Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2554
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
23 มิถุนายน 2554
 
All Blogs
 
Gakeppuchi no Eri : แม้ต่ำต้อยที่สุดของที่สุดก็มีศักดิ์ศรีของตัวเอง ( นะ...สิบอกให้)



Title: 崖っぷちのエリー
Title (romaji): Gakeppuchi no Eri
Genre: Comedy Episodes: 9 Viewership rating: 6.4%
Broadcast : TV Asahi 2010-Jul-09 to 2010-Sep-03 Friday 21:00
Original writing (Autobiographical essay): Kono Yo de Ichiban Daiji na 'Kane' no Hanashi by Saibara Rieko
Screenwriter: Sato Kumiko Chief Producer: Fukazawa Yoshihiro Producers: Narai Masami , Kawanishi Taku, Inoue Ryuta
Directors: Tsukamoto Renpei, Shirakawa Tsukasa
Music: Nakanishi Masashi Theme song: Makenai Kokoro by AAA




เออิฮาระ เอริโกะ (Yamada You) เด็กสาวผู้รักการวาดภาพมาตั้งแต่ยังเด็ก ศิลปะนั้น ดูจะไม่เข้ากันกับคนที่มีฐานะยากจน ครอบครัวของเอริโกะไม่ใช่แค่จนธรรมดา แต่เอ็กซ์ตรีมลี่จน คือ จนแท้ๆ แถมพ่อยังต้องมาเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ เอริโกะกับแม่ในรถคันเดียวกันไม่เป็นอันตราย แต่พ่อจากไปพร้อมกับหนี้สินมากมายทิ้งไว้ให้ ความหวังที่จะเรียนต่อมหาวิทยาลัยศิลปะกลายเป็นเรื่องสิ้นหวังที่เอริโกะจำใจต้องยอมรับ

แต่ในชีวิตของคนทุกคนนั้นมีสิ่งวิเศษประจำตัวอยู่สิ่งหนึ่งนั่นคือ 'แม่' แม่ผู้ให้กำเนิด แม่ผู้ให้การเลี้ยงดูเติบโตขึ้นมา และเป็นนางฟ้าประจำตัว เงินก้อนสุดท้ายที่เก็บงำพ้นหูพ้นตาเจ้าหนี้มาได้ เงิน 1 ล้านเยนที่แม่กับพ่อเคยช่วยกันเก็บหอมรอมริบมาทั้งชีวิตถูกหยิบยื่นใส่ในมือของเอริโกะอย่างไม่ลังเล ด้วยเงินก้อนนี้ เอริโกะลูกรักจงย้ายไปอยู่โตเกียว ไปเรียนต่อ ไปไล่ตามความฝันของตัวเองที่นั่น การเรียนจบมหาวิทยาลัยเท่านั้นที่จะช่วยให้ลูกได้มีโอกาสคว้าฝัน มีอนาคตดีๆ มีชีวิตที่ดีกว่าที่พ่อแม่เคยมี



แต่เงิน 1 ล้านเยน ไม่ได้มากมายอะไร และมันเข้าขั้นลำบากเลยทีเดียวสำหรับการใช้ชีวิตเป็นนักศึกษาวิชาศิลปะ อุปกรณ์วาดภาพแต่ละอย่างล้วนแล้วแต่เป็นเงินเป็นทอง เอริโกะจึงเป็นศิลปินฝึกหัดไส้แห้งขนานแท้ เดินผ่านร้านข้าวกล่องโนริที่อยากกินทุกวันแต่ไม่มีตังค์ซื้อ เพราะต้องรัดเข็มขัดเต็มขั้น แม้ข้าวกล่องนั่นจะยั่วยวนน้ำลายแค่ไหนก็ได้แต่เดินผ่านและมองดู ความฝักใฝ่ในข้าวกล่องนั่นของเอริโกะนั้นขึ้นสมองโดยส่ออาการเป็นนิสัยให้เธอตีค่าความมากน้อยของเงินด้วยการคำนวณออกมาเป็นจำนวนข้าวกล่องโนริ

นักศึกษาศิลปะที่ขี้เหนียวสีสุดๆ อย่างเอริโกะ ไม่เป็นที่โปรดปรานของอาจารย์นัก สีที่ใช้แต่น้อย ระบายอย่างเจือจาง บีบแล้วบีบอีก หรือแม้แต่คุ้ยกองขยะหาเศษจากหลอดสีที่คนอื่นใช้เอริโกะก็ทำเพื่อเอาตัวรอด ซึ่งไม่ว่าจะรัดเข็มขัดยังไง เงินก็ไม่พอยาไส้อยู่ดี เอริโกะจึงต้องทำงานพิเศษด้วยการทำงานในผับเป็นสาวนั่งดริงค์



ถึงอย่างนั้น ก็ยังหาเงินไม่พอที่จะส่งงานชิ้นสำคัญให้อาจารย์ได้ทัน เพราะขี้เหนียวสี อาจารย์ก็เลยไม่ยอมรับภาพซีดๆ เซียวๆ ของเธอ ถ้าไม่มีเงินจะซื้อสี ก็ไม่ควรมาเรียนศิลปะแต่แรกสิ ไม่ว่าอย่างไรการศึกษาก็ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน จะทำหยวนๆ ปล่อยไปเพราะเห็นใจนักศึกษายากไร้นั้นไม่น่าจะควรทำ ที่ยอมให้โอกาสทำงานชิ้นใหม่ส่งอีกครั้งก็นับว่าเมตตาโข และเอริโกะก็ไม่ควรจะพลาดโอกาส แต่กำหนดเส้นตายที่อาจารย์ให้ส่งงานก็ใกล้เข้ามาทุกที แต่เงินที่จะซื้อสีและอุปกรณยังหาให้พอไม่ได้

อนิจจา ... ความอนาถาของศิลปิน(ฝึกหัด)ผู้ยากจน

เมื่อความจนมันไม่เข้าใครออกใคร ดังนั้น จึงเกินกว่าเอริโกะจะดันทุรังต่อไปไหว ต่อให้ทำงานพิเศษแล้วมันก็ไม่พอยาไส้ ไม่พอซื้อหาอุปกรณ์ที่ต้องใช้สร้างสรรค์ศิลปะระหว่างเรียน ก็แล้วจะทำไงได้ สุดท้ายต้องตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัย ด้วยกำลังใจที่ไม่ได้ลดน้อยถอยลง ในเมื่อมือยังไม่หยุดวาด ยังคงขีดเขียนรูปสายลายเส้นลงบนแผ่นกระดาษแต่ละใบด้วยใจรัก สักวันของโอกาสย่อมมีมาถึง เริ่มต้นต้วมเตี้ยมทีละน้อยละนิด ไล่ติดตามความฝันไม่ยอมปล่อย ไม่สำเร็จ ไม่เลิก (ต่อให้สำเร็จ ก็ไม่เลิกุวุ้ย)

ฝันของเอริโกะ ไม่ใช่แค่การเป็นศิลปินนักวาด
ฝันของเอริโกะ ฝันไกลกว่านั้น
ฝันของเอริโกะ คือต้องหาเงินไห้ด้มากๆ จากการวาดภาพ
และสุดยอดความฝันของเอริโกะ คือต้องร่ำรวยจากการเป็นศิลปิน

ฮิราบะยาชิ มาซามุเนะ (Koizumi Kotaro) เป็นบรรณาธิการของ Treasurer Magazine นิสัยใจคอของมาซามุเนะซังนั้นสุดแสนจะเป็นคนสุภาพเรียบร้อย ขี้เกรงใจ เห็นหงิมๆ ติ๋มๆ และทำงานให้กับนิตยาสารระดับสามหรือที่ว่ากันง่ายๆ คือ ระดับ "โลว์คลาส" อย่างนี้ "มาซามุเนะซัง" ของเราไม่ใช่จ้อยๆ เพราะเขาคนนี้เป็นถึงลูกชายของนักธุรกิจผู้เป็นประธานบริหารบริษัทใหญ่โต

อย่า! อย่าเพิ่งคิดเลยเถิดไปถึงเรื่องรักต่างฐานะของพระเอกนางเอกกันนะคะ เพราะว่ามันไม่ใช่อะไรอย่างน้านนน



มาซามุเนะซัง เป็นลูกชายของครอบครัวที่ถูกคาดหวังจะให้เป็นผู้สืบทอดธุรกิจ แต่ตัวลูกชายดั๊นฝักใฝ่มีใจรักในการทำสื่อสิ่งพิมพ์ เขารักที่จะเป็นบรรณาธิการเพื่อสร้างสรรค์ผลงานดีๆ ออกมาแบ่งปันให้ผู้คนมากมายได้อ่าน ทั้งสาระอันเป็นประโยชน์และความบันเทิงที่เป็นเครื่องผ่อนคลายความเครียดในชีวิตคนได้



โคมาดะ โจอิชิ ( Tsukaji Muga ) ช่างภาพอิสระที่ทำงานกับนิตยสาร Treasurer ทำหน้าที่ส่งภาพปกและภาพประกอบเนื้อหาในคอลัมภ์ อดีตโคมาดะเคยเป็นช่างภาพที่โด่งดังจากผลงานการถ่ายภาพที่ได้รับรางวัลภาพถ่ายยอดเยี่ยมและเป็นภาพที่มีชื่อเสียงเลื่องลือว่าเป็น " one miracle shot"

แต่ปัจจุบันโคมาดะ เป็นช่างภาพถ่ายสาวๆ ให้ Treasurer Magazine (เป็นนิตยาสารที่ขึ้นปกด้วยรูปสาวขาวอวบ นุ่งห่มวับแวมน่ะค่ะ) อยู่อย่างแร้นแค้นในอพาร์ตเมนท์จนๆ ที่ไม่ค่อยมีคนอยู่ และที่นั่นก็เป็นสำนักเดียวกันกับที่เอริโกะอยู่อาศัย



เออิฮาระ มิตสึโยะ (Watanabe Eri) แม่ของเอริโกะจัง มีจิตใจดี มองโลกในแง่ดี ไม่เคยย่อท้อต่อหนี้สินและความลำบาก ไม่เคยกล่าวโทษสามีว่าไม่เอาไหน ไม่เคยขุ่นเคืองที่ก่อหนี้สินมาให้ และยังหนีไปสบายคนเดียวด้วยการด่วนตายจาก ทิ้งเธอกับลูกให้ลำบากอยู่ข้างหลังลำพัง ทำงานหนักแต่ไม่เคยย่อท้อ ไม่กล่าวโทษใครหรือป้ายความผิดให้โลกอันโหดร้ายใบนี้ เอริโกะจึงได้นิสัยดีๆ มาจากแม่ ไม่หวั่นกลัวความยากจน เพราะถึงจนก็ยังมีชีวิตที่มีความสุขกันได้ตามประสาแม่ลูกผูกพัน

ป้าคนนี้หน้าคุ้นๆ ดูเรื่องนี้จบไปแล้วถึงเพิ่งนึกออกว่าป้าคือเจ้านายสาวแก่ที่ได้งาบหนุ่มเกย์สุดหล่อเท็ตสึจิ ในซีรีย์ Hard to say I love You นั่นเอง

เออิฮาระ โชโซ (Jinnai Takanori) พ่อเลี้ยงของเอริโกะ (แม่ของเอริโกะแต่งงานสองครั้ง) ถึงเขาจะดูเป็นผู้ชายไม่เอาไหน ทำธุรกิจก็ล้มเหลว แถมยังสร้างหนี้สินมากมายทิ้งเอาไว้ แต่สิ่งที่เขามีดีล้นเหลือคือความรักที่มอบให้กับครอบครัวโดยเฉพาะกับเอริโกะ พ่อ..ชื่นชมฝีมือลูกสาวเสมอ ให้กำลังใจ แสดงความเชื่อมั่นอย่างสุดใจว่าเอริโกะจะประสบความสำเร็จในการเป็นศิลปินนักวาด พ่อคนนี้แหละที่ทำตัวเป็นกองเชียร์แม้ภายหลังเขาจะเสียชีวิตไป แต่ทุกๆ ครั้งที่เอริโกะมีปัญหา ทุกๆ ครั้งที่ต้องการแรงกำลังใจ เมื่อเธอหันไปมองภาพถ่ายของพ่อแรงเชียร์จากหัวใจยังส่งมาถึงเธอได้เสมอ



อุเอโมโตะ คัตสึโอะ (Osugi Ren) หัวหน้าบรรณาธิการนิตยาสาร Treasurer ดูเผินๆ เหมือนตาแก่หัวรั้นที่ไม่ยี่หระกับทุกข์สุขของใคร ไม่มีความเห็นอกเห็นใจจะเมตตาให้ แต่แท้จริงแล้ว อุเอโมโตะซังเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความฝันและความมุ่งมั่นของคนอื่นๆ ลงมือสนับสนุนเงียบๆ โดยไม่ต้องคอยปริปากเอาดีเข้าตนเพื่อถือเป็นบุญคุณ มาซามุเนะให้ความนับถืออุเอโมโตะอย่างมาก และเอริโกะเองก็รับรู้ถึงความเอาใจใส่ ซาบซึ้งต่อโอกาสที่สรรหามาให้ และขอบคุณที่หยิบยื่นความช่วยเหลือเมื่อจำเป็น




ฮิมารุ เรียวจิ (Tanaka Yoji) ลูกน้องเก่าของพ่อเอริโกะ ลูกน้องที่รักและไว้วางใจแต่เชิดเงินจากพ่อหนีไป เขาพบเอริโกะที่โตเกียวแล้วก็เชิดเงินของเอริโกะไปอีก ไม่ว่าจะพยายามสลัดแค่ไหน น้าเรียวจิก็กระทำตนเป็นตุ๊กแกมือกาวเกาะไม่ยอมปล่อย เอริโกะกับแม่ไม่ใช่คนโหดร้าย คนเคยรู้จักมักคุ้นกันและเข้าใจหัวอกอีกฝ่ายที่พยายามจะหาเงินต่อเงิน เงินลงทุนเพื่อให้ทุนเป็นกำไร แต่ไม่ว่าทำอะไรก็เหลวเป๋ว แต่ถึงยังไงก็ตัดไม่ตายขายไม่ขาด ยังคงวนเวียนอยู่ในชีวิตเสมือนญาติคนหนึ่งในครอบครัว ( ที่นำพาแต่ความเดือดร้อนมาให้)




ข้อดี ข้อคิดดี

นึกถึงอาจารย์คาวาโต้ (ซีรีย์ Rookies) ผู้ตั้งปณิธานต่อการเป็น "ผู้สนับสนุนความฝัน" ของเด็กนักเรียน เรื่องนี้ "ผู้สนับสนุนความฝัน" ของเอริโกะคือพ่อแม่ คนที่รัก ที่ห่วงใยและใกล้ชิดมากที่สุด แต่เล็กจนโตพ่อและแม่ไม่เคยทำให้เอริโกะสงสัยในตัวเองเลยสักครั้งว่าสิ่งที่อยากทำจะทำไม่ได้ ฝันที่เฝ้าฝันจะไม่กลายเป็นจริง คิดว่านี่เป็นแบบอย่างของการเป็นพ่อแม่ที่คอยสนับสนุนเป็นกำลังใจให้ลูกได้ทำในสิ่งที่ตนเองรักอย่างเต็มที่ เหตุผลคงไม่มีอะไรมากมายนอกจากสิ่งเดียวคือ 'อยากให้ลูกมีความสุข'



ความอยากรวย ไม่ใช่สิ่งผิด ความกระตือรือร้นที่จะต่อสู้เพื่อความร่ำรวยไม่ใช่ความน่ารังเกียจ หากว่านั่นจะทำให้คนเรามีเป้าหมายที่แน่ชัดและพากเพียรไขว่คว้าให้ถึงที่สุด เพียงแค่...ให้แน่ใจ ว่าทุกอย่างที่ลงมือทำลงไปคือความขาวสะอาด ทุกก้าวที่บุกบั่นไปเป็นหนทางที่ถูกต้อง ถ้าทำได้อย่างนี้แล้ว ก็จะไม่สูญเสียความเคารพต่อตนเอง เช่นเอริโกะที่งกเงินและใฝ่ฝันถึงความร่ำรวย เหตุผลก็ไม่มีอะไรเลยนอกจากอยากให้แม่ของเธอมีชีวิตที่ดีที่สุขสบาย ได้ตอบแทนความเหน็ดเหนื่อย ความเสียสละที่แม่มีให้ แต่เอริโกะไม่ใช่คนโลภ ( งก ..แต่ไม่โลภ) ถ้าต้องยอมก้มหัวให้กับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ต้องโยนศักดิ์ศรีทิ้งไปให้กับคนที่ไม่ควรค่าและสิ่งที่ไม่สมควร เงินจะสร้างความสุขได้อย่างไร ไม่ได้เงินในครั้งนี้ โอกาสอื่นยังมี ยังรอได้

มีจุดหนึ่งที่ชอบมากเกี่ยวกับเรื่องเงิน คือการที่เอริโกะตอกติดความฝันและเป้าหมายในชีวิตของเธอไว้ตรงผนังห้อง ภาพวาด..เธอและแม่ และ เงิน ทุกครั้งที่เหลียวมอง สิ่งที่ได้กลับมาคือพลังและความฮึกเหิม





อย่าทำ! อะไรก็ตามที่จะทำให้ตัวเองต้องมานึกเสียใจทีหลัง คิดให้ดี ตัดสินใจให้รอบคอบก่อนแล้วค่อยทำ หากว่าได้พลั้งพลาดไปแล้วเพิ่งรู้สึกตัว รู้สึกเสียใจ ก็อย่ามัวปล่อยให้อะไรเลยตามเลยแล้วจมอยู่กับความเสียใจไปทั้งชีวิต แต่ควรยืดอกยอมรับความผิดพลาดนั้นอย่างกล้าหาญ เพื่อที่จะได้ก้าวต่อไปอย่างไม่มีอะไรติดค้างในใจ ...ประเด็นนี้ ได้แง่คิดมาจากตัวละครสำคัญคือ ช่างภาพโคมาดะ

โดยเนื้อหาคร่าวๆ เหมือนเครียด แต่ผู้กำกับ คนเขียนบท ก็ดูจะรวมหัวกันทำเรื่องเครียดให้ออกมาเป็นคอมเมดี้เบาๆได้ อย่างเช่นการที่พ่อตาย ทั้งที่ควรจะตายเศร้าก็กลายเป็นว่าตายไปอย่างขำๆ การที่เอริโกะตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัย ความจริงแล้วควรจะเครียด แต่ความแน่วแน่ของเอริโกะที่ได้ใคร่ครวญและตัดสินใจด้วยตนเอง คนดูอย่างเราก็คงเหมือนแม่ของเธอ อาจารย์ของเธอ ที่ไม่รู้สึกคัดค้านแต่เคารพในการตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวนั้น ภาพเอริโกะในตอนเด็กที่ก้มหน้าก้มตาวาดภาพแล้วถูกเพื่อนๆ รุมล้อเรื่องความยากจน หรือแม้แต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัยที่เพื่อนๆ ส่งสายตาดูถูกดูแคลน แม้ว่าเอริโกะจะจดจำภาพเหล่านั้นไว้ในใจไม่ลืม แต่นั่นก็ไม่ใช่ความรันทดขมขื่น ตรงกันข้ามมันคือแรงผลักดัน (การมองโลกในแง่ดีมันก็ดีอย่างนี้เอง)

นักแสดงรับเชิญมากหน้าหลายตาเข้ามาเอี่ยวกันตอนต่อตอน ดูโฉมหน้าคุ้นเคยจากภาพประกอบกันเอาเองนะคะ







ข้อติ ข้อขุ่นเคืองใจ

ใช้ประโยคซ้ำๆ มากเกินไป

"Even the lowest of lowest have thier pride" (แม้คนต่ำต้อยที่สุดของที่สุดก็มีศักดิ์ศรีของตนเอง)

คำพูดนี้เอริโกะจะใช้ทุกครั้งเมื่อเข้าสู่ช่วงไคลแมกซ์ของแต่ละตอน และหลังๆ ที่ตัวละครอื่นรู้สึกนับถือนางเอกและอินกับคำพูดนี้แล้ว ก็หยิบยืมมาใช้ด้วยเหมือนกัน

"If you are bottom, fight form bottom"
(ถ้าเธออยู่ในที่ต่ำ..สู้จากที่ต่ำ)

"Even the lowest of lowest have to fight"
(แม้ต่ำต้อยที่สุดของที่สุดก็ต้องต่อสู้)

ภาษาอังกฤษนะคะ อาจจะแปลไม่เข้าลู่เข้าทางสักเท่าไร ขออภัย

นี่ล่ะค่ะ มีอยู่สามประโยคนี้แหละ คำคมที่จำได้ เพราะใช้บ่อยและความหมายก็คล้ายคลึงกัน ก็นั่นแหละ ใช้มากไปมันก็เลย 'ไม่ขลัง'




แต่ที่โกรธเคืองที่สุด ก็เห็นจะเป็นเรื่องของความรัก เหตุนี้ต้องยอมปล่อยให้ตัวเองสปอล์ยจุดสำคัญออกมาเลยทีเดียว โดยเข้าข้างตัวเอง(เอาเอง)ว่านี่เป็นความจริงใจที่มอบให้แก่ผู้อ่าน หากมีใครกำลังคิดจะดูเรื่องนี้ขึ้นมา คุณจะได้ไม่รู้สึกว่าถูกหักหลัง (เหมือนอย่างที่ข้าน้อยโดนมาแล้ว) ด้วยปักใจเชื่อว่าธรรมดาดูหนังดูละครคนเราย่อมชอบนางเอกสวยพระเอกงาม ต่อให้ไม่สวยไม่งามเราย่อมอยากให้คนที่เราหมายตาเป็นพระเอกนางเอกได้เป็น 'คู่กัน'

มาซามุเมะซัง เห็นเอริโกะเป็นผู้หญิงแปลกๆ เพราะเธอมักจะโกรธง่ายเป็นไฟอยู่เสมอ โผงผางเสียงดังไม่สมเป็นผู้หญิงสักนิด แต่ความจริงใจ นิสัยตรงไปตรงมาที่รักความถูกต้องและพร้อมลุยเพื่อต่อสู้กับทัศนคติแย่ๆ ที่คอยแบ่งแยกระดับความเป็นคน ก็จับใจมาซามุเนะได้ในเวลาไม่นาน เขาตกหลุมรักเธอ และก็คอยติดสอยห้อยตามเป็นกำลังใจอยู่ตลอดในฐานะนักวาดและบรรณาธิการผู้เขียนบท



Editor : Hirabayashi Masamune
Illustrator : Aihara Eriko


(บรรณาธิการ และ ผู้วาดภาพประกอบ) นั่นคือชื่อที่อยู่ใต้ภาพคอลัมภ์การ์ตูนของ Treasurer Magazine มาซามุเนะเอาใจช่วยเอริโกะอยู่เสมอ ตามกันต้อยๆ อย่างนั้นไปจนถึงตอนที่เจ็ด โดยที่มาซาบุเนะของเราก็กำลังจดๆ จ้องๆ รอโอกาสบอกความรู้สึกให้เอริโกะได้รู้ แม้ว่านางเอกของเราจะไม่มีท่าที แต่เมื่อไม่มีใครอื่นในใจ มันก็ไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาด จริงไหมล่ะ

แล้วมันเรื่องอะไรกัน ที่จู่ๆ เอริโกะก็หลุดปาก "คนที่ฉันรัก" ออกมาเป็นคนอื่นต่อหน้าต่อตาพ่อหน้าจืดมาซามุเนะให้ต้องรับประทานแห้วอย่างไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว เขาแค่อึ้ง แต่อิฉันสิช็อค ..(5555) ก็ยังอุตส่าห์คิดในแง่ดี ตามประสาคนพยายามมองโลกในแง่ดี คำว่ารักของเอริโกะนั้น คงจะหมายถึง รักอย่างเพื่อน อย่างคนรู้จักกันดี ...มั้ง ก็โคมาดะอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนท์เดียวกัน ฝนตกหลังคารั่ว เอริโกะกับแม่(ที่ย้ายตามมาอยู่โตเกียวทีหลัง) ก็ถือวิสาสะมุดเข้าห้องโคมาดะแบบไม่นึกเกรงใจ ไม่เคยมีขออนุญาต ฤดูร้อนที่ร้อนอบอ้าวไม่มีเงินฟุ่มเฟือยซื้อพัดลม ทั้งแม่ทั้งลูกก็พากันไปสิงสถิตอยูที่ห้องของโคมาดะราวกับเป็นห้องของตัวเอง





ก็จริงอยู่ โคมาดะคือคนใกล้ แต่เมื่อตัวละครทั้งสองคนต่างไม่มีท่าทีต่อกันมาก่อน การแสดงที่ออกมา ดูเหมือนโคมาดะจะเป็นเหมือนรุ่นพี่ที่อาบน้ำร้อนมาก่อน มีประสบการณ์มากกว่า จึงมักจะคอยให้คำแนะนำดีๆต่อเอริโกะด้วยความหวังดี แต่เราไม่รู้สึกเลยว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น

หากว่ากันตรงๆ ตามรูปการณ์ โคมาดะก็เหมาะสมจะเป็นพระเอก และหากจะเปลี่ยนโคทาโร่ซังมารับบทนี้แทนก็เหมาะมาก เพราะประเด็นสำคัญเรื่องชีวิตที่ผิดพลาดก็คือบทบาทของโคมาดะ รวมถึงบทบาทการปฏิบัติตนต่อเอริโกะก็ดีด้วย เพราะบทมาซามุเนะนั้นเป็นคนที่รักนางเอก ดังนั้น ไม่ว่านางเอกจะคิดอะไร ทำอะไร ถึงแม้ไม่เห็นชอบก็พยายามคล้อยตามเห็นด้วยเพื่อถนอมความรู้สึกตามประสามาซามุเนะที่เป็นคนสุภาพอ่อนโยน แต่โคมาดะนั้นตรงกันข้าม เขามักจะค่อยตักเตือนเธออยู่เสมอ คอยให้ข้อคิดที่หมายรวมถึงการต่อว่าแรงๆ เพื่อให้เอริโกะรู้จักยับยั้งชั่งใจ มองอะไรให้ลึกซึ้งถูกต้องมากขึ้น ก็นะ...นี่เป็นบทที่ควรจะเป็นพระเอก แต่ด้วยไม่มีท่าทีมาก่อน อยู่ๆ ก็ปูดขึ้นมาเป็นรักของเรา ราวกับผู้เขียนบทเพิ่งนึกได้ว่าจะเอาแบบนี้แหละขึ้นมาอย่างกระทันหัน ก็เลยลอยแพความรักมาซามุเนะทิ้งไปเฉยๆ ซะงั้น (เชื่อเค้าเลย)





อันนี้ว่ากันแค่บท ยังไม่ว่าถึงหน้าตานะ เดี๋ยวจะว่าเป็นพวกแบ่งแยกชนชั้นความสวยงาม เพราะผู้เขียนก็เป็นคนไม่สวย (แต่หัวใจก็สวยอยูนะเออ ...5555 มุขสุดเขต เสลดเป็ด)

นี่แหละค่ะ ขัดใจตรงนี้แหละ เพราะโคมาดะและเอริโกะ ไม่มีท่าทีอะไรอย่างนั้นเลย ถึงจะไม่ห่างเหินแต่ก็ใช่ว่าจะสนิทสนมเกินเหตุ ถ้ามีอย่างนั้นให้เห็นอยู่บ้างนิดๆ หน่อยๆ จะไม่ว่าอะไรเลย (หรือจริงๆ แล้วมี แต่ความสุภาพน่ารักของมาซามุเนะบังตาหว่า) เพราะอย่างเหตุผลที่บอกวิธีการปฏิบัติของโคมาดะที่มีต่อเอริโกะถือเป็นความจริงใจ มิตรแท้และคนรักกันจริง ต้องตำหนิต่อหน้าและสรรเสริญลับหลัง ( แต่คนสมัยนี้มักสรรเสริญต่อหน้าด่าว่าลับหลังนะเออ..) ส่วนมาซามุเนะคล้อยตามเข้าว่าอย่างเดียว ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่สิ่งที่ดีเลย



จะว่าไปแล้ว เรื่องผู้รับบทพระเอกนี้ก็ต้องถือว่าเข้าใจผิดพลาดมาแต่แรกอยู่แล้ว เพราะตอนมองหาซีรีย์ในเว็ป mysoju หน้าตาของพระเอกเรื่องนี้คือ สึมาบูกิ ซาโตชิ แม้จะไม่ได้ปลื้มกันมาสักเท่าไหร่ แต่ด้วยหัวใจค่อนข้างสวย จึงต้องยอมรับอย่างยุติธรรมว่าซาโตชิหล่อ ( ก็อยากดูคนหล่อง่ะ) พอเลือกดู อ้าว .. ไหนล่ะซาโตชิ ไม่เห็นมาซะที แล้วพ่อโคทาโร่นี่โผล่มาจากไหนไม่มีบอกกล่าวย้อนกลับไปดูจึงเพิ่งเห็นว่าชื่อนักแสดงใต้ภาพซาโตชิเป็นชื่อของโคทาโร่ ทางเว็ปคงจะผิดพลาดทางเทคนิคหรือไม่ก็สับสนดาราน่ะค่ะ ไอ้เรารึก็มัวแต่หน้ามืดเลือกความหล่อของซาโตชิจนไม่สังเกตชื่อ แต่เป็นโคทาโร่ก็ไม่ติดใจเพราะว่าคุ้นหน้าคุ้นตามาแล้วจาก Attention Please และ Call Center แถมเรื่องนี้ตัดผมสั้นโชว์หูกางนิดๆ หน้าตาเด็กลงกว่าเดิมนิดหน่อยน่ารักดีซะอีก แต่การที่อยู่ๆ ตอนที่ 8 นายสึคาจิ มุกะ (Tsukaji Muga) ก็มาปาดหน้าเค้กเอาวิปครีมคว้านางเอกยามาดะ ยู ไปครองเสียซึ่งๆหน้า ไร้สำเนียงปี่ขลุ่ยบอกขานอย่างนี้ ..รับม่ายด๊ายย โกรธเลย ขึ้นเลย



ถือเป็นซีรีย์สู้เพื่อฝันที่ดีเรื่องหนึ่ง แม้จะดูเบา ได้มาง่าย ไม่รู้สึกว่าถึงขั้นฝ่าฟันเหนื่อยหอบจนหืดขึ้นคอเหมือนเรื่องอื่นๆ คงเป็นเพราะเนื้อหาไม่ได้เน้นการต่อสู้ฝ่าฟันทั้งหมดซะทีเดียว แต่เน้นความสำคัญอยู่กับเรื่องการหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีและความภูมิใจในตนเองด้วย

แม้ไม่ติดตรึงใจ ก็หยวนๆ กันไป โดยไม่ต้องเสียดายเวลา











Credit :

//www.mysoju.com
//www.dramacrazy.com
//www.dramawiki.com
//www.wat.tv
TV Asahi


Create Date : 23 มิถุนายน 2554
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2558 8:55:20 น. 3 comments
Counter : 1391 Pageviews.

 
555ขึ้นมาก็ขำเลยค่ะเอ็กซ์ตรีมลี่จน อืม!เก็ตเลยค่ะว่านางเอกจนจริงๆ
แต่เลือก"ยามาดะ ยู"มารับบทนางเอกเอ็กซ์ตรีมลี่จนนี้ ดูขัดๆพิกลนะคะ
เพราะขนาดบอกว่าอยากกินก็ไม่ได้กิน ต้องรัดเข็มขัดจนท้องกิ่ว
แล้วไหงแม่คุณไม่ผอมแห้งแรงน้อยล่ะคะ กลับอวบซะปริจอ
ในความเห็นของมะนาวนะคะว่า เอาเธอมาแสดงเป็นนางเอกไม่เหมาะสมเลยค่ะ
(หุหุ biasสุดๆเพราะได้ข่าวว่าคุณเธอเป็นซัมติ้งกับโอกุริ ชุน สุดหล่อ ยอมไม่ได้ค่า)
ส่วนพระเอกเห็นว่าเลือกมาได้เหมาะสมมากค่ะกับบทคนสุภาพเรียบร้อย ขี้เกรงใจ
หน้าตาและบุคลิกให้มากค่ะ เพราะเคยดูKoizumi Kotaro แสดงบทคล้ายๆแบบนี้ล่ะค่ะ
จากเรื่องHaken no Hinkaku ก็เลยรับได้ค่ะ ไม่ค้านความรู้สึกค่ะ
ชอบจังค่ะที่คุณprysang ใช้คำว่าในชีวิตของคนทุกคนนั้นมีสิ่งวิเศษประจำตัว
อยู่สิ่งหนึ่งนั่นก็คือ"แม่" ใช่ๆเห็นด้วยมากเลยค่ะ และนางเอกก็มีแม่ที่แสนวิเศษจริงๆ
อ่านแล้วรู้สึกว่าซีรีส์เรื่องนี้ให้ข้อคิดดีๆเยอะจังเลยนะคะ
ทั้งความมุมานะพยายาม การไล่ตามความฝันไม่ยอมท้อถอย
และชอบมากค่ะกับภาพวาดพ่อกับแม่และเงินที่นางเอกตอกติดฝาผนังไว้
เพื่อให้เป็นยาวิเศษที่เพิ่มพลังให้ฮึกเหิมไม่ท้อแท้ ช่างเป็นยาวิเศษที่เรียบง่ายดีจริงๆค่ะ
ส่วนภาพการ์ตูนที่นางเอกวาดน่ารักจังเลยค่ะ เห็นแล้วนึกถึงภาพวาดตัวการ์ตูน
ของคุณ"ลูกเป็ดขี้เกียจ"ในห้องเฉลิมไทยนี้เลยค่ะ
แล้วเรื่องนี้มีแค่9 ตอนเองเหรอคะ เป็นเพราะrating ไม่ค่อยสวยหรือเปล่าก็ไม่รู้นะคะ
ถึงเหลือแค่นั้น แล้วไหงตอนจบถึงโอละพ่ออย่างนั้นล่ะค่ะ หงายเงิบเลย


โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.81.31 วันที่: 24 มิถุนายน 2554 เวลา:21:12:39 น.  

 
ใครจะไปเชื่ออะน้อว่า เจ๊ยามาดะ ยู จะมาเป็นนางเอกกับเขาได้

แต่สุดท้ายก็ได้ถูกไปแล้ว ใน Gakeppuchi no Eri

แต่เป็นซีรีย์จนเวอร์โคตร เฉกเช่นเดียวกับ
เรื่องเวอร์ๆใน hana yori dango

เรื่องข้อมูลเว็บสับขาหลอก เจอมาเยอะเช่นกัน
บางที ก็ต้องเท่ียบเคียงข้อมูลในลิงค์อื่นๆ
ไม่งั้น เข้าข่ายโชว์หวอได้ไม่รู้จบกันเชียว


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 29 มิถุนายน 2554 เวลา:8:41:41 น.  

 
I think this is among the most vital information for me. And i'm glad reading your article. But should remark on few general things, The web site style is wonderful, the articles is really excellent : D. Good job, cheers
Ray Ban Wayfarer //www.homesnetwork.com/


โดย: Ray Ban Wayfarer IP: 94.23.252.21 วันที่: 4 สิงหาคม 2557 เวลา:0:34:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

prysang
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 98 คน [?]




จำนวนผู้ชม คน : Users Online
New Comments
Friends' blogs
[Add prysang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.