Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2554
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
5 พฤษภาคม 2554
 
All Blogs
 
มนต์รักข้าวต้มมัด รัก สู้ ฟัด บนสังเวียนข้าวต้มมัด - ยกที่ 1



อยากจะเขียนถึงละครเรื่องนี้มานานแล้ว เพราะไม่ใช่จะพบเจอกันง่ายๆ กับละครไทยที่ทำให้ต้องรีบปั่นงานสุดชีวิตในตอนกลางวันเพื่อจะบึ่งหน้ากลับมาให้ทันดูละครหลังข่าวในตอนกลางคืน (ช่วงเวลาออกอากาศ พุธ-พฤหัส เวลา 20.30-22.30) แต่ไม่ว่าจะติดละครขนาดไหน สุดท้ายงานก็ต้องมาก่อน วันไหนกลับมาไม่ทันดู จะรู้สึกเสียดายสุดใจ กลายเป็นความไม่อิ่มอกอิ่มใจ เมื่อละครจบไปแล้ว จึงต้องหาแผ่นมาดูกันอีกรอบสนุกกันอีกหนแบบไม่ให้คลาดสายตาไปแม้สักช็อตเดียว แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีเวลามากพอจะเขียนถึง จนกระทั่งครั้งนี้เป็นรอบที่สามแล้วสำหรับการดู มนต์รักข้าวต้มมัด ถ้าดูกันได้ย้ำๆ ขนาดนี้ ไม่เขียนถึงก็ดูจะอยุติธรรมต่อละครสัญชาติไทยไปสักหน่อย

จัดอันดับละคร เฮฮา-น่ารัก-โรแมนติก-แห่งปี ที่ได้ดูประจำปี 2010


1. มนต์รักข้าวต้มมัด
2. My girl friend is a Gumiho
3. You're beautiful
4. ดวงใจอัคนี
5. Momo Love



ที่ต้องยกเรื่องจัดอันดับในใจขึ้นมาโชว์ ก็เพราะต้องการจะบอกให้ชัดๆ ว่ารักละครเรื่องนี้แค่ไหน เหตุผลก็ไม่มีอะไรมาก เดิมๆ ซ้ำๆ "รักเกิดจากความเคยชิน" ตามประสาคนนิยมความรักที่ถูกถักทอเยื่อใยมาจากความผูกพัน

ความผูกพัน ที่หมายถึงความสนิทชิดใกล้ ความสม่ำเสมอ ความคุ้นเคย

ทั้งที่ดูละครแนวนี้มาไม่น้อย แต่ทั้งหมดที่เคยดูมาไม่มีคู่ไหนที่จะผูกมัดพันกันได้น่ารักน่าเอ็นดูและน่าส่ายหน้าได้เท่ากับ 'ตงฉิน' และ 'ช่อม่วง' แห่งมนต์รักข้าวต้มมัดได้อีกแล้ว

Smiley You're beautiful เกือบๆ จะได้เป็นที่หนึ่งในใจเพราะบทบาทเหลือเกินเหลือกินของคุณพระเอกฮวังแทคยองที่ฝากฝีมือไว้โดยพระเอกสุดฮอตจางกึนซอก แถมยังมีคนมาคอมเมนท์เรื่องนี้ไว้ในบล็อกตั้งเกือบร้อย (ปลื้มใจสุดๆ)ตัดสินกันยากมากกับ My Girlfriend is a Gumiho ที่เป็นผลงานของผู้เขียนบทเดียวกัน (คู่พี่น้องตระกูลฮง) แต่ Gumiho ก็เฉือนเอาชนะไปด้วยความเหนือกว่าตรงไอเดียสุดบรรเจิดเกี่ยวกับจิ้งจอกเก้าหางและความสุขความชื่นใจจากรอยยิ้มกระจ่างโลกของลีซึงกิและชินมินอา ทว่ามนต์รักข้าวต้มมัดก็เอาความสามัญธรรมดาตามประสาละครทีมชาติไทยของเรานี่แหละ ชิงตัดหน้าสองซีรีย์เกาหลี ปาดหน้าเค้กคว้าอันดับหนึ่งในใจไปครองได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

ฟิล์ม ( รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ) ปรากฏหน้าตาให้เห็นเป็นครั้งแรกในหนังเรื่อง "ว้าย บึ้ม เชียร์กระหึ่มโลก" และหันไปถามใครสักคนว่า นั่นใครน่ะ? เมื่อไหร่ที่ได้ตั้งคำถามแบบนี้ แสดงว่าได้ชอบนักแสดงคนนั้นเข้าให้แล้วและจะชอบอยู่อย่างนั้นยากจะเปลี่ยนแปลง โดยส่วนตัวคิดว่าฟิล์มเหมาะกับการเป็นแสดงมากกว่านักร้อง เรื่องอื่นอาจไม่เคยดูเพราะเนื้อเรื่องไม่เอื้ออำนวยต่อความใส่ใจ แต่เรื่องนี้ถือเป็นการรอคอยตั้งแต่ได้ข่าวว่าแสดงคู่กับแพท ด้วยเนื้อหาที่โดน และบทบาทที่ฟิล์มและแพททำได้ยิ่งกว่าตีบทแตก บางคนอาจคิดว่ามันเป็นบทที่ง่ายเพราะแสดงเป็นวัยรุ่นเด็กแนวที่อารมณ์สนุกนานใกล้เคียงอยู่แล้วกับตัวตนคนแสดงจริงๆ แต่กลับมองว่าบทของแพทและฟิล์มไม่ง่ายในยามที่ต้องค่อยๆ สะท้อนความรู้สึกจริงๆ ที่มันก่อตัวขึ้นภายในใจ ขณะที่การแสดงออกต่อกันยังคงพยายามที่จะรักษาสัมพันธภาพของคนเกลียดกันไว้สุดฤทธิ์

ฟิล์มและแพทได้รับคำชมมากมายจากผลงานเรื่องนี้จากการที่เล่นได้เป็นธรรมชาติสุดๆ โดยเฉพาะตัวแพทเองนั้นถึงกับได้รับคำวิจารณ์ว่าเรื่องนี้เธอไม่ต้องใช้การแสดง เพราะนั่นคือตัวตนของเธอเองล้วนๆ (555 ท่าทางจะจริง)

ความสมน้ำสมเนื้อในแบบศัตรูคู่อาฆาต




ตงฉิน (ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์) เป็นลูกชายคนเดียวของ อาโจว (พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง) เถ้าแก่โรงสีข้าวผู้ร่ำรวยและมีอันจะกิน แต่สมบัติพัสถานทั้งหมดนั้นก็ยังไม่ได้ตกเป็นของอาโจวซะทีเดียวหรอก เพราะเจ้าของทรัพย์สินทั้งหมดยังคงเป็นของอาม่ากิมท้อ (กอบสุข จารุจินดา) ที่ยังไม่ได้แจกจ่ายมรดกให้ลูกหลาน เพราะอาม่ายังแข็งแรงดีไม่ซี้ซั้วแหงแก๋ทอดทิ้งมรดกไปง่ายๆ ตงฉินจึงเป็น 'นายน้อย' ของโรงสีข้าวไทยเจริญกิจที่มีฐานะร่ำรวย



ช่อม่วง
(แพท ณปภา ตันตระกูล) เป็นลูกสาวคนเดียวของ รื่นรมย์ (จินตรา สุขพัฒน์) หากเทียบกันที่ฐานะความเป็นอยู่ก็มิได้น้อยหน้ากว่ากันเลย เพราะกิจการข้าวต้มมัดของ คุณยายแช่มชื่น (ดวงตา ตุงคะมณี) ซึ่งเป็นกิจการครอบครัวนั้นต้องถือว่าเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของกรุงเทพ 'ข้าวต้มมัดยายแช่ม' โด่งดังไปทั่วตลาดสี่มุมเมือง มียอดส่งขายตลาดเป็นอับดับหนึ่ง เคยออกรายการทีวีมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมาเนิ่นนาน

ช่อม่วงเป็นสาวสวย แก่น เฮี้ยว เปรี้ยว ซ่าส์ หัวรั้น ไม่ยอมคน ซึ่งจะว่าไปแล้วก็คงไม่ผิดไปจากผู้เป็นแม่และยายเมื่อตอนสาวๆ นัก เพราะถึงทั้งสองจะแก่ตัวลงแล้วก็ยังไม่สิ้นลายแม้แต่น้อย ทว่าจะแก่นแก้วแสนซนขนาดไหน ช่อม่วงก็เป็นแก้วตาดวงใจของแม่รื่นรมย์และเป็นหลานรักสุดสวาทขาดใจของยายแช่มชื่น

ทางฝ่ายตงฉินก็ไม่ต่างกัน นอกจากจะเป็นลูกชายคนเดียวของอาโจว ยังเป็นหลานชายหัวแก้วหัวแหวนที่อามากิมท้อผู้ทรงอิทธิพลสูงสุดของตระกูลทั้งรักทั้งหวง ในส่วนบุคลิกนิสัยนั้นเป็นอันว่าไม่ต้องบรรยายให้มากความ เพราะเหมือนกันกับช่อช่วงราวกับโขลกออกมาจากพิมพ์นิสัยเดียวกัน เพียงแต่ฝ่ายหนึ่งเกิดเป็นชายและอีกฝ่ายเกิดเป็นหญิง

คนย่านเดียวกัน เรียนชั้นเดียวกัน โรงเรียนเดียวกัน ลูกคนเดียวเหมือนกัน นิสัยเหมือนกัน จะเพราะอะไรๆๆ ที่เหมือนกันเกินไปแบบนี้ หรือด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ สองคนนี้ไม่กินเส้นไม่กินรอยกันมาตั้งแต่เด็กๆ ก่อเกิดเป็นศัตรูคู่อาฆาตที่ชะตาไม่เคยต้องกัน ไม่ถูกกันในระดับที่ว่าเจอกันเมื่อไหร่เป็นต้องมีเรื่องให้ทะเลาะเบาะแว้ง ทั้งเพื่อนทั้งครูต่างเป็นที่รู้กัน มีตงฉินกับช่อม่วงที่ไหน ความวอดวายบรรลัยอยู่ที่นั่น



งานคืนสู่เหย้าศิษย์เก่าโรงเรียนวัดหนองปลาบู่

"แกแน่ใจนะว่ามันไม่ไปแน่ๆ "
นั่นคือคำถามแบบขู่เข็ญของช่อม่วงเมื่อเพื่อนหญิงชวนไปงานเลี้ยงศิษย์เก่าคืนสู่เหย้าที่โรงเรียน
"เพราะถ้ามันไป ฉันไม่ไป!"
"ถ้าแกแน่ใจว่ามันไม่ไป ฉันก็ไป"

แต่ใครจะรู้ ตงฉินก็คงถูกเพื่อนคะยั้นคะยอให้มางานศิษย์เก่าโดยคิดว่าไม่มีช่อม่วงมาร่วมงานเช่นกัน

"ก็ถ้าฉันรู้ว่าเธอจะมางานนี้ด้วยนะฉันคงไม่มาหรอก ไม่อยากจะเห็นหน้ายัยตัวแสบอย่างเธอ"

และแล้วมันก็เริ่มจากความจำเป็นที่บังเอิญจับฉลากได้เป็นคู่กันในเกมชิงรางวัล เริ่มถกเถียง ทะเลาะกัน ตงฉินสะบัดหน้า ช่อม่วงสะบัดเท้าลุกหนี แต่ไม่ทันจะไปไหนไกลตงฉินก็มาตามช่อม่วงเพราะไม่งั้นเขาจะต้องถูกตัดสิทธิ์ออกจากงาน เพราะกิจกรรมในงานจะต้องมีคู่อยู่จนจบ แถมยังโดนจับฉลากหมายเลขให้ไปร้องเพลงคู่กันอีก แต่หัวเด็ดตีนขาดยังไงช่อม่วงก็ไม่ยอมขึ้นเวทีร่วมกับตงฉิน

ตงฉินได้ทีรีบขี่แพะไล่

"ป๊อดอะดิ๊ ...เดี่ยวเพื่อนๆ เค้าก็รู้หมดหรอกว่าใจปลาซิว แกล้งอะไรก็โดนเอาคืนตลอด ทำอะไรไม่ได้ก็เลยไม่กล้า.. ป๊อด"

ช่อม่วงจ้องหน้าตงฉินราวจะกินเลือดกินเนื้อเค้นเสียงรอดไรฟันออกมา

"แกว่า..ใครป๊อด"

ตงฉินยังคงเล่นหน้าเล่นตา " ถ้าไม่ป๊อดก็ขึ้นไปดิ๊"



ไอ้ตงมันกล้ามาท้า มีหรือช่อม่วงจะยอมให้ไอ้ตงมันสบประมาท ทั้งสองจึงก้าวขึ้นไปบนเวที พร้อมกับที่เพื่อนๆ ร่วมรุ่นเริ่มออกอาการอกสั่นขวัญแขวน ตงฉินกับช่อม่วงต้องร้องเพลงคู่กัน

ตง :บ้านของพี่ทำนา ทำนา ปลูกข้าวทุกเมื่อ
ช่อ :น้องก็ทำนาเกลือ ขายเกลือไว้ซื้อข้าวกิน
ตง : บ้านของพี่อยู่ที่กาฬสินธ์
ช่อ : ส่วนตัวยุพินอยู่สมุทรสาคร

สงครามเริ่มก่อหวอดจากน้ำเสียงและใบหน้าที่คอยสะบัดใส่กันจนแทบหน้าพลิกนี่เอง

ตง : พี่มาเจอะคนหง่อม! คนดำ! อยู่ที่ดาวคะนอง
ช่อ : นับว่าเป็น'กรรม!' ของน้อง มาพบ พี่ดันทักน้องก่อน
ตง : อยากเจอกับพี่คนสมุทรสาคร
ช่อ : ที่พี่เว้าวอนพูดมาไม่กล้าจริง!

สองคนจ้องตากันเป็นไฟ ราวกับจะให้อีกฝ่ายมอดไหม้ไปต่อหน้า

ตง : พี่ทำนาปลูกข้าว รักน้องสาวดำเมือก
ช่อ : น้องเป็นสาวนาเกลือ
ตง : หนุ่มนาข้าวอยากขว้างทิ้ง!

ณ ขณะนั้น ความโกรธของช่อม่วงใกล้ถึงขีดสุดแล้ว ส่วนเพื่อนๆ ในงานข้างล่างเวที เริ่มมองหน้าสบตากันเพราะสัมผัสได้ถึงกลิ่นไอแห่งมหันตภัย

ตง : ถ้าพี่ไม่ไปขอๆ พ่อจะว่ายังไง
ช่อ : ก็ช่างหัวแกปะไร! ถ้าไม่ไปขอฉันจริงๆ
ตง : (หนัง)หน้าอย่างนี้ รับรองต้องโดนทิ้ง
ช่อ : ถ้าแกแน่จริงก็เข้ามาลองดู!

และแล้ว ศึกนี้บนสังเวียนงานคืนสู้เหย้าก็ประทุตามความคาดหมาย และติดตามมาด้วยความวอดวายตามคาดคิด

ลีลาความยียวนกวนประสาท ความแสบซ่าส์ของตงฉินและช่อม่วงกับฉากลิ้นกับฟัน ปะ ฉะ ดะ ปะทะคารม ตามติดด้วยฉากตะลุมบอนที่โหด-มันส์-ฮา ทำให้ดูครั้งแรกก็โดนข้าวต้มมัดทำพิษเสพติดซะแล้ว



ทำไมจะต้องโกรธแค้นกันขนาดนั้น คำตอบมันเป็นประวัติศาสตร์อันยาวนานในชีวิตของตงฉินและช่อม่วง มันเริ่มมาตั้งแต่ตอนพวกเขาเป็นเด็กเล็กๆ การกลั่นแกล้งกันสารพัด ตงฉินที่แอบตัดหางเปียทั้งดุ้นของช่อม่วง และได้รับผลตอบแทนด้วยการยันโครมผ่าหมากที่จุดกึ่งกลางยุทธศาสตร์ ถ้าตงฉินแกล้งปล่อยลมจักรยานของ "ยัยช่อ" จักรยานของ"ไอ้ตง" ก็ต้องถูกช่อม่วงเอาคืนด้วยการถอดน๊อตล้อกระจุย ตีกันจนถูกคุณครูทำโทษให้ยืนขาเดียวกางแขนคู่กันหน้าเสาธง ยืนคาบไม้บรรทัดคู่กันหน้าห้องเรียน แล้วทั้งที่ถูกทำโทษอย่างนั้นก็ยังทะเลาะกันไม่ได้หยุดหย่อนให้เป็นที่ลือลั่นไปทั้งโรงเรียนและครูบาอาจาร์ก็สุดเอือมระอา

"ทะเลากันได้ทุกวันนะเธอสองคนเนี่ย"
"ต่อหน้าฉันพวกเธอยังทะเลาะกันได้อีก"


"ผมจะไม่ทะเลาะกันแล้วครับ" ตงฉินตะโกนตามคำสั่งของครู
"ฉันจะฆ่าแก ฉันจะฆ่าแกไอ้ตง!" ส่วนนี่คือคำตะโกนของช่อม่วงที่ยืนกางแขนอยู่ข้างๆ กัน



ใช่จะมีแต่ครูเท่านั้นที่รู้ความ เพราะทั้งตงฉินและช่อม่วงต่างเป็นลูกคนเดียวของพ่อและแม่ การพบปะคู่อริแล้วเจ็บเนื้อเจ็บตัวกลับมาบ้านจึงเป็นเรื่องรับรู้ผ่านหูตาของอาโจวและรื่นรมย์ แต่อาโจวก็อดตำหนิลูกชายไม่ได้

"โตเป็นวัวเป็นควายอยู่แล้ว ยังจะทะเลาะกับผู้หญิงอีก รู้ถึงไหน อายถึงนั่น"

"โธ่ เตี่ยน่ะ ไม่รู้อะไร ยัยนั่นมันใช่ผู้หญิงธรรมดาซะที่ไหน ต้องเรียกว่าเหนือมนุษย์ หรือพวกอมนุษย์
อะไรที่มนุษย์เค้าไม่ทำกันน่ะนะ ยัยนี่ทำหมดเลย"


แต่มันเป็นบุพเพอาละวาดประกอบดวงชะตาอับปางหรืออย่างไรที่ทำให้อามากิมท้อของตงฉินกับคุณยายแช่มชื่นของช่อม่วง เป็นเพื่อนรักสุดชีวิตจิตใจกับมาตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นสาวรุ่นและได้พบรู้จักกันในฐานะนางงามแลกเปลี่ยนสานสัมพันธ์ไทยจีน หนึ่งคือ 'นางงามข้าวต้มมัด' และอีกหนึ่งคือ 'นางงามซาลาเปา/ ถูกใจถูกคอจนกลายเป็นเพื่อนสนิทมิตรแท้ต่อกันตลอดมา สัมพันธภาพนี้แม้ล่วงเลยเข้าสู่วัยชราก็ยังยืนยงไม่เคยเปลี่ยนแม้ว่าอาม่ากิมท้อจะไม่ค่อยได้อยู่ที่เมืองไทยนักก็ตาม

การกลับมาของอาม่าพร้อมคำประกาศิต




เมื่ออาม่ากิมท้อกลับมาอยู่เมืองไทยอย่างถาวร สองคนกับยายแช่มที่ติดต่อกันอยู่แล้วโดยปกติ จึงคบคิดจะให้หลานชายและหลานสาวแต่งงานกันเพื่อคงมิตรภาพความเกี่ยวดองให้แน่นแฟ้นระหว่างสองครอบครัว

"หลานชายของอาม่ากิมท้อ หล่อมากกกกก"

ยายแช่มโฆษณากับหลานสาว ทางฝ่ายอาม่าก็ไม่น้อยไปกว่ากัน เมื่อบอกกล่าวกับหลานชาย

"หลางสาวของเพื่อนอาม่า ได้เข่าว่า น่าลักม้ากกก"



เป็นเค้ารางทะมึนแห่งหายนะที่ไม่มีใครสังเกตเห็น

เพราะตงฉินไม่รู้ว่าเพื่อนรักของอาม่าคือยายของ 'ยัยบะช่อ'
และช่อม่วงไม่รู้เพื่อนรักของคุณยายคืออาม่าของ 'ไอ้ตง'

เช่นเดียวกับที่ทั้งคู่ไม่รู้ 'หลานชายของอาม่า' และ 'หลานสาวของเพื่อนอาม่า' คือคู่อริตัวเป็นๆ ที่เห็นกันไม่ได้เป็นต้องวิ่งสู้ฟัดกัดกันวายป่วง

แค่รู้ว่ากำลังจะถูกจับคลุมถุงชน ทั้งตงฉินและช่อม่วงก็ไม่มีทางยอมแน่อยู่แล้ว ถ้าหากทั้งสองได้รู้ว่าคู่ดูตัวที่อาม่าและคุณยายจัดแจงมาพบกันไม่ใช่ใครที่ไหนอื่นแต่เป็น "ไอ้ตง!" และ "ยัยบะช่อ!" อะไรจะเกิดขึ้น?

ไม่ง่ายหรอกนะที่อาม่ากิมท้อและยายแช่มจะจับหลานชายหลานสาวมาในงานดูตัวได้ แค่ยังไม่ทันเห็นหน้ากันทั้งคู่ก็ปฏิบัติการ 'หนีการดูตัว' ซึ่งบุพเพอาละวาดยังคงเล่นสนุกอย่างตั้งใจเมื่อส่งความบังเอิญให้นำพาคู่อริทั้งสองคนมาเจอกัน ช่อม่วงกับตงฉินทะเลาะกันอีกจนกระทั่งภัตตาคารแห่งนั้น... เอ่อ ..เละตุ้มเป๊ะ!

พวกอาม่าและยายแช่มตามมาพบและห้ามปราม ตงฉินกับช่อม่วงจึงเพิ่งเอะใจในความสัมพันธ์ของยายแช่มกับอาม่าที่มาด้วยกัน ก้มลงมองชุดที่ตัวเองสวมใส่ สีแดงขาว matching กันสมเป็นเนื้อคู่ตุนาหงัน ความจริงเรื่องหลานสาวคุณยายและหลานชายอาม่าจึงปราดขึ้นสู่สมองและนั่นมันเป็นสิ่งที่ทั้งคู่รับไม่ได้ ตงฉินกับช่อม่วงถึงกับลมใส่ ช็อกตาตั้ง หงายหลังตึงด้วยกันทั้งคู่ (5555)





ไขว่คว้าหาทางออก


"ช่อไม่แต่ง! ยังไงๆ ช่อก็ไม่แต่ง ต่อให้คุณยายจะฆ่าช่อให้ตายอยู่ตรงนี้ ช่อก็ไม่แต่ง ช่อไม่มีแต่งงานกับไอ้ตงเด็ดขาด!"

"เรื่องอื่น ผมยอมอาม่าได้ทุกอย่าง แต่เรื่องนี้ผมยอมไม่ได้จริงๆ ยังไงผมก็จะไม่ยอมแต่งงานกับไอ้...... ยัยช่อม่วงเด็ดขาด!"

"ยายรู้ไหมจ๊ะ ไอ้ตงฉินมันเป็นศัตรูของช่อมาตั้งแต่เด็กจนโต ขนาดงานเลี้ยงรุ่นนะ มันยังกล้ามีเรื่องกับช่อจนงานเค้าล่มหมดเลย"

(ตัวเองไม่ได้มีส่วนด้วยเล้ย)

"ยัยช่อนั่น มันแกล้งผมมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้วนะอาม่า แถมวันก่อนไปเจอในงานเลี้ยงรุ่น ยังทำร้ายร่างกาย เอาเท้าถีบผม ผมทนไม่ได้ ความเป็นกุลสตรีก็ไม่มี แถมกิริยามารยาทก็ไม่เรียบร้อย เนื้อตัวมอมแมม ตัวเป็นดำเป็นด่าง รับไม่ได้ ! อาม่า สงสารผมเถอะครับ เอามาทำเมียเนี่ยนะ โอ๊ย! ใครจะเอายัยนั่นมาทำเมียนะอาม่า"

"ต่อให้ไม่มีกิน ผมก็ไม่ง้อ ยังไงผมก็ไม่ยอมแต่งงานกับยัยบ้านั่นเด็ดขาด"

ผลัดกันฟ้องอาม่าและยายของตัวกันเข้าไป ฟ้องได้อีกค่ะฟ้องได้อีก



หนีหัวใจไปสุดหล้า

ยัยช่อจะไปหาเพื่อนที่ฮ่องกง ไอ้ตงจะไปหาเพื่อนที่สิงคโปร์ แล้วก็ดันบังเอิญจะต้องมาเจอกันอีกที่แอร์พอร์ต ถึงจะเห็นอีกฝ่ายเป็นศัตรู แต่ก็อยากรู้ความเป็นไปขออีกฝ่าย

ตงฉินถาม "จะไปไหน" "ไปทำไม"
ช่อม่วงจ้องหน้า "แล้วแกล่ะ .. มาทำอะไร" "ไปทำอะไร"

จากนั้นก็ลุกลาม

"ยัยเน่า"
"ไอ้โกหก"
"แต่งงานกับเธอ เป็นตุ๊ดดีกว่า"
"แก..ไอ้หน้าตี๋ เห่ย! ห่วย! แต่งตัวต่ำๆ รับไม่ได้ ไปตายซะดีกว่าไป๊"
"อ้าว เฮ้ย! ยัยนี่ นี่ขนาดยังไมได้เป็นอะไรกัน เธอยังมาข่มเหงฉันขนาดนี้ บอกไว้ก่อนเลยนะยัยบะช่อ ผู้ชายอย่างฉันเนี่ย ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนมาข่มเหงมาก่อนเว้ย ยังงี้รับไม่ได้หรอก ไม่มีใครอยากแต่งงานกับเธอหรอก อย่างเธอน่ะเชิญอยู่เป็นหม้ายขันหมากไปเลย"

ไม่ชอบหน้าแต่ก็ไม่มีใครถอย แหงล่ะ ใครถอยก่อนก็แพ้ดิ

"แกน่ะ ไปเลยไป"
"เฮ้ย! เป็นบ้าเหรอ เมียก็ไม่ใช่ มาออกคำสั่งอะไรแบบนี้เนี่ยฮะ"
"ถ้าฉันเป็นเมียแก ก็แสดงว่าฉันออกคำสั่งแกได้น่ะสิ นั่นแน่ะ ทำมาเป็นขี้คง ขี้คุย ที่แท้ก็กลัวเมียนี่หว่า กลัวเมียๆๆ"

ยื่นหน้าเถียงกันเป็นเด็กๆ ด้วยเรื่องที่ไร้สาระมาก

"ยัยดำ! ใครกลัว? ฉันไม่กลัวหรอกเมีย แต่ว่าเต้องเทิดทูนเค้า เกรงใจเค้าหน่อย แต่ว่าคนๆ นั้นไม่ใช่เธอแน่นอน"
"ไอ้เผือก"
"ไอ้ดำ"
"ไอ้เวร ไอ้ตัวซวย"

แล้วก็ก็ถึงขั้นลงมือลงฟัน ช่อม่วงพอความโกรธเคืองถึงขั้นอัดอั้นตันใจก็กระโดดเข้ากัดตงฉินที่ปกติก็ไม่ใช่คนร้ายกาจคอยรังแกผู้หญิงอะไรแบบนั้นหรอกแต่กับยัยบะช่อมันเหลือทนจริงๆ ตงฉินจึงกัดตอบ

"โอ๊ย มากัดฉันทำไมเนี่ย" ตงฉินร้องลั่น
"แกก็ก็กัดฉันเหมือนกัน"ช่อม่วงยืนมือให้ดูรอยที่ตงฉินกัดบนหลังมือ


"ชิชะ! ให้มันน้อยๆ หน่อยยัยบ่ะช่อ ไม่เอาละ ไม่อยากเถียงกับเธอแล้วไปดีกว่า"

ช่อม่วงคว้าแขนรั้งตงฉินไว้แล้วสะบัดทิ้ง

"ก็บอกว่าไม่ให้ไปไงวะ คนที่จะไปคือฉันแล้วแกก็ต้องเป็นคนที่ถูกทิ้ง ไม่ใช่ฉันเป็นคนถูกทิ้ง ไอ้เผือก ไอ้ลิง!"

ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมเพราะแย่งกันจะเป็นคนที่ไปก่อนช่อม่วงกระชากกระเป๋าตงฉินโยนลงบันไดเลื่อน เพื่อที่จะได้หนีไปก่อน แล้วแสร้งทำหน้าทำเสียงสำนึกผิด "อุ๊ย ตง ช่อขอโทษ มันหลุดมืออออออ" ( ซีนนี้แพทแสดงได้สุดแสบ น่ารักมากๆ)

ตงฉิน ลังเล ระหว่างกระเป๋ากับช่อม่วงจะเลือกอะไร สุดท้ายก็เดินตามช่อม่วงไป ตงฉินดึงกระเป๋าเป้ช่อม่วงไว้ ไม่ยอมโดนทิ้งเหมือนกัน (โว้ย) ดึงเอาเป้ของช่อม่วงออกมาแล้ววิ่งหนี ช่อม่วงวิ่งตาม เกิดเหตุเป็นความชุลมุนวุ่นวายกลางแอร์พอร์ตเมื่อทั้งสองคนทะเลาะกันหนักเสียงดังลั่นแบบไม่มีใครยอมใคร ช่อม่วงโดดขึ้นคร่อมหลังตงฉินที่ไถลไปกองกับพื้นได้ก็ลงมือทุบตีไม่ยั้ง ช่อม่วงนั้นเป็นผู้หญิงตงฉินจะทำอะไรก็ไม่ถนัดอยู่แล้วนอกจากคอยยื้อยุดฉุดมือปกป้องตัวเอง (จะเห็นได้ว่าสถานะทางเพศ ทำให้ช่อม่วงกร่างได้เต็มที่ ขณะที่ตงฉินจะอยู่ในวิถีของการ 'ยอม' อยู่นิดๆ เสมอ) สุดท้ายคู่วิวาทจึงไปลงเอยที่โรงพัก

แต่ใช่ว่ามันจะจบ ....ยังไปทะเลาะกันอีกที่ห้องสอบสวน แข้งขาที่เตะถีบกันอยู่ใต้โต๊ะต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ เดือดร้อนถึงผู้ปกครองต้องมาประกันตัว

"ยอมรับล่ะสิว่าแกมันไม่ใช่สุภาพบุรุษ"
"เธอมันก็ไม่ใช่สุภาพสตรีเหมือนกัน ยัยปากเปราะ"
"ไอ้ปากเสีย"
"ยัยผีลูกกรอกเอ๊ย"
"คอยดูไอ้ตง แม่ฉันมาเมื่อไหร่ แกตายแน่"
แม่ของช่อม่วงคือรื่นรมย์ เตี่ยของตงฉินชื่ออาโจว เมื่ออาโจวกับรื่นรมณ์มาเจอกัน โอ้โห่.. คู่พ่อแม่นี้อาการหนักยิ่งกว่าคู่ลูกๆซะอีก



ความสมานฉันท์ของยายแช่มกับอาม่ากิมท้อพี่พยายามจะเกี่ยวดองกัน จริงๆ แล้วมีมาตั้งแต่ในอดีตเมื่ออาโจวและรื่นรมย์ยังเป็นหนุ่มสาว ทั้งสองถูกผู้ใหญ่คลุมถุงชนให้แต่งงานกัน และทั้งคู่ก็ตงลงปลงใจยินยอมตามความต้องการของผู้ใหญ่ แต่อาโจวดันไปทำแม่ของตงฉินท้องเสียก่อน เลยทำให้รื่นรมย์ต้องหม้ายขันหมาก อับอายขายหน้าไปทั่วทั้งบาง และมองหน้ากันไม่ติดตั้งแต่นั้นมา สำหรับรื่นรมย์มันไม่ใช่แค่ความโกรธเกลียด แต่เป็นแค้นฝังหุ่นที่มันปะทุเป็นไฟทุกครั้งเมื่อเห็นหน้าไอ้โจว

“โถ่ รื่นรมย์ หัดปล่อยวางซะบ้างเถอะ ไหนๆเรื่องมันก็ผ่านมาตั้งยี่สิบกว่าปีแล้วจะยึดติดอะไรมากมายกับอดีต”
” ไม่ปล่อยเว้ย คนที่เสียหายคือฉันจะให้ลืมง่ายๆได้ไง อุตส่าห์หลบหน้ามา20กว่าปี ดันซวยมาเจอกันที่นี่ คอยดูนะจะด่าให้หาทางกลับบ้านไม่ถูกเลย”
“เฮ้อ ก็เพราะปากอย่างนี้ ฉันถึงไม่หลวมตัวแต่งงานด้วย นี่สงสัยสามีเธอคงทนปากเธอไม่ไหวเลยหนีตายไปซะก่อน น่าสงสารจริงๆ”
“ถ้างั้นเมียแกคงน่าสงสารกว่า ได้ข่าวว่าตายก่อนสามีฉันอีกไม่ใช่เหรอ สงสัยจะทนนิสัยเจ้าชู้ของแกไม่ได้”
โจวอารมณ์ ชักขึ้นโมโหเหมือนกัน “ไม่จริง ฉันไม่เคยเจ้าชู้ออกนอกลู่นอกทาง ฉันรักเมียฉัน เรารักกัน ฉันอยู่กับเขาฉันมีความสุข ดีกว่าไปอยู่กับผู้หญิงอารมณ์ร้ายอย่างเธ้อ”
“รักกันมากนักเหรอ คิดว่าพูดแบบนี้แล้วฉันจะเสียใจหรือไง รู้ไว้ซะด้วยนะ ฉันก็รักผัวฉัน เขาดีกว่าแกไม่รู้เท่าไหร่ และที่สำคัญ ฉันเกลียดแก และไม่เคยเสียใจที่ไม่ได้แต่งงานกับแก”
“ไม่เสียใจแล้วโกรธทำไม”
“ฉันไม่ได้โกรธ ฉัน เกลียดเว้ย ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครทำให้ฉันเสียหน้านอกจากแก ยอมไม่ได้เว้ย”
” โดนซะบ้างก็ดี จะได้ไม่คิดว่าตัวเองเจ๋ง จริงๆโดนฉันทิ้งดีกว่าโดนคนอื่นทิ้งนะ อย่างน้อยฉันก็ไม่ปากโป้ง เธอควรจะขอบคุณฉันที่ทำให้เธอเข้าใจชีวิต ไม่ใช่มายืนเท้าเอวด่าแบบนี้”
“หนอย ไอ้โจว ไอ้แก่หลงตัวเอง”
“โถ่ ยัยรื่นรมย์ ยัยป้าหน้าเหี่ยว”

ช่อม่วงดุขนาดไหนแม่ของช่อม่วงยังดุยิ่งกว่า ถ้าเปรียบกันที่กองทัพหนุน ต้องถือว่าไอ้ตงเสียเปรียบช่อม่วงเยอะ เพราะอาโจวพ่อของตงฉินกลัวแม่ของช่อม่วงซะหัวหด แต่ในความกลัวก็ไม่ได้ลดทอนความยียวนกวนประสาทของอาโจวลงได้ และทุกครั้งรื่นรมย์ก็ฉุนขาดจนถึงกับต้องลงไม้ลงมือ เดือดร้อนถึงยายแช่มและอาม่าต้องมาประกันตัวทั้งคู่ลูกและคู่หลาน

ความลับที่ยายแช่มพยายามจะปิดบังรื่นรมย์จึงถึงคราวแตก และทำให้ลูกสาวโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

"ไม่รู้ล่ะ ยังไง ฉันก็ไม่ให้ลูกฉันแต่งงานกับลูกของไอ้โจวเด็ดขาด! "

นั่นคือเหตุผลที่ยายแช่มต้องปิดบังเรื่องหลานชายของอาม่าไม่ให้รื่นรมย์รู้

"ไอ้ตงมันคิดจะหนีงานแต่งงาน มันคิดจะทิ้งช่อ มันเป็นผู้ชายห่วยๆ ไม่มีความรับผิดชอบ" (ด่าไม่ได้ดูตัวเองเล้ย)



ลูกแสบขนาดไหน แม้ร้ายยิ่งกว่า แล้วถ้าเป็นยาย? อย่าให้เซด ยายแช่มน่ะนะปลาไหลเรียกทวด เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวประกอบกับฝีมือการแสดงตบตาและแต่งเรื่องราวปั้นน้ำเป็นตัว-โกหกเป็นไฟ ยายแช่มเก่งเป็นเลิศ ต่อให้รื่นรมย์กับช่อม่วงรวมพลังกันต่อต้าน ยายแช่มก็ไม่หวั่น ยิ่งถ้ามีอาม่ากิมท้อเป็นคู่หูคู่คิดเรียกได้ว่าคู่สองแม่ลูกไม่ครณามือยายแช่มกับอาม่าหรอกน่า

ดูจากสถานการณ์แล้ว งานนี้ไอ้ตงต้องขอสงบศึกชั่วคราว

ตงฉินแอบปีนขึ้นบ้านช่อม่วงตอนดึก ไม่ได้มาเพื่อ'เข้าหา' แต่มาเพื่อเจรจาหาความร่วมมือเพื่อพากันหลุดพ้นไปจากการคลุมถุงชนนี้ แต่พูดกันไปพูดกันมาก็กลับกลายเป็นว่าทะเลาะกันเหมือนเช่นเดิม

"พูดแบบนี้เธออยากแต่งงานกับฉันใช่ไหมล่ะ"
"ไอ้บ้าตง ฉันอยากจะรู้นักแกเอาสมองส่วนไหนคิด ฉันน่ะเหรออยากจะแต่งงานกับแก ไม่มีทางหรอกโว้ย"

"ทำไมเธอถึงไม่อยากแต่งงานกับฉัน"
เพราะฉันไม่ได้รักแก"
"แล้วทำไมเธอถึงไม่รักฉัน"
เป็นคำถามชวนอึ้งเล็กน้อย เพราะไม่เคยคิดมาก่อน เออ นั่นสิทำไมไม่รัก แต่มันก็นึกคำตอบได้ไม่ยาก
"เพราะฉันมีคนที่ฉันรักแล้วน่ะสิ ฉันน่ะมีแฟนแล้วโว้ย!" ช่อม่วงประกาศโพล่ง แถมย้ำตอกย้ำด้วยความมั่นใจสุดๆ "เค้าทั้งหล่อ ทั้งรวย ทั้งแสนดี ดีกว่าแกเป็นร้อยเท่าล้านเท่า"

ตงฉินอึ้ง เป็นไปไม่ได้ เขาไม่เชื่อเด็ดขาด คนอย่างยัยช่อใครที่ไหนจะเอามัน เรื่องนี้โกหกชัวร์ เขาท้าให้ช่อม่วงพาแฟนมาแนะนำตัว คิดว่าช่อม่วงจะจนมุมที่ไหนได้ กลับยอมรับปากง่ายๆ

อยากเป็นคนของเธอ

แฟนที่ช่อม่วงกล่าวอ้างไม่ใช่ใครที่ไหนไกล เพราะละครเรื่องนี้ยังมีตัวประกอบสำคัญๆ ที่ทำให้เรื่องราวสนุกสนานชวนติดตามยิ่งขึ้น



พี่ลายไทของช่อ .. ลายไท (อ๋อม อรรคพันธ์ นะมาตร์) เป็นเจ้าของไร่กล้วยแค่รั้วกางกั้น ถ้าไม่ถือเอาพื้นที่ไร่กล้วยกว้างใหญ่ของลายไทเป็นระยะห่างก็ต้องถือว่าเป็นคนบ้านติดกัน บ้านของลายไทส่งกล้วยและใบตองให้ที่บ้านช่อม่วงมาเนิ่นนานหลายสิบปีแม้พ่อแม่ของลายไทจะเสียชีวิตไปแล้วเขาก็ยังรับช่วงต่อ ลายไทจึงเป็นพี่คนสนิทที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก โตขึ้นก็ช่อม่วงก็แอบรักพี่ลายไทสุดหล่อแบบหัวทิ่มหัวตำ ให้แก่นเซี๊ยวขนาดไหนเจอพี่ลายไททีไรช่อม่วงเป็นต้องตกม้าตายสิ้นลายสนิทเพราะแพ้ทางผู้ชายอบอุ่นแบบไทยแท้ของลายไทที่หล่อทั้งภายในจิตใจและหล่อภายนอกที่หน้าตา แต่สำหรับลายไทแล้วไม่เคยเห็นช่อม่วงเป็นอื่นน้องจาก "น้องช่อ" ที่มีความหมายความสำคัญเหมือนกับเป็นน้องสาวของเขาเอง ลายไทจึงไม่เคยเข้าใจท่าทีและความเพียรพยายามของช่อม่วงที่พยายามสนิทชิดใกล้ และปล่อยให้ความรักของช่อม่วงเป็นรักที่คอยเก้อตลอดมา


คุณฟองดาวของตง.. ฟองดาว (ชิดจันทร์ รุจิพรรณ) หลานสาวของ หม่อมแจ่มใส(มณีนุช เสมรสุต) ผู้ดีเก่าสุดเคี่ยวและเป็นที่สุดๆๆของความเค็ม จน จมหนี้ แต่ยังหยิ่งยโสในศักดิ์ศรีตระกูลเก่าที่เป็นนักดนตรีไทยเคยถวายงานรับใช้อยู่ในวัง และปัจจุบันเปิดบ้านทำเป็นโรงเรียนสอนรำไทย และดนตรีไทย โดยมีฟองดาวเป็นคนดูแล ฟองดาวเป็นสาวสวยแบบไทยๆ คงคุณสมบัติเบญจกัลยาณี จิตใจงามพร้อม เรียบร้อยเป็นผู้ดีและมีความเป็นกุลสตรีอย่างครบถ้วน ตงฉินบังเอิญมาส่งข้าวสารให้บ้านของหม่อมแจ่มใสและได้พบหน้าฟองดาว ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ละเม้อเพ้อพกและยกให้เธอเป็นนางฟ้าในดวงใจ จนต้องคอยหาเรื่องมาส่งข้าวสารแทนคนงานอยู่เสมอพร้อมกับสนองความเค็มของคุณหญิงแจ่มใส ด้วยการลด-แลก-แจก-แถม-จนถึงขั้นให้ฟรีๆ ตงฉินยังแอบโขมยรูปของฟองดาวไปจากบ้านคุณหญิงแจ่มใสนำไปตั้งไว้บนหัวนอน และยังเคยแอบถ่ายภาพเก็บรูปของเธอไว้หลายรูปซ่อนไว้ในกล่องใต้เตียง แต่ก็นั่นแหละอาการมือไม้อ่อนแทบยืนไม่อยู่ทุกครั้งที่ตงฉินพบฟองดาว ในสายตาของเธอนั่นเป็นแค่อาการของคนตลกๆ ที่ชวนขำแต่ฟองดาวไม่เคยเห็นลึกเข้าไปว่านายตงคนส่งข้าวสารรู้สึกอย่างไรกับเธอ

สรุปคือ ทั้งตงฉินและช่อม่วงต่างมีเทพบุตรในฝันและนางฟ้าในดวงใจ และด้วยนิสัยไม่ยอมแพ้กันทั้งคู่ ปฏิบัติการชิ่งหนีการแต่งงานมีหรือจะถูกเลิกราไปง่ายๆ



เมื่อไอ้ตงถูกลูบคม - (ยัยบะช่อบังอาจเอาแฟนมาเย้ยถึงถิ่น)

จากที่นั่งยัน นอนยัน ตะแคงยันก็ทำ พยายามจะหนีไปก็แล้วยังเปลี่ยนใจยายและอาม่าไม่ได้ ด้วยความที่เป็นลูกหลานจะพุ่งตะบันเข้าชน คัดค้านให้มากกว่าหัวชนฝาก็ทำไม่ถนัดนัก ยายแช่มมีไม้เด็ดที่การบีบน้ำตา อ้างคำสัญญา อาการป่วยและบุญคุณต้องทดแทน
"หากไม่มีกิมท้อวันนั้น คงไม่ไม่มีฉันวันนี้"
ส่วนไม้ตายของอาม่าก็ไม่ต่างกัน คำสัญญา ความรับผิดชอบที่อาโจวเคยทำพลาดไป บุญคุณต้องทดแทนไม่ต่างกัน "หากไม่มีอาคุงเพ่แช่มวังน้าน ก็คงไม่มีอาม่าในวันนี้" แถมอาม่ายังมียิ่งกว่าไม้ตาย แต่เป็นไม้เพชรฆาตนั่นคือ สมบัติพัสถาน "เมื่อลูกหลานมันไม่เชื่อฟัง อั๊วก็จะยกสมบัติทั้งหมดให้อาคุงพี่แช่มไปให้หมดเลย"


ช่อม่วงพยายามคิดหาแผนการณ์แยบยลเพื่อจะเอาตัวรอดไปจากการคลุมถุงชนครั้งนี้ให้ได้ งานนี้ต้องทุ่มเทสุดใจมีเรี่ยวแรงมีสมอง มีกลเม็ดเด็ดพรายอะไรต้องงัดมันออกมาใช้ให้หมด หากต้องแต่งงานกับไอ้ตงล่ะก็ ช่อม่วงขอยอมตายถวายหัวซะยังดีกว่า

ยอมเปิดอกกับลายไทตรงๆ "พี่ลายไทจ๋า" มีหรือจะทู่ซี้นิ่งดูดายหาก "น้องช่อ" มีเรื่องเดือดร้อนไม่สบายใจ ช่อม่วงเป็นหลานยายแช่มเรื่องทักษะการแสดง เสแสร้ง และบีบน้ำตาขอบอกเลยว่าเชื้อไม่ทิ้งแถว ใส่ไฟว่าที่สามี(ตงฉิน) ไม่ยั้งว่าเป็นคนเลวสารพัดหาที่ดีไม่ได้ จนลายไทจึงรู้สึกสงสาร ด้วยความรัก(น้อง) ถึงไม่เต็มใจก็ปฏิเสธไม่ลง เมื่อช่อม่วงขอความช่วยเหลือให้ลายไทเป็นแฟนกำมะลอตบตาคุณยาย หากเธอมีคนที่รักที่ชอบมีหรือยายแช่มจะกล้าบังคับฝืนใจ ยายแช่มรักช่อม่วงขนาดไหนใครๆก็รู้ แต่เพราะยายแช่มเห็นไส้เห็นพุงหลานสาวลิงทโมนสุดที่รักจึงมั่นใจเกินร้อย ยัยช่อมันไม่เคยมีใคร (อีกความหมายหนึ่งคือ ไม่มีใครเอามัน) อย่างแน่นอน ต่อให้ยายแช่มเหวอรับประทานแค่ไหนเมื่อช่อม่วงพาแฟนมาแนะนำ และแฟนคนนั้นก็คือลายไท คนที่ยายแช่มเห็นมาตั้งแต่เล็กๆ และก็รักเอ็นดูอยู่ไม่น้อยไม่ต่างกับหลานชายแท้ๆ คนหนึ่ง แล้วจะไม่ให้ห่วงได้อย่างไรว่าอะไรไปเข้าสิงคนดีๆ อย่างลายไทให้มาปักใจรักยัยช่อ ยายแช่มเห็นแล้วให้นึกเสียดายจับจิตจับใจหากลายไทจะได้หลานสาวของตัวไปเป็นเมีย (อ้าว ยาย)

ช่อม่วงพาลายไทไปแนะนำตัวที่บ้านของตงฉิน เพื่อบอกกล่าวกับอาม่าและถือโอกาสสนองคำท้าเยาะเย้ยใส่หน้าตงฉินไปด้วย



หัวเด็ดตีนขาดตงฉินก็ไม่มีวันเชื่อว่าลายไทกับช่อม่วงเป็นแฟนกันจริงๆ อาม่ากิมท้อใจเสียไม่น้อยเมื่อว่าที่หลานสะใภ้พาใครก็ไม่รู้ ที่ทั้งหล่อ ทั้งสุภาพ ทั้งดูดี มาแนะนำว่าเป็นแฟน จึงสัมภาษณ์ลายไทยิบ เป็นใคร มาจากไหน รู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่ และรักกันได้ยังไง ถึงลายไทจะไม่ถนัดทางการแสดงแต่ก็ได้พยายามอย่างเต็มที่ที่จะร่วมหัวจมท้ายกับช่อม่วงในปฏิบัติการคู่รักแหกตานี้ แต่เมื่อตงฉินถามหา "ถามจริงๆนะครับ ผู้หญิงปากอย่างนี้ คุณชอบไปได้ไง” ลายไทก็ตอบด้วยความจริงใจ ” น้องช่อเป็นคนน่ารัก สดใส จริงใจ ไม่มีความเสแสร้ง ที่สำคัญเขาเป็นคนที่ทำให้ผม หัวเราะได้ตลอด เขาทำให้ผมมีความสุขทุกครั้งที่อยู่ใกล้”เ อาเถอะถึงยังไงตงฉินก็ไม่ปักใจเชื่อเด็ดขาดว่าคนอย่างยัยบะช่อจะหาผู้ชายมาเป็นแฟนได้

“รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ถึงว่า หน้าตาหม่นหมองชอบกล ผมว่าคุณคงจะโดนยัยช่อม่วงเล่นของ หรือไม่ก็แอบใส่ยากล่อมประสาทแน่ๆ หรือไม่ก็ท่าทางสายตาจะมีปัญหา”

.....

"โกหก ฉันไม่เชื่อ ยังไงฉันก็ไม่มีทางเชื่อว่าผู้หญิงอย่างเธอจะมีแฟน เธอจงใจจะทำให้ฉันเสียหน้าใช่มั้ย คิดว่าฉันจะหลงกลผู้หญิงรอบจัด หน้าซื่อใจคด ไว้ใจไม่ได้อย่างเธอเหรอยัยช่อม่วง”

.....

"เธอเห็นว่าพ่อฉันทิ้งแม่เธอก่อนเลยจะใช้แผนเดียวกันล่ะสิ อย่าฝันเลย ฉันไม่มีทางยอมให้เธอยกเลิกงานแต่งงานด้วยเหตุผลนี้แน่นอน”

.....

มันจะด้วยเหตุผลตื้นๆ หรืออะไรลึกๆ ภายในใจที่ทำให้พูดออกไปโดยไม่ทันรู้สึกตัวก็แล้วแต่ ตงฉินก็พูดออกมาแล้ว และทำให้อาม่าตาลุกวาวด้วยความตื่นเต้น ดีใจสุดๆ

“อาตง พูดแบบนี้แสดงว่า ลื้ออยากแต่งงานกับหนูช่อแล้วใช่มั้ย”

มองหน้าศัตรูคู่อาฆาตแล้วประกาศลั่นวาจาอย่างมั่นใจ

“ใช่ ผมชักอยากแต่งงานขึ้นมาตะหงิดๆและผมจะไม่ยกเลิกงานแต่งงานเด็ดขาด อย่าคิดว่าเธอจะเป็นฝ่ายทิ้งฉันไปได้นะยัยช่อ ไม่มีทาง”

ใครๆ ก็ไม่อยากจะเชื่อ ผู้ชายสุขุมนุ่มนวลอย่างลายไทจะมาถูกใจอะไรกับลิงทโมนอย่างช่อม่วง ร้อยไม่เชื่อ พันไม่เชื่อ ล้านไม่เชื่อ รื่นรมย์ผู้เป็นแม่รู้อยู่แก่ใจว่าคนอย่างลายไทคงไม่ตาบอดมารักยัยช่อ ทว่าเห็นแก่ความสุขของลูกสาวที่ไม่ใช่แค่หวังยกเลิกการคลุมถุงชลูกสาวตัวเอง แต่ช่อม่วงหวังจริงๆ หากได้ใกล้ชิดลายไทมากขึ้นในฐานะแฟนกำมะลอ สักวันหนึ่ง"พี่ลายไทของช่อ"อาจจะหันมามองและรักเธอเข้าจริงๆ จนกระทั่งกลายเป็นสามีจริงๆ ในอนาคต ถือเป็นการยิงหนักสติ๊กลูกเดียวได้นกสองตัว ช่อม่วงฝันหวานไว้เช่นนั้น



เอ่ยถึงลูกน้องลูกไล่ของแต่ละบ้านผู้มีส่วนร่วมอยู่เสมอกับปฏิบัติการมนต์รักข้าวต้มมัด

บ้านตงฉิน มี "ไอ้จั๊บ" ( เหลือเฟือ ) ที่คอยรองมือรองเท้าเถ้าแก่อาโจว คอยรับใช้เป็น พขร.ให้อาม่า และเป็นหนังหน้าเสื่อรับทำหน้าที่ทุกอย่างที่ตงฉินออกคำสั่งบังคับให้ทำ

บ้านช่อม่วงมี "พี่แป้น" สาวใช้ผู้รักเจ้านายทุกคน เรียกใช้ได้ทุกคนไม่ว่าจะเป็นคุณรื่น คุณช่อ แต่ใจจริงแท้แป้นซื่อสัตย์และภักดีต่อผู้อาวุโสสูงผู้มีอำนาจสูงสุดภายในบ้านนั่นก็คือคุณนายแช่ม

บ้านลายไทมี "พี่มวล" ผู้ทำหน้าที่หัวหน้าคนงานคอยดูแลสวนกล้วยให้ลายไท เป็นลูกน้องคนสนิทที่อยู่กันมาตั้งแต่ลายไทลืมตาเกิด

ตงฉินคับแค้นใจไม่หายที่ช่อม่วงเอาแฟนมาเย้ยถึงบ้าน ทั้งยังไม่อยากเชื่อว่ายัยสุดแสบช่อม่วงจะมีแฟน เป็นไปไม่ได้แน่นอน จึงส่งจั๊บไปทำทีซื้อกล้วยที่สวนของลายไทเพื่อสืบข่าว

คุณยายแช่มก็ไม่อยากจะเชื่อถึงจะรักลายไทแค่ไหนก็มีใจให้ "หลานตง" ของเพื่อนรักกิมท้อมากกว่า อาศัยนังแป้นเป็นแฟนกับเจ้ามวลูกน้องของลายไท จึงส่งแป้นไปสืบ ปฏิบัติการหักเหลี่ยมเฉือนคมระหว่างยายแช่มผู้เป็นยาย กับรื่นรมย์และช่อม่วงที่สมัครใจอยู่ฝ่ายเดียวกันจึงเกิดขึ้น โดยที่แป้นเองต้องหาทางเอาตัวรอดจากนายหญิงทั้งสาม

จั๊บรู้มาจากมวลว่าคุณลายไทยังไม่มีแฟน ตงฉินหัวเราะร่าอย่างมีความสุข 'อะไรจะสุขขนาดนี้ไม่มีเท่า' นี่ไม่ใช่แค่ความโล่งใจที่ยัยช่อไม่มีแฟนที่จะถือเป็นชัยชนะเหนือหนุ่มโสดที่..ก็..ไม่มีใครเอา(เช่นกัน) อย่างตงฉินได้เท่านั้น แต่เป็นความสะใจเหลือล้น ยัยบะช่อนะยัยบะช่อ กล้ามาเล่นละครตบตากันถึงบ้าน แบบนี้ต้องเอาคืนกับยัยตัวแสบโดยการจับโกหกให้มั่น คั้นให้ตายและเอามาประจานให้อับอายขายหน้ากันไปเลย ตงฉินจึงติดหนวดใส่วิกปลอมตัวไปสมัครเป็นคนงานในไร่ของลายไท ( ลงทุนขนาดนั้น)

ยายแช่มกับอาม่ารอฟังข่าวจากแป้นไม่ไหว จึงต้องไปเยี่ยมเยียนลายไทที่บ้านเพื่อนสืบข่าวด้วยตนเอง และพบช่อม่วงขลุกอยู่ที่นั่นด้วย อาม่าอ้างอยากชมสวนจึงถือโอกาสแยกตัวช่อม่วงออกไป เปิดโอกาสให้ยายแช่มคาดคั้นเอากับลายไทด้วยความหวังว่าลายไทจะยอมสารภาพ ลายไทก็เกือบๆ แล้วล่ะ แต่ยังเห็นแก่น้องช่อผู้น่าสงสาร จึงยังยืนยันกระต่ายขาเดียวว่าเขาเป็นแฟนรักกันกับช่อม่วง ทางฝ่ายอาม่าก็ถือโอกาสสอบสวนความในใจของช่อม่วงที่มีต่อลายไท ได้ยินคำชื่นชมที่ทะลักล้นออกมาจากใจของช่อม่วงแล้วอาม่าก็นึกท้อ แต่ยังไม่วายจะหาคะแนนให้หลานชายให้ได้

"อาตงของอาม่าอีก็จบวิศวะนะ จบมาก็มาช่วยงานที่โรงสี มีลูกน้องหลายสิบคน เอาการเอางานไม่เที่ยวไม่เก ไม่ออกนอกลู่นอกทาง อีเป็นคนดีจริงๆ ดีจนอาม่าอยากจะถามอาหนูช่อเหมือนกัน ทำไมถึงรังเกียจอาตงนัก" อาม่าประเมินต่ำไปแล้ว เพราะระหว่างตงฉินกับช่อม่วงมันไม่ใช่แค่ความรังเกียจ แต่มันคือความชิงชัง

"ถ้าหากโลกนี้มีผู้ชายเหลืออยู่คนเดียวคือหลานชายอาม่า ช่อ ก็จะยอมเอาหัวปักเลน แล้วกลั้นใจตายอย่างอนาถ"



ตงฉินในคราบคนงานของลายไทชื่อ "นายชิน" เดินท่องสวนผ่านมาได้ยินเข้าพอดี ได้ยินแบบนั้นมันก็เจ็บเหมือนกัน แต่จะเจ็บใจหรือเจ็บหัวใจแยกไม่ออก ก็เหมือนกันนั่นแหละวะยัยช่อ เพราะหากถามตงฉินในคำถามอย่างเดียวกัน ตงฉินก็มีคำตอบดังลั่น

"ถ้าหากโลกนี้เหลือยัยนั่นแค่คนเดียว ผมจะเอาหัวมุดถังข้าวสารให้มันหายใจไม่ออกตายไปเลยนะอาม่า"

แค่จะจับให้ได้ว่าช่อม่วงโกหก ตงฉินของเราทิ้งงานทิ้งการที่โรงสีไปคลุกคลีอยู่ที่ไร่ของลายไท ได้พบกับช่อม่วงในคราบของนายชินที่บ้านลายไทหลายครั้งจนเกือบความแตกแต่ก็เอาตัวรอดไปได้ โดยที่ช่อม่วงเองสงสัยในความลับๆล่อๆของนายชินอยู่ตะหงิดๆ วันหนึ่งจึงแกล้งไปหาตงฉินที่บ้านเพื่อจะเลียบเคียงให้รู้ทางของศัตรู แต่ตงฉินไม่อยู่ แถมยังเสียรู้ถูกอาม่าผลักยัดเข้าไปในห้องนอนของตงฉินและขังไว้ในห้องนั้น

อาโจวโทรตามลูกชายกลับบ้าน " ตง ! กลับบ้านมาเดี๋ยวนี้ หนูช่ออยู่ที่บ้านเรา อาม่าขังหนูช่อไว้ในห้องแกน่ะ" ตงฉินหวั่นใจว่าความลับจะแตกจึงหาทางมอมเหล้าลายไท แล้วก็เสร็จสมอารมณ์หมายเค้นเอาความจริงมาได้อย่างทุลักทุเล อัดเสียงลายไทเมาแอ๋ไว้เรียบร้อย
“น้องช่อกับฉัน เราไม่ได้เป็นแฟนกันร๊อกกกก ฉันช่วยเล่นละครเป็นแฟนน้องช่อ ตบตาคนอื่นเฉยๆ แต่นายอย่าบอกใครนะ เดี๋ยวน้องช่อจะเดือดร้อน” ฮ่าฮ่าฮ่า ตงฉินหัวเราะด้วยความสะใจ 'เสร็จฉันล่ะยัยช่อ'

แต่ไม่ทันแล้วล่ะตงฉิน เพราะยัยช่อที่ถูกขังไว้ในห้องเห็นรูปหมู่ที่ถ่ายร่วมกับเพื่อนในห้องเรียนสมัยมัธยมที่ตัวเธอในรูปนั้นมีเขางอกประดับหัวพร้อมข้อความเขียนกำกับไว้ "นางมาร" เห็นแล้วโมโหขาด ช่อม่วงจึงหยิบปากกาเมจิกมาละเลงหน้าตงฉินซะทุกรูปในห้อง แกล้งรื้อค้นจนไปพบหนวดพบวิก เท่านั้นยังไม่พอ ยังพบ "กล่องดวงใจ" ใต้เตียงนอนที่บรรจุรูปสาวสวยหยาดเยิ้มคนหนึ่งเอาไว้ไว้ตรึม

มันเรื่องอะไรนักหนาที่ช่อม่วงต้องไปสนใจเรื่องส่วนตัวของตงฉิน อาจมีข้ออ้างว่าต้องรู้เขารู้เราถึงจะรบร้อยครั้งแล้วชนะร้อยครั้ง (แต่มันแค่นั้นจริงๆ เหรอ) ช่อม่วงคาดคั้นเอากับจั๊บพอรู้ว่าสาวงามในรูปคือคุณฟองดาวหลานสาวผู้ดีเก่าชื่อหม่อมแจ่มใส ช่อม่วงก็ทุ่มสุดตัวพุ่งไหล่ใส่ประตูเพื่อประกาศอิสรภาพจากการถูกขังแล้วแจ้นตรงไปยังบ้านคุณหม่อมแจ่มใสทันที แกล้งไปพบฟองดาวเพื่อสอบถามรายละเอียดการสมัครเรียนดนตรีไทย ถามไปถามมาด้วยความเจ้าเล่ห์ร้อยเล่มเกวียน สาวใสซื่ออย่างฟองดาวมีหรือจะรู้ทันช่อม่วง ถามไม่กี่คำช่อม่วงก็ปะติดปะต่อเรื่องราวได้ หึหึ หึหึ

"ไอ้ตงเอ๊ย ไอ้งี่เง่า นึกว่าแน่ ที่แท้ก็แอบรักเขาข้างเดียวนี่หว่า เสร็จฉันล่ะ"


ต่างคนต่างดีใจ คิดว่าตนถือไพ่เหนือกว่า ต่างคนต่างตรงใจนัดกันมาเจรจา (ไม่ถูกกัน แต่ต่างคนต่างมีเบอร์โทรของกันและกัน?) พบกันที่กึ่งกลางสะพานไม้ข้ามคลองเล็กๆ กลางสวนสาธารณะ ตงฉินเปิดฉากด้วยการเปิดเสียงลายไทที่อัดไว้ ช่อม่วงตกใจออกอาการเลิ่กลั่กที่ถูกจับได้จะมั่วดำน้ำยืนกรานว่าไม่จริงก็ไม่ได้เพราะตงฉินเปิดหลักฐานเป็นเสียงพยานปากเอกชื่อพี่ลายไทซะเต็มหู
"นี่ นี่นายไปเอาเสียงพี่ลายไทมาได้ยังไงน่ะฮะ"
“มันเป็นวิธีที่เธอคิดไม่ถึง”
ตงฉินอวดด้วยความภูมิใจในวิธีของตัวเองล้วงเอาวิกออกมาสวมงัดเอาหนวดออกมาติด
“วิธีที่เกิดจากมันสมองอันชาญฉลาดของฉัน”

ช่อม่วงหันมองตงฉินด้วยสีหน้าระอาใจ ในความกระหยิ่มยิ้มย่องของคนตรงหน้าที่กำลังติดหนวดใส่วิกอย่างเริงร่า
“วิธีแยบยลที่คนธรรมดาคิดไม่ถึง ว่าที่แท้จริงแล้วฉันก็คือ” ตงฉินหันมาพร้อมกับหนวดและวิก “ไอ้ชิน”ช่อม่วงแบะปากแสดงสีหน้ารำคาญใจ มองตงฉินแล้วพูดอย่างเย็นชา “ปัญญาอ่อน”แป่ว!!! ตงฉินอารมณ์ค้าง กะจะหัวเราะอย่างสะใจ แต่ยัยช่อไม่เห็นจะตื่นเต้นหรือแปลกใจอะไรเลย

” นี่นายคิดว่าฉันไม่รู้เหรอห๊ะ” ช่อม่วงควักหนวดกับวิกที่ได้มาจากห้องนอนตงฉินปาใหน้า ควักแว่นตากับหนวดที่เจอในห้องนอนตงฉินออกมาจากกระเป๋าขว้างใส่ตงฉิน “เออ! ฉันรู้แล้ว ที่จริงฉันก็สงสัยตั้งนานแล้ว แต่ไม่คิดว่าผู้ชายฐานะดีมีการศึกษาอย่างนายจะใช้วิธีปลอมตัวเหมือนในละคร น้ำเน่า ดูดิ ใส่แว่นตา ติดหนวด เฮ้อ ถ้าไม่ปัญญานิ่ม คิดไม่ได้นะเนี่ย”

ตงฉินทั้งเหวอ ทั้งเจื่อนแต่ไม่ยอมลง “เออ! จะปัญญานิ่มหรือปัญญาอ่อนก็มีหาหลักฐานมาจับ โกหกเธอได้ก็แล้วกัน โธ่! แล้วไอ้แผนแฟนกำมะลอของเธอ คิดว่าฮอลลีวูดนักหรือไง มันก็น้ำเน่าเหมือนกันแหละวะ”
“เออ! ฉันให้พี่ลายไทมาหลอกเป็นแฟนฉันแล้วจะทำไม ดีกว่านายแล้วกัน โถ โถ โถ โถ ...โถถถถ แอบชอบผู้หญิงทั้งที แต่ก็ไม่ก็ไม่มีน้ำหน้าจะไปจีบเค้า”
ตงฉินสะอึกหยุดกึก สีหน้าเปลี่ยนทันที “เธอ พูดอะไรของเธอ”ช่อม่วงยิ้มเหนือชัยชนะที่มี “หึหึ หึหึ ฉันก็พูดถึง คุณฟองดาว สกาวเดือน น่ะสิ”

ให้มันได้อย่างนี้สิถึงจะสมน้ำสมเนื้อ ตงฉินเคืองที่ช่อม่วงมารู้ความลับ ขู่จะเอาเรื่องช่อม่วงปั้นน้ำเป็นตัวเรื่องลายไทไปฟ้องคุณยายแช่ม
"ริอ่านโกหกยายแช่มเลยนะยัยบะช่อ เธอตายแน่"
ช่อม่วงแพ้ทางแต่ไม่มีทางยอมเป็นลูกไล่ให้ตงฉินข่มได้แน่
"ก็เอาซี้ ฉันก็จะเอาเรื่องของแกไปฟ้องคุณฟองดาว ว่าแกน่ะ แอบชอบเค้า แถมยังเป็นไอ้โรคจิตแอบถ่ายรูปเค้าไว้ตั้งเยอะตั้งแยะ ทีนี้แหละคุณฟองดาวจะต้องเกลียดแก แน่นอน โฮะ โฮะ โฮะ" ช่อม่วงสะใจอะไรอย่างนี้ที่เห็นตงฉินหน้าซีดไปกับคำขู่ ให้มันรู้ไป่ใครจะแน่กว่ากัน

เจรจาหย่าศึก

ต่างคนต่างมีจุดอ่อน ถ้าถูกยายแช่มจับได้ และความลับแตกใส่คุณฟองดาวล่ะก็ ตายทั้งคู่! เพราะฉะนั้นมาสามัคคีรวมพลังเลิกตีกันชั่วคราวแล้วช่วยกันหาทางออกดีกว่า ช่อม่วงจะไม่บอกคุณฟองดาว ตงฉินก็ต้องไม่ฟ้องยายแช่มด้วยเช่นกัน

"ดีแล้วที่นายคิดได้ เพราะถ้านายบอกยาย เราสองคนก็ไม่ได้อะไร แล้วยังต้องโดนจับแต่งงานกันอีก เพราะฉะนั้นแทนที่เราจะมาห้ำหั่นกันเอง เราควรจะหันหน้าเข้าหากันสมานฉันท์ฟันฝ่าอุปสรรคนี้ไปให้ได้”
“พูดอะไรงงๆ สมานฉันท์อะไรของเธอ”
"ก็ถ้าเราสองคนไม่อยากแต่งงานกัน นายก็ต้องช่วยพูดให้พี่ลายไทมาเป็นแฟนฉันให้ได้”
“แล้วเธอจะทำอะไร”
“ส่วนฉันก็จะช่วยนายจีบคุณฟองดาว..ว..ว..ว”
ตงฉินตาเป็นประกาย “จริงเหรอ”
” จริ้ง ถ้าเขายอมเป็นแฟนกับนาย แล้วพี่ลายไทก็เป็นแฟนกับฉันจริงๆ เราสองคนก็ต่างคนต่างมีแฟน อาม่ากับยายก็ทำอะไรเราไม่ได้ งานแต่งงานของนายกับฉันก็ต้องล่มสลายไปในสายหมอก”
“เฮ้ย! แล้วฉันจะแน่ใจได้ไงว่าเธอช่วยฉันจีบคุณฟองดาวจริงๆแล้วมันจะสำเร็จ”
“เชื่อมือฉันเถอะน่า”
“ฉัน-ไม่-เชื่อ มือเธอ ฉันจะเป็นคนคิดแผนเอง เธอต้องทำตามที่ฉันสั่ง(กอดอก)โอเคป้ะ?”
“โอเค๊ ฉันจะทำตามแผนนาย แต่ก่อนอื่นนายต้องทำตามแผนของฉันก่อน”
“แผนอะไร”
“แผนมัดใจพี่ลายไทให้อยู่หมัด”

เอาล่ะสิทีนี้ เมื่อสองตัวแสบจับมือกันสมานฉันท์ชั่วคราว ความมันส์ยกกำลังสองกำลังจะอุบัติขึ้นบนสังเวียน


โปรดติดตามตอนต่อไป...

Smiley มนต์รักข้าวต้มมัด รัก สู้ ฟัด บนสังเวียนข้าวต้มมัด - ยกที่ 2


Create Date : 05 พฤษภาคม 2554
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2558 8:57:15 น. 0 comments
Counter : 3232 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

prysang
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 98 คน [?]




จำนวนผู้ชม คน : Users Online
New Comments
Friends' blogs
[Add prysang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.