Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2554
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
17 พฤษภาคม 2554
 
All Blogs
 
Hwang Jin Yi ศิลปินเอกแห่งโชซอน




Title: 황진이 / Hwang Jin Yi
Also known as: Hwang Jini / Dust Storm
Genre: Period-Traditional Drama
Episodes: 24
Broadcast network: KBS2
Broadcast period: 2006-Oct-11 to 2006-Dec-28
Air time: Wednesday & Thursday 21:55
Ratings: 21.7% (nationwide average)


Producer: Lee Sung Joo
Director: Kim Chul Kyu
Screenwriter: Yoon Sun Joo


Hwang Jin Yi - จอมนางหัวใจทรนง





หากเอ่ยถึงคำๆ นี้ 'จอมนาง' ชวนให้นึกถึงสตรีผู้กระทำคุณประโยชน์อันยิ่งใหญ่ต่อแผ่นดิน มีความดีความชอบดั่งวีรสตรีกู้ชาติเป็นที่เคารพนับถือและเป็นตำนานเล่าขาน ส่วนอีกคำ 'หัวใจทรนง' ทำให้นึกถึงความทะนงตนในเกียรติยศศักดิ์ศรี ยึดมั่นในอุดมการณ์ ศรัทธาต่อคุณงามความดี ต่อสู้เพื่อฟันฝ่าอุปสรรคอย่างไม่ย่อท้อ ดังนั้น 'จอมนางหัวใจทรนง' ดูจะเข้ากันดีหากเราใช้กับ แดจังกึม (จอมนางแห่งวังหลวง) หรือ ดงยี ที่หากดูจบแล้วเขียนบล็อกคงจะใช้ชื่อว่า จากนางทาสสู่จอมใจราชันย์ เราอาจไม่ต้องคิดนานหากจะเอ่ยถึงคุณธรรมความดีของแดจังกึม และสำหรับดงยีก็คงหาไม่ยากเพราะเป็นนางทาสที่รักความถูกต้อง อ่อนน้อมถ่อมตนและไม่เกรงกลัวต่ออำนาจชั่วร้าย ด้วยจิตใจอันซื่อสัตย์ดีงาม นางทาสลูกกบฏผู้หนึ่งจึงได้ก้าวไปสู่ตำแหน่งสนมเอกและเป็นถึงพระมารดาของกษัตริย์องค์หนึ่งแห่งราชวงศ์โชซอน



แต่หากเอา 'จอมนางหัวใจทรนง' มาใช้กับฮวางจินยี ความเห็นส่วนตัวยังคงรู้สึกตะขิดตะขวงใจนิดหน่อย ยิ่งถ้าเป็นชื่อ 'จอมนางสะท้านแผ่นดิน' ที่ใช้ในฉบับภาพยนตร์ก็ยังรู้สึกว่าไม่ใช่ (เว้นแต่เวอร์ชั่นภาพยนตร์เขาจะทำออกมาให้รู้สึกถึงความสะท้านแผ่นดินได้จริงๆ) เพราะฮวางจินยีเป็นเพียงคณิกานางหนึ่งผู้รักและหลงใหลในศิลปะ ทั้งยังเชื่อมั่นว่านางคณิกาผู้ใช้ศิลปะคือศิลปิน จินยีจะเป็น 'จอมนาง' หากเป็นทั้งผู้อนุรักษ์และสรรค์สร้างศิลปะอันเป็นคุณประโยชน์ยิ่งใหญ่ต่อวัฒนธรรมของเกาหลี ตอนแรกก็เข้าใจว่าจะเป็นเรื่องราวของศิลปินคนสำคัญของบ้านเมืองเช่นนั้น ดังที่ครั้งหนึ่งจินยีได้แสดงความสามารถในการแต่งบทกวีจนทูตจากเมืองจีนเปลี่ยนใจ ยกเลิกการทำลายเครื่องดนตรีและตำรารวบรวมบทเพลงขับร้องและศิลปะต่างๆ ของโชซอนให้สิ้นไป คิดว่าจินยีจะมีบทบาทสำคัญต่อราชสำนักในการฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรม การสร้างสรรค์บทกวีสำคัญที่ทำให้ฮวางจินยีมีชื่อเสียงเป็นตำนาน ถึงได้ชื่อว่าเป็นจอมนางหัวใจทรนง



แต่เรื่องราวของละครฮวางจินยีไม่ได้ดำเนินไปเช่นนั้นซะทีเดียวนัก ตรงกันข้ามละครเรื่องนี้ดำเนินเรื่องราวหลักๆ อยู่ที่ ความรัก ความแค้น ความแก่งแย่งชิงดี อิจฉาริษยา และเจิ่งนองไปด้วยน้ำตาของความขมขื่น ราวกับจะบอกว่าแก่นแท้ของศิลปินนั้นคือผู้ที่ต้องดำเนินชีวิตด้วยความรักและความเจ็บปวด เมื่อสามารถกล้ำกลืนความเจ็บปวดอยู่ภายใต้รอยยิ้มอันงดงามเพื่อทำให้ผู้อื่นเกิดความเริงรื่นชื่นใจได้นั่นแหละ คือ ศิลปินจริงแท้

ทว่า 'ผู้อื่น' ในที่นี้หมายถึง 'ผู้ชาย' เท่านั้น หน้าที่ของนางคณิกาคือผู้ใช้ศิลปะสร้างสรรค์ความบันเทิงเริงใจ แต่อย่าลืมว่าในงานเลี้ยง งานสังสรรค์ที่ต้องใช้การดนตรี การร่ายรำ ของนางคณิกาทั้งหลายแหล่นั้น มีอยู่เฉพาะในหมู่พ่อค้าและเหล่าขุนนาง และชายเท่านั้นที่จะจ้างนางคณิกาไปสร้างความบันเทิง การหลับนอนกับเหล่านางคณิกาก็สามารถทำได้ง่ายแค่เพียงหยิบยื่นเงินให้



ก็เลยค่อนข้างงุนงงกับความหมายของ 'นางคณิกา' แม้ว่าจะใช้ศิลปะสร้างความพึงพอใจ แต่ก็ใช้ร่างกายมอบให้ไปถ้าเป็นที่ต้องการ คล้ายละครจะบอกว่าการใช้ร่างกายให้ความพึงพอใจก็เป็นศิลปะแขนงหนึ่งของเหล่านางคณิกา น่าแปลกใจตรงที่ในเรื่องนี้นางคณิกามักใช้คำว่า โสเภณี เพื่อแสดงให้เห็นถึงอีกหนึ่งชนชั้นที่แตกต่าง "เจ้าอยากไปเป็นโสเภณีหรือ" นั่นคือ คณิกาไม่ใช่โสเภณี คณิกาดีกว่าโสเภณี และดีกว่าทาสด้วย (แต่คณิกาก็ขายตัวเหมือนกัน) ความหยิ่งยโสของนางเอก แม้ว่าจะเป็นเพราะความเคียดแค้นชิงชังที่มี่ต่อความเหลื่อมล้ำ การถูกดูหมิ่นเหยียดหยามจากเหล่าขุนนางผู้อยู่ในชนชั้นที่สูงกว่า หรือการถูกบีบบังคับให้เป็นนางคณิกาก็ยังไม่รู้สึกเป็นจอมนางหัวใจทรนงอยู่นั่นเอง



ร่างกายของนางคณิกาไม่ใช่สมบัติของชายใด แต่เป็นของชายมากหน้าหลายตา (คือเป็นของสาธารณะที่ใครจะเรียกใช้ก็ได้หากตกลงจ่ายในราคาที่น่าพอใจ) ต่อให้เรียกตัวเองอยู่ซ้ำๆ ว่าเป็นศิลปิน ก็แสนจะดูต่ำต้อยด้อยค่าในสังคม เป็นเพียงผู้รับใช้ เป็นเพียงผู้ให้บริการความบันเทิง ที่รวมถึงการใช้ร่างกายให้บริการด้วย แต่นางคณิกากลับถือตัวเองเป็นศิลปิน โดยจัดโสเภณีเป็นอีกคนอีกวรรณะที่ต่ำต้อยกว่า



ฮวางจินยี (Ha Ji Won ) เป็นลูกของนางคณิกาฮยอนกึม กฏหมายกำหนดว่าลูกของนางคณิกาต้องเป็นนางคณิกา แม่ผู้มีสัมพันธ์สวาทกับขุนนางผู้หนึ่งด้วยความรักแล้วเกิดตั้งครรภ์ อีกทั้งยังถูกขุนนางผู้นั้นทอดทิ้ง หัวใจสลายจนทำให้เกิดอาการตาบอด เพราะรู้ซึ้งถึงความทุกข์ระทมของการเป็นคณิกา ฮยอนกึมจึงไม่ต้องการให้ลูกสาวมีชีวิตอันขมขื่นเช่นเดียวกับตน หลังคลอดจึงนำลูกไปฝากไว้ที่วัดแห่งหนึ่งให้พระเลี้ยงดู โดยโกหกต่อนายหญิงหัวหน้าสำนักว่าลูกตาย

ถูกเลี้ยงมาโดยพระและเติบโตในวัด จินยีในวัยเยาว์จึงเป็นสามเณรี แต่เมื่อได้เห็นการร่ายรำในชุดแพรพรรณสวยงามของเหล่านางคณิกาจากสำนักโซดองในงานเลี้ยงแห่งหนึ่ง จินยีก็หลงใหลในเสียงดนตรีและการร่ายรำ ใฝ่ฝันจะเป็นนางคณิกา ไม่ว่าจะถูกห้ามปรามและขัดขวางอย่างไร จินยีก็หาทางมาที่สำนักโซดองจนได้พบ เบ็คมู ผู้เป็นนายหญิงและกำลังมองหาเด็กใหม่ๆ มาฝึกฝนเพื่อฟื้นฟูสำนักคณิกาโซดองที่กำลังเข้าสู่ภาวะตกต่ำ เบ็คมูมองเห็นพรสวรรค์ในตัวของจินยี เป็นเพียงเด็กหญิงคนหนึ่งเท่านั้นแต่ได้เห็นการร่ายรำเพียงครั้งเดียวก็สามารถจดจำและเข้าถึงอารมณ์ของทวงท่าของการร่ายรำนั้นได้ นางจึงหมายมั่นจะนำจินยีมาเลี้ยงและฝึกหัดให้เป็นนางคณิกา แม้ว่าฮยอนกึม คณิกาตาบอดผู้เป็นแม่ของจินยีจะพยายามขัดขวางสักเท่าไร สุดท้ายเบ็คมูก็สมปรารถนา และอย่างที่คิดไว้ไม่ผิด จินยีคือความหวัง คือดาวจรัสแสงดวงใหม่แห่งสำนักคณิกาโซดอง





นางคณิกาฮยอนกึม อุตส่าห์เอาไปอยู่วัดอยู่วาฝากฝังไว้กับพระผู้ทรงศีล แต่จินยีก็เป็นลูกไม่รักดีเสียจริง จึงใฝ่ต่ำหาทางมาเป็นนางคณิกาฝึกหัดเข้าจนได้ ฮยอนกึมทั้งเป็นทุกข์และห่วงกังวลแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากทำใจ จินยีก็มีความสุขดีกับการร่ำเรียนเครื่องดนตี แต่งบทกวี และแสดงการร่ายรำ แต่ชะตาชีวิตคนเราไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เมื่อนางคณิกาสาวน้อยริอ่านมีรักความรักที่อยู่นอกเหนือการควบคุมเสมอ บทจะมาก็มา บทจะไปก็ไป ใครจะห้ามได้



คุณชายอึนโฮ ( Jang Geun Seok) บัณฑิตหนุ่มอนาคตไกลบุตรชายคนเดียวของขุนนางตระกูลคิม เมื่อได้พบกันจินยี รักแรกของหนุ่มสาวที่ยังเยาว์วัยและโฉดเขลา เมื่อได้รักก็มีแต่รักเท่านั้น ไม่มีสิ่งอื่นใดหรือใครอยู่ในสายตาอีก จินยีอุตส่าห์เป็นคณิกาฝึกหัดมากสิบกว่าปีเพื่อความใฝ่ฝันที่จะเป็นคณิกาชั้นเลิศ กลับคิดจะละทิ้งไปง่ายๆ ไม่ต้องการเป็นคณิกาอีกต่อไป

เมื่อมีความรัก ...ความแตกต่างทางชนชั้นเป็นอุปสรรค คณิกาอาจเป็นสิ่งมีชีวิตที่บรรดาชายผู้นิยมความบันเทิงใจกับอิสตรีเรียกหา แต่การครองคู่กับคณิกานั้นเป็นไปไม่ได้ และตามกฏหมายก็ไม่อนุญาตให้มีการแต่งงานกับนางคณิกา เว้นแต่นางคณิกาจะแต่งสามีคีมู คือ เป็นสามีที่ทำหน้าที่เหมือนเป็นองครักษ์คอยปกป้องนางคณิกา ซึ่งก็คงหาไม่ง่ายนักผู้ชายที่จะยอมแต่งเป็นคีมูเพื่อหวีผมส่งภรรยาไปรับแขกหลับนอนกับชายอื่น ยิ่งชนชั้นขุนนางแม้แต่การรับนางคณิกามาเป็นเมียน้อยอย่างลับๆ ก็ถือเป็นเรื่องน่าอับอายยิ่งแล้ว



อึนโฮมีคู่หมั้นที่ผู้ใหญ่จัดหาให้เป็นลูกสาวขุนนางเจ้าเมืองซองโด พ่อของอึนโฮเพิ่งได้รับพระราชทานตำแหน่งใหม่ที่ใหญ่โตขึ้นและกำลังจะย้ายไปรับราชการที่เมืองหลวงจึงเร่งการแต่งงานของอึนโฮให้เร็วขึ้น ทางฝ่ายเบ็คมูนั้นไม่ต้องการให้จินยีเลิกเป็นคณิกา จะด้วยเสียดายพรสวรรค์ของจินยีหรือจะเห็นอนาคตอยู่แล้วว่ารักนั้นเป็นไปไม่ได้ ไม่มีหนทางใดที่จะได้พบกับความสุข ความรักของจินยีและอึนโฮจึงถูกขัดขวางและต้องจบลงอย่างทุกข์ทรมาน



ความเจ็บปวดนั้นเกินกว่าที่ใครจะเยียวยาได้ จินยีมีชีวิตอยู่ด้วยเพลิงแค้นที่สุมอกไว้เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงชีวิตให้อยู่รอด จมอยู่กับรักแรกที่ต้องสูญเสีย คลุกเคล้าอยู่กับความโศกเศร้า หยาดน้ำตา และฤทธิ์สุรามึนเมา แต่ด้วยพรสวรรค์และบุคลิกอันร้ายกาจเย็นชาก็หล่อหลอมรวมกันเป็นเสน่ห์เย้ายวนใจให้ชายมากหน้าหลายตาถวิลหา ส่งผลให้จินยีเป็นนางคณิกาผู้มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักในชื่อคณิกา มยองวอล ดังที่สุด เล่นตัวที่สุด และเป็นนางคณิกาที่ร่ำรวยที่สุด

เมื่อความระทมทุกข์จากรักแรกนั้นสาหัส ใครกันอยากจะมีรักครั้งใหม่ แต่รักก็คือรัก รักเกิดกับใครที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะรักไม่ต้องการความเห็นจากใคร จินยีหรือนางคณิกา มยองวอล ก็เป็นคนหนึ่งที่หลีกเลี่ยงรักไม่ได้



คิมจังฮัน (Kim Jae Won) หนุ่มพเนจรผู้ช่วยชีวิตจินยีไว้จากการฆ่าตัวตาย บางอย่างในตัวเขาเรียกร้องหัวใจอันเย็นชาของจินยีให้หันมาสนใจได้ แต่ไม่นานคิมจังฮันก็ถูกเรียกตัวจากราชสำนักเพื่อกลับเข้ารับราชการตามคำขอร้องขอพระราชาให้คืนสู่ตำแหน่ง 'อำมาตย์คิม' เป็นขุนนางใกล้ชิดที่พระราชาไว้วางใจยิ่ง (เริ่ดมั้ยล่ะ พระราชารักและให้ความสำคัญถึงขนาดขอร้องให้มารับตำแหน่ง) ภายหลังอำมาตย์คิมได้ถูกส่งตัวมาเป็นเจ้าเมืองซองโด (อาสามาเอง) เขาเป็นขุนนางหนุ่มที่แตกต่างจากขุนนางทั่วไป เป็นคนดีที่น่านับถือ แค่เพียงพูดคุยด้วย ฮยอนกึมแม่ตาบอดก็จับน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของลูกสาวได้ จินยีที่ลดระดับเสียงลงไม่เย็นชาไม่แข็งกระด้าง ฮยอนกึมสัมผัสได้ถึงเค้ารางแห่งความรักอันยุ่งยากที่กำลังจะเกิดขึ้น

อำมาตย์คิม ไม่เคยมีรัก ไม่เคยสนใจผู้หญิง หากจะมีก็มีเฉพาะรักเปี่ยมล้นต่อราษฏรที่ต้องทุ่มเททำงานสุดกำลังเพื่อความอยู่ดีกินดีและเพื่อจงรักภักดีต่อกษัตริย์เหนือหัว แต๋นางคณิกามยองวอลทำให้ท่านอำมาตย์หนุ่มได้รู้จักกับรักครั้งแรก รักที่รู้อยู่แก่ใจว่าเป็นหนทางนำไปสู่ความยากลำบากและปลายทางที่รออยู่ก็คือจุดจบอย่างน่าเศร้า เพราะรักระหว่างขุนนางกับนางคณิกานั้นไม่มีหนทางใดที่จะเป็นไปได้ แต่ถึงอย่างนั้น ความรักของอำมาตย์คิมที่มีให้จินยีนั้นเรียกได้ว่า สุดหัวใจ และเป็นรักแท้ที่มั่นคง



จินยีเคยผ่านรักแรก เคยคิดว่าจะไม่รักใครอีก แต่ก็รักอำมาตย์คิม (คนเค้าสมควรถูกรักล่ะน้อ) และรู้แก่ใจดีกว่านี่จะเป็นรักสุดท้าย แม้รักครั้งนี้ก็ไม่มีทางเป็นไปได้อีกเช่นเคย แต่จินยีก็รักไปแล้ว และคงได้แค่รัก เพราะจะไม่ยอมให้เรื่องรักโง่ๆ เกิดขึ้นซ้ำอีกในชีวิตเหมือนเช่นรักแรกเมื่อครั้งที่ยังเยาว์วัย จินยีต้องเป็นนางคณิกา และอำมาตย์คิมก็ต้องเป็นข้าราชสำนักให้สมกับสติปัญญาของนักปราชญ์ผู้ปราดเปรื่องและเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยของกษัตริย์โชซอนมากที่สุด จนถึงกับมีคำกล่าวว่ากษัตริย์โชซอนรักและไว้ใจอำมาตย์คิมยิ่งเสียกว่าโอรสของตนเอง




เบคเกซู (Ryu Tae Jun) ขุนนางชั้นสูงผู้เป็นราชนิกูลเชื้อสายกษัตริย์ เมื่อเดินทางมาราชการที่ซองโด ชื่อเสียงของคณิกามยองวอลก็ลอยเข้าหู ยิ่งได้พบสบหน้ายิ่งหลงรักหมดใจ แต่ความเย่อหยิ่งจองหองไม่เห็นแก่หน้าใครของมยองวอลนั้น สร้างแต่ความเคืองขุ่น ยิ่งพยายามเอาชนะใจก็ยิ่งไกลห่าง ลงทุนใช้เล่ห์กลนางก็ฉลาดทันคนจับผิดได้และกลายเป็นเรื่องให้นางได้ใช้เยาะเย้ยถากถาง ยิ่งรัก ยิ่งแค้น ยิ่งถูกมยองวอลหยามหมิ่นอย่างสนุก ยิ่งเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ทั้งรักทั้งเกลียด รักมากก็เกลียดมากและต้องการเอาชนะไม่ว่าจะต้องใช้วิธีไหนจะถูกจะผิด หรือหลงลืมตัวตนแท้จริงไปอย่างไร เบคเกซูก็หน้ามืดพร้อมจะทำ



บูยอง (Wang Bit-na) นางคณิกามือหนึ่งแห่งสำนักคโยบัง ที่ถือเป็นสำนักคณิกาไฮโซเพราะอยู่ในฐานะนางรำวังหลวง คโยบังจะรับผิดชอบดูแลการจัดงานเลี้ยงของราชสำนักและเหล่าคณิกาผู้เป็นนางรำวังหลวงจะได้แสดงต่อพระพักตร์พระราชา อีกทั้งตำแหน่งหัวหน้านางรำวังหลวงถือเป็นเกียรติยศสูงสุดของคณิกาและบูยองก็ใฝ่ฝันจะไปให้ถึงตำแหน่งนั้น ผู้ที่จะครองตำแหน่งได้ต้องเป็นคณิกาผู้มีความสามารถเป็นเลิศเหนือนางคณิกาทั้งปวง บูยองเป็นหญิงสาวผู้ทะเยอทะยานและมีความเพียรพยายามเป็นที่ตั้ง ความเพียรพยายามอย่างหนักของนางนีเองที่ทำให้บูยองเกลียดมยองวอลนัก มยองวอลที่แทบไม่ต้องพยายามอะไรแต่ก็โดดเด่นด้วยพรสวรรค์ที่มีอยู่ในตัว บูยองต้องการจะเป็นหัวหน้านางรำวังหลวงและต้องการเอาชนะมยองวอลให้ได้ ไม่ว่าจะเรื่องของฝีมือหรือเรื่องของความรักที่บูยองปักใจรักอำมาตย์คิมมาเนิ่นนาน แม้จะมีเบ็คเกซูเป็นขุนนางผู้สนิทชิดเชื้อกันอยู่แล้วก็ตาม



เมฮยาง (Kim Bo Yun) นายหญิงคณิกาสำนักคโยบัง เป็นครูของทั้งบูยองและมยองวอลผู้ต้องการหักหลังเบ็คมูและขอมาเรียนวิชาการร่ายรำกับเมฮยางที่เป็นคู่แข่งกันมาตลอดกับเบคมูตั้งแต่เมื่อครั้งยังสาว ครั้นแก่ตัวเป็นายหญิงแห่งสำนักคณิกาก็ยังแข่งขันชิงดีชิงเด่นแย่งชิงผลงานกันอยู่ เมฮยางดูเป็นหญิงแก่เจ้าเล่ห์ที่รู้จักพริ้วไหวเอาตัวรอด แต่ลึกลงไปเป็นผู้ที่มีความจริงใจอย่างยิ่ง เพียงแต่ไม่แสดงออก บูยองจึงมักเข้าใจผิดเสมอว่าเมฮยางไม่รักตนทั้งที่เลี้ยงดูมาจนเติบใหญ่ แต่นายหญิงกลับไปหลงใหลได้ปลื้มกับพรสวรรค์ของมยองวอล แรงริษยาของบูยองจึงยิ่งพอกพูนมากกว่าเดิม




อิมเบ็คมู (Kim Young Ae) นายหญิงคณิกาสำนักโซดอง ผู้ศรัทธาศิลปะเป็นชีวิต ผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านความเจ็บปวดทุกข์ทรมานในชีวิตของการเป็นนางคณิกา และคิดว่านั่นคือเรื่องธรรมดาที่คณิกาทุกคนต้องพบเจอ นางอาจเป็นนายหญิงที่หวังดี แต่วิธีที่ใช้ควบคุมบังคับก็แข็งกระด้างและโหดร้าย ความหวังดีและความมุ่งมั่นเพื่อจุดหมายของนางจึงเป็นได้ทั้งความน่านับถือศรัทธาและความน่ารังเกียจ และจินยีก็รู้สึกเช่นนั้น เคารพนับถือแต่ก็เกลียดชังและคั่งแค้น



จินยีจึงเป็นศิษย์คิดล้างครู เมื่อทั้งรักทั้งเกลียด ทั้งนับถือและโกรธแค้น การกระทำใดๆ ให้อีกฝ่ายตกต่ำล่มจม ย่อมทำให้หัวใจของจินยีปวดร้าวตามไปด้วย ศัตรูหมายเลขหนึ่งคือเบคมู แต่ครูผู้มีพระคุณเลี้ยงดูมาเป็นสิบปีก็คือเบคมูด้วย เบคมูพรากความรักและคนรักไป แต่เบคมูก็ให้ศิลปะเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวชีวิตเช่นกัน การจะแล่เนื้อเถือหนังครูให้ได้ก็ไม่ต่างอะไรกับการกรีดหัวใจเคารพของตัวเอง

ดังนั้น ชื่อเรื่องเพื่อความสะใจของตัวเองต้องนี่เลย 'กรีดหัวใจนางคณิกา' ( 5555 เลียนแบบชื่อหนังสือ กรีดหัวใจเกอิชาไงล่ะ)

ละครเกาหลีเรื่องนี้จึงไม่มีอารมณ์ขันแม้แต่น้อยนิด มีแต่ความเจ็บปวด ชอกช้ำ ทุกข์ระทม ขมขื่น ซึ่งหากไม่มี คิมแจวอน อยู่ในรายชื่อของนักแสดงก็คงจะดูกันยาวไปถึงตอนที่ 24 ไม่ไหว ( เครียดเกิ๊น )

แต่ก็ช่วยเพิ่มพูนความเชื่อเดิมอยู่อย่างหนึ่งว่า บทบาทของตัวละครนั้นมีผลต่อหน้าตานักแสดงอย่างมาก ถ้าได้รับบทดีถูกใจคนดูก็จะทำให้ดูเป็นคนน่าตาดี สวยหล่อขึ้นมาทันตาเห็น หรือถ้าไม่สวยไม่หล่อก็จะทำให้ดูเป็นคนมีเสน่ห์ คิมแจวอนเป็นเช่นนั้น ถ้าเทียบกับจางกึนซอก (อึนโฮ)หรือเรียวแทจุน (เบ็คเกซู) แจวอนหล่อสู้ทั้งสองหนุ่มไม่ได้อยู่แล้ว แต่วัดจากบทบาท (แต่ก็ได้เป็นรักสุดท้ายของนางเอกล่ะนะ) จางกึนซอกไม่อาจเรียกความสนใจจากผู้เขียนได้เลยในเรื่องนี้ทั้งที่เป็นรักแรก ดูไปก็อยากให้เรื่องรักกับบัณฑิตหนุ่มอึนโฮกับคณิกาจินยีผ่านๆ ไปเสียเร็วๆ จะได้ถึงคิวอำมาตย์คิมออกโรงซะที ถ้าเทียบกับ you're beautiful จางกึนซอกเป็นตัวดึงดูดหนึ่งเดียวของเรื่อง แต่เรื่องนี้ทำอะไรไม่ได้เลยแม้จะมีบทบาทออกมาก่อน อาจเป็นเพราะรักแรกนั้นทั้งจินยีและอึนโฮยังเป็นวัยแรกรุ่น ความรักนั้นช่างดูไร้เหตุผลและอ่อนแอเกินกว่าจะเก็บรักษารักไว้ได้ ต้องพังทลายไปตามระเบียบ แต่รักกับอำมาตย์คิมจะมีการคำนึงถึงเหตุผลมากขึ้น พยายามตัดใจอยู่ห่าง พยายามอดทนที่จะอยู่กันคนละทาง จนกระทั่งมันถึงที่สุดที่จะทนไหวเสียก่อน แล้วรักจึงมาบรรจบ



นอกจากบทของนางเอกแล้ว บทที่โดดเด่นคือบทนายหญิงทั้งสองแห่งสำนักนางคณิกา เบคมู ครูของมยองวอล และเมฮยางครูของบูยอง ครูเป็นคู่แข่งกัน ศิษย์เอกก้นกุฏิทั้งสองก็เป็นคู่แข่งกันด้วย บทของเบคมูค่อนข้างยากในเรื่องของการเก็บกดอารมณ์และเคร่งเครียด จะชอบบทของเมฮยางมากกว่าโดยเฉพาะการพูดด้วยแรงอารมณ์แต่เป็นเสียงระดับเดียวติดพันกันเป็นพืด ดูเป็นยายแก่ขึ้บ่นที่เหมือนดุแต่ไม่ดุ และลึกๆ ก็เป็นคนใจกว้างและใจดีด้วย ส่วนเบคมูดูเหมือนเป็นนายหญิงที่ใจดีรักเด็กๆ ในสังกัด แต่เอาเข้าจริง กลับใจร้ายและเลือดเย็น เพื่อเป้าหมายแล้วไม่คิดถึงจิตใจใครทั้งนั้นทั้งที่ก็มีความรู้สึกเสียใจอยู่ในส่วนลึก บางทีก็ดูเหมือนทำเพื่อประโยชน์ของตัวเอง แต่ดูอีกทีก็เหมือนหวังดีต่ออนาคตภายภาคหน้าจริงๆ บทที่มีความซับซ้อนแบบนี้เป็นบทที่ยาก แต่นักแสดงอาวุโสของวงการเกาหลีแต่ละคนก็มากความสามารถอยู่กันแล้ว แสดงกันดีทุกคน

นางเอก ฮวางจินยีนั้นไม่ต้องพูดถึง ดราม่าซะขนาดนั้นจะไม่ส่งอารมณ์ให้นางเอกสาวฮาจีวอนตีบทแตกกระเจิงจนได้รับรางวัล KBS Drama Best Actress Award ประจำปี 2006 ไปครองได้อย่างไร ของมันเห็นๆ กันอยู่ว่าเป็นละครที่บีบคั้นไปด้วยฉากอารมณ์ เป็นละครฟอร์มใหญ่ที่ทุ่มทุ่นสร้าง เต็มไปด้วยฉากสถานที่อันสวยงามและหลายๆ ฉากก็ต้องใช้คนร่วมแสดงไม่น้อย เสื้อผ้าหน้าหนวด แพรพรรณเครื่องประดับหรูหราอลังการกันมากเลยทีเดียว

ไม่ติแต่บ่น

แค่ไม่เข้าใจตั้งแต่แรกแล้วว่าทำไมนางเอกจะต้องใฝ่ฝันอยากเป็นนางคณิกา ต่อให้รักในศิลปะการดนตรี บทกวีและการร่ายรำก็เถอะ เป็นนางคณิกาต้องนอนกับชายมากมาย (แต่ว่านางเอกในเรื่องไม่นะ 'นางไม่เคยต้อนรับชายใดสู่ห้องของนาง' ) ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าการเป็นนางคณิกานั้นต่ำต้อย แล้วไยต้องดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อเป็นนางคณิกาเลื่องชื่อ

เครื่องดนตรีโบราณที่ดีดกันอยู่ในเรื่องน่ะค่ะ (จำชื่อได้เฉพาะคูมุงโกที่นางเอกเล่น) ฟังแล้วไม่เห็นจะเสนาะเพราะพริ้งอะไร ด้วยความที่ไม่ใช่ของๆ ชาติเราและไม่คุ้นเคยมั้งคะ ฟังแล้วอยากให้เอาระนาดเอก ขิม ฆ้องวง ของไทยเราไปเปลี่ยนเสียจริงๆ



ไม่ว่าแต่ชม

ธีมดนตรีประกอบละครมันช่างโหยหวนเสียจริง ถ้าใส่แผ่นเข้าเครื่องเล่นดีวีดีแล้วปล่อยมัน play ช่วงต้นเมนูไปขณะลุกเอาของไปเก็บ พับผ้า ล้างจาน กรอกน้ำใส่ขวดแช่ตู้เย็นอะไรอย่างนั้นน่ะค่ะ จะไม่สามารถทนฟังเสียงธีมดนตรีนั้นได้เลย ต้องรีบกลับมากดให้เข้าเรื่องเข้าตอนไป ยิ่งธีมประกอบช่วงจังหวะลุ้นสำคัญๆ ของเรื่องนะ เสียงดนตรีมันดังขาด ดังขาด ราวกับใจจะขาดเป็นห้วงๆ ยังไงยังงั้น เข้ากับเนื้อหาอันระทมทุกข์แทบขาดใจของตัวละครได้ดีมาก



ไม่กล้าเชียร์ใครหรอกนะคะสำหรับซีรีย์เรื่องนี้ เหมาะกับคนที่ชอบดูดราม่าแนวโศกาอาดูรเท่านั้น แต่ถ้าใครชอบละครพีเรียดอยู่เป็นทุนเรื่องนี้ดูความสวยงามอลังการก็คุ้มค่า โดยเฉพาะเครื่องแต่งกายและการร่ายรำ ฉากการรำต่อหน้าพระพักตร์ที่เรียงร้อยด้วยบทกวีเป็นที่ประทับใจจนสามารถเปลี่ยนคำตัดสินโทษประหารของพระราชาได้นั้น ถือว่าสวยงามมากทีเดียว เป็นฉากที่ทำให้ร้องไห้ แต่ก็ไม่ถึงกับขนลุกเหมือนฉากรำดาบของนุ่น วรนุช ในละครแม่อายสะอื้น ครั้งนั้นทำเอาซูฮกฝีมือการแสดงของนุ่นขึ้นหิ้งบูชาได้เลย เก่งมากๆ รำเด่นในเรื่องที่ถือเป็นวิทยายุทธยากเย็นขั้นเทพในเรื่องคือ ระบำนกกระสา แต่หากให้วัดจากความชอบส่วนตัว ชอบระบำกลองลั่นของบูยองมากกว่า โดยเฉพาะฉากพลิกตัวกลับหลังแหงนหน้ารัวตีกลองนั่นน่ะสวยงามมาก




Hwang Jin Yi จึงเป็นเรื่องราวของคณิกานางหนึ่งที่มีสถานะต่ำต้อยในสังคมแบ่งชั้นวรรณะในสมัยนั้น รักแรกกับลูกชายขุนนางต้องแตกสลายเป็นความเจ็บปวดเจียนตาย รักสุดท้ายกับขุนนางสูงศักดิ์ผู้เป็นถึงอำมาตย์แห่งราชสำนักยิ่งยากเย็นกว่า คนหนึ่งจากตาย คนหนึ่งจากเป็น เพราะกฏหมายที่แบ่งแยกชนชั้น เพราะความจำเป็นที่บีบบังคับให้เส้นทางชีวิตรักต้องแตกแยกเป็นเส้นขนาน อำมาตย์คิมจะไม่สามารถใช้สติปัญญาความรู้ของการเป็นนักปราชญ์เพื่อทำคุณประโยชน์แก่แผ่นดินได้หากฝ่าฝืนครรลองชนชั้นทางสังคมเพื่อดึงดันจะร่วมชีวิตกับนางคณิกา แม้ใจจริงแล้วยินดีสละได้ แต่การร่วมชีวิตหมายถึงต่างฝ่ายต่างจะไม่ได้ทำในสิ่งที่ตนเองรักและเป็นสิ่งที่สมควรทำ ชีวิตของฮวางจินยีเอ่อล้นไปด้วยความสูญเสียและสิ่งเดียวที่หล่อเลี้ยงชีวิตให้ดำเนินต่อไปได้ก็คือศิลปะ แต่การเป็นคณิกายังถูกผูกติดกับกึ่งคำตัดสิน คณิกาคือศิลปินหรือแท้จริงแล้วคือโสเภณีกันแน่

ในส่วนที่สมควรได้รับการยกย่องสำหรับการเป็น ฮวางจินยี นั่นคือความสามารถทางศิลปะ โดยเฉพาะการแต่งบทกวี แต่ในเรื่องมีบทกวีที่ใช้ประกอบไม่มากเท่าไหร่ ทั้งทีความสามารถด้านนี้ของฮวางจินยีนั้นสมควรใช้เป็นจุดบ่งบอกถึงความเลื่องลือสะท้านแผ่นดิน เช่นที่นางเอาชนะบัณฑิตทั้งสิบในการแข่งขันแต่งบทกวีเพื่อแลกกับเดิมพันของเบคเกซู หรือเรื่องความรักของนางที่มีต่ออำมาตย์คิม ยอมเสี่ยงตายเพื่อถวายการร่ายรำต่อพระพักตร์และรำพันความในใจด้วยกวีบทนั้น การแสดงที่ทำให้พระราชาและแม้แต่ศัตรูคู่อาฆาตต้องหลั่งน้ำตาให้ เอ๋ ...พอคิดถึงตอนนี้ ฮวางจินยีก็เป็น 'จอมนางสะท้านแผ่นดิน' ได้แล้วจริงๆ ด้วย (5555 ในที่สุดก็หาจุดนั้นพบ)

การแข่งขันชิงตำแหน่งหัวหน้านางรำวังหลวง โดยตัดสินกันที่สุดยอดของการแสดงระบำ การออกค้นหาเพื่อสร้างสรรค์ระบำที่เป็นเจ้าแห่งระบำทั้งปวง ทำให้จินยีเพิ่งค้นพบ แท้จริงแล้วศิลปินคืออะไร และเริ่มต้นออกเดินทางบนเส้นทางสายนั้น

เรื่องราวของ ฮวางจินยี ศิลปินเอกแห่งโชซอน ก็เป็นเช่นนี้แล








Credit ภาพและข้อมูล :
//wiki.d-addicts.com/Hwang_Jin_Yi
//www.mono2u.com/review/content/hwangjinyi/





Create Date : 17 พฤษภาคม 2554
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2558 8:55:58 น. 10 comments
Counter : 12069 Pageviews.

 
ขออนุญาตแสดงความเห็นเรื่อง Hwang Jin Yi นะคะ

คุณ prysang คอมเม้นท์ได้โดนใจเหมือนเคย ชอบที่คุณนำภาพประกอบเล่าตัวละครที่เขียนใต้ภาพว่า รักแท้ รักแรก รักสุดท้าย รักริษยา หุหุ ได้ใจมาก

และขออนุญาตออกความเห็นตอบปัญหาข้อคาใจของคุณ prysang เจ้าของบล็อกสักหน่อย

คือว่า เท่าที่เราอาตี้จับใจความจากซีรีย์เรื่องนี้ได้ คิดว่าตัวเองเข้าใจว่า นางเอกไม่ได้ทราบมาก่อนค่ะว่าการเป็นหญิงคณิกา จะต้องบริการผู้มาเที่ยวถึงขั้นไหน คิดว่าเธอเข้าใจเท่าที่ตาและหูของเธอเห็นและได้ยินเสียงเพลงมาตั้งแต่เด็ก นั่นคือการแสดงฟ้อนรำ ร้องเพลง เล่นดนตรี ฯลฯ เรียกว่าศิลปะการแสดงนั่นแหละ แต่ที่เธอไม่รู้คือต้องบริการให้ถึงใจ หรือก็คือบริการทางเพศด้วย

อย่างที่รู้ว่าสมัยโบราณการพูดเรื่องเพศในที่สาธารณะเป็นเรื่องปกปิด ถ้าจะพูดก็ต้องปิดประตู พูดในที่ลับเพียงสองคน เช่น แม่บอกลูก เพื่อนบอกเพื่อน เป็นต้น ดังนั้นเป็นไปได้ที่นางเอกแค่ได้สัมผัสกับศิลปะการแสดงก็หลงรักอาชีพนี้อย่างหมดจิตหมดใจ เพียงแค่ตาเห็น หูได้ยินเสียง แต่เบื้องลึกไม่เคยรู้อะไรเลย ต่อเมื่อผู้ใหญ่บอกว่า เราต้องเปิดบริสุทธิ์ด้วย

เชื่อว่าในสมัยนั้นตอนที่นางเอกได้ยินเรื่องนี้ครั้งแรก อาจเป็นเรื่องที่ทำให้แปลกใจด้วยซ้ำ และคิดว่าเธอเองก็ยังไม่ค่อยเข้าใจหรอกว่ามันคืออะไร ทั้งหญิงคณิการุ่นพี่ก็ชี้แจ้งให้เห็นเป็นเรื่องธรรมด๊า ธรรมดา รุ่นพี่เขาผ่านขั้นตอนนี้กันมาแล้วทั้งนั้น ดังนั้นถ้าจะว่าไป ก็เหมือนการสอบเลื่อนขั้น จากเด็กม.ปลาย ไปเป็นปริญญาตรี จากยศจ่าไปเป็นนายร้อย อะไรประมาณนั้น

บทบาทในเรื่องนี้จะเห็นว่า ฮาจีวอนแสดงได้ดีมาก เรียกว่าทำการบ้านฝึกซ้อมดนตรีและการแสดงสุดๆ กว่าจะได้ผลงานออกมาเหมือนจริงอย่างที่เห็น
ต้องขอยกนิ้วให้

เรื่องนี้ที่ดูตอนแรกเพราะใจจริงอยากดู จาง กึนซอก หลังจากที่เคยดูการแสดงในซีรีย์ You are Beautiful แล้วประทับใจมาก

เรื่อง Hwang Jin Yi จางกึนซอกแสดงเป็นรักแรกของนางเอก หลังจากที่ชีวิตจริงๆ เขาเพิ่งอกหักจากแฟนตัวจริงมาหมาดๆ และเรื่องนี้ทำให้พ่อหนุ่มน้อยอินกับทบบาทที่ได้รับมากๆ ถึงขนาดแอบชอบฮาจีวอน นางเอกในเรื่องเข้าจริงๆ ทั้งที่อายุของเธอต่างจากเขามาก และทำให้จางกึนซอก คิดว่าถ้าจะรักใคร ขอรักผู้หญิงอายุมากกว่าเขาจะดีกว่ามาถึงปัจจุบัน และแม้ Hwang Jin Yi จะออกฉายในปี 2006 เวลาผ่านไปหลายปีแล้ว แต่เขาไม่เคยลืมเลย โดยเมื่อปี 2010 เขาเคยให้สัมภาษณ์ในรายการวาไรตี้จับคู่รักของเกาหลีว่า เขายังจำบทตอนที่บอกรักนางเอกในเรื่อง Hwang Jin Yi ได้ และเขาก็ท่องมันออกมาเหมือนเป็นกลอนยาวๆ ให้ฟังสดๆ ในรายการ และบอกว่าถ้าจะเดทกับผู้หญิง ก็อยากออกเดทกับพี่ฮาจีวอนสักครั้ง หุหุ พ่อเจ้าประคุณอินบทบาทขนาดนั้น

และเมื่อดูฝีไม้ลายมือการแสดงของเขาก็ไม่ผิดหวังจริงๆ สมแล้วที่เขาเป็นดารานักแสดงมาตั้งแต่เด็ก ส่วนใบหน้าก็ละอ่อนน้อย น่ารักใสกิ๊กมากๆ น่าหม่ำจริงๆ น้ำลายหยด (เก็บอาการหน่อยจิอาตี้)


โดย: อาตี้เจ้าเก่ามาบุกแล้ว IP: 119.46.167.30 วันที่: 19 พฤษภาคม 2554 เวลา:10:23:15 น.  

 
ขอบคุณนะคะ คุณอาตี้ที่มาอ่านบล็อกและเมนท์ให้เป็นประจำ ยาวสะใจ ถูกใจ เจ้าของบล็อก แวะมาบ่อยๆ น๊า


โดย: prysang วันที่: 19 พฤษภาคม 2554 เวลา:19:05:21 น.  

 
ชอบอ่านมาก เขียนได้ละเอียด อ่านแล้วเหมือนดูเอง ขอบคุณ และขอเปนแฟนประจำ ขอแอดด้วยนะ เป็นคนแรกที่ขอแอดเลย เขียนได้ดีเลิศ


โดย: มาบอกอะไรตอนนี้ วันที่: 21 พฤษภาคม 2554 เวลา:20:12:46 น.  

 
แวะมาอ่านบล๊อคเพื่อนๆครับ ว่างๆแวะมาทักทายกันบ้างนะครับ หนังสือพิมพ์


โดย: bbandp วันที่: 4 มิถุนายน 2554 เวลา:7:25:25 น.  

 
แวะมาอ่านบล๊อคเพื่อนๆครับ ว่างๆแวะมาทักทายกันบ้างนะครับ หนังสือพิมพ์


โดย: bbandp วันที่: 4 มิถุนายน 2554 เวลา:7:26:16 น.  

 
เรื่องนี้เคยดูนานมากแล้ว แถมดูไม่ประติดประต่อด้วย เลยรบกวนถามนิดนึงค่ะว่าตอนท้ายๆนางเอกท้องแล้วแท้งใช่ไหมค่ะแล้วแท้งได้ยังไงอ่ะค่ะ


โดย: moony_pl (moony_pl ) วันที่: 4 มิถุนายน 2554 เวลา:21:29:37 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณ moony_pl ใช่ค่ะ ท้องแล้วแท้ง เพราะทะเลาะกับพระเอกค่ะ ถกเถียงยื้อยุดกัน จินยีก็เลยเสียหลักล้ม (มันเป็นเนินเขา หรือเชิงบันไดก็จำไม่ได้แล้วสิ แต่สถานที่เกิดเหตุคือวัดที่นางเอกโตขึ้นมาค่ะ) ทั้งคู่ต่างก็เสียใจมาก และเรื่องลูกก็เป็นจุดที่ทำให้จินยีกับอำมาตย์คิม สามารถตัดขาดความสัมพันธ์ด้วยความเข้าใจ จากกันด้วยดีเพื่อก้าวเดินไปบนเส้นทางของตนเองได้ในที่สุดค่ะ


โดย: prysang วันที่: 4 มิถุนายน 2554 เวลา:23:13:41 น.  

 
คุณ มาบอกอะไรตอนนี้ ...ขอบคุณมากนะคะ ที่ add มา ถ้าเขียนแล้วมีคนอ่านก็ดีใจแล้วค่ะ แต่อ่านแล้วชอบความดีใจย่อมมีมากขึ้น แล้วถ้าคอมเมนท์ให้ด้วยยิ่งดีใจและขอบคุณ จะเก็บกำลังใจดีๆ ไว้เป็นแรงใจในการเขียนบล็อกเรื่องต่อๆ ไปค่ะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ ^0^


โดย: prysang วันที่: 5 มิถุนายน 2554 เวลา:0:44:02 น.  

 
เคยแวะมาอ่านศึกชิงรักหักสวาทตระกูลโชชอน
แต่ทว่า คงเป็นเรื่องของเจเนเรชั่น
เลยทำให้ ไม่สามารถอินแปรภาพผ่านเข้ามาในสมองให้คิดตามได้เลย
(อิทธิพลโลกทัศน์ซีรีย์ญี่ปุ่นครอบงำมั้ง)
เคยอยู่นะที่พยายาม ดูซีรีย์ทางทีวีช่องสาม
อย่างแดจังกึมที่ว่าฮอตๆ ยังเอาไม่รอดไปสักตอนเลย
ดังนั้น ...จะรอรีวิวซีรีย์ญี่ปุ่นของท่าน
อย่างที่เคยนะขอรับ


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 6 กรกฎาคม 2554 เวลา:11:52:07 น.  

 
บ่น ทำไมนางเอกอย่กเป็นขนิกา
ตอบ ตามสังคมนิยมยุคสมัยในเรื่องขนิกาก็เป็นงานที่น่าภูมิใจจากที่ใครๆหลายคนสมัคร และกฎหมายในเรื่องอนุญาติให้เพียงอาชีพขนิกาเท่านั้นฝึกศิลปะแขนงร้องเล่นรำแบบขนิกา หญิงชนชั้นอื่นกฎหมายไม่อนุญาติให้ฝึกฝน ด้วยนางเแกเด็กและหลงไหลศิลปะดังกล่าวจึงใคร่สมัคร และที่ตอนหลังก็รู้ว่าจะเจ็บปวดก็ยังอยู่เพราะอยากอยู่กับแม่


โดย: I'm IP: 49.228.242.247 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2565 เวลา:15:35:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

prysang
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 98 คน [?]




จำนวนผู้ชม คน : Users Online
New Comments
Friends' blogs
[Add prysang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.