แพรวาไม่คิดว่าการเดินสู่เมืองไทย บ้านเกิดเมืองนอนของมารดาจะเป็นเพียงการนำเถ้ากระดูกของท่านกลับคืนสู่มาตุภูมิ ตอนนี้เธอไม่เหลือใครอีกแล้วในชีวิต สาวน้อยวัยเพียงแค่สิบแปดผู้โดดเดี่ยว มุ่งมั่นจะทำตามปณิธานให้สำเร็จ หากแต่ประเทศไทย ประเทศที่เธอเคยฝันไว้กับความเป็นจริงช่างแตกต่างกันเหลือเกิน ผู้คนที่แสนมีน้ำใจ ยิ้มแย้มแจ่มใสหายไปไหนกันหมด และดูเหมือนโชคร้ายจะไม่หยุดหย่อนประดังเข้าหาตัวเธอ เอกสารสำคัญและสัมภาระทั้งหมด หายไปพร้อมกับแท็กซี่ที่เธอโดยสารมา
ความฝันกับความจริงช่างต่างกันอย่างสิ้นเชิง ศิลปวัฒนธรรมที่แดนตั้งใจสืบสานกลับไม่มีใครเห็นคุณค่า แล้วเช่นนี้เขาจะต่อสู้เพื่อสิ่งที่รักให้ใครกัน และในความสับสนวุ่นวายของชีวิต เขาก็ได้ช่วยเหลือแพรวาสาวน้อยลูกครึ่งไทย ผู้ตกที่นั่งลำบาก
แม้แรกเริ่มแพรวาอาจจะเจ็บปวดกับความฝันที่แตกสลาย สิ่งที่คิดไม่เป็นตามนั้น หากแต่อย่างน้อยเธอก็ยังมีแดนเป็นเพื่อนร่วมทางผู้ให้สัญญาว่าจะพาเธอกลับบ้าน ทว่าเมื่อยิ่งใกล้เดินทางสู่จุดหมาย แพรวาก็เหมือนว่าเธอกำลังไกลห่างออกไป เพราะความไม่รู้ของเธอ บ้านของมารดาอยู่ไหนกันแน่ สุรินทร์มีเพียงชื่อนี้ที่เธอจดจำได้ แต่จะเป็นที่ใด
การเดินทางรอนแรมไปกับสาวลูกครึ่งผู้ไม่มีรู้อะไรเกี่ยวกับเมืองไทยสักอย่าง ในบางครั้งก็ทำให้แดนได้รู้จักเมืองโลกที่คุ้นเคยเดิมๆ ในแบบใหม่ และแพรวาเองก็ทำให้แดนได้คิดว่า อะไรคือสิ่งที่ทำให้เขาหันกลับมาสู้เพื่อสิ่งที่ตนรัก ในนั้นสิ่งนั้นก็คือกำลังจากแพรวา
ในระยะเวลาอันสั้นเพียงเท่านี้ แพรวาไม่อยากเชื่อว่าจากมิตรภาพของคนแปลกหน้าสองคนจะกลับกลายเป็นความรัก แต่เพราะความมีน้ำใจของแดนทำให้แพรวาเปิดใจรับในความรักอันแสนรวดเร็วนี้ หากแต่ระยะทางอาจจะเป็นอุปสรรคระหว่างกัน แม้ว่าเธอจะได้พบกับครอบครัวที่เหลืออยู่ในเมืองไทย ทว่าชีวิตของเธอที่ผ่านมา เธอไม่รู้จักอะไรเลยกับประเทศที่เธอมีสายเลือดอยู่ครึ่งหนึ่ง
มันไม่สำคัญว่าเวลาที่พบกันจะนานแค่ไหน หากตอนนี้แดนจะต้องโน้มน้าวใจแพรวาทุกอย่างเพื่อให้เธอยอมใช้ชีวิตที่เหลือในเมืองไทย เพราะที่นี้ไม่ใช่จะมีแต่เพียงเขาที่รอรักเธออยู่เท่านั้น ยังมีครอบครัวที่เหลือของเธอที่จะคอยดูและและเอาใจใส่แพรวาตลอดไป นับจากนี้เธอจะไม่โดดเดี่ยวและอ้างว้างในโลกใบใหญ่อีกต่อไป เพราะจะมีความรักจากทุกๆคนเคียงข้างเธอเสมอ
เรื่องราวสั้นๆของเรื่องนี้ก็คือ นางเอกเป็นลูกครึ่งที่แทบจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับประเทศไทยเลยยกเว้นสิ่งที่แม่ตัวเองเล่าให้ฟัง และเธอก็อยากจะไปเมืองไทยอีก หลังจากเคยไปตอนเด็กๆ จนแทบจำอะไรไม่ได้ หากแต่เธอกลับได้กลับประเทศไทยเพียงลำพัง เมื่อพ่อและแม่จากเธอไปอย่างรวดเร็ว นางเอกจะต้องพาอัฐิของแม่กลับบ้านและเป็นจุดเริ่มต้นของการได้รู้จักประเทศไทยในแบบความจริงที่เธอไม่รู้ หากในความผิดหวังบางประการที่นางเอกเคยคิด เธอก็ได้รับการช่วยเหลือจากพระเอกที่ยื่นมือแบบไม่เต็มใจในตอนแรก แต่เพราะความสงสารลูกครึ่งสาวที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ให้เดินทางกลับไปบ้านยาย ครอบครัวที่เหลือของเธอ แล้วการเดินทางของคนต่างวัฒนธรรมก็กลายเป็นความรัก และนางเอกก็เป็นกำลังใจให้พระเอกต่อสู้กับอุดมการณ์ของเขา แต่ความรักที่เกิด อุปสรรคสำคัญคือระยะทาง ในเมื่อนางเอกไม่ได้มีชีวิตอยู่ในไทยมาเลย อะไรจะทำให้นางเอกเปลี่ยนใจได้ว่า สุดท้ายเธอควรเลือกจะใช้ชีวิตที่เหลือในประเทศแห่งนี้
ตั้งแต่อ่านนิยายแอลมา รู้สึกว่าพระเอกคนนี้ของแอลจะเป็นแนวศิลปินไส้แห้ง ไม่ได้โปรไฟล์เริ่ด ประเภทรวย จบนอก มีชื่อเสียงโด่งดัง การงานดี เป็นผู้ชายธรรมดาแบบบ้านๆมากกก จะเก่งกาจก็คงเรื่องเชิดหุ่นนี้ล่ะ เรียกว่าเป็นศิลปินไส้แห้งของแท้ ก็เลยดูเป็นคนธรรมดาประเภทจับต้องได้ เดินดินกินข้าวแกงแบบเราๆ ท่านๆ หล่อไหม ตอบไม่ได้เพราะตอนอ่าน หน้าคุณโป๊บก็ลอยอยู่ในหัว เพราะเราดูตัวอย่างหนังก่อนอ่านละคร
อิๆๆ พูดในแง่ของนิสัยใจคอ พระเอกก็ไช่คนประเภทดีเลิศสุดๆ เพราะแรกเริ่มเขาก็ไม่คิดว่าจะยื่นมือเข้าไปยุ่งกับนางเอกแต่แรก ตามประสาเรื่องของชาวบ้านหากแต่นางเอกมันน่าสงสารนี้ล่ะ เลยต้องยุ่ง แต่จริงๆแล้วพระเอกเป็นคนมีน้ำใจมากที่เคยดูแลเอาใจใส่ต่อเด็กสาว ขอย้ำว่าเด็กสาวค่ะ เพราะในเรื่องนางเอกแค่สิบแปดเอง ให้ได้กลับบ้าน ทั้งๆที่ธุระไม่ใช่เลย
ส่วนนางเอกจะเป็นคนที่เข้มแข็งมาก เพราะเธอต้องสูญเสียครอบครัวไปอย่างกระทันหันทั้งพ่อและแม่ และต้องเดินทางมาประเทศที่เธอไม่รู้อะไรเลยนอกจากคำบอกเล่าของแม่ว่าดีเช่นไร แต่แล้วมันก้อไม่ได้สวยงามแบบที่เธอคิด
หากแต่ฟีนาชอบความคิดนางเอกที่เริ่มคิดได้ว่า การเจอในสิ่งที่ไม่สวยงามและย่ำแย่เพียงจากคนไม่กี่คนเธอก็ไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินว่าคนทุกคนจะต้องเป็นแบบนั้น ในความทุกข์ ความลำบาก นางเอกก็มีพระเอก มีคนแปลกหน้าหลายคนที่ช่วยเหลือเธอ มุมมองแบบคนที่ไม่รู้จักอะไรเกี่ยวกับประเทศไทยเลยทำให้สิ่งที่ดูเหมือนน่าเบื่อกลับน่าสนใจ ก็อาจเพราะว่านางเอกเป็นคนมองโลกในแง่บวกก็เป็นไปได้
ส่วนตัวฟีน่าว่ามันสั้นมากไปค่ะ ช่วงแรกๆจนถึงกลางเรื่อง โอเคอยู่กับการปูทางให้พระเอกนางเอกได้รอนแรมมาด้วยกัน จากกรุงเทพสู่หมู่เกาะสุรินทร์ หากแต่เพราะระยะทางในการเดินทางมันสั้นมากไป แม้จะมีวิบากกรรมไปบ้าง หากแต่มันก็ระยะเวลาไม่กี่วันเองที่พระเอกนางเอกรู้จักกัน และกลับกลายว่านางเอกก็ได้รู้จักอารมณ์หึงหวงพระเอกล่ะ อาจจะไม่ได้ถึงขนาดงอนสุดๆ แต่ก็ดูออก เข้าใจว่าเป็นนิยาย รักแรกพบเกิดได้ แต่มันเร็วไปหน่อยค่ะ ก็เลยรู้สึกลึกๆว่า อาจจะเพราะนางเอกไม่เหลือใครแล้วในชีวิต มีพระเอกนี้ล่ะคือขอนไม้ให้คนใกล้จมน้ำแบบเธอเกาะ
เมื่อทุกอย่างมันจำกัดอยู่ในหน้าที่ค่อนข้างน้อย รายละเอียดที่จะทำให้เราอินไปด้วยเลยน้อยค่ะ พอนางเอกรู้ว่าตัวเองมาผิดที่ ก็ต้องกลับลำใหม่และคราวนี้ก็ถูกจังหวัดเสียที และเมื่อวัตถุประสงค์ของเธอเสร็จสิ้น ก็ถึงเวลาต้องจากกัน คราวนี้ก็ได้ทีพระเอกคิดได้แล้วว่าเขารักนางเอก มันก็เร็วไปอีกค่ะ เรายังไม่ทันได้เห็นความสัมพันธ์อันใดที่จะทำให้เชื่อได้อย่างสนิทใจและไร้ข้อกังขาว่ามันคือความรัก
ด้วยความว่าเนื้อความของเรื่องโดนแบ่งไปที่เป้าหมายของพระเอกคือทำไมคนไทยถึงไม่รักวัฒนธรรมของตัวเองด้วย เนื้อหาความสนใจก็ถูกหารไปครึ่งหนึ่งแล้วว่า พระเอกจะเลิกเชิดหุ่นไหม ถ้าไม่เลิกเขาจะทำไงดีที่ทำเป็นอาชีพได้ และนั่นล่ะเป็นปัญหาว่า ท้ายเรื่องรวบรัดมากค่ะ ถ้าเกิดไม่ได้ดูข่าวมาก่อนว่า การเชิดหุ่นของเราได้ก้าวมาสู่การยอมรับระดับโลกได้ยังไง ก็คงจะไม่ค่อยเก็ท แต่ถ้านิยายยาวขึ้นได้ให้รายละเอียดมากขึ้น ซึ่งจะเท่ากับระยะเวลาที่พระเอกกับนางเอกตกลงคบหากัน ก็จะทำให้เราเชื่อได้ว่า มันคือรักจริงๆ ไม่ใช่แค่ความประทับใจแล้วตีความไปว่ารัก
และอีกประการที่มีเม้นท์ไปยาวคือ มุกการแต่งงานบนภูกระดึงนี้ล่ะ สงสารญาติโกโหติกานางเอกมากก ต้องปีนไปร่วมงานบนภูกระดึง ใครเคยไปคงเข้าใจดีว่าภูกระดึงน่ะมันโหดมาก คนหนุ่มคนสาวบางคนยังปีนไม่ถึงเลย งานแต่งนี้มีทั้งยายและน้าสาว น้าเขยด้วย ทรมานมาก แม้จะนั่งเสลี่ยงก็ตามที แถมงานก็จัดต้นเมเปิ้ล ฟีน่านะจำเลยว่าเมเปิ้ลอยู่ในป่าปิดต้องบากบั่นเข้าไป ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่คนเขียนบอกว่าก่อนเข้าไปในป่าปิดก็พอมี แต่เราเคยขึ้นรู้สึกอย่างเดียวว่าภูกระดึงไม่เหมาะกับการแต่งงานเอาเสียเลย แค่ไปถ่ายภาพงานแต่ง คนรับถ่ายภาพก็คงอยากด่าล่ะ ทำไมไม่เอาง่ายๆอย่างภูเรืออะไรแบบนั้น อิๆๆ คนอ่านแบบฟีน่าเป็นคนเจ้าปัญหา เพราะเคยไปแล้วจำติดใจว่าตัวเองหมดสภาพ เจอแต่ทาก ขึ้นไปถึงก็ปวดขาจะตาย หนาวอีกต่างหาก ไร้อารมณ์สุนทรีทุกชนิด ลงมาปวดหน้าขา เล็บถอดอีกต่างหาก แบบนี้พระเอกนางเอกมันจะโรแมนติคไหมฟะ นอนที่ไหน แต่สรุปว่าจองบ้านได้ แต่หน้าหนาวนี้เป็นเวลายอดฮิต ส่วนใหญ่นอนเต้นท์ แถมคนยังกะหนอน บ่นจนคนเขียนชักงงว่านี้ เพราะงานแต่งภูกระดึงเท่านั้น คุณพี่เธอบ่นยาวกว่าที่จะบอกว่านิยายหนุกหรือไม่หนุก กร๊ากส์มันเป็นนิสัยที่ไม่ดี หากมีประสบการณ์ฝังใจอะไรสักอย่างจะยึดแน่นมาก
กลับมาสรุปเรื่องสำคัญค่ะ เรื่องนี้ฟีน่าเฉยๆนะคะ เพราะว่ามันสั้นอ่ะ ไม่ทันอะไรจบล่ะ แล้วเนื้อหามันน้อยไป ความอินในนิยายเลยมีน้อยกว่าเล่มอื่นๆค่ะ การแบ่งความสำคัญทั้งการตามหาบ้านของยายและการที่จะทำเช่นไรให้พระเอกประสบความสำเร็จกับสิ่งที่ตัวเองรักมันเยอะเกินกว่าหน้ากระดาษ ยิ่งทำให้เรื่องมันห้วนไปอีกค่ะ แต่เพราะความลำเอียงรักกันอยู่จึงต้องอ่านกันต่อไปค่ะ เรื่องหน้านี้ปกมาล่ะ ชื่อเรื่องแพรอาภรณ์ (คล้ายนางเอกเรื่องรักละไมล์เลย ผ้าๆเหมือนกัน) ไปรอลุ้นกันว่าเล่มหน้าจะเป็นยังไงนะคะ คาดว่าเนื้อหาคงเยอะเพราะเห็นคนเขียนบอกว่าใช้หนังสือประกอบการเขียนเยอะ