Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
30 ตุลาคม 2554
 
All Blogs
 
Atsu-Hime เอกสตรีแห่งยุคสิ้นสุดซามูไร



1st Tokyo Drama Awards: Best Period Drama

น้ำเหนือ น้ำหนุน น้ำฝนฟ้าประทานจากพระพิรุณ สายน้ำหลั่งไหล มวลน้ำทะลักทำลายพื้นที่ ทรัพย์สิน ตลอดจนหลายชีวิตที่น้ำท่วมผ่าน ก็ไม่รู้ธรรมชาติที่ราวกับมีชีวิตจิตใจและเปี่ยมไปด้วยพลังอำนาจนั้น ได้กระทำการลงโทษสถานหนักเพื่อทวงคืน หรือแท้จริงแล้วนี่ยังเป็นแค่การตักเตือนระลอกหนึ่งเท่านั้น สุขภาพจิตของท่านเป็นอย่างไรกันบ้างคะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด น้ำจะมาก็ต้องมา ขอให้อย่าวิตกกังวลกันเกินไปค่ะ เราจะฝ่าวิกฤติ น้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ไปด้วยกัน

มาพูดถึงซีรีย์กันดีกว่าค่ะ ดูจบไปสักพักใหญ่แล้ว แต่ติดด้วยภารกิจการงานบางอย่างในช่วงที่ผ่านมาทำเอาผู้เขียนแทบคลั่ง เพราะต้องติดแหง่กอยู่เป็นเดือน พอเสร็จสิ้นก็มาต่อกันด้วยภาวะน้ำท่วมที่ทำให้ต้องเร่งรีบร่นกระบวนการทำงานหลายอย่าง (อย่างลนลาน) เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์วิกฤติที่อาจเกิดขึ้นได้ เพราะจะหวังพึ่งการประเมินสถานการณ์ของ ศปภ...ก็นะ ...อย่างที่รู้ที่เห็นกัน


เรื่องย่อ Atsu Hime (ที่มา :ปกหลังดีวีดี)

โอคัทสึ บุตรสาวตระกูลซามูไรอิไมซุมิชิมะสึแห่งแคว้นสัทสึมะ ถูก ชิมะสึ นาริอาคิระ ไดเมียวผู้ครองแคว้นสัทสึมะเลือกให้เป็นบุตรสาวบุญธรรม เพื่อส่งไปแต่งงานเป็นภรรยาเอกของ โชกุนโทกุกาวะ อิเอซาดะโดยนาริอากิระ หวังให้ โอคัทสึ เกลี้ยกล่อมให้โชกุนผู้เป็นสามีเลือก ฮิโตสึบาชิ โยชิโนบุ ไดเมียวหนุ่มแห่งแคว้นมิโตะ โทกุกาวะ ขึ้นเป็นโชกุนคนต่อไป
โอคัทสึจำต้องพรากจาก โคมัทสึ ทาเตวากิ เพื่อนสนิทสมัยเด็ก และถูกเปลี่ยนชื่อเป็น อัตสึ เพื่อรับตำแหน่ง "ท่านหญิง" แห่งตระกูลชิมะสึ ก่อนถูกส่งไปยังเอโดะ อันเป็นที่พำนักของโชกุนผู้ถืออำนาจสิทธิ์ขาดในการบริหารประเทศแทนองค์จักรพรรดิ
จากบุตรสาวตระกูลซามูไร ผู้มองโลกกว้างด้วยแววตาแจ่มใสใคร่รู้ สู่บุตรสาวของไดเมียวแห่งแคว้นใหญ่เรืองอำนาจ และก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งภรรยาเอกของผู้นำประเทศ การแต่งงานการเมือง… สามีผู้ไม่เคยเห็นหน้า… ฝ่ายในที่พำนักของสตรีกว่า 3,000 นางของปราสาทโชกุนอันกว้างใหญ่… ภารกิจแห่งแคว้นที่แบกรับ สิ่งที่รออัตสึฮิเมะอยู่ที่เอโดะ ก็คือ…
จากปกหลังซองบรรจุ DVD มีมาแค่นั้น เพราะมีอยู่แค่นั้นจากนี้จึงขอเล่าเอง

เพราะอยากดูซีรีย์ญีปุ่นโบราณที่มักจะมีเรื่องของเกียรติยศ ศักดิ์ศรี วิถีแห่งซามูไร อะไรเทือกนี้ (ผู้เขียนจะชอบแนวนี้มาก) และท่านมะนาวเพคะผู้เป็นสหายบล็อกก็มีความเห็นว่าเรื่องนี้สนุกกว่า Ryumaden และมีเอตะร่วมแสดงนำ เลยต้องแซงคิวมาก่อนใครเพื่อน ละครย้อนยุคญี่ปุ่นเคยดูอยู่เรื่องนึงคือ มินาโมโตะ โนะ โยชิสึเนะ เป็นเรื่องราวศึกสงครามระหว่างสองตระกูลนักรบอันยิ่งใหญ่ที่เป็นศัตรูกันชั่วฟ้าดินสลาย แม้พระเอก (ทักกี้) จะคว้านท้องลาโลกไปตอนจบก็ยังรู้สึกว่า อืม..การทำเซ็ปปุกุ หรือฮาราคีรี(คว้านท้อง) ของพวกซามูไรนี่บางทีก็ดูเป็นเรื่องของเกียรติยศศักดิ์ศรี มากกว่าจะเป็นการฆ่าตัวตายโง่ๆ ได้เหมือนกันนะคะ ในวิกิพีเดียบอกว่า ฮาราคีรีเป็นคำหยาบและไม่เคารพต่อผู้กระทำเซ็ปปุกุ คงจะจริงค่ะเพราะในซีรีย์เรื่องนี้สังเกตได้ว่าจะใช้ทั้งสองคำ คำว่าฮาราคีรีจะใช้สำหรับการเป็นบทลงโทษในการกระทำความผิดพลาด เจ้านายจึงโกรธเคืองและสั่งลงโทษโดยการให้ทำฮาราคีรี (ตายๆ ไปซะ )ซามูไรในยุคนั้นยึดถือนายเป็นเจ้าชีวิตเมื่อสั่งให้ฮาราคีรีก็ต้องฮาราคีรี (ไม่เห็นจะเข้าใจความภักดีในลักษณะนี้เลย)

เมื่อละครมีผู้หญิงเป็นตัวละครหลักในการดำเนินเรื่องแถมยังเป็นละครอิงประวัติศาสตร์ จึงคิดว่าคงไม่มีเรื่องราวความรัก หรือมีนิดหน่อยก็คงช่วงต้นกับ โคมัตสึ ทาเตวากิ (เอตะ ) ผู้เป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเยาว์วัย แต่เอาเข้าจริงเรื่องนี้มีความรัก รักของท่านหญิงอัตสึมีรออยู่บนเส้นทางชีวิตการแต่งงานทางการเมือง จากบุตรสาวตระกูลซามูไร อิไมซุมิชิมะสึ สู่ธิดาบุญธรรมของไดเมียวผู้ครองแคว้น แล้วจึงถูกส่งไปแต่งงานกับท่านโชกุนที่เอโดะ

อิไมซุมิชิมะสึ เป็นตระกูลซามูไรสายย่อยของตระกูลไดเมียวชิมะสึ ซึ่งหากนับสายตระกูลแล้ว ชาติกำเนิดของท่านโอคัทสึแม้จะเป็นชนชั้นที่สูงกว่าตระกูลซามูไรโดยทั่วไป แต่ยังต่ำต้อยนักหากจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งภริยาเอกของท่านผู้นำประเทศอย่างท่านโชกุนแห่งเอโดะ
โชกุน : คือผู้มีอำนาจเบ็ดเสร็จในการเป็นตัวแทนบริหารประเทศแทนองค์จักรพรรดิ เปรียบได้กับนายกรัฐมนตรี

ไม่คิดเลยว่าจะมีละครที่พระเอกขึ้นดำรงตำแหน่งท่านโชกุนน่ะค่ะ นี่เคยเป็นแต่พล็อตเรื่องในฝันที่ไม่เคยได้เห็นเป็นละครจริงๆ (เห็นมีแต่ท่านโชกุนของการ์ตูนเรื่อง อิคิวซังเท่านั้น) นอกจากซอดองโย ก็หายากนะคะที่พระเอกนางเอกจะรักกันได้ในตำแหน่งที่คูควรน่ะค่ะ ท่านหญิงอัตสึผู้นี้ ถ้าเปรียบกันกับเด็กผู้หญิงอื่นทั่วไปท่านหญิงก็เป็นเด็กเหลือขอ แม้แต่ครูฝึกที่เป็นนางกำนัลชั้นสูงและเคยฝึกสตรีไปเป็นภริยาท่านโชกุนในอดีตมาแล้วก็ส่ายหน้าถอดใจ ( ผู้หญิงที่จะเป็นใหญ่ก็มักจะมีคุณสมบัติแตกต่างไปจากคนทั่วไปแบบนี้แหละค่ะ) คิดว่าท่านหญิงจะได้แต่งกับท่านโชกุนแก่ๆ ที่มีภรรยาแล้วหลายคนซะอีก ที่ไหนได้ล่ะ ว่าที่สามีของท่านหญิงเป็นท่านโชกุนที่ยังหนุ่มแน่น ท่านโชกุน อิเอซาดะ ผู้สืบทอดตำแหน่งจากบิดาผู้ล่วงลับ

ท่านโชกุนยังหนุ่มและหน้าตาดีนี่แหละ ทำให้เรื่องนี้น่าดูขึ้นมาอักโข หายน่าเบื่อเป็นปลิดทิ้ง ภายนอกแสร้งทำตัวเป็นคนปัญญาอ่อน จนขุนนางข้ารับใช้เชื่อจริงๆ ว่าท่านคุโบ อิเอซาดะ เป็นคนปัญญาอ่อน (คุโบ คำเรียกหัวหน้าตระกูลโทกุกาวะผู้ดำรงตำแหน่งโชกุน) แต่ขุนนางบางคนก็ไม่ถึงกับแน่ใจซะทีเดียว เพราะเรื่องที่ทำเป็นเล่นเหมือนฟลุ้คๆ ผลของมันเหมือนเป็นทางเลือกของคนมีสติปัญญาดีๆ ที่คิดใคร่ครวญดีแล้ว ทว่าก็ได้แต่สงสัยไม่รู้จะพิสูจน์อย่างไรว่าท่านคุโบไม่ได้ปัญญาอ่อนอย่างที่เห็นๆ กันอยู่

ความจริงคือท่านคุโบอิเอซาดะเป็นคน "คมในฝัก" ท่านหญิงอัตสึเป็นคนฉลาดเมื่อได้พบท่านคุโบและได้เข้าพิธีแต่งงานมาเป็นสามีก็พอจับได้ว่าท่านคุโบอิเอซาดะไม่ได้ปัญญาอ่อนอย่างที่คนทั่วไปเข้าใจ ท่านแสร้งทำ ส่วนเหตุผลที่ท่านคุโบต้องทำตัวเป็นคนไร้สาระปัญญาอ่อนตลอดเวลานั้น เป็นเรื่องที่ท่านหญิงอัตสึต้องค้นหาคำตอบด้วยตนเอง

ถึงจะเป็นผู้หญิงเก่งกล้าสามารถยังไง แต่ภารกิจแห่งแคว้นของท่านหญิงอัตสึนั้นเริ่มส่อแวว แป๊ก.. มากขึ้นเรื่องๆ เพราะมีใจผูกสมัครรักใคร่ต่อท่านคุโบอิเอซาดะเป็นอุปสรรคสำคัญ เมื่อกลายเป็นความรัก..ท่านหญิงย่อมต้องการจะซื่อตรงจริงใจต่อสามี แต่คำมั่นสัญญาและภารกิจที่ได้รับมอบหมายเพื่อแผ่นดินเกิด และเพื่อเป้าหมายอันยาวไกลของท่านพ่อนั่นก็คือการสร้างความมั่นคงและพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าเพื่อรับมือการรุกรานจากชาติมหาอำนาจตะวันตก เพื่อเจตนารมณ์อันยิ่งใหญ่ของท่านพ่อเช่นนี้ ท่านหญิงอัตสึต้องข่มอกข่มใจพยายามทำภารกิจที่ฝืนหัวใจตัวเอง

แต่ ...ท่านคุโบ อิเอซาดะ เป็นคนที่มีไหวพริบปฏิภาณทั้งยังหนักแน่นมั่นคง ไม่มีใครจะมาชักจูงท่านได้ ท่านหญิงอัตสึคนเก่ง เมื่อเจอบุรุษที่แกร่งต่อชีวิต ใจดี และมีอำนาจบารมีที่สูงกว่าเช่นนี้ ย่อมต้องมีใจมอบความรักความภักดีต่อท่านสามีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ (ตกหลุมรักสามีตัวเองอย่างง่ายดาย) ผู้หญิงนั้นต่อให้เก่งแค่ไหนก็ยังคงเป็นเหมือนผู้หญิงทั่วไปที่ต้องการความรักใคร่เอาใจใส่ ซึ่งลักษณะของผู้หญิงที่เฉลียวฉลาด เชื่อมั่นในตัวเอง กล้าหาญไม่กลัวใคร (ไม่เหมือนใคร) เมื่อได้ผูกพันใกล้ชิดย่อมผูกติดอยู่ในหัวใจ ท่านคุโบจึงมีความรักมอบให้ท่านหญิงอัตสึ หรือท่านมิไดของท่านเองอย่างหมดหัวใจ เสียดายแต่ ท่านคุโบสิ้นใจเร็วไปสักหน่อย (แอบเคือง)



ตอนยังไม่ถูกขอไปเป็นธิดาบุญธรรมของไดเมียวผู้ครองแคว้น ท่านหญิงอัตสึเคยพูดถึงการแต่งงานว่า “อยากจะอยู่กินกับคนที่เป็นยอดบุรุษของญี่ปุ่น” ไม่ได้หมายถึงคนที่มีชื่อเสียงหรือบรรดาศักดิ์ใหญ่โตอันใด แต่หมายถึงยอดบุรุษในดวงใจ แต่เอาเข้าจริง ก็ได้สามีเป็นถึงท่านโชกุน แล้วถ้าไม่นับการแกล้งปัญญาอ่อน คุณสมบัติก็ใช่เลย หนึ่งในยอดบุรุษของแผ่นดินญี่ปุ่น ที่คู่ควรกับการมีท่านหญิงอัตสึเป็นมิไดโดโกโระ (ตำแหน่งภริยาท่านโชกุน)

เพราะมีท่านโชกุนที่ไม่น่าเบื่อเช่นนี้แล จึงทำให้ชอบซีรีย์เรื่องนี้อย่างจริงจัง และถึงแม้ภายหลังท่านโชกุนจะสิ้นไป แต่ก็ยังมีใจชอบพอซีรีย์เรื่องนี้อยู่ดี ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าทำไมคนพูดถึงซีรีย์เรื่องนี้ในแง่ดีๆ กันมาก ทั้งที่ผู้เขียนดูแล้วไม่ได้สนุกมากมายหรือตื่นเต้นเร้าใจอย่างซีรีย์ย้อนยุคของเกาหลีหรอก แต่สามารถดูได้ทั้งวันทั้งคืน คือมันก็ทำให้อยากดูไปเรื่อยๆ น่ะค่ะ ดูแล้วเหมือนจะเข้าใจว่าทำไมคนญี่ปุ่นทุกวันนี้ถึงเป็นอย่างนั้น ถ้าเราเป็นคนญี่ปุ่น ดูแล้วคงจะรู้สึกถึงความเป็นชาตินิยมอย่างถึงแก่น ไม่น่าเชื่อว่าประเทศที่เจริญอย่างญี่ปุ่นนั้น ในสมัยก่อนกว่าจะได้เปิดประเทศ สุดยากเย็นแสนเข็ญ มีความขัดแย้งถึงขั้นต้องห้ำหั่นกันเองจนก่อให้เกิดความสูญเสียเหมือนอย่างในซีรีย์ใช้คำว่า "เลือดนองแผ่นดิน" นั่นแหละค่ะ



เพราะความเป็นชาตินิยมตัวแม่นี่แหละ เป็นอุปสรรคสำคัญ หลังจากที่ปิดประเทศมานานกว่าสองร้อยปีและภาคภูมิใจในศักดิ์ศรีของดินแดนซามูไรเกินเหตุ ทำให้ญี่ปุ่นแตกแยกออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งที่เห็นว่าไม่อาจทนต้านทานกระแสโลกของยุคล่าอณานิคม กับอีกฝ่ายที่รังเกียจชาติตะวันตกมองเห็นพวกฝรั่งเป็นพวกไร้อารยธรรมและต้องการขับไล่ออกไปจากประเทศ รัฐบาลทหารที่ปกครองโดยตระกูลโทกุกาวะ โดยมีท่านโชกุนเป็นผู้นำตระกูลและถือครองอำนาจปกครองสูงสุดในการบริหารประเทศแทนองค์จักรพรรดิ ต้องบริหารประเทศภายใต้ความกดดันจากทุกฝ่าย ทั้งภายในประเทศที่แตกแยก ทั้งภายนอกประเทศที่บีบบังคับให้เปิดท่าเรือทำการค้าและการลงนามในสนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ทั้งยังมีราชสำนักเบื้องสูงที่องค์จักรพรรดิผู้เป็นเจ้าสูงสุดเหนือชีวิตไม่เห็นด้วยอย่างเด็ดขาดกับการเปิดประเทศ และคอยกดดันให้รัฐบาลโชกุนขับไล่ฝรั่งออกไปจากญี่ปุ่นให้หมดสิ้น

ความขัดแย้งเหล่านี้ก่อให้เกิดการกวาดล้างฝ่ายตรงข้ามอย่างรุนแรง จนนำไปสู่การแย่งชิงอำนาจอำนาจการปกครอง โดยอีกฝ่ายอ้างว่าการที่ญี่ปุ่นจะเข้มแข็งเป็นหนึ่งเดียวได้นั้น อำนาจการปกครองประเทศควรควรถูกเรียกกลับคืนสู่ราชสำนัก แม้ว่ารัฐบาลโชกุนจะปกครองประเทศมายาวนานกว่าสองร้องปีแล้วก็ตาม (ความแตกแยกนี้จะว่าไปก็คล้ายคลึงกับสีนั้นและสีนี้ของไทย ที่เอาและไม่เอาคนที่คุณก็รู้ว่าใคร แม้ขณะนี้ก็ขัดแย้งกันเกี่ยวกับองสาวของคนที่คุณก็รู้ว่าใคร ฝ่ายหนึ่งก็ว่าเธอบริหารจัดการประเทศในภาวะวิกฤตได้ห่วยแตก และอีกฝ่ายหนึ่งเห็นว่าไม่มีอะไรเป็นความผิดพลาดที่จะกล่าวหาเธอได้เลยเพราะเธอทำดีที่สุดแล้ว)

บทบาทของตัวละคร และแต่ละวิธีที่เลือกทำ บอกไม่ถูกเลยว่าใครทำถูกหรือทำผิด เพราะการแก่งแย่งอำนาจในเรื่องนี้ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่เพื่อรวมอำนาจให้เป็นหนึ่งและเข้มแข็ง โดยที่ต่างฝ่ายต่างก็จุดมุ่งหมายเดียวกันคือเพื่อประเทศชาติ เพียงแต่มีมุมมองเรื่องผลได้และผลเสียจากการเปิดประเทศและการพัฒนาที่แตกต่างกัน ทำให้ต้องห้ำหั่นกันเอง ภายใต้การคุกคามของชาติมหาอำนาจตะวันตกที่จ้องตะครุบตาเป็นมัน โฮว้... ช่างเป็นละครที่มีเนื้อหาสาระดีมากจริงๆ



เมื่อท่านคุโบ อิเอซาดะ เสียชีวิตไป ผู้รับสืบทอดตำแหน่งคนต่อมาคือ ท่านโทกุกาวะ โยชิโตมิ เมื่อรับตำแหน่งโชกุน ก็เปลี่ยนชื่อเป็น ท่านคุโบ อิเอโมจิ นักแสดงไม่ใช่ใครอื่นไกล เขาคือ มัตสึดะ โชตะ หนุ่มหน้ากลมที่เรื่องนี้หน้าใสกิ๊กมาก ท่านอิเอโมจิในฐานะโชกุนก็หนีไม่พ้นต้องแต่งงานเพื่อเหตุผลทางการเมืองเช่นกัน เพื่อพยายามรักษาอำนาจและเชื่อมสัมพันธไมตรีกับทางราชสำนัก ตระกูลโทกุกาวะ ได้ทำการขอพระราชทานการสู่ขอเจ้าหญิงคาสุโนะมิยะ ชิคาโกะ (Kazunomiya Chikako ) มาแต่งงานกับท่านคุโบอิเอโมจิ แต่หลังจากนั้นแทนที่จะปรองดองความแตกร้าวระหว่างรัฐบาลโชกุนกับทางราชสำนักยิ่งหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ

เรื่องราวของเจ้าหญิงจากวังหลวงที่ต้องมาเป็นสะใภ้ของตระกูลซามูไร ความหยิ่งทะนงในบรรดาศักดิ์ที่สูงส่งกว่า ทำให้เจ้าหญิงคาสุโนะมิยะตั้งแง่ที่จะไม่มีการปรับตัวเข้ากับขนบธรรมเนียมใดๆ ของชาวซามูไรทั้งสิ้น และตั้งป้อมที่จะไม่อ่อนน้อมถ่อมตนในฐานะสะใภ้ต่อแม่สามี ซึ่งก็คือท่านหญิงอัตสึ ที่ได้กลายมาเป็นทั้งผู้ปกครองและแม่บุญธรรมของท่านคุโบอิเอโมจิ ตามคำสั่งเสียของสามี (ท่านโชกุนอิเอซาดะ) และท่านหญิงได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นท่านเท็นโชอิน



แม่สามี
.. ถือกำเนิดและเติบโตขึ้นมาในตระกูลซามูไร และยังได้แต่งงานเข้าบ้านของตระกูลไดเมียวซึ่งเป็นซามูไรชั้นสูงและเป็นถึงตระกูลโชกุนที่ทำหน้าที่บริหารปกครองประเทศ โอโอขุของโทกุกาวะในปราสาทเอโดะย่อมต้องมีขนบธรรมเนียมอันเก่าแก่และภาคภูมิใจให้ยึดถือปฏิบัติ

แต่..ลูกสะใภ้ ..เป็นถึงเจ้าหญิงจากราชสำนัก มีสายโลหิตเดียวกันกับองค์จักรพรรดิที่เป็นโอรสแห่งสวรรค์อันสูงส่งกว่าใครในประเทศที่รุ่งเรืองอารยธรรมนี้

เมื่อลูกสะใภ้ไม่ยอมรับวิถีซามูไร ไม่ยอมรับแม่สามี แถมยังมีความหึงหวงเล็กๆ ที่สามีคือท่านอิเอโมจินั้น มอบความรักความสนิทสนมต่อท่านเท็นโอชินในฐานะแม่บุญธรรมอย่างสนิทใจ เกินกว่าจะมีอะไรมาแทรกแซงได้ เจ้าหญิงคาสุโนะมิยะได้ตกหลุมรักในความนุ่มนวลอ่อนโยนของสามีตั้งแต่แรกพบ เมื่อท่านอิเอโมจิให้ความไว้วางใจและเปิดเผยพูดคุยปรึกษาเรื่องต่างๆ กับ "ท่านแม่" มากกว่าที่จะมาคอยปรับทุกข์กับท่านเมีย จึงยิ่งบังเกิดความรู้สึกในด้านลบต่อท่านเท็นโชอิน ที่จริงแล้วเพราะท่านอิเอโมจิต้องมาคอยปรับทุกข์กับท่านแม่ก็เพราะท่านแม่เป็นผู้เฉลียวฉลาดมองการณ์ไกลให้คำแนะนำได้ และที่สำคัญอีกอย่างคือไม่อยากให้ท่านเมียต้องมาพลอยเป็นทุกข์ใจกับตนไปด้วย (แต่ท่านเมียไม่เข้าใจ)



สะใภ้จากวังหลวง จึงเป็นอีกบทพิสูจน์หนึ่งที่ท่านหญิงอัตสึหรือท่านเท็นโชอินจะต้องก้าวผ่าน หาทางเอาชนะใจเจ้าหญิงและค่อยๆ เป็นแบบอย่างของสะใภ้ตระกูลซามูไรที่ต้องซื่อสัตย์จริงใจ รักเคารพต่อสามี จงรักภักดีต่อตระกูลโทกุกาวะในฐานะภริยาของโชกุนและถือตนเองเป็นสมาชิกครอบครัวคนหนึ่งที่ต้องทุ่มเทชีวิตจิตใจเพื่อปกปักรักษาตระกูลนี้

นั่นเป็นเรื่องของสองสตรีที่ต้องถูกบังคับให้แต่งงานเพื่อวัตถุประสงค์ทางการเมือง แต่โชคดีเหลือล้น เมื่อทั้งสองสตรีพบหน้าสบตาทำความรู้จักกับสามี ก็บังเกิดมีความรักมอบให้หมดหัวใจ ซึ่งส่วนนี้ถูกใจผู้เขียนอย่างมากในฐานะคนที่ไม่อยากให้ละครขาดแคลนความรักของคู่พระนาง หรือมีรักแต่รักก็มักจืดๆ จางๆ ไม่โดดเด่นได้ดั่งใจเหมือนซีรีย์ญีปุ่นทั่วไปที่ไม่ใช่แนวรัก

ขอชื่นชมละครเรื่องนี้ ด้วยเหตุผลที่เป็นละครย้อนยุค มีผู้หญิงรับบทบาทโดดเด่นเหมือนดังซีรีย์เกาหลีย้อนยุคหลายๆ เรื่อง แต่เนื้อหาและการดำเนินเรื่องค่อนข้างจะแตกต่างกัน ในซีรีย์เกาหลีนั้น ตัวละครเอกที่เป็นหญิงอย่างเช่น แดจังกึม ดงยี จามอง หรือชอนชู ผู้หญิงจะค่อนข้างมีบทบาทโดดเด่นสมกับที่ถูกใช้ชื่อเป็นชื่อเรื่องและในเนื้อเรื่องจริงๆ ก็เป็นตัวละครที่ขับเคลื่อนเรื่องราวด้วย แต่สำหรับอัตสึฮิเมะ ท่านหญิงอัตสึเป็นตัวละครนำก็จริง แต่ไม่ได้มีบทบาทโดดเด่นถึงเพียงนั้น วิถีชีวิตของเหล่าตระกูลนักรบซามูไร ขนบธรรมเนียม การเมืองการปกครอง การเปลี่ยนแปลงพัฒนา การแบกพรรคแบ่งฝ่ายเพื่อแย่งชิงหรือเปลี่ยนขั้วอำนาจใดๆ รวมถึงการเข้ามาจับจ้องหาผลประโยชน์ของชาติมหาอำนาจตะวันตก โดยญี่ปุ่นเจ้าบ้านก็มีทั้งฝ่ายต่อต้านและฝ่ายที่พยายามรู้ทันโลก เพื่อทำใจยอมรับต่อการเปิดประเทศเพื่อการเปลี่ยนแปลงพัฒนา ทุกสิ่งอย่างได้พากันขับเคลื่อนเรื่องราวของมันเอง โดยที่ท่านหญิงอัตสึเป็นพียงสตรีผู้หนึ่งที่เส้นทางชีวิตดันมาตกอยู่ท่ามกลางกระแสสังคมการเมืองในยุคที่ว่านี้

ด้วยลักษณะนิสัยกล้าคิดกล้าทำ เชื่อมั่นในตนเอง ประกอบกับจิตใจที่เมตตา กล้าหาญ และสติปัญญาเฉลียวฉลาด ท่านหญิงจึงมีเข้าใจและรู้ทันโลกที่เปลี่ยนแปลงไป เหนือกว่าสตรีทั่วไปในยุคเดียวกัน ทั้งหมดนี้ทำให้ท่านหญิงอัตสึเป็นสตรีที่มีบทบาทอย่างมากต่อการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในยุคนั้น ท่านหญิงได้เล็งเห็นถึงผลร้ายของสงครามที่จะส่งผลกระทบความเดือดร้อนไปทั่วทุกหย่อมหญ้า จึงพยายามหาวิธีที่จะหลีกเลี่ยงสงครามระหว่างแคว้นอย่างสุดความสามารถ รวมถึงการปกป้องตระกูลโชกุนที่สูญสิ้นอำนาจการปกครองไม่ให้ถูกกวาดล้างจากฝ่ายตรงข้าม ...ไม่มีอำนาจ ไม่มีโชกุน แต่ตระกูลโทกุกาวะจะดำรงคงอยู่ ความหวังของท่านคุโบ อิเอซาดะ ยังคงจารึกอยู่ในหัวใจ และท่านหญิงก็มุ่งมั่นที่จะทำมันให้ได้

"สิ่งที่อยากจะเหลือไว้ ไม่ใช่ปราสาท และก็ไม่ใช่บ้าน
แต่เป็นหัวใจของโทกุกาวะต่างหาก"


"หัวใจของโทกุคาวะ" ที่น้อยคนนักจะเข้าใจ ไม่ใช่บรรดาศักดิ์ ไม่ใช่จำนวนที่ดินศักดินา ไม่ใช่อำนาจการปกครอง กองกำลังทหาร และไม่ใช่ปราสาทเอโดะ นั่นเป็นหน้าที่ของท่านหญิงอัตสึที่จะทำให้ผู้คนในตระกูลโทกุกาวะได้เข้าใจและตระหนัก

"ข้าคิดว่าจะถ่ายทอดเรื่องหัวใจของโทกุกาวะ
ซึ่งท่านอิเอซาดะ ที่เสียไปได้บอกไว้ ให้ลูกๆ หลานๆ รู้
จึงมีชีวิตอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ ข้าจะสอนเค้าว่าความสุขของคนเรานั้น
ไม่ได้อยู่ที่ตำแหน่ง ไม่ได้อยู่ที่ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินใด
แต่มันอยู่ที่ความรู้สึกในอก อบอุ่นจากการมีเพื่อนรู้ใจ
และการได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขร่วมกับครอบครัวต่างหาก"




บทบาทตัวละคร

มากล่าวถึงตัวละครสำคัญกันบ้างค่ะ

โอคัทสึ , ท่านหญิงอัตสึโกะ , ท่านมิไดโดโกโระ , ท่านเท็นโชอิน (Miyazaki Aoi)อาโออิผู้รับบทนี้จะมีอะไรต้องชื่นชมกันอีกเมื่อเธอมีแล้ว 3 รางวัลการันตี

*59th Television Drama Academy Awards: Best Actress
**12th Nikkan Sports Drama Grand Prix (Jul-Sep 2008): Best Actress
12th Nikkan Sports Drama Grand Prix (Oct-Dec 2008): Best Actress


เพราะความคุ้นเคยกับละครย้อนยุคแบบเกาหลีๆ ตอนเห็นหน้านางเอกครั้งแรกก็เกิดคำถามขึ้นภายในใจแทบจะทันที ...จะเหมาะหรือ? เพราะเธอดูเป็นเด็กใสๆ คิขุอาโนเนะ ยิ่งเมื่อยิ้มเห็นฟัน ลักษณะฟันของเธอจะช่วยเพิ่มความดูเด็ก แบ๊วหนักเข้าไปอีก เนื่องจากผู้หญิงเป็นตัวละครนำ ดังนั้นจึงชวนให้นึกถึงลักษณะของผู้หญิงที่ครองอำนาจ เก่ง แกร่ง เด็ดเดี่ยว เข้มแข็ง ซึ่งดูไม่ค่อยจะเข้ากันกับหน้าตาของ โอคัทสึ แต่ตัวละครนี้ก็มีพัฒนาการมาเรื่อยๆ จากสาวแรกรุ่น เติบโตสู่การเป็นท่านหญิงอัตสึแห่งตระกูลชิมะสึ เดินทางสู่แคว้นเอโดะเพื่อเป็นมิไดโดโกโระ ปกครองโอโอขุฝ่ายในของปราสาทเอโดะ อันเป็นที่พำนักของท่านโชกุนและครอบครัวโทกุกาวะ หลังจากสามีล่วงลับ ท่านหญิงก็ล่วงเข้าสู่การเป็นท่านเท็นโชอิน แม่บุญธรรมและผู้ปกครองของท่านโชกุนคนใหม่ (ท่านคุโบ อิเอโมจิ) ชะตากรรมของรัฐบาลโชกุนและตระกูลโทกุกาวะที่พลิกผันพากันดิ่งลงเหว เมื่อสิ้นท่านอิเอโมจิ และขาดผู้นำที่มีความสามารถ แคว้นเอโดะและตระกูลโทกุกาวะต้องเข้าสู่ภาวะวิกฤตแห่งหายนะ ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่รุนแรง ท่านเท็นโชอินที่เป็นเพียงสตรีผู้หนึ่ง ต้องพยายามหาหนทางหลีกเลี่ยงสงครามเพื่อลดการสูญเสีญของประชาชนและทำให้ประเทศชาติเสียหายน้อยที่สุด รวมถึงการฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ เพื่อนำพาตระกูลโทกุกาวะให้อยู่รอด

ตลอดและเส้นทางชีวิตทั้งหมดที่ผ่านมานั้น ท่านหญิงอัตสึไม่ได้มีบุคลิกกร้าวแกร่งอันใดเลย ตรงกันข้ามคือมีความนุ่มนวลอ่อนโยนที่แฝงไว้ด้วยความเข้มแข็ง และลักษณะของความอ่อนโยนนี้เอง ที่แตกต่างจากวิธีคิดและวิถีการปกครองของเหล่าบุรุษ และมีส่วนทำให้สถานการณ์เลวร้ายต่างๆ คลี่คลายลง

ช่วงชีวิตที่ยาวนานอย่างนี้ ท่านหญิงอัตสึมีพัฒนาการแห่งวัยแน่นอนค่ะ แม้ว่าลักษณะนิสัยต่างๆ จะยังคงความเป็นท่านหญิงอัตสึเช่นเดิม แต่บุคลิกนั้นจะค่อยๆ เปลี่ยนไปตามวัย และเมื่อเป็นเสียงพากษ์ไทย แม้แต่น้ำเสียงของท่านหญิงอัตสึก็เปลี่ยนแปลงไปตามพัฒนาการของวัยด้วยเช่นกัน



โทกุกาวะ อิเอซาชิ ท่านโชกุน , ท่านคุโบ อิเอซาดะ (Sakai Masato) รอที่จะกล่าวถึงท่านเลยค่ะ สำหรับชายคนนี้ ซากาอิ มาซาโตะ เป็นตัวละครที่ชอบมากที่สุดในซีรีย์เรื่องนี้

เหตุผลน่ะเหรอ ? ท่านเป็นโชกุนหนุ่ม เป็นผู้นำประเทศ เป็นยอดบุรุษแห่งญี่ปุ่นในดวงใจของท่านหญิงอัตสึ และถึงแม้จะทำทรงผมที่ไม่เคยรับได้อย่างทรงผมในสมัยเอโดะ ท่านก็ยังหน้าตาดีอยู่ดีนั่นแหละ ภายนอกท่านแกล้งปัญญาอ่อน แต่ภายในท่านซ่อนคมในฝัก และเหนือเหตุผลใดๆ ทั้งปวง ท่านมีสายตาที่ได้อกได้ใจสุดๆ โดยเฉพาะสายตาคมกล้า..ที่เอาชนะความโดดเด่นของนักแสดงทุกคนในเรื่องนี้ให้ด้อยดับลงไปเลย แม้กระทั่ง เอตะที่เป็นนักแสดงคนโปรดก็ไม่เว้น (ต้องดับลงด้วยเช่นกัน)

อาจเป็นเพราะผู้เขียนเป็นคนที่ชอบคาแร็คเตอร์ของตัวละครในลักษณะนี้คือมีความซ้อนบุคลิกซ่อนตัวตนเอาไว้ภายในที่ไม่ได้เป็นเหมือนอย่างภายนอกซะทีเดียว และท่านอิเอซาดะก็เป็นเช่นนั้น พฤติกรรมเหมือนคนปัญญาอ่อน แต่สายตาที่ไม่มีใครได้เข้าใกล้มากพอจะมองเห็นว่าไม่ใช่สายตาเลื่อนลอยของคนปัญญาอ่อน นอกจากจะไม่ได้เป็นอย่างนั้นยังเปี่ยมไปด้วยสติปัญญา ไม่งั้นท่านจะเป็นทายาทเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตมาเป็นท่านโชกุนได้หรือ ในขณะที่พี่น้องคนอื่นๆต้องล้มตายไปหมดสิ้น ถูกวางยาพิษบ้างอะไรบ้าง เส้นทางสู่ตำแหน่งโชกุนไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่เป็นหนามแหลมที่ต้องสู้ทนเหยียบย่างมา และซากาอิ มาซาโตะผู้รับบทท่านคุโบอิเอซาดะผู้นี้เป็นคนที่เล่นสีหน้าแววตาได้ดีจริงๆ ยามที่กล้องโคลสเข้าไปยังใบหน้าและดวงตาระยะประชิด โอ๊ย ..มันเป็นการแสดงที่สุโค่ยจริงๆ ค่ะท่าน ดังนั้นจึงมีหนึ่งรางวัลยกย่อง 1st Tokyo Drama Awards: Best Supporting Actor - Sakai Masato

และการโคลสกล้องเข้าไปในระยะใกล้จับการแสดงออกทางสีหน้าแววตาของตัวละครที่ว่านี้แหละ เป็นจุดที่ชอบมากอย่างหนึ่งในการถ่ายทำซีรีย์เรื่องนี้ โคลสเข้าไป โคลสเข้าไปใกล้มาก ซึ่งใช้บ่อยมากกับตัวละครโดยทั่วไปอื่นๆ ด้วย แล้วนักแสดงก็สื่ออารมณ์ผ่านกล้องมาอย่างชัดเจน เต็มที่ ( คท่านมะนาวเพคะ ใช้คำว่า "เต็มแม็ก" ท่าจะจริง) อีกสิ่งหนึ่งที่ชอบคือชุดกิโมโนหลากหลายลวดลายสีสัน แต่ละชุดของท่านหญิงอัตสึนั้นงดงามจริงๆ ค่ะ



ท่านคิโมสึกิ นาโอโกโร่ , โคมัทสึ ทาเตวากิ (Eita) เอตะได้รับบทบาทที่โดดเด่นและมีบทมากมายกว่าท่านคุโบอิเอซาดะตั้งเยอะตั้งแยะ เริ่มตั้งแต่แรกเกิด เมื่อท่านทั้งสองเกิดมาในเวลาใกล้เคียงกันที่แคว้นสัทสุมะ และยังได้รับเครื่องรางจากท่านนาริอาคิระ ไดเมียวผู้ครองแคว้นเหมือนกัน ท่านนาโอโกโร่เป็นเพื่อนของพี่ชายท่านโอคัทสึ จึงมีโอกาสรู้จักและกลายเป็นเพื่อนกันตั้งแต่นั้นมา เครื่องรางที่ท่านนาริอาคิระมอบให้นั้นมีความหมายต่อกันและเปรียบเสมือนเป็นโชคชะตาของทั้งสองคน ท่านโอคัทสึได้เป็นท่านหญิงอัตสึโกะ ธิดาบุญธรรมของท่านนาริอาคิระ ส่วนท่านนาโอโกโร่ได้เป็นข้ารับใช้คนสำคัญที่ท่านนาริอาคิระให้ความเมตตาเป็นอย่างมาก ทั้งยังได้สานต่อเจตนารมณ์ของท่านนาริอาคิระหลังจากที่ท่านสิ้นไปแล้ว และเป็นผู้มีบทบาทสำคัญทางการเมืองผู้หนึ่งในฐานะเป็นผู้นำที่มีอิทธิพลต่อคนรุ่นใหม่ของแคว้นใหญ่สัทสุมะ

แต่ว่าบทของท่านนาโอโกโร่นั้น ...อืม คือมันแบบว่าไม่ชอบเอาซะเลย ดูไปก็ชวนหงุดหงิด ผู้ชายอะไรอย่างนี้เนี่ย นิสัยน่ารำคาญจริงๆ จะใช้คำว่าอะไรดี "คร่ำครวญ" น่ะค่ะ ผิดหวังช้ำรักจากท่านโอคัทสึ ก็อกหักรักคุดอยู่นั่นไม่แล้วไม่หายเสียที ช่วงแรกๆ ที่ยังไม่ได้เป็นข้ารับใช้ใกล้ชิดของท่านนาริอาคิระ ยังไม่ได้ทำประโยชน์อันใดเป็นเรื่องสำคัญต่อแคว้นเหมือนอย่างที่ท่านไซโก (เพื่อนของท่านนาโอโกโร่) ได้รับโอกาสและความไว้เนื้อเชื่อใจ ก็พร่ำพูดแสดงออกอาการของความน้อยเนื้อต่ำใจตัวเองที่เป็นคนไร้ประโยชน์ไม่ได้ทำคุณต่อแผ่นดินเกิดเหมือนเช่นที่ใจอยากเป็น มีบ้างเล็กน้อยมันก็โอเค แต่ท่านนาโอโกโร่คนนี้น่ะ ท่านเยอะไป ถึงจะเป็นตัวละครสำคัญของเรื่อง แต่คาแร็คเตอร์ของท่าน ในความรู้สึกของผู้เขียนคือ แมนน้อยกว่าที่ควรเป็น และน่าเบื่อมาก



ดังนั้น ที่เดาไว้แต่แรกว่าเอตะคงจะเป็นรักแรกของท่านหญิงอัตสึแต่ต้องพลัดพรากจากกันไป เห็นแว่บแรกก็รู้เลยว่าไม่ใช่ ท่านนาโอโกโร่ไม่มีโอกาสได้รับความรักฉันท์หนุ่มสาวแบบนั้นจากท่านหญิงแน่นอน ก็หงอซะขนาดนั้น ท่านหญิงน่ะ เก่งกว่า ฉลาดกว่า เด็ดเดี่ยวกล้าหาญกว่า การจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็น ยอดบุรุษแห่งญี่ปุ่นในดวงใจของท่านโอคัทสึ จึงล่าช้าไปไม่ทันการ เพราะเริ่มต้นท่านนาโอโกโร่ก็วิ่งตามหลังท่านโอคัทสึต้อยๆ เสียแล้ว อาจเป็นเพราะศักดิ์ตระกูลของท่านโอคัทสึสูงกว่าตระกูลของท่านนาโอโกโร่ด้วย นั่นแหละๆ ถ้าในยุคนั้น เรื่องชั้นวรรณะเป็นเรื่องสำคัญ ท่านนาโอโกโร่ก็ควรทำใจได้ระดับหนึ่ง ไม่ใช่เอาแต่คร่ำครวญไม่รู้จบ ไม่ยอมเลิกแม้ว่าท่านหญิงจะแต่งงานเป็นภริยาท่านโชกุนไปแล้ว คงกลัดกลุ้มห่วงใยต่อทุกข์สุขของท่านหญิงจนกลายเป็นความไม่น่าดู อีกอย่างท่านนาโอโกโร่ก็แต่งงานแล้วเช่นกันและไม่ได้ใส่ใจภรรยาที่แสนดีอย่างท่านชิคะเท่าที่ควร แถมภายหลังยังมีภรรยาน้อยเพราะความไม่เด็ดเดี่ยวไม่กล้าพอที่จะปฏิเสธจนต้องผิดสัญญากับท่านชิคะ คาราคาซังจนมีลูกด้วยกันและกลายเป็นภรรยาน้อยเต็มขั้น ท่านนาโอโกโร่ที่เปลี่ยนชื่อเป็นท่านทาเตวากิ จึงน่ารำคาญหนักข้อกว่าเดิมอีก (ท่านชิคะเป็นบุตรสาวของตระกูล โคมัทสึ ซึ่งเป็นตระกูลสำคัญของแคว้นสัทสุมะที่สูญสิ้นทายาทชายสืบทอด เนื่องจากทายาทคนสุดท้ายคือพี่ชายของท่านชิคะ ซึ่งเคยเป็นอาจารย์ของท่านนาโอโกโร่เสียชีวิต ตระกูลโคมัทสึเป็นชนชั้นสูงกว่าตระกูลคิโมสึกิ ท่านนาริอาคิระผู้ปกครองแคว้นจึงขอให้ท่านนาโอโกโร่แต่งงานกับท่านชิคะเพื่อสืบทอดตระกูล ทางด้านตระกูลคิโมสึกิ การที่ลูกชายได้ไปเป็นผู้สืบทอดตระกูลที่สูงกว่านับว่าเป็นเกียรติและเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจยิ่ง ท่านนาโอโกโร่จึงไม่อาจปฏิเสธการแต่งงานตามที่ท่านนาริอาคิระขอร้องได้)

สรุป ...ไม่รู้จะใช้คำว่าอะไรนอกจากบทบาทนี้ ขัดใจผู้เขียนอย่างแรง ทำให้เอตะ ดับสนิท



โทกุกาวะ โยชิโตชิ ,ท่านโชกุน , ท่านคุโบอิเอโมจิ (Matsuda Shota) เรื่องนี้โชตะหัวกลมบ๊อก หน้าตาใสกิ๊กมากเลยค่ะ แม้ว่าท่านนาริอาคิระ พ่อบุญธรรมของท่านหญิงอัตสึผู้ปกครองแคว้นใหญ่อย่างแคว้นสัทสุมะ จะให้การสนับสนุนท่าน ฮิโตสึบาชิ โยชิโนบุ ให้เป็นโชกุนสืบต่อจากท่านอิเอซาดะ แต่ในคณะปกครองก็ยังมีความขัดแย้งกันในเรื่องทายาท ท่านหญิง ได้รับมอบหมายให้ชักนำท่านคุโบอิเอซาดะให้มอบตำแหน่งทายาทคนต่อไปแก่ท่านโยชิโนบุ แม้ภายในใจจะเห็นไม่ต่างกันกับท่านอิเอซาดะว่า ท่านโยชิโตชิมีความเหมาะสมมากกว่า แต่ด้วยหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากท่านพ่อ ทำให้ท่านหญิงต้องตกอยู่ในภาวะลำบากใจและเป็นทุกข์อย่างมาก ท่านอิเอซาดะเป็นผู้มีสติปัญญาและเป็นตัวของตัวเอง ไม่มีหนทางที่ท่านหญิงจะชักจูงสามีได้ และใจก็ไม่อยากทำด้วย ท่านอิเอซาดะเลือกท่านโยชิโตชิ ด้วยเหตุผลที่เป็นผู้มีไหวพริบสติปัญญาและมีความเป็นสุภาพบุรุษอ่อนโยนแตกต่างจากท่านโยชิโนบุที่แข็งกล้าวและหยิ่งทะนงมากเกินไป อีกทั้งท่านโยชิโตชิยังคงเยาว์วัยซึ่งหากได้เป็นท่านโชกุน ท่านหญิงจะต้องเป็นผู้ปกครองในฐานะแม่บุญธรรมซึ่งจะสามารถกล่อมเกลาให้ท่านโยชิโตชิกลายเป็นโชกุนที่ดีได้ เป็นการมองการณ์ไกล และไว้เนื้อเชื่อใจ ที่ท่านอิเอซาดะได้พยายามปูทางให้ท่านหญิงได้มีโอกาสช่วยปกครองอยู่หลังม่าน



แต่เมื่อสิ้นท่านอิเอซาดะ ขุนนางที่เคยให้คำมั่นสัญญาต่อท่านอิเอซาดะก็ละเลยต่อคำสั่งเสียต่างๆ นั้น เพราะเห็นว่าท่านมิไดโดโกโระเป็นเพียงสตรีที่ควรอยู่แต่ในโอโอขุ ไม่ควรมายุ่งเกี่ยวกับการเมืองการปกครองใดๆ ที่เป็นเรื่องของผู้ชายฝ่ายหน้าเท่านั้น การถูกกีดกันเช่นนี้ ก็เป็นปัญหาหนึ่งที่ท่านมิได หรือต่อมาคือท่านเท็นโชอินต้องแก้ไขและรับมือ

มีตัวละครที่อยากจะพูดถึงอีกมาก ไม่ว่าจะเป็น

ท่านนาริอาคิระ ( Takahashi Hideki ) พ่อบุญธรรมของท่านหญิงอัตสึ ผู้ปกครองแคว้นสัทสุมะ และมีวิสัยทัศน์กว้างไกลต่อการปรับตัวเพื่อรับการเปลี่ยนแปลงจากโลกภายนอก ถือเป็นไดเมียวคนสำคัญที่ "ถึงแม้คนจะตายไปแล้วก็ตาม แต่เจตนารมณ์นั้น ย่อมคงอยู่ไม่มีดับสูญ" แม้ท่านนาริอาคิระจะสิ้นไป ยังมีคนจำนวนไม่น้อยพยายามสานต่อเจตนารมณ์ของท่าน ไม่เว้นแม้แต่น้องชายที่เคยเป็นศัตรูแย่งชิงตำแหน่งผู้ครองแคว้นจนเกิดจราจล หรือแม้แต่ท่านไซโกข้ารับใช้ที่ถือได้ว่าเป็น "ยอดคน"

ท่านโอยูกิ (Higuchi Kanako) ท่านแม่ผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูท่านหญิงอัตสึ แม่เป็นอย่างไร ลูก(ท่านหญิงอัตสึ)ถึงได้กลายเป็นคนที่มีหัวใจยิ่งใหญ่อย่างนั้น บทของแม่ สตรีหัวใจแกร่งแบบชาวสัทสุมะผู้นี้ จึงย่อมเป็นบทบาทที่น่าสนใจ



ท่านไทโร อี นาโอสุเกะ (Nakamura Baijaku) ตำแหน่งไทโรเป็นขุนนางคนสำคัญของตระกูลโทกุกาวะ (หัวหน้าขุนนางทั้งหมด) ท่านอีได้รับการแต่งตั้งและทำการสนับสนุนท่านโยชิโตมิให้ขึ้นดำรงตำแหน่งโชกุน ท่านอีเป็นคนเด็ดขาด และใช้วิธีการต่อต้านฝ่ายตรงข้ามอย่างรุนแรง ที่เรียกว่า "การกวาดล้างใหญ่อันเซ" ท่านเท็นโชอินที่ถูกท่านอีคอยกีดกันไม่ยอมให้เข้ามามีส่วนในการบริหารปกครองในฐานะผู้ปกครองของท่านโชกุน ทำให้ไม่ค่อยลงรอยกันนักกับท่านอี แต่เมื่อได้พูดคุยกันเป็นการส่วนตัว ท่านอีและท่านเท็นโชอินต่างก็เริ่มยอมรับในกันและกัน โดยท่านอีได้กล่าวถ้อยคำที่ประทับใจแก่ท่านเท็นโชอินว่า

"หากมีใจอยากที่จะรักษาประเทศเอาไว้
ขอเพียงทำหน้าที่ของตนให้สมบูรณ์ก็พอ"


ซึ่งนั่นไม่ต้องสงสัยเลยว่าท่านอีได้พยายามทำหน้าที่ของตน และยืนหยัดในวิธีการที่ท่านเชื่อมั่น โดยไม่หวั่นไหวกับคำวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ แต่การกวาดล้างที่รุนแรงก็ก่อให้เกิดความโกรธแค้นจนท่านไทโรอีถูกลอบสังหารในที่สุด



อิคุชิมะ (Matsuzaka Keiko) เขาเรียกว่าตำแหน่งอะไรจำไม่ได้ค่ะ แต่ทำหน้าที่เป็นเหมือนนางต้นห้อง เป็นนางกำนัลที่รับใช้ขุนนางหรือสตรีชั้นสูงด้วยความซื่อสัตย์จงรักภักดี อิคุชิมะ เป็นข้ารับใช้ประจำตัวของท่านหญิงอัตสึ ที่ถือเป็นครูด้วยในการเตรียมความพร้อมท่านหญิงอัตสึสำหรับการเป็นมิไดโดโกโระของท่านโชกุน อิคุชิมะมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อชีวิตความเป็นไปของท่านหญิงอัตสึ กว่าอิคุชิมะจะเข้าใจกันและยอมรับท่านหญิงอัตสึด้วยหัวใจ อิคุชิมะผู้นี้ต้องใช้น้ำอดน้ำทนอย่างยิ่งในการฝึกปรือท่านหญิงผู้แก่นแก้วไม่หมือนใครและมีความดื้อดึงเอาชนะอย่างที่ไม่เคยพบเคยเจอในวิสัยสตรีใดมาก่อน

ทากิยามะ (Inamori Izumi) เป็นนางกำนัลต้นห้อง (เรียกอย่างนั้นก็แล้วกันค่ะ) ของท่านโชกุนแห่งตระกูลโทกุกาวะ ทากิยามะเป็นนางกำนัลระดับสูงที่มีอำนาจพอตัวในปราสาทเอโดะ โดยเฉพาะฝ่ายในโอโอขุ เพราะอิคุชิมะเป็นหัวหน้านางในทั้งหมด นี่ก็เช่นกันที่แปรเปลี่ยนจากความต่อต้านเป็นการยอมรับ หลังจากได้จับตาดูท่านมิไดโดโกโระ เรียนรู้ นับถือ และก้มหัวคารวะต่อท่านมิไดโรโกโระด้วยใจรักและศรัทธาในที่สุด อิซุมิผู้รับบทนางกำนัลทากิยามะ ก็คือคุณหมอคาโต้จาก IYU 1-3 ไงค่ะ บทบาทของเธอก็ต้องหนึ่งในตองอูอยู่แล้ว



ท่านฮงจูอิน (Takahata Atsuko)แม่ของท่านโชกุน อิเอซาดะ หรือแม่สามีของท่านหญิงอัตสึนั่นเอง ท่านฮงจูอินถือหางท่านโยชิโตชิขึ้นสืบทอดตำแหน่งโชกุน ขณะที่ท่านหญิงอัตสึรับคำสั่งจากพ่อบุญธรรมให้สนับสนุนท่านโยชิโนบุ แม่สามีและลูกสะใภ้ที่เคยปรองดองกันในระยะเริ่มแรก จึงมีความขัดแย้งกันขึ้น ท่านหญิงอัตสึจึงถูกท่านฮงจูอินกีดกันไม่ให้พบหน้าสามีเป็นเวลานาน และช่วงเวลานี้เองที่ท่านหญิงตระหนักได้ว่า สายใยความผูกพัน ความคิดถึงที่มีต่อท่านอิเอซาดะ ไม่ใช่แค่เพียงในฐานะสามีภรรยา แต่ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งที่มีความรักมอบให้แก่ชายคนหนึ่ง ป้าอัตสึโกะคนนี้ ก็ที่รับบทสำคัญเป็นรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข ในเรื่อง Orthros No Inu ไงคะ เรื่องนี้บทบาทแม่สามีของเธอก็เป็นสีสันมากทีเดียว (ชวนขำ..อีกด้วย)



ท่านคิชิโนสุเกะ ไซโก (Ozawa Yukiyoshi) และท่าน โอคุโบะ โชสุเกะ (Harada Taizo) สองสหายสนิทของท่านนาโอโกโร่ ( เอตะ ) และรู้จักมักคุ้นกับท่านหญิงอัตสึ ที่เคยให้ความเมตตาช่วยเหลือต่อซามูไรในชนชั้นที่ต่ำกว่าอย่างไม่มีแบ่งแยกวรรณะ ท่านไซโก และท่านโอคุโบะ สำนึกในน้ำใจและยกย่องท่านหญิงอัตสึตั้งแต่ท่านยังเยาว์วัย และเมื่อท่านไซโกได้กลายเป็นข้ารับใช้ท่านนาริอาคิระ ที่นับถือดั่งเป็นเจ้าชีวิตเหนือหัว ท่านไซโกก็ได้มีโอกาสรับใช้ท่านหญิงอัตสึด้วย และเมื่อเวลาล่วงผ่านการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองต่างๆ ทั้งท่านไซโก และท่านโอคุโบะก็ได้กลายเป็นผู้นำคนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงพัฒนาประเทศ

ทากาโมโตะ เรียวมะ ( Tamaki Hiroshi ) ไม่ยักรู้ว่าท่านจิ๊ของน้องหนูโนดาเมะ ก็เล่นเรื่องนี้กับเขาด้วย แต่บทบาทของท่านเรียวมะในเรื่องนี้ก็ไม่ได้มากนักค่ะ ท่านเรียวมะหนึ่งเป็นในบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและสังคมของญี่ปุ่นด้วยเหมือนกัน ถ้าอยากรู้ท่านทำอะไรไว้บ้างคงต้องไปตามดูกันที่ Ryumaden



ยังมีท่านโอชิคะ (ภรรยาท่านทาเตวะกิ) เจ้าหญิงคาสุโนะมิยะ (ภรรยาท่านโชกุน อิเอโมจิ) ท่านโอเรียว (ภรรยาท่านเรียวมะ) ยังมีท่านมันจิโร่ ท่านคัตสึ คณะขุนนาง คณะที่ปรึกษา และนางในชั้นสูงอีกมากมายหลายคน ตัวละครเยอะมากๆ ซึ่งในบรรดานักแสดงอาวุโสแต่ละคนนั้น เรียกได้ว่าทำหน้าที่ในบทบาทของตนเองได้เป็นอย่างดี ละครย้อนยุคที่มักจะมีนักแสดงอาวุโสมากๆ ก็สนุกอย่างนี้เอง

ภาวะอินจัด

ความจริงแล้วละครเรื่องนี้มีความเป็นมาที่ยาวนานด้วยความยาวถึง 50 ตอน เริ่มกันตั้งแต่ความเป็นไปของแคว้นสัทสุมะ การแย่งชิงขึ้นครองตำแหน่งหัวหน้าตระกูลชิมะสึระหว่างท่านนาริอาคิระ (ลูกภรรยาหลวง) และท่านทาดายุกิ (ลูกภรรยาน้อย) เพื่อขึ้นเป็นผู้นำตระกูลปกครองแคว้น กว่าที่ท่านนาริอาคิระจะได้พบโอคัทสึและขอรับมาเป็นธิดาบุญธรรม กว่าโอคัทสึจะยอมเป็นท่านหญิงอัตสึโกะ กว่าท่านหญิงอัตสึโกะจะปรับตัวและยอมรับการแต่งงานเพื่อการเมือง นั่นก็เป็นความยาวระยะหนึ่งแล้ว ท่านหญิงต้องมาพำนักที่ปราสาทสึรุมารุของตระกูลชิมะสึ ต้องได้รับการฝึกปรือความรู้และศิลปะวิทยาต่างๆ ต้องย้ายไปยังจวนของแคว้นสัทสุมะที่เอโดะเพื่อรอคอยการแต่งงานที่ท่านโชกุนยังมิได้ตกลงปลงใจ การต่อต้านของภรรยาท่านนาริอาคิระซึ่งก็คือแม่บุญธรรมที่เห็นว่าชาติกำเนิดของท่านหญิงไม่คู่ควรกับตำแหน่งมิไดโดโกเระ การเกิดเพลิงไหม้และการเมืองที่ยังไม่แน่ชัดว่าจะได้แต่งหรือไม่ได้แต่งกันแน่ ท่านนาริอาคิระต้องอาศัยการสนับสนุนจากแคว้นเกียวโต รวมถึงไดเมียวตระกูลต่างๆ ที่เป็นเครือข่ายอิทธิพลความสัมพันธ์ของท่านเพื่อให้ท่านหญิงได้แต่งงานกับท่านโชกุนเข้าไปอยู่ในปราสาทเอโดะ



ถ้าแบ่งออกเป็นช่วงเวลา ก็แบ่งได้ถึง 4 ช่วงตามชื่อของท่านหญิงดังนี้

1. ท่านโอคัทสึแห่งตระกูลซามูไร "อิไมสุมิชิมะสึ"
2. ท่านหญิงอัตสึโกะแห่งตระกูลไดเมียว "ชิมะสึ"
3. ท่านมิไดโดโกโระภริยาแห่งตระกูลโชกุน "โทกุกาวะ" ปกครองฝ่ายในโอโอขุ ของปราสาทเอโดะ
4. ท่านเท็นโชอิน ที่ผ่านพิธี ระขุโชสุ พิธีกรรมตัดผมของหญิงม่ายที่สามีเสียชีวิต

สี่ช่วงชีวิตที่ยาวนานประหนึ่งนางเอกสี่แผ่นดินยังไงยังงั้นเลย มีเรื่องชวนให้ไม่เข้าใจอยู่มาก และที่ทำให้ประทับใจก็ไม่น้อย ความไม่เข้าใจคงเป็นเรื่องของวิถีบูชิโดคือความซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อนาย นายจะดีหรือไม่ดีไม่ใช่ประเด็น เพราะนายก็คือนาย สั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำ สั่งให้ตายด้วยการทำฮาราคีรีก็ต้องตาย ยิ่งถ้ามีความเคารพนับถือจากหัวใจด้วยแล้วจะยิ่งมอบกายถวายหัวเป็นข้ารับใช้ที่ไม่มีคำว่าทรยศหรือเอาใจออกห่างเลย แม้ว่านายจะตายไปแล้วก็ตาม อีกเรื่องคือของยศศักดิ์ตระกูล ที่แบ่งแย่งชนชั้นอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะดีหรือเลวเป็นหญิงหรือชายหากว่าถือกำเนิดในตระกูลที่สูงกว่า จะอย่างไรผู้ต่ำต้อยกว่าก็ต้องก้มหัวและแสดงความคารวะ ดูแล้วก็ไม่เข้าใจ ทำไมจะต้องจงรักภักดีกันขนาดนั้น






และนั่นก็เป็นประเด็นนำมาสู่เรื่องของความอินจัดเช่นกัน ดูอย่างพ่อแม่ของโอคัทสึ เมื่อลูกสาวแสนซนในบ้านได้กลายเป็น ท่านหญิงอัตสึโกะของตระกูลไดเมียวผู้ครองแคว้น พ่อแม่ก็ต้องนั่งอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าและก้มหน้าค้อมตัวลงต่ำเพื่อแสดงความคารวะไม่ต่างกับเจ้านายชั้นสูงอื่นๆ เมื่อท่านหญิงต้องออกจากบ้าน จึงราวกับเป็นการสูญเสียที่ไม่มีวันจะได้กลับคืน ยิ่งตอนท่านหญิงจะออกเดินทางไปยังเอโดะเพื่อแต่งงาน ตำแหน่งมิไดโดโกโระนั้นยิ่งสูงส่งเกินพรรณาทำให้พ่อกับแม่ยิ่งต่ำต้อยและห่างไกลยิ่งกว่าเดิม แม้แต่จะแสดงความรักความสนิทสนมหรือเรียกขานชื่อขานนามที่เคยเรียกอย่างปกติก็ไม่อาจทำได้ นั่นเป็นความขมขื่นประการหนึ่งของท่านหญิงอัตสึ

"ไม่ว่าลูกจะต้องไปอยู่ที่ใด ท่านพ่อและท่านแม่
ลูกจะระลึกถึง และมีชีวิตอยู่อย่างภาคภูมิ
ที่ได้เกิดมาเป็นลูกของท่าน"


สองครั้งที่ท่านหญิงนั่งอยู่ในเกี้ยวและเปิดม่านเอียงหน้าออกมาเพื่อแลดูพ่อแม่พี่ชายนั่งค้อมตัวก้มหัวคารวะเพื่ออำลา (ครั้งแรกเมื่อออกเดินทางสู่ปราสาทสึรุมารุของตระกูลชิมะสึ และครั้งที่สองเมื่อต้องออกเดินทางสู่เอโดะ) เป็นภาพที่ค่อนข้างสะเทือนใจผู้เขียน เหมือนจากแล้วจากเลยและจะไม่ได้กลับมาอีก ระหว่างออกเดินทางไปเอโดะท่านหญิงได้หยุดลงจากเกี้ยว ณ ขณะหนึ่ง เพื่อแลดูเกาะซากุระจิมะ จดจำภาพความสวยงามของภูเขาสูงตระหง่านที่ตั้งโดดเด่นอยู่บนเกาะนั้นไว้ในหัวใจราวกับจะไม่มีวันได้กลับมาเห็นอีก และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อตลอดชีวิตของท่านหญิงอัตสึไม่เคยมีโอกาสหวนกลับมาที่แคว้นสัทสุมะอีกเลย



อีกตอนหนึ่งคือเมื่อกองทัพของแคว้นสัทสุมะยกทัพไปเกียวโตเพื่อป้องกันราชสำนักและทำให้บะขุฝุ (ฝ่ายปกครองของรัฐบาลโชกุน) ต้องกลายเป็นศัตรูของราชสำนักอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ท่านเท็นโชอินในฐานที่ถือกำเนิดจากแคว้นสัทสุมะจึงถูกสงสัยว่าเป็นคนชักใยอยู่เบื้องหลัง ท่านเท็นโชอินไม่หวั่นไหวนักจนกระทั่งท่านโชกุน อิเอโมจิ แสดงท่าทีสงสัยในตัว "ท่านแม่" ทำให้ท่านเท็นโชอินเสียใจมาก ตอนนั้นไม่อินอะไรมาก แต่ตอนที่ท่านเท็นโชอินนำข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างที่เป็นของแคว้นสัทสุมะออกมาเผาทำลายจนหมดสิ้นนั้น ผู้เขียนออกอาการสะอื้นเลยทีเดียว ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าอินอะไรขนาดนั้น

อาจเป็นเพราะท่านหญิงเป็นคนที่รักสัทสุมะมาก ต้องจากครอบครัว ไปเป็นลูกของคนอื่น แม่นมคิขุโมโตะลงทุนถึงกับฆ่าตัวตายเพื่อลบตัวเองออกจากประวัติชีวิตท่านหญิงอัตสึว่าเคยมีแม่นมที่เป็นเพียงหญิงจากตระกูลซามูไรชั้นต่ำ เพื่อน้อมหัวใจจงรักภักดีส่งท่านโอคัทสึที่เลี้ยงดูให้เติบใหญ่มากับมือไปเป็นท่านหญิงอัตสึโกะอย่างไร้มลทิน แต่นั่นคือความเจ็บปวดและคราบน้ำตาของท่านหญิงไปด้วยเหตุผลเพียงเพราะความแตกต่างระหว่างชนชั้นที่ท่านหญิงไม่อาจทำใจยอมรับได้ ต้องจากถิ่นฐานบ้านเกิดที่สัทสุมะมาใช้ชีวิตที่เอโดะ ท่านพ่อแท้ๆ ต้องตรอมใจที่พรากจากบุตรสาวจนล้มป่วยกระทั่งเสียชีวิต ท่านหญิงก็ไม่ได้กลับไปคารวะศพ ต่อมาสามีคือท่านอิเอซาดะ กับท่านพ่อบุญธรรมนาริอาคิระก็เสียชีวิตลงพร้อมๆ กัน โดยมิได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดในวาระสุดท้ายของบุคคลที่รักทั้งสอง สำหรับท่านหญิงชีวิตสูงส่งในโอโอขุไม่ได้ง่ายดายและความสูงส่งไม่ใช่ความสุขอันใดเลย แต่ความสูงส่งคือต้องก้าวผ่านความเจ็บปวดและมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้ ข้าวของเครื่องใช้เหล่านั้นจึงเหมือนเป็นตัวแทนของสัทสุมะที่ท่านหญิงมีไว้เป็นเครื่องแทนใจ การเผาของเหล่านั้นเพื่อแสดงเจตนารมณ์ของตนเองว่าไม่ได้ให้การสนับสนุนหรือชักใยแคว้นสัทสุมะในการลุกฮือขึ้นต่อต้านเป็นศัตรูกับบะขุฝุ จึงค่อนข้างเป็นเรื่องสะเทือนใจ โดยเฉพาะสมบัติชิ้นสุดท้ายที่ท่านพ่อนาริอาคิระได้ฝากไว้ให้ท่านหญิงก่อนสิ้นใจคือภาพวาดของแคว้นสัทสุมะที่มองเห็นเกาะซากุระจิมะกับภูเขาตระหง่านที่อยู่ในความทรงจำ ตอนที่ภาพวาดจะจ่อเข้าเปลวไฟเป็นชิ้นสุดท้าย มันเศร้าเกินห้ามใจจริงๆ



อีกตอนหนึ่ง คือ จดหมายถึงท่านไซโก นี่ก็ไม่รู้อินอะไรเหมือนกันค่ะ ตอนพ่อตาย สามีตาย เพื่อนตายยังไม่เศร้าไปกับท่านหญิงอัตสึมากเท่าตอนนี้ ตอนที่ท่านไซโก ข้ารับใช้ของท่านพ่อบุญธรรมนาริอาคิระได้กลายไปเป็นบุคคลสำคัญทางการเมือง ท่านไซโกนั้นพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศญี่ปุ่นให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของท่านนาริอาคิระที่อยากเห็นญี่ปุ่นเปิดตัวสู่สังคม รับการเปลี่ยนแปลงและมีความเจริญก้าวหน้าทัดเทียมชาติตะวันตก แต่การจะปรับเปลี่ยนพัฒนาใดๆ ในประเทศนั้น ท่านไซโกเห็นว่าการปกครองของบะขุฝุเป็นอุปสรรคสำคัญที่จำเป็นจะต้องล้มล้างลงไปให้สิ้นซาก แม้ว่าบะขุฝุจะสูญเสียอำนาจแก่ราชสำนักไปแล้ว แต่การทิ้งเชื้อที่สามารถหยั่งรากเหง้าและอาจเติบโตขึ้นมาสะสมกำลังกลายเป็นศัตรูขึ้นมาได้ในภายหน้า เป็นเรื่องที่ไม่ควรจะปล่อยให้เกิดขึ้น

ไม่ว่าอย่างไรบะขุฝุและตระกูลโทกุกาวะจะต้องถูกล้มล้างให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดิน ท่านไซโกมีตำแหน่งมีบรรดาศักดิ์ขุนนางที่สูงขึ้นแล้วในตอนนั้น จนถึงขั้นเป็นรองแม่ทัพของทางราชสำนักที่ยกทัพมายังเอโดะ ท่านหญิงอัตสึหรือท่านเท็นโชอินในขณะนั้นเป็นเพียงหญิงม่ายในตระกูลโทกุกาวะที่ไร้สามีคอยคุ้มครอง ท่านอิเอโมจิที่เป็นบุตรบุญธรรมและดำรงตำแหน่งโชกุนคนต่อมาก็เสียชีวิต โชกุนคนใหม่คือท่านโยชิโนบุ ก็ใจร้อนวู่วามจนนำพาบะขุฝุไปสู่หายนะต้องอาญาแผ่นดินในฐานะศัตรูแห่งราชสำนัก ทั้งที่ความจริงแล้วท่านโยชิโนบุนั้น ทั้งชีวิตและจิตวิญญาณเต็มเปี่ยมไปด้วยความจงรักภักดี ภายใต้การนำของท่านไซโก บะบุฝุ และโทกุกาวะต้องถูกทำลายให้สิ้นซาก ท่านเท็นโชอินจึงได้เขียนจดหมายถึงท่านไซโก เพื่อขอร้องให้ยุติการกวาดล้างที่รุนแรง เมื่อบะบุฝุได้สิ้นอำนาจ คืนการปกครองสู่ราชสำนักจนหมดสิ้นแล้ว หากจดหมายนี้สะเทือนใจท่านไซโก จนถึงขั้นทำให้ชายชาติบุรุษผู้หนึ่งต้องหลั่งน้ำตาร้องไห้ จดหมายนี้ก็ทำให้ผู้เขียนอินจัดด้วยเช่นกัน

ท่านโอคัทสึในวัยแรกรุ่น เคยวิ่งถลาออกไปปกป้องท่านไซโกไว้ไม่ให้ถูกทำร้าย ลักลอบนำอาหารการกินของบ้านอิไมสุมิไปเยี่ยมเยียนและให้ความช่วยเหลือท่านโอคุโบะและท่านไซโกในยามลำบากด้วยน้ำใจปราณี ไม่เคยถือยศถือตัวว่าสูงศักดิ์กว่า แต่มอบความเป็นกันเองสนิทสนมดั่งมิตรสหาย เมื่อท่านโอคัทสึได้กลายเป็นธิดาบุญธรรมของท่านนาริอาคิระ ซึ่งท่านไซโกก็ได้กลายเป็นข้ารับใช้คนสนิทของท่านนาริอาคิระด้วย ทำให้ท่านไซโกได้ติดตามรับใช้ท่านหญิงมาที่เอโดะ เป็นคนเตรียมข้าวของต่างๆ เพื่อส่งท่านหญิงเข้าพิธีแต่งงานไปยังปราสาทเอโดะ ซึ่งคนจะทำหน้าที่นี้ได้ถือว่าเป็นบุคคลสำคัญและได้รับความไว้วางใจเป็นอย่างสูง ท่านหญิงอัตสึจึงถือเป็นนายคนหนึ่งที่ท่านไซโกให้ความเคารพรักรองลงมาจากท่านนาริอาคิระผู้เปรียบเสมือนเป็นเจ้าชีวิตเหนือหัว การที่ท่านหญิงอัตสึ (เท็นโชอิน) ต้องลดตัวลงมาเพื่อเขียนจดหมายมาถึงท่านไซโกเช่นนี้ ทำให้ท่านไซโกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง และที่สะเทือนใจยิ่งกว่าคือท่านไซโกไม่สามารถทำตามคำขอร้องของท่านหญิงได้ แม้ว่าจะเคารพรักท่านหญิงสักเพียงใด ท่านไซโกในฐานะบุรุษผู้มีความสำคัญต่อความเป็นไปของประเทศนี้ก็มีวิถีทางที่ต้องเดินและต้องยืนหยัด เหตุนี้ผู้เขียนจึงร้องไห้ซะมากไปกับท่านไซโก อดีตบ่าวที่หัวใจจงรักภักดี แต่ด้วยหน้าที่ความรับผิดชอบทำให้ไม่อาจแสดงความจงรักภักดีด้วยการทำตามคำขอร้องของท่านหญิงได้

แล้วท่านหญิงอัตสึจะเอาชนะจิตใจอันมั่นคงดั่งหินผาของท่านไซโกได้อย่างไร เพราะนี่คือความเป็นความตายของทุกชีวิตในตระกูลโทกุกาวะ รวมถึงความอยู่รอดของประชาชนภายในแคว้นด้วย จิตใจอันเข้มแข็งของท่านไซโกเป็นทางออกเดียวที่ท่านหญิงจะต้องฟันฝ่า

ยุคของซามูไรสิ้นสุดลงแล้ว ไม่มีโชกุน ไม่มีบะขุฝุ ไม่มีโอโอขุ ไม่มีปราสาทเอโดะเป็นบ้านอีกต่อไป แต่ไม่ว่าอะไรจะสูญเสีย ตระกูลโทกุกาวะและหัวใจโทกุกาวะจะต้องคงอยู่

"ทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่
คือครอบครัวของโทกุกาวะ
แม้จะออกจากปราสาทนี้ก็ตาม
แม้โอโอขุจะหายไปก็ตาม
ขอให้พวกเจ้า จงอยู่อย่างภูมิใจ
รักษาศักดิ์ศรีแบบนี้เอาไว้
และขอให้ส่งต่อจิตใจนี้ไปยังลูกหลาน
นี่คือการขอร้องจากข้า เป็นครั้งสุดท้าย
ฝากไว้ด้วยนะ"


ฝากไว้เหมือนกัน ฝากคนไทย หัวใจของคนไทยที่เปี่ยมไปด้วยน้ำใจ รู้รักสามัคคี ปรองดอง และมีรอยยิ้มที่มีความสุขเสมอ ไม่ว่าน้ำท่วมจะทำประเทศเสียหายแค่ไหน ไม่ว่าความคิดเห็นต่อผู้นำประเทศ และการแก้ปัญหาจะขัดแย้งอย่างไร หัวใจของคนไทย จะต้องคงอยู่

ฝากไว้ด้วยนะ
.....

ขอบคุณ
Dramawiki
//www.baanseries.com
//hilight.kapook.com/view/42005




Create Date : 30 ตุลาคม 2554
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2558 8:53:20 น. 5 comments
Counter : 9057 Pageviews.

 
ไม่นึกว่าท่านจะกล้า รีวิวซีรีย์ของค่าย

เอ็นเอชเคเขาได้นะครับ

เพราะเห็นจำนวนตอน แล้ว ไม่รู้จะ"รวบ"

รายละเอียดให้จบในหนึ่งตอน

ได้ไง

ยิ่งพอมาบอกว่า สิ้นสุดยุคซามูไร

ทำให้นึกถึง ซากาโมโตะ เรียวมะทุกที

เออ...ถ้ามาบ้านเรา คงมองเป็นเรือ่งการเมืองแน่

เลยนะครับ

ว่าทำไมจะจับเอาเหตุการณ์ในยุคเปลี่ยนเข้าสู่

สมัยเมจิได้

อืม..ข้อมูลละเอียดมากครับ ชนิดไม่เชื่อว่า

ที่เคยมาจะลืมไปได้ ซึ่งก็น่าลืม

แต่หนูโออิ อย่างไรก็จำเธอได้จากนานา

ภาคแรกอยู่ดี

จะบอกว่าไงดีละ อัตซึเป็นชีวิตที่ถ่ายทอด

ความเป็นลูกผู้หญิงได้ครบถ้วนสมบูรณ์

เท่าที่คนหนึ่งจะพยายามรักษาสถาบันเอาไว้ได้

ด้วยอำนาจที่มนุษย์ที่ประสีประสาเวลาอันจำกัดจะทำได้


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 30 ตุลาคม 2554 เวลา:18:58:02 น.  

 
คุณprysang รีวิวได้เห็นภาพ นึกตามได้ตลอดเลยค่ะ
บางช่วงที่ดูแล้วยังไม่เข้าใจ ยังมัวๆอยู่ พอได้อ่านแล้วเข้าใจมากขึ้นเลยค่ะ
ขอสารภาพเลยว่าช่วงที่มะนาวดู2-3ตอนแรก มีแอบหลับด้วยค่ะ
เพราะช่วงแรกๆตอนที่อาโออิเป็นโอคัทสึ มันยังไม่ดึงดูดใจ
แล้วแถมเอตะที่เป็นนาโอโกโร่ ก็ไม่ชวนให้ละครสนุกขึ้นเลยค่ะ
แต่คนที่ตรึงมะนาวไว้ให้ดูต่อไปคือท่านนาริอากิระ
แบบไม่เคยรู้จักท่านTakahashi Hideki มาก่อน รู้แต่ว่าท่านแสดงได้ดีมากๆ
ฉากไหนที่ท่านออก มะนาวเป็นนั่งติดหน้าจอเลยค่ะ(สายตาสั้น แต่ไม่ใส่แว่นค่ะ)
ชอบมากๆ ยังคิดเลยว่าท่านน่าจะได้มาสักรางวัล แต่อย่างว่าล่ะค่ะ
เรื่องนี้ตัวละครเยอะมาก ต้องเลือกส่งตัวละครที่เด่นจริงๆ ซึ่งแต่ละคนก็แสดงได้ดีทั้งนั้น
หุหุ สงสัยเอตะจะเป็นข้อยกเว้น เพราะคุณprysang บอกว่า"ดับสนิท"(หุหุ แม่ยกขัดใจ)
ส่วนอาโออิมะนาวชอบที่สุดตอนเป็นท่านมิไดโดโกโระค่ะ
มะนาวว่าตอนนั้นอาโออิ เปล่งประกายมากที่สุดเลยค่ะ ทั้งความสวย (สวยมาก)
ความฉลาด และการแสดงออกถึงความเป็นผู้นำ
อาโออิแสดงให้เห็นความแตกต่างจากตอนเป็นโอคัทสึอย่างเด่นชัดเลยค่ะ
ส่วนอีกคนที่ออกมาแล้วมะนาวชอบสุดๆคือท่านโชกุนอิเอซาชิ
คนอะไรแสดงเก่งมากๆ แบบหน้าตา ท่าทาง น้ำเสียงนี้เป็นปริศนาจริงๆ ว่าเอ๊ะฉลาดหรือโง่
รู้แต่ว่าออกฉากไหน มีแอบคิกๆกับอาการของท่านคุโบอิเอซาดะจริงๆ
คุณprysang ชอบสายตาคมกล้าของท่านคุโบใช่ไหมคะ
แต่มะนาวชอบน้ำเสียงค่ะ น้ำเสียงท่านคุโบช่างเด่น ยากที่จะเลียนแบบ
ได้ยินแล้ว เหมือนคนเจ้าเล่ห์แบบติดจะหยันๆอย่างนั้นล่ะค่ะ ดูเป็นปริศนาดีจังค่ะ
Masatoคนนี้ มะนาวรู้จักค่ะ ดูเขาแสดงมาก็หลายเรื่อง มีเรื่องนี้ล่ะค่ะที่ทำเอามะนาวทึ่ง
อีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือท่านฮงจูอิน ชอบมากกกกกกกกก
ฮาป้าแกมากเลยค่ะ ป้าแกแสดงบทแม่สามีจอมกีดกันได้ฮามาก
ฮากับพฤติกรรมที่เหมือนเด็กเอาแต่ใจ ขี้อิจฉา แต่ไม่ทำให้คนดูเกลียด
ส่วนอีกคน รู้ป่าวคะว่ามะนาวดูหนังเธอมาหลายเรื่องมาก
แต่มะนาวไม่รู้เลยว่าทากิยามะ คือIzumi ค่ะ พอคุณprysangบอกว่า
เป็นคุณหมอคาโต้จาก IYU 1-3 มะนาวตบหน้าผากตัวเองเลยค่ะ
โอ้!ทำไมเราถึง จำเธอไม่ได้ขนาดนี้นะ แถมมะนาวเรียกเธอซะใหม่ด้วยว่า
ยัยหน้าจิ้งจอก เพราะมะนาวว่าหน้าเธอเหมือนสุนัขจิ้งจอกเลยค่ะ เวรกรรมจริงๆ
ส่วนฉากอินของมะนาวนะคะ ฉากนั้นเลยค่ะ ฉากที่ท่านคุโบบีบแก้มท่านมิได
แล้วท่านมิไดบอกว่าใจร้าย แล้วท่านคุโบก็ดึงตัวเข้ามากอด
อ๊ายยยยกัดหมอนแทบขาดเลยค่ะ น่ารักมากกก
บ่งบอกถึงว่าท่านคุโบรักและเอ็นดูท่านมิไดยังไง รักสุดหัวใจ
ส่วนฉากที่มะนาวน้ำตาหยดแหมะๆเลยคือ
ฉากที่ท่านหญิงเผาข้าวของเครื่องใช้ที่นำมาจากสัทสุมะ
สะเทือนใจ และสงสารท่านหญิงสุดๆเลยค่ะ
ชอบซีรีส์เรื่องนี้ เฝ้ารอดูหลังจากได้รู้จักจากรายการ"วาบิซาบิ"
ของคุณ"ฮิโระ"ที่ได้พาไปดูสถานที่ถ่ายทำ เลยทำให้ได้รู้จักซีรีส์เรื่องนี้
พอรู้ว่าTPBS นำมาออนแอร์ ก็ดีใจมากและติดตามดูตลอดเลยค่ะ


โดย: มะนาวเพคะ IP: 182.53.38.245 วันที่: 6 พฤศจิกายน 2554 เวลา:0:32:55 น.  

 
โอวววว
ท่านพี่
มันจะเป็น next programe ของข้าเจ้าค่ะ


โดย: nobuta wo produce วันที่: 6 พฤศจิกายน 2554 เวลา:20:07:30 น.  

 
ปล.ลืมบอกคุณprysang ไปว่า

TPBS มีแบบพูดญี่ปุ่น ซับไทยด้วยนะคะ

เลยไม่เสียอรรถรสในการรับชมเลยค่ะ


โดย: มะนาวเพคะ IP: 182.53.44.241 วันที่: 6 พฤศจิกายน 2554 เวลา:20:23:34 น.  

 
สุดยอดมาก ชื่นชมกับรีวิว ขอบคุณที่ทำให้เพิ่มอรรถรส ในการชมซีรีย์มากขึ้น


โดย: karen IP: 192.99.14.36 วันที่: 11 กันยายน 2557 เวลา:1:14:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

prysang
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 98 คน [?]




จำนวนผู้ชม คน : Users Online
New Comments
Friends' blogs
[Add prysang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.