Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2554
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
10 ธันวาคม 2554
 
All Blogs
 
Zenkai Girl รักของสาวมั่นดันทุรังสูง คนที่ดีพอ หรือคนที่พอดี?


Title : Zenkai Girl
Genre: Romantic comedy Episodes: 11
Viewership rating: 12.3%
Broadcast : Fuji TV 2011-Jul-11 to 2011-Sep-19 Monday 21:00
Theme song: Ai ga Aru by Every Little Thing
Ending song: Tsubusa ni Koi by Kanjani8
Screenwriter: Yoshida Tomoko
Director: Takeuchi Hideki

(ที่มา : DramaWiKi)

ไม่รู้ไปกินอะไรผิดสำแดงเข้าหรือเปล่านะ นิชิคิโด เรียว ถึงไปถูกตาเหล่าแคสติ้งให้ถูกเข็นมารับบทพ่ออีกแล้ว ตอนแรกก็ไม่รู้สึกอะไรนักหรอก แต่พอเห็น อิชิฮาระ ฮายาโตะ ก็เพิ่งรับบทพ่อเช่นกันใน Run Away .. โอ้โหเฮะ ใจหายจริงๆ ด้วย หนุ่มๆ รุ่นนี้จะล่วงเข้าสู่วัยหนุ่มใหญ่วัยกลางคนกันหมดแล้วหรือเนี่ย

ประเด็นคือ .. แล้วเราล่ะ ?

เอาเถอะ ถึงเรียวจะรูปร่างก๊องแก๊งหุ่นผอมบาง แต่เรียวเรื่องนี้แก่จริงจัง ยิ้มทีตีนกาปรากฏริ้วเต็มหน้า หน้าก็คล้ำ ตัวก็ดำ สมกับที่นางเอกของเรื่องตั้งฉายาให้ซะไม่มีดี “ตัวกะปิ” อืม ... ดูจากสีตัวก็กะปิจริงๆ (และตัวกะเปี๊ยกด้วย)


Zenkai Girl เห็นจากซับไทยในแผ่น DVD ถูกตั้งชื่อไว้ว่า “สาวแกร่งแรงเกินพิกัด” คิดว่าก็โอเคนะคะ แต่ส่วนตัวคิดว่านางเอกก็ไม่ใช่ว่าแกร่ง ก็ไม่เชิงว่าแรง เพราะแท้จริงชีอาการหนักกว่านั้น แกร่ง กับแรง เป็นเพียงแค่ผลข้างเคียงจากความดันทุรังสูงที่เธอมีอยู่ในตัว และจุดแข็งเป็นเหตุสืบเนื่องต่อกันคือ ต้องเป็นคนที่มีความมั่นอกมั่นใจในตัวเองมากเท่านั้นถึงจะมีความดันทุรังชนิดนี้ได้

เพราะระดับความดันทุรังของเธอนั้นไม่ใช่แค่สูงอย่างเดียว แต่สูงลิบเกินกว่าใครจะกู่กลับ นอกเสียจากว่าเธอจะเปิดหัวใจมองชีวิตในมุมใหม่ และยอมพ่ายแพ้แก่หัวใจของตัวเอง



อายุกาว่า วากาบะ สาวนักกฎหมายที่ใฝ่ฝันจะเป็นทนายความในบริษัทกฎหมายดี ๆ แน่นอน ฝันของเธอต้องไม่ธรรมดา ต้องระดับ “อินทรีย์แห่งแมนฮัตตัน” (คืออะไรไม่เข้าใจแน่ชัด แต่เปรียบเทียบถึงฝันอันใหญ่โตของนางเอก) แล้วก็จับพลัดจับผลูได้เข้าไปทำงานในบริษัทดีๆ อย่างที่หวังซะด้วย ชื่อบริษัท ซาเมจิมะ ซากุระกาว่า ซึ่งมี ซากุระกาว่า โชโกะ เป็นประธานบริษัท หญิงม่ายลูกติดที่เก่ง แกร่ง เป็นต้นแบบ working woman ที่วากาบะชื่นชม

แต่แทนที่จะได้ทำงานทนายความตามใจอยาก กลับกลายเป็นว่าที่เธอถูกจ้างมานั้นไม่ใช่เพื่องานกฎหมาย แต่เพื่อทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็กให้กับ ซากุระกาว่า ฮินาตะ ลูกสาวคนเดียวของท่านประธานหญิง แต่ไหนๆ โอกาสก็มาแล้ว วากาบะจึงมิได้ถอยหนี มุมานะทำทั้งงานพี่เลี้ยงเด็ก (ที่ก็ไม่ได้รักเด็กแต่อย่างใด) แล้วยังคอยอาสาช่วยงานต่างๆ ในบริษัทเท่าที่เธอมีโอกาสขอทำได้

อย่างที่บอก ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา เธอเป็นคนเก่ง คนแกร่ง นอกจากเป็นพี่เลี้ยง รับส่ง อยู่เป็นเพื่อน กินข้าวเป็นเพื่อน ดูแลทุกสิ่งอย่างให้กับเด็กหญิงฮินาตะแล้ว เธอก็เหมือนเป็นพนักงานประจำคนหนึ่งของบริษัทด้วย เมื่อคนๆ เดียวต้องการจะทำทั้งสองสิ่งขณะที่มีแค่สองมือกับเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากันกับคนอื่นๆ เวลาพักผ่อนนอนหลับของเธอจึงแทบไม่มี ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เป็นคนบ้างาน แค่ต้องการจะพิสูจน์ ถ้าเพื่อความสำเร็จในชีวิต "หนูทำได้"



ยามาดะ โชตะ คุณพ่อลูกติดที่เป็นพ่อครัวให้กับร้านอาหารเล็กๆ แห่งหนึ่งชื่อรูซาโตะ เจ้าของร้านมีอายุอานามแก่หง่อม (ปฏิกิริยาตอบสนองเชื่องช้าอย่างกับซากคนที่พลังของชีวิตแทบไม่เหลือ) การที่โชตะทำงานอยู่กับร้านนี้ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะความเมตตาต่อลุงแก่ๆ ที่ทำงานไม่ค่อยไหวด้วย ส่วนหนึ่งคือการทำงานอยู่ที่ร้านนี้เอื้อต่อการที่เขาต้องเลี้ยงลูกไปด้วยทำงานไปด้วย ลูกชายของโชตะ ชื่อ ยามาดะ เอมิทาโร่ แต่เขามีชื่อเล่นเรียกกันติดปากว่า พีทาโร่

บริษับริษัท ซาเมจิมะ ซากุระกาว่า (Samejima Sakuragawa Law Firm)




ซากุระกาว่า โชโกะ ต้นแบบของหญิงแกร่ง ทำงานเก่ง ร่ำรวย และมีพร้อม แต่เธอมีไม่พร้อมอยู่อย่างเดียวคือ เวลาสำหรับครอบครัว สามีหย่าขาด เธอต้องเลี้ยงลูกสาวตามลำพัง แต่วิธีการของเธอนั้นก็เหมือนคนรวยบ้างานเพื่อทำเงินคือบันดาลห้องสวยๆ ของเล่นดีๆ การแต่งตัวแพงๆ ให้ได้ทุกอย่าง ยกเว้นตัวเธอเอง เธอทำแต่งาน งาน งาน ส่วนลูกน่ะเหรอ แม้จะรักมากแค่ไหน แต่แม่ต้องทำงาน ลูกจึงต้องเข้าใจแม่ และใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่กับพี่เลี้ยง

ชินโดะ เคียวอิจิ ชายหนุ่มผู้เพียบพร้อม หล่อ รวย ชาติกตระกูลดี ฝันสูง อนาคตไกล เขาเป็นนักกฎหมายฝีมือดีของบริษัท ซึ่งลึกๆ กำลังจ้องจะเลื่อยขาเก้าอี้ท่านประธานเพื่อขึ้นสู่ตำแหน่งซะเอง เริ่ดซะขนาดนี้ย่อมเป็นที่หมายตาแก่สาวดันทุรังหัวสูงอย่างนางเอกของเรา และเขาก็ยินดีตกเป็นเป้าหมายของเธอด้วย วากาบะ ..ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ร่ำรวย แต่เธอเป็นคนมุ่งมั่น และมีความใฝ่ฝันจะมีชีวิตดีๆ เป็นเป้าหมาย ความรักมีต่อกันหรือเปล่าไม่สำคัญ เพราะสำคัญที่เขาให้ฝันนั้นกับเธอได้ ผู้หญิงแบบนี้แหละที่เหมาะจะก้าวไปด้วยกัน มีอนาคตที่สวยงามร่วมกันในวันข้างหน้า ผู้หญิงที่ก้าวเดินไปแล้วจะไม่มีวันถอยหลัง เมื่อตั้งใจทำสิ่งใดแล้วจะต้องทำมันให้สำเร็จ

และผู้หญิงอย่างนี้ จะไม่มีวันหักหลังเขา

ชิโอดะ โซโยโกะ เลขานุการของท่านประธานโชโกะ สาวสวย เรียบร้อย แสนดี ที่ต่อมาแอบมีใจ ให้คุณพ่อลูกติด ยามาดะ โชตะ คุณพระเอกของเรานั่นเอง เสียดายแต่สวยๆ อย่างนี้ ดันรักเขาข้างเดียวเหมือนเกลียวเชือก เขาไม่คิดรักเผื่อเลือกก็ยังหวัง ก็ยังรักเขาต่อไปไม่ระวัง ต้องชีช้ำหัวใจสุดระทม

คุโจ้ มิกะ สวยแบบห้าวๆ ค่ะเธอคนนี้ หน้าตาเธอออกแนวผู้หญิงเก๋ๆ แบบ มิซุกาว่า อาซามิ (นางเอก Inu o Kau to Iu Koto) คือไม่สวยมาก แต่มีเสน่ห์ ตัวผอมนิดๆ หน้ากระดูกหน่อยๆ ชอบค่ะ ! เธอเป็นทนายความสาวที่ค่อนข้างเป็นคนตรง และโผงผางอยู่สักนิด

ซากาโตะ มอริซ พนักงานอาวุโสคนหนึ่งในบริษัท ผู้รับบทบาทในการโผล่ไปโผล่มาเพื่อพูดจาลอยๆ เพ้อเจ้อ หรือเหน็บแหนม หรือคำคม แล้วแต่กรณี ความจริงบทนี้ก็ค่อนข้างจะไร้ค่า ( แรงไปไหมเนี่ย) ถ้าไม่มีก็คงไม่เสียหายอะไร แต่ก็นั่นแหละ เมื่อมันเป็นละครคอมเมดี้ ก็ต้องมีจุดเล็กจุดน้อยเป็นตัวกระตุ้นส่งเสริม

โรงเรียนอนุบาล มิตสึบะ โน โมริ ( Mitsuba no Mori Nursery School)


ฮานามารุ จิน ครูใหญ่โรงเรียนอนุบาล หน้าตาห้าวหาญ เหมือนนักเลงโต แต่ใจดี ช่างสังเกต และเข้าถึงจิตใจของเด็กๆ เป็นครูใหญ่ที่ได้รับความไว้วางใจจากพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กๆ เป็นอย่างดี

ฮานามารุ อุราระ คุณครูอนุบาล ที่สถานภาพส่วนตัวเป็นลูกสาวของครูใหญ่

ร้านรูซาโตะ (Restaurant Le Sato)




สะกดภาษาไทยตามซับไทยนะคะ ร้านนี้เป็นที่รวมตัวของคุณพ่อทั้งสี่ หนึ่งในนั้นคือโชตะผู้เป็นพ่อครัวของร้าน และอีกสามคือ นิชิโนะ ,โทริอิ ฮิโรกิ , ฮายาชิ ซามาโอะ ทั้งหมดต่างก็เป็นคุณพ่อฉายเดี่ยวเลี้ยงลูกตามลำพัง ความหวังจริงจังคืออยากมีคุณแม่ให้เด็กๆ เนื่องจากคุณพ่อทุกคนต้องทำงาน หนุ่มๆ ทั้งสี่จึงรวมตัวกันผลัดเปลี่ยนเวรดูแลเด็กๆ ในตอนเย็นหลังเลิกจากโรงเรียน ในบรรดาเพื่อนของพระเอกนี้ คงจะคุ้นกันดีอยู่แล้วกับนักแสดงโยชิโยชินะคะ เล่นเรื่องไหนก็มักจะ ‘เยอะ’ ไปซะทุกเรื่อง ส่วนตัวชอบ เรียวเฮ ที่รับบทนิชิโนะ ไม่รู้เป็นไรรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้เท่ และเหมาะมั่กกับบทเพื่อน รีวิวเรื่อง Yankee Khun to Magane chan ก็เขียนถึงเรียวเฮแบบนี้แหละค่ะ (ผู้ชายที่เหมาะกับบทเพื่อน)



เพราะการพบกันครั้งแรกของเขาและเธอเริ่มต้นไม่ดีนัก

เธอ เข้าใจผิดคิดว่าเขาลวนลามเธอในรถไฟใต้ดิน แถมยังมีเหตุให้เข้าใจผิด ว่าเขามันเป็นพวกโรคจิต!

เขา ก็พยายามจะอธิบายอยู่หรอกนะ แต่พูดทันเสียที่ไหนก็แม่เจ้าประคุณ พูดเอง เออเองอยู่คนเดียว ฉอดๆๆๆ ยกเอาข้อกฎหมาย มาตราอะไร ๆๆ บ้างก็ไม่รู้มาข่มขวัญ ไม่ได้กลัวเธอฟ้องร้องตามกฎหมายอะไรของเธอนั่นหรอก แค่พูดไม่ทัน



เมื่อเธอต้องกลายเป็นพี่เลี้ยงเด็ก และเธอต้องการที่จะพิสูจน์ความสามารถในการทำงานด้านกฏหมายให้กับบริษัทด้วย เธอจึงต้องการใครสักคนดูแลเด็กหญิงฮินาตะในตอนเย็น และเมื่อสมาคมพ่อบ้านไร้เมียเหล่านั้น มีการจัดเวรดูแลเด็กๆ ถึงแม้เธอจะไม่ชอบพวกเขา เพราะต่อให้เอาคุณสมบัติดีๆ ของทั้งสี่คนมารวมกัน ก็ยังต่ำกว่ามาตรฐานชายดีพร้อมในแบบที่เธอจะเหลียวมอง แต่เพื่อจะมีเวลาทำงาน เธอต้องรวมกลุ่มกับพวกเขาในการเปลี่ยนเวรกันดูแลเด็กๆ หลังเลิกเรียน

เรื่องชอบไม่ชอบเนี่ย ใช่แต่เธอจะไม่ชอบพวกเขาฝ่ายเดียวหรอกนะ เพราะสามหนุ่มพ่อหม้ายลูกติด ถึงจะอยากมีศรีสตรีมาเป็นแม่ของลูก แต่จะให้มองคุณทนายสาววากาบะคนนี้ก็คงไม่ไหว เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เพราะ ยัยนี่น่ะเป็นนังมารร้ายชัดๆ เลยน่ะสิ หน้าตาก็สวยดีอยู่หรอก แต่ปากพูดฉอดๆๆ แล้วแต่ละคำใช่ว่าจะเข้าหูคน ใครได้ยัยนี่ไปเป็นเมียเป็นแม่ของลูก โชคร้ายตายชัก!



แต่เขา ไม่ได้คิดอย่างนั้น สำหรับโชตะ เขารู้สึกชอบ คุณทนายวากาบะ ที่เป็นแบบนั้น มั่นอกมั่นใจ มุ่งมั่นฝันใฝ่ เก่ง และแกร่ง ยิ่งได้รู้จักนานวันก็ยิ่งชอบเธอมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนเธอ วากาบะ ทุกอย่างในตัวโชตะรวมกันแล้วประเมินผลได้ง่ายมาก 'ต่ำกว่ามาตรฐาน' ฐานะ หน้าที่การงาน การศึกษา อนาคต ผู้ชายลักษณะนี้ไม่มีความจำเป็นจะต้องเหลียวมองซ้ำเสียด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ทำไม ยิ่งรู้จัก 'ตัวกะปิ' นานไป ก็ยิ่งแคร์เขามากขึ้นทุกวันๆ แต่กับผู้ชายอย่างนั้นเธอจะคิดนอกลู่นอกทางด้วยไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด ผู้หญิงที่พยายามดิ้นรนมาทั้งชีวิตเพื่อถีบตัวเองจากรากหญ้าของความยากจน และกำลังมุ่งมั่นจะโจนทะยานไปสู่ที่สูงแบบเธอ จะไม่ยอมปล่อยให้ความรู้สึกนำพาตัวเองไปจมปลักกับผู้ชายที่เห็นอยู่แล้วว่า อนาคตริบหรี่ ความมั่นคงใดๆ ไม่มี




ตอนแรก เขาไม่ได้กังวลอะไร เพราะเธอก็ไม่ใช่คนร่ำรวยมาจากไหน เธออยู่ห้องเช่าเล็กๆ แคบๆ (รกรุงรังด้วย) แต่ความฝันที่เธอตั้งใจจะ ‘บินสูง’ และเธอประกาศชัดเพื่อเป็นกำแพงขวางกั้นเขา แบ่งแยกว่าเรามันคนละชั้น กำแพงที่เหมือนคอยส่งสัญญาณเตือนอยู่เนืองๆ 'ไม่คู่ควร' โชตะจึงเริ่มเห็นตัวเองเป็นหมาเห่าเครื่องบิน ชีสวย ชีเก่ง ชีเจ๋ง (คำพูดนี้ขอยืม เวย์ ไทเทเนียม พูดถึง นานา ไรบีนา ภรรยาของเขา โดยเวย์ มีอีกคำตบท้ายคือ ชีตลก) สรุป เธอมีเป้าหมายในชีวิตแล้ว มีผู้ชายดีๆ ที่เพียบพร้อมและพร้อมจะต้อนรับเธอไปสู่โลกใบนั้นด้วยกัน โลกที่คนอย่างเขาเข้าไปไม่ถึง เขาถึงรู้ตัวว่าอย่าได้เอ่ยเปิดเผยความรู้สึก อย่า...แม้แต่จะคิดฝัน



แต่ยิ่งหักห้ามใจ ยิ่งปักใจรัก

นี่แหละคือความรักของคนดันทุรังสูงสองคนมาเจอกัน

วากาบะ คนที่พร่ำบอกตัวเองว่า ความรู้สึกของตนไม่ใช่ความรัก มันแค่หายนะเท่านั้น 'ตัวกะปิ' คือหายนะแห่งชีวิตที่เธอจะต้องข้ามผ่านไปให้ได้

โชตะ คนที่เฝ้าย้ำกับตัวเองว่า เรามันต่ำต้อยเกินไป ไม่เหมาะกับคนที่พร้อมจะบินไกลอย่างเธอหรอก อย่าเอาความรู้สึกไปขวางทางอนาคตของเธอเลย

อย่าเครียดค่ะ ... นี่ไม่ใช่ละครดราม่าน้ำตาเล็ด แต่เป็นโรแมนติกคอมเมดี้ แบบใสๆ มีสาระครอบครัว ให้แง่คิดอยู่พอประมาณ ก็เล่าให้เครียดไปงั้นแหละ ถ้าเล่าให้คอมเมดี้ด้วยเดี๋ยวหาทางจบบล็อกไม่ลง ^o^





อย่าหลงคิดว่า วากาบะเป็นดอกฟ้า แต่เป็นดอกหญ้าดอกดินนี่แหละ แล้วทำไมเธอจึงทะเยอทะยานหัวสูงอย่างน่าหมั่นไส้เช่นนั้น บอกตามตรงว่านิสัยนางเอกนั้น ทำให้รู้สึกทั้งเกลียดทั้งรักไปในเวลาเดียวกัน ส่วนนิสัยพระเอกนั้นก็ทั้งนึกชมและนึกตำหนิได้ก้ำกึ่ง

ทำไมน่ะเหรอ ก็เพราะเธอเป็นคนจน เธอมีชีวิตวัยเด็กที่ยากลำบาก แต่เธอเป็นเด็กหัวดีและมีความจริงจังกับชีวิตที่ตั้งเป้าหมายจะหลุดพ้นไปให้ได้ ความอดทนพยายาม ทำอะไรทำจริง ทำเต็มที่ เธอเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เด็ก ความเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นของเธอนั้นแม้แต่ยากูซ่าขาใหญ่ที่ตามรังควานทวงหนี้ยังยอมลงให้เมื่อครั้งเธอเป็นเด็กหญิงเยาว์วัย ความดันทุรังของเธอประทับในจิต จนยากูซ่าต้องตามติดอีกที ขอมาดูหน้ายัยเด็กหัวหมอคนนั้นอีกครั้ง ดูความเป็นไปของชีวิตในยามที่เธอโตขึ้น ... ยัยเด็กบ้านั่น ไม่ได้เปลี่ยนแปลงความมุ่งมั่นที่มีต่อชีวิตไปเลยสักนิดเดียว



วากาบะที่คิดและสั่งการด้วยหัวสมอง แม้หัวใจจะไม่ปรองดองด้วยก็ช่างมัน คิดจะเดินหน้าแล้วต้องไม่ถอยหลัง ลงมือทำอะไรแล้วต้องทำให้สำเร็จ ความลังเล ไม่อยู่ในกฎของการดำเนินชีวิต ‘กฏ’ ที่ทำให้เธอเดินทางมาได้ไกล และจะไปได้ไกลกว่านี้อีก

ถึงจะปากร้าย พูดจาไม่เข้าหูคน และทะเยอทะยานสูงอย่างน่าเกลียด แต่เกลียดไม่ลงจริงๆ ค่ะ เพราะนั่นคือความจริงจังจึงพูดอย่างจริงใจไม่อ้อมค้อม ความเป็นสาวแกร่งที่ไม่ปล่อยให้อะไรมาสั่นคลอนเป้าหมายของชีวิต ความมุ่งมั่นอย่างไม่ย่อท้อต่อความเหน็ดเหนื่อยของเธอนั้น น่ารำคาญก็จริง แต่ก็น่านับถือด้วย

ลองมาเทียบกับพระเอก คนที่ทิ้งฝันเพื่อสิ่งอื่นดูบ้าง เราจะรู้แต่แรกเลยว่า โชตะ ไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของพีทาโร่ เขาเป็นลูกติดภรรยา และคุณภรรยาก็ทิ้งลูกทิ้งสามีไปวิ่งไล่ตามความฝันส่วนตัวของเธอเอง โชตะต้องเลิกเป็นเชฟใหญ่ในภัตตาคารหรูมาเป็นพ่อครัวเล็กๆ อยู่กับร้านอาหารเล็กๆ ในตรอกแคบๆ แต่พีทาโร่ เป็นเหตุผลแน่หรือ หรือแท้จริงเป็นเพียงข้ออ้างของคนขี้แพ้คนหนึ่งที่ไม่แกร่งพอจะดิ้นรนต่อสู้กับข้อจำกัดของตนเอง




วากาบะนั้น จะนึกถึงตัวเองเป็นสำคัญ เพราะฉันต้องเอาตัวให้รอด

ส่วนโชตะ ต้องคิดถึงคนอื่นก่อนอยู่ร่ำไป จนลืมที่จะใส่ใจกับชีวิตของตัวเอง

เหมือนคนสุดโต่งสองคนมาเจอกัน คนหนึ่งก็แกร่งไป มากไป ส่วนอีกคนก็อ่อนไป น้อยไป ... พอมองกันและกัน ก็รู้สึก ‘ไม่ไหว’ กับความด้อย และความเด่นของอีกฝ่าย ก็เลยพากัน ดันทุรังด้วยกันทั้งคู่ รักกันยังไงก็จะไม่ยอมรับเด็ดขาด ไม่ได้ ไม่เอา แถกันไปสิ แถกันไป

แม้ละครเรื่องนี้จะมีเด็กๆ และ พีทาโร่ กับ ฮินาตะ ก็โดดเด่นซะเหลือเกิน ประหนึ่งเป็นพระนางอีกคู่ที่ระดับบทบาทมากพอๆ กับ โชตะ และ วากาบะ น่าสนใจที่ว่าผู้เขียนบทจงใจให้พีทาโร่และฮินาตะ มีบุคลิกเป็นผู้ใหญ่เกินตัว ความจริง คงไม่ใช่แค่เกินตัว แต่เป็นผู้ใหญ่เลยล่ะ ทั้งมาด ทั้งการพูดจา ภาษาถ้อยคำที่ใช้ และแม้แต่การแต่งตัว พีทาโร่ไม่ผิดแปลกจากเด็กเท่าไหรนัก แต่ฮินาตะนั้น เธอเป็นสาวม๊าก แล้วก็มองโลกเป็นผู้ใหญ่มากๆ ด้วย ดูไปก็เหมือนเป็นตัวละครที่คอยสอนใจคนอื่น เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าแบบพีทาโร่หรือฮินาตะนี่แหละคือสิ่งที่ผู้ใหญ่ควรจะเป็น ซึ่งพอเอาไปใส่ในร่างเด็ก มันก็ดูแปลกๆ แต่เข้าใจว่ามันทำให้เห็นข้อบกพร่องของผู้ใหญ่ได้ชัด



คุณแม่โชโกะ ที่ไม่เคยมีเวลาให้ลูก รักลูกมากก็จริง แต่ถ้ารักลูกเป็นมากกว่านี้ คงจะใส่ใจมากกว่านี้ ตรงกันข้าม ฮินาตะ เด็กหญิงวัยอนุบาล ที่แม่แทบไม่เคยมีเวลาให้ ทุกสิ่งอย่างได้รับการดูแลโดยพี่เลี้ยง แต่กลับเป็นฝ่ายที่เข้าใจ ยิ้มให้ แกล้งมีความสุข ให้แม่สบายใจ ทำงานไปเถอะ ไม่ต้องห่วงกังวลอะไร ( ไหงกลับกันซะงั้น) พีทาโร่ก็เป็นเด็กชายที่กล้าหาญ มองโลกในแง่ดี ปากตรงกับใจและนึกถึงความรู้สึกของผู้อื่น เป็นลูกผู้ชายหัวใจใหญ่และหัวใจหล่อแบบที่คุณพ่อโชตะสู้ไม่ได้เลย



ชอบการเปรียบเทียบที่ว่า วากาบะหมั่นไส้ฮินาตะอยู่เหมือนกัน กับบุคลิก สวยเริ่ดเชิดหยิ่ง มาดคุณนายประหนึ่งเธอเข้าใจทุกอย่างบนโลกใบนี้ดี ( ทั้งที่อายุแค่อนุบาล) ชีวิตไม่เคยขาดอะไร ต่างกับตัวเธอในวัยเด็ก ชีวิตไม่เคยมีอะไรพร้อมสักอย่าง แต่ความต่างคือ ตอนที่วากาบะไม่มีอะไรพร้อมเธอมีพ่ออยู่ข้างกาย อยู่ด้วยกันเสมอ ส่วนฮินาตะที่มีพร้อมทุกอย่าง ที่ไม่เคยมีอย่างเดียวคือแม่ที่จะอยู่ข้างๆ กัน จากความไม่ชอบใจที่ต้องเป็นพี่เลี้ยงเด็ก โดยเฉพาะเด็กนิสัยโตเกินวัย เข้าใจโลกและน่าหมั่นไส้สุดๆ อย่างฮินาตะ การเรียนรู้กันและกันเริ่มกลายเป็นความผูกพันเข้าใจ



ฮินาตะ เด็กน้อยคนนี้ จึงเป็นนักแสดงเด็กที่เก่งมาก เล่นได้ทั้งน่าหมั่นไส้และน่ารักอย่างกินกันไม่ลง เล่นได้ทั้งมาดนางร้ายและนางเอกอยู่ในตัว ไม่ว่าสีหน้าจะเปื้อนรอยยิ้ม หรือคราบน้ำตา ยามหัวเราะก็สุดน่ารัก ยามเศร้าก็ประหนึ่งนางเอก MV เพลงรักอกหัก การแสดงของหนูน้อยคนนี้นะ อารางาคิ ยูอิ ที่เป็นนางเอกตัวจริงในละครเรื่องนี้ต้องอายในฝีมือเลยล่ะ



ฉากประทับใจ


ว่ากันด้วยกลิ่นของแม่

ต้องผู้หญิงคนนี้เลย แม่ของพีทาโร่ ริริกะ (ใน DramaWiki ไม่ยักมีชื่อของเธอ ถ้างั้นก็จนใจจะแจ้งแถลงนาบ) เห็นแว่บแรกก็ชอบเลย ( นักแสดงระดับนางเอกบางคน เข็นดูกันมาก็หลายเรื่องยังทำใจให้ชอบไม่ได้เลยก็มี) ผู้หญิงหุ่นผอมบาง หัวทอง เปรี้ยว สวย ถึงไม่สวยชนิดจะเป็นนางเอกโดดๆ ก็ถือว่าสวยนะ เธอเป็นแขกรับเชิญมาแป๊บๆ ค่ะ แต่มาแต่ละครั้งชีเล่นได้ถูกใจ เธอกลับมาเพื่อทำให้เราได้เห็นความก้ำกึ่งของคุณพระเอกอีกครั้งระหว่างความรักลูกหรือความอ่อนแอ เหตุผลหรือข้ออ้าง หรือทำดีที่สุดแล้ว





ริริกะไม่ยอมทิ้งความฝัน และตามไปไขว่คว้ามันจนได้ เหตุหนึ่งอาจเป็นเพราะเธอวางใจ ลูกที่เธอทิ้งไว้อยู่กับผู้ชายที่ยินดีจะเป็นพ่ออย่างโชตะ และในสายตาของเธอ เขาเป็นคนดีที่เข้มแข็งที่สุด ... เมื่อฝันอยู่มั่นในมือ เธอจึงกลับมา แต่อะไรๆ มันไม่เหมือนเดิมแล้ว สามีที่ดีอย่างนั้น ไม่เคยตำหนิเธอสักคำ เขาเข้าใจเธอดี แต่กับการที่ทิ้งลูกไปจะเอาสิทธิ์อะไรมาอ้างก็ฟังไม่ขึ้น เมื่อพีทาโร่ต้องเลือกเองระหว่างแม่แท้ๆ กับพ่อที่เลี้ยงดู พ่อที่รู้ว่าไม่ใช่พ่อแท้ๆ ชอบตรงที่ว่า ทั้งริริกะ โชตะต่างเข้าใจกันและกัน และยอมรับการติดสินใจของลูก พีทาโร่มากับพ่อเพื่อส่งแม่ที่สนามบิน ลูกชายตัวน้อยที่เขินแม่และเกาะหลบอยู่หลังแขนพ่อแจ ลูกชายที่จำหน้าแม่ไม่ได้ แต่ทันทีที่แม่กอด เขาอุทาน

“โอ๊ะ กลิ่นของแม่”
“ หอมจัง”


คำ 'กลิ่นของแม่' ทำให้ริริกะสาวเปรี้ยวผู้ร่าเริง ต้องยิ้มออกมาทั้งที่กำลังสะกดกลั้นน้ำตาสุดกำลัง ใบหน้าของเธอที่ทั้งยิ้มทั้งร้องไห้ ทั้งพยายามอดกลั้นอยู่บนบ่าเล็กๆ ของลูก โอว ...ฉากนี้มัน ....พรากเลย น้ำตา




เช่นเดียวกัน คำ 'กลิ่นของแม่' ทำให้ใบหน้าของโชตะเปลี่ยน ..จากรอยยิ้มเป็นความหมองเศร้าทันที เพราะเพิ่งรู้สึกตัวเป็นครั้งแรกว่า เขาได้ทำบางสิ่งบางอย่างผิดพลาดไป ลูกที่เขาเลี้ยงดู ลูกที่จำหน้าแม่ที่ทิ้งเขาไปไม่ได้ แต่ .. ทันทีที่สัมผัส เขาบอกว่า 'กลิ่นของแม่' จำหน้าแม่ไม่ได้ แต่จำกลิ่นได้ สายใยความผูกพันที่ทำให้โชตะสะเทือนใจ เพราะเพิ่งรู้สึกตัวจริงๆ ว่า เขาเห็นแก่ตัวแค่ไหน ที่ใช้วิธีให้ลูกตัดสินใจเอง

“เด็กห้าขวบตัดสินใจเองไม่ได้หรอก”
“เขาไม่รู้หรอกว่าเลือกอะไรถึงจะถูก เด็กมักห่วงใยคนที่อยู่ใกล้ชิด เขาแค่เป็นห่วงผม”
“ผมรู้อยู่แล้วว่าเขาต้องเลือกผม ผมถึงให้เขาเลือกเอง”
“ผมไม่ใช่คนดี ไม่ใช่พ่อที่ดีเลย ผมมันก็แค่ คนเจ้าเล่ห์”





ตอนแรกก็ไม่เข้าใจ 'กลิ่นของแม่' ทำให้โชตะหน้าตาสลด เพราะอะไร คิดว่าเป็นเพราะเห็นริริกะที่รื่นเริงอยู่เสมอ ร้องไห้ .... ที่จริง มันมากกว่านั้น มันเป็นเยี่ยงนี้เอง ก็เลยเศร้าตามพระเอกไปด้วย

เห็นไหมล่ะ มันก้ำๆ กึ่งๆ ฟันธงไม่ถูก ว่านี่คือความรักของพ่อที่เลี้ยงดูมากับมือ หรือเพราะคือความอ่อนแอยึดติดของผู้ชายคนหนึ่งที่กลัวจะเสียลูกไปให้กับแม่แท้ๆ ถ้าพีทาโร่มีแม่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องมีเขาที่ไม่ได้เกี่ยวพันอะไรกันเลยทางสายเลือด แต่เขาเองต่างหากที่ต้องการยึดพีทาโร่ไว้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยว

ริริกะเอง หากเธอเป็นผู้หญิงที่ไม่พ่ายแพ้ต่อฝัน เธอย่อมไม่ยอมแพ้ต่อเรื่องของพีทาโร่ด้วย ไม่ใช่แค่ต้องทำเพื่อสิทธิ์ในการเลี้ยงดู แต่เพื่อผู้ชายดีๆ คนนี้ด้วย

"อยากไปเที่ยว ไม่เคยได้ทำงานที่รัก หรือมีความรัก
ไปทำซะสิ!
นี่เป็นสิ่งเดียวที่ฉันทดแทนบุญคุณให้ได้"





ว่ากันด้วยหัวใจและหลักการ

นางเอกก็คือกัน การที่เธอไม่ยอมช่วยเหลือด้านกฎหมายแก่นิชิโนะ พ่อบ้านที่เกิดปัญหาละเมิดลิขสิทธิ์กับบริษัทลูกค้าของเธอ มันก็บอกไม่ได้ เธอแล้งน้ำใจ หรือเธอเป็นคนซื่อสัตย์ เธอไม่มีหัวใจ หรือเธอแค่ใช้เหตุผลนำหน้าความรู้สึก แม้ผู้หญิงอย่างเธอจะพูดจาไม่เข้าหูคน ยกตนข่มท่านบ้าง(บางครั้ง) แต่ลึกๆ มันก็ไม่ใช่อย่างนั้นซะทีเดียว การที่ใจเธออยากทำอย่างหนึ่ง แต่หลักการชีวิตที่เธอยึดมั่นสั่งการสมองให้เธอเลือกทำอีกอย่างหนึ่ง ความน่าเห็นใจจะค่อยๆ เข้ามาแทนที่ความหมั่นไส้

"ความสุขเป็นสิ่งที่คุณต้องใช้ใจเลือก
อะไรคือคำตอบที่ดีที่สุด"

"กฏหมายคือสิ่งที่ยายผมสอนเสมอมา
ต้องไม่โกหก ต้องไม่รังแกผู้อื่น
มันคงไม่ใช่แบบนั้นสินะ"




ระหว่างที่เธอลังเล จะทำตามสมองหรือทำตามหัวใจ แล้วตัดสินใจไม่ได้ แต่คนอื่นที่ใครก็ไม่คิดว่าเสี่ยง กลับแล่นปาดหน้าความลังเลของเธอเข้าไปช่วย ด้วยความพยายามอย่าง ‘ให้ใจ’ โดยไม่ห่วงว่าอะไรจะเกิดขึ้นตามมา ขณะที่เธอทำได้แค่ยืนดูอยู่เฉยๆ นั่นอาจทำให้ถึงขั้นเกลียดนางเอกได้เลย แต่กลับรู้สึกว่าฉากนี้สมควรเศร้ามากสำหรับคนเป็นนางเอก เพราะทำอะไรไม่ได้ (ผิดหลักการ) จึงได้แต่ยืนดูคนอื่นเค้าทำเท่ต่อหน้าต่อตา ตาปริบๆ


ว่ากันด้วยเปลือกความเข้มแข็งที่พังทลาย

ฮินาตะ เด็กหญิงห้าขวบที่ทำตัวเหมือนสาววัยยี่สิบห้า ตีหน้าใส่น้ำเสียงเหมือนอะไรๆ ก็เรียบร้อยดี มีความสุขดี แม่ไม่ต้องห่วง คำพูดของแม่ก็แค่รับฟัง แต่ไม่ต้องตั้งความหวัง ไม่ต้องตั้งตารอ เพราะถ้าไม่หวังไม่รอ ก็จะไม่ต้องเสียใจทีหลัง ทำเหมือนไม่เป็นอะไร ทุกอย่างเรียบร้อยดี แต่มันย่อมต้องมีขีดความอดทนสูงสุดอยู่ภายใต้เปลือกนั้นเหมือนกัน ฮินาตะที่ร้องไห้ และผู้หญิงที่ไม่ถนัดต่อการแสดงความอ่อนโยนอย่างนางเอกจะทำอะไรได้ นอกจากมองอึ้งๆ ทำอะไรมิถูก ฮินาตะจึงได้อ้อมกอดคุณพ่อของพีทาโร่มาแทน เมื่อผู้ชายตัวกะปิ กอดเด็กหญิงแสนสวยที่สุดเศร้าอย่างหนูฮินาตะ เป็นภาพที่น่ารักมากเลยค่ะ แม้ว่าอารมณ์ตอนนั้นจะน้ำตาไหลอยู่ก็ตาม ( ก็มันเศร้านี่)


ว่ากันด้วยเรื่องของความรัก

"ถ้าฉันเหงา แค่มองดาวดวงแรกก็จะหาย
พ่อฉันบอกไว้ตอนเขาจากไป
ถ้าเหงาก็ให้มองดาวดวงแรกไว้
ไม่ว่าห่างกันแค่ไหน
เราจะมองดาวดวงเดียวกัน"


จะเป็นรักไหนของใครอื่น ก็ต้องเป็นรักแท้แต่เยาว์วัยของฮินาตะ กับพีทาโร่สิคะ แหม ...เค้ารักกันจริงจังค่ะคู่นี้ หวาน เศร้า สุข ซึ้งใจกันไป คู่คุณพ่อคุณพี่เลี้ยงชิดซ้ายไปเลยไกลๆ ไปดันทุรังกันต่อให้จบ ให้ลงเอย




"ถ้าคุณชอบเขา มันไม่ใช่ว่าคุณต้องการอะไร
มันอยู่ที่คุณจะทำให้เขามีความสุขยังไง"

"ความอดทนเป็นสิ่งสำคัญ
แต่ถึงขั้นต้องโกหกด้วยเหรอ
โกหกเป็นบาปใหญ่หลวง
เมื่อรู้ว่าผิดก็ควรกลับใจนี่"

"ถ้ากลับใจได้ ฉันก็อยากทำนะ
แต่ผู้ใหญ่มักมีกฏของผู่ใหญ่
กฏหมายมีไว้ปฏิบัติ"

"ช่างหัวกฏหมายพวกนั้นซะ!
มาเผชิญหน้ากับตัวเองอีกสักครั้ง"


เขา ไม่ดีพอ

หรือ

เธอ ไม่พอดี

เขา ต้องดีให้พอ

หรือ

เธอ ก็แค่พอดี

หรือ อีกที

พบกันที่ครึ่งทาง

แล้วเราต่างพอดีและดีพอ




















Create Date : 10 ธันวาคม 2554
Last Update : 2 มิถุนายน 2556 10:55:13 น. 6 comments
Counter : 13629 Pageviews.

 
เคยคุยกับท่านมะนาวฯว่า
เทรนด์ของซีรีย์ญี่ปุ่นน่าจะเปลี่ยนไป
เนื่องจากอัตราการแต่งงานของคนหนุ่มสาว
มียอดที่ต่ำลงเรื่อยๆทุกปี
ดังนั้น ตั้งแต่นี้ไปคงได้ดูซีรีย์ที่เกี่ยวกับ
ชีวิตครอบครัวสุขสันต์ การงานสุขสมกันเยอะขึ้น
โดยเฉพาะพ่อหม้ายลูกติด ซิงเกิ้ลมัม
หรือไม่ก็อะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับเด็กเป็นตัวยละครเสริม

ยิ่งระยะหลังๆแต่ละค่ายต่างผลิตดาราเด็กกันถี่
ตั้งแต่มีปรากฎการณ์ "มานะจัง" เกิดขึ้น
จนเข้าขั้นจะกลายเป็นเด็กเฟ้อเสียแล้ว
(สงสารก็แต่ดาราเด็กชาย)

zenkai girl เห็นมาพอสมควร
แต่หน้าหนังไม่ค่อยน่าดึงดูดเท่าไร
อีกอย่างดาราก็ดูไม่เข้าคู่
เพราะตาเรียวเขาเป็นคนนิ่งๆ น่าจะเหมาะกับ
ดาราหญิงที่ดูแก๋นๆก๋าๆก๊ะๆซะหน่อย
ยูอิก็ใสซะจะเชื่อให้เป็นเช่นนั้น

สงสารก็หนูเรนบุจัง ยังเป็นนักแสดงสมทบ
ไม่ได้แจ้งเกิดเป็นดารานำกับเขาสักที
แล้วซาโต้ จิโระโผล่มาอีกแล้ว
เข้าข่ายเป็นน้าค่อมแห่งวงการซีรีย์ญีั่ปุ่นเข้าไปทุกที


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 10 ธันวาคม 2554 เวลา:18:43:19 น.  

 
ไม่ชอบเนื้อเรื่อง เรื่องนี้เลยล่ะค่ะ
แม้จะเป็นเรื่องของการหาความพอดีและดีพอในชีวิตก็เถอะ
และพระเอกอย่างเรียว นิชิกิโดและนางเอกอย่างอารากากิ ยูอิ
ก็ไม่ใช่ดาราอย่างที่ตัวเองปลื้ม ค่อนข้างจะเฉยๆกับดาราทั้งคู่ค่ะ
แถมบอกว่าเรื่องนี้เรียวทั้งตัวเล็กและดำสมฉายา"ตัวกะปิ"อีกต่างหาก
ส่วนอารากากิ ยูอิ เธอคนนี้ก็ช่างสวยใสมันจึงดูcontrastกับเรียว ซะจริงเลยค่ะ
โดยความเห็นส่วนตัวถ้าเรื่องนี้อารากากิ ยูอิจับคู่กับโทมะ จะน่าดูมากเลยค่ะ
เพราะโทนผิว โทนหน้าไปในทางเดียวกัน ดูไม่ขัดแย้งกันมาก
แต่ที่ดึงดูดคนดูจริงๆน่าจะเป็นบท"พีทาโร่"กับ"ฮินาตะ"สินะคะ
เห็นหน้าหนูฮินาตะแล้วต้องบอกว่าเป็นเด็กผู้หญิงที่สวยจังเลยนะคะ
ไม่ใช่ดูน่ารักแบบหนูยางิ ยูกิในFlower Shop Without Roses
แต่เป็นลักษณะเด็กสวยอ่ะค่ะ แถมบอกว่าบุคลิกลักษณะ
การพูดจาดูเป็นผู้ใหญ่เกินอายุ แบบนี้ล่ะค่ะที่ไม่ชอบเลยค่ะ
อยากให้เด็กก็คือเด็ก ไม่อยากให้เป็นผู้ใหญ่ในร่างเด็กน่ะค่ะ
เรื่องที่ชอบมากที่ให้เด็กเป็นเด็กจริงๆคือเรื่องTomboy ของฝรั่งเศสอ่ะค่ะ
ที่ให้หนูน้อยJeanne ซึ่งเป็นน้องของนางเอกอายุประมาณ6ขวบ
ก็ให้เป็นเด็กหกขวบจริงๆ ไม่แก่แดดแก่ลม หรือรู้มากเกินวัย
ที่พูดอย่างนี้เพราะขัดใจมาจากเรื่องMy Girl ของทีวีAsahi อ่ะค่ะ
ที่ให้หนูน้อยโคฮารุจัง ที่อายุแค่5ขวบ แต่ช่างแก่แดดแก่ลมเหลือเกิน
ไม่ว่าจะเป็นการพูดจาหรือว่าการปฏิบัติตัว บางครั้งก็ทำตัวเหมือนเด็กสาวขี้งอน
เฮ้อ!เล่นเอาเพลีย แล้วพอเรื่องนี้คุณprysangบอกว่า
หนูฮินาตะก็มีบุคลิกและการพูดจาเกินตัว ก็ให้รู้สึกหวั่นๆซะเหลือเกิน
ว่าภาพหนูน้อยโคฮารุจังจะตามมาหลอกหลอนเข้าให้อีกน่ะค่ะ
เพราะขนาดบอกว่าหนูน้อยฮินาตะแสดงเก่งประหนึ่งนางเอกMVเพลงอกหักรักคุด
โอ้ว!ช่างน่ากลัวนัก เพราะบอกว่าหนูน้อยอายุก็แค่5ขวบเท่านั้นเอง
แล้วบอกว่าแสดงออกแบบสาวอายุยี่สิบห้า โอ้ว!น่ากลัวจริงๆ
แต่ยังมีสิ่งที่น่าประทับใจนะคะตรง"โอ๊ะ กลิ่นของแม่" ที่พีทาโร่อุทาน
เจ๋งค่ะ คนคิดตรงนี้เจ๋งจริงๆค่ะ
เพราะการสื่อสารของแม่กับลูกนี้เขามีกลิ่นเฉพาะที่สัมผัสกันได้ค่ะ
เพราะแม้แต่ภูมิต้านทานโรค
ก็ยังส่งผ่านกันได้จากการสัมผัสระหว่างแม่กับลูกเลยค่ะ
แล้วที่ต้องชื่นชมมากๆเลยคือการบรรยายฉากนี้ของคุณprysangอ่ะค่ะ
คุณprysangบรรยายฉากนี้ได้ดีจนมะนาวน้ำตาไหลตามไปด้วยเลยค่ะ
ทั้งความรู้สึกของแม่อย่างริริกะ และความรู้สึกของพ่ออย่างโชตะ สุโค่ยยยยจริงค่ะ


โดย: มะนาวเพคะ IP: 101.109.183.47 วันที่: 12 ธันวาคม 2554 เวลา:15:44:00 น.  

 
คิดเหมือนกันแต่แรกเลยว่า เรียว กับ ยูอิ ช่างเป็นคู่ที่สีผิวตัด และดูไม่เหมาะกัน ถึงได้พักไปตอนดูสองตอนแรก แต่ว่านิสัยไม่ชอบความค้างคา ดูเริ่มมาต้องดูต่อไปให้จบ อีกอย่าง ซีรีส์แนวความรักของญี่ปุ่นนั้นค่อนข้างหาดูเพื่อความผ่อนคลายได้ยากด้วย เรื่องนี้เนื้อเรื่องก็พอโอเค นานๆ ยูอิจะมีอะไรให้ชมที เลยไม่อยากพลาดค่ะ


โดย: prysang วันที่: 17 ธันวาคม 2554 เวลา:14:13:03 น.  

 
ซีรีย์เรื่องนี้่สนุกหรรษาสุโค้ยย์จริงๆเลยนะครับ

คนเขียนบทเขาเก่ง ใช้ค่านิยมทางสังคม
ของกลุ่มคนชั้นกลาง
มาเล่นกับมโนสำนึกขั้นพื้นฐาน
ที่ทำให้ดูขัดแย้งแต่ก็ ใส่คอเมดี้เต็มพิกัด
ผสมกับมาตราศัพท์แสงทางกฎหมาย
ที่นางเอกเคารพบูชา
อีกทั้งมีปมเรือ่งวัยเด็กเข้ามาเกี่ยวข้อง

ซีรีย์เหมือนจะขึ้นไปภูชี้ฟ้า
แต่ไปๆมาๆหล่นบนพื้นสนามเด็กอนุบาลสักได้
อีกทั้งลูกคุณหนู ก็ไม่คุณหนูอย่างที่คิด
มีเพียงคุณแม่ของอีหนู กับนังหนูนางเอกของเรา
เท่านั้นที่เผลอจนเซ่อซ่าไปนานสองนาน

นิชิโดจะรับบทพ่อส่วนหนึ่งก็ต้อง
ถามว่า เจ้าตัวคัดบทเลือกเอง
หรือกระแสมหาชนนิยมให้เขารับเล่นบทนี้
ดูไปแล้วค่ายจอห์นนี่ ดูํไม่ค่อยเเคร์ภาพลักษณ์นักแสดงเท่าไร
มากไปกว่าศีลธรรมต่อสาธารณชน

แก็งค์เพื่อนพระเอกแห่งร้านรูซาโตะ
ก็สร้างความฮาได้ตลอดทีเข้าฉาก
เป็นอริกับค่านิยมของนางเอกชินดไม่เผาผีกินเส้นกัน
ตามประสาผัวไร้ที่พึ่งทางเมีย ได้แสบๆคันๆ

ไม่แปลกใจเลยที่ผลโหวตจะบอกว่า
เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ตรึงใจคนดูสำหรับตัวยูอิมากเป็นที่สุด


โดย: Mr.chanpanakrit IP: 49.49.163.118 วันที่: 5 มิถุนายน 2555 เวลา:12:32:41 น.  

 
มาแถมนิืด "อินทรีย์แห่งแมนฮัตตัน"
เปรียบเปรยถึงแมนฮัตตัน
ที่เป็นที่ตั้งของสำนักงานทนายธุรกิจชื่อดัง
ที่ไปอัดกันในย่านนั้นจนเป็นที่ขึ้นชื่อลือชา
เพราะถือเป็นศูนย์กลางของนิวยอร์ก
ที่พวกวานิชธนกิจและตลาดหุ้นไปวิ่งโปกกระดาษหุ้นกันให้วุ่น


โดย: Mr.chanpanakrit IP: 49.49.163.118 วันที่: 5 มิถุนายน 2555 เวลา:12:38:32 น.  

 
เขียนบล๊อคสุดยอดนะคะ


โดย: หนูธั้นย์ IP: 125.27.194.228 วันที่: 2 มิถุนายน 2556 เวลา:10:38:29 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

prysang
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 98 คน [?]




จำนวนผู้ชม คน : Users Online
New Comments
Friends' blogs
[Add prysang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.