุ มักจะโยนความผิดให้กับเชื่อไวรัสอยู่เสมอ เนื่องจากพฤติกรรมของไวรัสซึ่งจำเป็นต้องขยายพันธุ์โดยอาศัยเซลล์ของสิ่งมี ชีวิต มักจะมาและจากโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า จึงพิสูจน์ได้ยากว่าเป็นต้นเหตุที่แท้จริงของความไม่สบาย ในระยะเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงฤดูหรือไม่
"มนุษย์จัดอยู่ในสัตว์เลือดอุ่น" นั่นหมายความว่า ร่างกายของมนุษย์ สามารถปรับให้อุณหภูมิอยู่ในคงที่ที่ประมาณสภาวะ 37 องศาเซลเซียส ซึ่งผิดกับสัตว์เลือดเย็น เช่น ปู ปลา กบ เขียด อุณหภูมิกายผันแปรไปตามอากาศหรือฤดู ดังนั้น มนุษย์จึงไม่ต้องจำศีลในฤดูหนาว หรือล้มตายลงในช่วงการเปลี่ยนแปลงของฤดู
การปรับตัวของร่างกายให้มีอุณหภูมิค่อนข้างคงที่ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ได้แก่
ปัจจัยแรก คือ อาหารการกิน
ในฤดูหนาวและฤดูร้อนจำเป็นต้องแตกต่างกัน ผู้คนที่อยู่ในแถบภาคพื้นเอเชียตอนใต้ใกล้เส้นศูนย์สูตรที่มีอุปนิสัยกิน ข้าวกับแกง เมื่อไปศึกษาหรืออาศัยที่ประเทศทางแถบเหนือ จำเป็นต้องเปลี่ยนอุปนิสัยการกินแบบเดิมมาเป็นการกินนม เนย ขนมปัง มิฉะนั้นจะทนต่อความหนาวเย็นของอากาศในฤดูหนาวไม่ได้ เนื่องจากอาหารที่กินเป็นประจำให้พลังงานไม่เพียงพอ เกิดอาการสั่น ขนลุก เป็นตะคริว และถึงแม้จะสวมใส่เสื้อผ้าหนาที่มีน้ำหนักมากหลายกิโลกรัมจนกล้ามเนื้อปวด เมื่อยตามตัว ก็ยังไม่สามารถสู้กับความหนาวได้ ตราบจนเปลี่ยนมากินอาหารเช่นเดียวกับคนพื้นเมืองจึงรู้สึกอบอุ่น และไม่ต้องใส่เสื้อผ้าหนามาก
ทำนองเดียวกัน ฝรั่งตาน้ำข้าวที่มาเมืองเราในฤดูร้อนเดือนเมษายน จะเกิดอาการเป็นไข้ เหงื่อออกมากผิดปกติ และมีการเกร็งของกล้ามเนื้อ เนื่องจากไม่ได้กินอาหารที่เค็มและเผ็ด การที่ออกเหงื่อมากเกินไปทำให้เสียเกลือแร่ กล้ามเนื้อจึงเกร็งไม่ผ่อนคลาย หรือบางครั้งเหงื่อไม่ออกจึงเป็นไข้ การกินอาหารไทย เช่น แกงเผ็ด ต้มยำกุ้ง มีเครื่องเทศมากมายที่ช่วยหลั่งเหงื่อให้ปกติไม่มากหรือน้อยเกินไป และทดแทนเกลือแร่ที่สูญเสียไปจากเหงื่อได้ ดังนั้น อาหารการกินในฤดูร้อน ฤดูฝน ฤดูหนาว จึงควรแตกต่างกัน
ฤดูร้อน กินอาหารรสเค็มหน่อยแต่ไม่ต้องเผ็ดมาก กินข้าวแต่น้อยและกินผักมาก
ฤดูฝน ควรกินอาหารเผ็ดเพื่อกระตุ้นให้เหงื่อออกเพราะอากาศเปียกชื้น กินข้าวปริมาณพอสมควร
ฤดูหนาว ควรกินข้าวมากและไม่เค็มจัด กินน้ำแกงร้อนและดื่มน้ำมากๆ
การกินอาหารให้เหมาะสมตามฤดู ทำให้เกิดความสมดุลระหว่างภายในร่างกายกับสภาพแวดล้อมภายนอก สุขภาพร่างกายจึงแข็งแรง
ปัจจัยที่สอง คือ การปรับตัวของหลอดเลือดรอบนอกตามผิวหนังและหลอดเลือดภายใน
ในฤดูหนาวหลอดเลือดรอบนอกจะหดตัวเพื่อป้องกันเหงื่อออกและการสูญเสียความร้อนให้กับอากาศรอบๆ ตัวเรา ขณะที่หลอดเลือดภายในจะขยายตัว และเนื่องจากหลอดเลือดของร่างกายทั้งภายในและภายนอกอยู่ในลักษณะที่ขนานกัน หลอดเลือดที่ขยายตัวสามารถกระจายความร้อนให้กับหลอดเลือดรอบนอกที่หดตัวได้ ระดับหนึ่ง ทำให้อุณหภูมิผิวหนังไม่ถึงกับต้องลดลงมากเท่าอุณหภูมิภายนอก
ในทางตรงข้าม ฤดูร้อนหลอดเลือดรอบนอกจะขยายตัวในขณะที่หลอดเลือดภายในหดตัว ความร้อนส่วนเกินถูกกระจายออกพร้อมกับเหงื่อ แต่สามารถรักษาอุณหภูมิภายในให้คงที่เช่นเดียวกันกับที่กล่าวมา จะเห็นได้ว่า ร่างกายมีระบบปรับเปลี่ยนการไหลเวียนของเลือดเพื่อให้เกิดความสมดุลใน อุณหภูมิกาย ถ้าความสามารถนี้บกพร่องไปร่างกายย่อมไม่สบายได้ และอาจสูญเสียความร้อนมากเกินไปจนหนาวสั่นอยู่ตลอดเวลา การที่ร่างกายสั่นหรือขนลุกเป็นการเพิ่มอุณหภูมิของร่างกายอีกวิธีหนึ่ง คนที่จับไข้เนื่องจากร่างกายต้องการเพิ่มอุณหภูมิกายให้สูงกว่า 37 องศาเซลเซียสเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน ผู้ป่วยจึงมีอาการสั่นคล้ายคลึงกับภาวะอากาศหนาวเย็น
ปัจจัยที่สาม คือ การออกกำลังกาย
ฤดูหนาว เป็นช่วงที่เหมาะสมกับการออกกำลังกายหรือเล่นกีฬากลางแจ้งมากที่สุด เพราะทำให้ร่างกายอบอุ่นและไม่ค่อยรู้สึกเหนื่อย เนื่องจากหายใจคล่อง ความชื้นในอากาศต่ำ แต่จำเป็นต้องมีการอุ่นเครื่องทุกครั้งก่อนออกกำลังกาย
ฤดูร้อน เหมาะสำหรับการออกกำลังกายในที่ร่ม ไม่จำเป็นต้องอุ่นเครื่องก่อนออกกำลังกาย แต่อาจยืดเส้นยืดสายก่อนเพื่อให้ร่างกายเตรียมพร้อม
ฤดูฝน เหมาะกับการอบไอน้ำหรือเข้ากระโจมให้เหงื่อออกเป็นครั้งคราว ไม่ควรออกกำลังกายก่อนฝนจะตก เพราะหายใจลำบาก เนื่องจากอากาศมีความชื้นสูง ควรออกกำลังกายหลังจากฝนหยุดตกแล้ว
ปัจจัยสุดท้าย คือ การนอนพักผ่อน
ฤดูหนาว ควรนอนแต่หัวค่ำ ใช้เวลานอนยาวกว่าฤดูอื่น เนื่องจากกลางคืนยาวกว่ากลางวัน ควรใส่ชุดนอนและห่มผ้าหนาเสมอเพื่อป้องกันการสูญเสียความร้อนตอนกลางคืน เวลาลุกขึ้นในตอนเช้าตรู่หรือเข้าห้องน้ำตอนกลางคืน ควรมีเสื้อคลุมให้ร่างกายอบอุ่น ไม่ควรอาบน้ำตอนกลางคืน ควรอาบแต่หัวค่ำ
ฤดูร้อน เวลานอนสั้นลง สำหรับเด็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่สุขภาพไม่ดี จึงควรนอนหลังเที่ยงสักครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมง
ฤดูฝน ควรนอนห่มผ้าทื่บริเวณหน้าท้อง ใช้เวลานอนพอสมควร นำผ้าห่มไปตากแดดบ่อยๆ และสวมใส่เสื้อผ้าที่แห้งสนิท ไม่เปียกชื้น
การปฏิบัติตนให้เหมาะสมตามฤดูกาลทำให้ร่างกายปรับตัวได้ เพื่อให้เกิดภาวะสมดุลได้ง่าย ซึ่งย่อมหมายถึง การมีสุภาพดีทุกฤดูกาลนั่นเอง
ที่มา : หมอชาวบ้าน
โดย รศ.ประโยชน์ บุญสินสุข
แหล่งข้อมูล //men.mthai.com
Create Date : 11 พฤศจิกายน 2553
Last Update : 5 กรกฎาคม 2554 12:07:59 น.
0 comments
Counter : 430 Pageviews.
Share
Tweet
ชื่อ :
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
ปุ๋ยกะแมงปอ
Location :
นครราชสีมา Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [
?
]
New Comments
Friends' blogs
ขี้เมื่อย
พลทหารไรอัน
บ้าได้ถ้วย
lifemusic
ป้ามด
หนูออสซี่
ปีศาจความฝัน
รำเพย
pui-mangpor
Thandagra
sodaaning
Pat_Girl
หมีสีชมพู
หาแฟนตัวเป็นเกลียว
ขนมชั้นสีม่วง
สาวชาววัง
KungGuenter
thaispicy
ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
หากผมรักคุณจะผิดมากไหม
nature-delight
PaTueng
คนเคยดื้อ
คนคนนี้ มีความเหงาเป็นเพื่อน
กึ่งยิงกึ่งผ่าน
ปะการังสีทอง
tawan-pink
W i n t e r b e r r y
ปูขาเก เซมารู
คนผ่านทางมาเจอ
tuk-tuk@korat
N_BEE810
กัปตันลูกชุบ
Fullgold
dogamania
อาคุงกล่อง
Don't try this at home.
คนสาธารณะ
MaFiaVza
ทีแปลง
kornkot
ฝากฝันวันฟ้าสวย
botum
BlogGang.com
Webmaster - BlogGang
[Add ปุ๋ยกะแมงปอ's blog to your web]
Links
กรมอุตุนิยมวิทยา
คู่สร้างคู่สม
ไทยรัฐ
เกมส์ฝึกสมอง
เกาะติดข่าวโคราช
เกมส์เขาวงกต
เกมส์ OX
อาหารไทย4ภาค
ข่าว ออนไลน์ คลังความรู้
ไอเดียเจ๋งๆสำหรับเด็ก
สุดยอดเพลงรัก เศร้า เหงา ซึม
เก็บตกเรื่องจิปาถะ
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.