จุดเปลี่ยน # บทที่ 10 ดิ้นรน
ผ่านมา 3 เดือนแล้ว นิ้วมือผมยังงอไม่ได้ และการกระดกข้อมือก็ยังทำไม่ได้ คุณหมอได้อธิบายถึงการฟื้นตัวของเส้นประสาทซึ่งจะมีการฟื้นตัวช้ามากการงอกใหม่ของเส้นประสาทจะเกิดขึ้นเพียงวันละ 1 มิลลิเมตร ซึ่งระยะจากแขนที่บอบช้ำของผมอาจต้องใช้เวลาหลายเดือน แต่เรื่องกระดูกตอนนี้เชื่อมติดกันเกือบหมดแล้ว มีเพียงตำแหน่งเดียวคือตรงข้อศอกที่ยังมีช่องว่างอยู่แต่ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็ปล่อยมันไปให้มันฟื้นตัวตามธรรมชาติ หมอให้ผมลองทำกายภาพบำบัดด้วยวิธีกระตุ้นไฟฟ้า นิ้วมือของผมไม่มีอาการติดขัดของข้อยังสามารถจับดัดงอได้และเมื่อถูกกระตุ้นด้วยไฟฟ้า ก็มีอาการตอบสนองอยู่บางเมื่อปรับแรงดันไฟฟ้าให้สูงขึ้น นิ้วมือก็จะถูกกระตุ้นให้กระดิกและทันทีที่ผมได้เห็นนิ้วมือของผมกระดิกได้ก็บังเกิดความดีใจขึ้นมาเลยตอนนั้น แต่เมื่อหยุดการกระตุ้นก็กลับมาเป็นสภาพเดิม ผมมีความรู้สึกว่าเครื่องมือของทางโรงพยาบาลออกจะดูไม่มีความพร้อมเท่าไร เพราะเป็นเครื่องที่มีขีดความสามารถจำกัด ผมจึงเริ่มมองหาสภานพยาบาลที่มีความพร้อมทางด้านเครื่องไม้เครื่องมือมากกว่า จึงลองเข้าไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลอีกแห่งที่ดูท่าจะมีความพร้อมและมีชื่อเสียงที่ดีกว่า โดยได้นำฟิล์ม x-ray ไปให้หมอได้ดูด้วยซึ่งก็มีความเห็นเหมือนกับที่เดิม คือ แขนผมที่หักนั้นมีความรุนแรงและเสียหายมากอาการที่เห็นถือว่าน่าพอใจมาก ส่วนการฟื้นตัวของเส้นประสาทคงต้องอาศัยระยะเวลาพอสมควร โดยหมอแนะนำให้ทำการทดสอบการนำไฟฟ้าของเส้นประสาท ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ และส่งทำกายภาพบำบัด ผมได้วันนัดหมายเพื่อทำการทดสอบและเริ่มทำกายภาพบำบัดทุกวันเสาร์ ที่โรงพยาบาลแห่งนี้คนไข้เยอะมากต้องรอคิวนานมากไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมงในการทำกายภาพบำบัด มีอาจารย์นักกายภาพบำบัด 2 ท่าน ที่ทำการบำบัดให้กับคนไข้ที่เข้ารับการรักษา ผมได้ทำกายภาพบำบัดกับอาจารย์ที่นอกจากจะทำการบำบัดรักษาให้แล้วยังแนะนำถ่ายทอดความรู้ข้อปฏิบัติให้แก่คนไข้ตลอดเวลาที่ทำการรักษาดังนั้นถึงแม้ว่าผมจะต้องรอรับการรักษานานผมก็รู้สึกว่าได้เก็บเกี่ยวความรู้ที่อาจารย์ท่านนั้นถ่ายทอดความรู้ออกมาเหมือนการบรรยายในห้องเรียนจึงไม่รู้สึกเบื่อหน่ายกับการรอคอยสักเท่าไร และอย่างไรก็ตามผมยังคงไปพบกับคุณหมอท่านเดิมผู้ที่ทำการผ่าตัดและรักษาผมอยู่อย่างสม่ำเสมอและได้บอกกล่าวถึงการเข้ารับการบำบัดรักษาในครั้งนี้ด้วยและยังได้สอบถามถึงการทดสอบการนำไฟฟ้าของเส้นประสาทที่แขนและที่มือด้วยว่าทำกันอย่างไร คุณหมอยังคงมีอารมณ์ดีมีรอยยิ้มปรากฎให้ได้เห็นอยู่ตลอดได้อธิบายให้ฟังว่า จากการวินิจฉัยอาการภายนอกที่เห็นนั้นบ่งชี้ถึงการตอบสนองได้ระดับหนึ่ง การทดสอบค่าการนำไฟฟ้าของเส้นประสาทก็จะรู้ละเอียดมากขึ้น วิธีการทดสอบจะนำเข็มแทงเข้าไปในบริเวณที่จะทำการทดสอบการนำไฟฟ้าจากนั้นจะปล่อยกระแสไฟฟ้าแล้วให้เครื่องคอมพิวเตอร์เก็บข้อมูลและวิเคราะห์ค่าการนำไฟฟ้าของกล้ามเนื้อและเส้นประสาท ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าการทดสอบนี้จะมีขั้นตอนอย่างไรแต่เท่าที่ฟังดูก็ไม่ได้น่ากลัวอะไร และคุณหมอก็ไม่ได้ให้ความเห็นอะไรที่ขัดแย้ง ผมจึงเข้ารับการทดสอบเมื่อถึงวันนัดหมาย ในห้องทดสอบคุณหมอที่ทำการทดสอบถามผมว่ากลัวเข็มหรือเปล่า ไม่กลัวครับ ผมตอบรับคุณหมอ คุณหมอเริ่มนำอุปการณ์ที่ใช้ในการทดสอบออกมาโดยมีผู้ช่วยอีกท่านจัดเครื่องมือ ถึงแม้ว่าผมพอจะทราบถึงขั้นตอนการทดสอบมาก่อนแต่สิ่งที่ผมเพิ่งจะมาทราบตอนนี้ก็คือความเจ็บปวดเมื่อโดนเข็มเล่มบาง ๆ แทงเข้าไปมือฝ่ามือแล้วถูกให้พยายามขยับมือ กำมือ แบมือ โอ้โฮมันเจ็บปวดจนต้องหลับตาปี๋ จนเจ้าหน้าที่ถามผมว่าเอายาดมไหม จะเป็นลมหรือเปล่า ? ผมตอบกลับไปว่า ไม่ได้จะเป็นลมครับ แต่มันรู้สึกปวดมาก เมื่อทดสอบเสร็จซึ่งผมก็จำไม่ได้แล้วว่าโดนแทงไปทั้งหมดกี่ครั้ง สิ่งที่ผมต้องการตอนนี้คือผลการทดสอบ ผมนั่งรอผลการทดสอบอยู่พักหนึ่ง หมอก็เรียกเข้าไปพบและแจ้งผลให้ฟังว่า การนำไฟฟ้าของกล้ามเนื้อและเส้นประสาทนั้นอ่อนมาก แต่ยังปรากฎถึงการนำไฟฟ้าอยู่ จึงต้องใช้เวลาในการฟื้นฟู ผมนำรายงานผลนี้กลับมาคุยกับหมอที่ทำการผ่าตัดก็ได้รับคำอธิบายที่เหมือนกันก็เป็นอันว่าลงทุนเจ็บตัวก็ได้คำตอบเดิมคือคงต้องใช้เวลาในการฟื้นฟู รอเวลา แต่ก็ได้ความเชื่อมั่นและความมั่นใจว่ายังมีความหวังแต่ไม่รู้ว่านานแค่ไหน
|
|
|
|
|
|
Create Date : 22 มีนาคม 2550 |
|
0 comments |
Last Update : 1 กรกฎาคม 2551 20:42:23 น. |
Counter : 391 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
ถั่วแปบคลุกมะพร้าวอ่อนโรยงาดำ
|
|
|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|