27th./UCL : เชลซี 0-0 ลิเวอร์พูล
เชลซี 0-0 ลิเวอร์พูล
สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์
ประตู : -
เกมบิ๊กแมตช์แต่ไม่มีความหมายเท่าไหร่เนื่องจากทั้งสองทีมผ่านเข้าสู่รอบต่อไปเรียบร้อยแล้ว จึงเป็นเพียงการแย่งแชมป์กลุ่มเท่านั้น แต่เชลซี ก็มาด้วยขุนพลชุดใหญ่เต็มอัตราศึกหวังล้างแค้นคู่ปรับให้ได้หลังโดนเขี่ยร่วงในรอบรองชนะเลิศเมื่อฤดูกาลก่อน สำหรับลิเวอร์พูล ที่ฟอร์มระยะหลังร้อนแรงเหลือเกินเกมนี้ราฟา เบนิเตซ เปลี่ยนระบบกลับมาใช้ 4-5-1 อีกครั้งโดยส่งฌิมี่ ตราโอเร่ มายืนเป็นแบ็กซ้ายตัวจริงหวังเน้นรับเต็มที่ ขณะที่กองหน้ามีปีเตอร์ เคราช์ ยืนเป็นตัวจริงต่อไป ส่วนชาบี้ อลอนโซ่ มิดฟิลด์ห้องเครื่องเจ็บต้องพักในเกมนี้
เกมเปิดฉากมาเป็นลิเวอร์พูล ที่ครองบอลได้เหนือกว่าเล็กน้อยแต่ก็เกือบพลาดโดนส่องนำไปก่อนเมื่อนักเตะทีมเยือนที่เลนกันพลาดไปเองในแดนรับก่อนที่จะเป็นแลมพาร์ด ที่ได้กดด้วยขวาเต็มๆหน้ากรอบประตูแต่เรน่า ที่กำลังอยู่ในฟอร์มสุดยอดยังพุ่งเซฟได้อย่างสุดยอด
แต่ "หงส์แดง" ก็ตอบโต้กลับมาจากจังหวะประสานของเคราช์ ไหลให้เจอร์ราร์ด ได้ยิงหักข้อลูกหลุดเสาสองไปแบบได้ลุ้น ก่อนที่ลิเวอร์พูล จะครองเกมบุกต่อไป
รูปเกมค่อนข้างตึงเครียดตามสไตล์การเจอกันของทั้งสองทีม และมีจังหวะอันตรายเมื่อเอสเซียง ไปยันใส่ขาของฮามันน์ แบบน่าเกลียดแต่ผู้ตัดสินกลับไม่ได้ลงโทษแต่อย่างใด
ผ่านไปครึ่งชั่วโมงเกมของลิเวอร์พูล ยังเหนือกว่าและมีโอกาสที่น่าจะได้ประตูขึ้นนอีกครั้งเมื่อเจอร์ราร์ด ไหลตามช่องให้ริเซ่ หลุดเข้าไปได้ซัดเน้นๆแต่ยังติดปีเตอร์ เช็ก ที่เซฟเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นกัน
ช่วงท้ายครึ่งแรกเชลซี กดดันได้ดีขึ้นทำเกมขึ้นมาสวยอีกครั้งเมื่อกุ๊ดยอห์นเซ่น ได้ไหลให้แลมพาร์ด หลุดเข้าไปในเขตโทษแต่เรน่า ยังออกมาเซฟได้ ก่อนจะได้ออกแรงเซฟลูกยิงของแลมพาร์ด ที่ซัดมาตรงตัวอีกครั้ง ก่อนจะจบครึ่งแรกด้วยการทำอะไรไม่ได้ กลับมาครึ่งเวลาหลังเกมรุกของทีมสิงโตพันล้านเริ่มเข้าท่าขึ้นเรื่อยๆ และมีโอกาสหวาดเสียวทันทีตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง เมื่อร็อบเบน ได้โอกาสหวดเต็มเท้าซ้ายจากการโหม่งชงให้ของดร็อกบา แต่ลูกเข้าข้างตาข่ายแบบน่าเสียดาย
เจ้าถิ่นขึงเกมข้างเดียวแต่ก็ยังหาช่องเจาะแนวรับทีมเยือนที่ลงไปแพ็กกันแน่นไม่ได้มากนัก ก่อนที่จะมีการทยอยเปลี่ยนเอาตัวสำรองลงมาเล่นกันทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล มาเล่นได้มีชีวิตชีวาขึ้นในช่วง 10 นาทีสุดท้ายหลังจากที่มีฟลอร็องต์ ซินาม่า ปงโกลล์ ลงมาแทนการ์เซีย
อย่างไรก็ตามจากนั้นก็ไม่มีทีมใดทำอะไรกันได้อีก จบเกมการโคเจรของสองยอดกุนซือนัดที่ 8 เสมอกันไป 0-0 ควงกันเข้ารอบทั้งคู่ แต่ลิเวอร์พูล แต้มมากกว่าได้เป็นจ่าฝูงของกลุ่มต่อไป
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก 6,เปาโล แฟร์เรร่า 6(อาเซียร์ เดล ออร์โน่ น.46,6) ,ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ 6,จอห์น เทอร์รี่ 8,วิลเลี่ยม กัลลาส 7,มิชาเอล เอสเซียง 5,ไอร์เดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น 7,แฟรงค์ แลมพาร์ด 6,อาร์เยน ร็อบเบน 6 (ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ น.73,6) ,เดเมี่ยน ดัฟฟ์ 5(คาร์ลตัน โคล น.73,6) ,ดิดิเยร์ ดร็อกบา 6
ใบเหลือง : แลมพาร์ด น.75 ,คาร์วัลโญ่ น.80
ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ มานูเอล เรน่า 6,สตีฟ ฟินแนน 6,เจมี่ คาร์ราเกอร์ 8,ซามี่ ฮูเปีย 7,ฌิมี่ ตราโอเร่5 ,ดีทมาร์ ฮามันน์ 6,โมฮัมเหม็ด ซิสโซโก้ 6,หลุยส์ การ์เซีย 5(ฟลอร็องต์ ซินาม่า ปงโกลล์ น.81) ,สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด 7,ยอห์น อาร์เน่ ริเซ่ 6(แฮร์รี่ คิลล์ น.61,6) ,ปีเตอร์ เคราช์ 6(เฟอร์นันโด มอริเอนเตส น.68,6)
ใบเหลือง : ตราโอเร่ น.74
ผู้ตัดสิน : แฮร์เบิร์ต ฟานเดล (เยอรมัน)
เข้ารอบเป็นที่ 1 ของสาย ใครสำคัญ ?
สรุปตารางคะแนนรอบแบ่งกลุ่ม
**************************
ข่าวหงส์ ฮามันน์ช็อกเอสเซียงเสียบสยอง น้ามูแขวะซุ้มสำรองหงส์ร้องเป็นตุ๊ด หงส์รายวันจ้องดูดหลังฟ้าขาววัย 19กาเบรียล พาเลตต้า หงส์คลอด 23 แข้งลุยสโมสรโลก เมลเลอร์คัมแบ็กเกมหงส์สำรองเชือดผี ราฟาย้ำไม่มีปัญหาส่วนตัวกับหัวขิง
*ที่มา : //www.soccersuck.com
Create Date : 07 ธันวาคม 2548 |
|
32 comments |
Last Update : 7 ธันวาคม 2548 14:36:22 น. |
Counter : 489 Pageviews. |
|
|