กุมภาพันธ์ 2550

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
 
 
All Blog
ทำไมเจ้าของบล็อกถึงย้ำเรื่องเกี่ยวกับทฤษฏีการเขียนในห้องเรียนนิยายนักนะ
ก็อย่างที่บอกไปว่า เจ้าของบล็อกเริ่มว่าง ไอเดียที่เคยมีในหัวสมองแล้วขี้เกียจสื่อออกมาก็ท่วมทะลักออกมาจนอยากเขียนออกมาเก็บไว้

ปัญหาคือ มันเป็นไอเดียที่นานมาแล้วน่ะสิ ความเข้มข้นของตัวเนื้อหาก็หายไปหมด -_-' แย่ชะมัด

แต่เอาเถอะ พอดีมีตัวอย่างที่โดนใจเกี่ยวกับเรื่องห้องเรียนนิยาย ก็เลยเอามาเขียนเก็บไว้ แต่ว่าบอกไว้ก่อนว่า ตัวอย่างที่เอามา เป็นนิยาย และ ละครที่ดัง เจ้าของบล็อกไม่อยากถูกด่า ก็ถ้าใครชอบแล้วเห็นชื่อเรื่องที่จะเอามายกตัวอย่าง ก็อย่าอ่านเลยน้า ^^" ขอประทานโทษเจ้าของบทประพันธ์ด้วยน้อ

ว่าด้วยเรื่อง "ทำไมเจ้าของบล็อคเรื่องมากเกี่ยวกับทฤษฏีการเขียนนิยายจัง"

คำถามนี้เคยมีคนถามเหมือนกันนะ แต่เขาใช้คำดีกว่านี้

นั่นสิ ทำไมเรื่องมากหว่า -"-

จริงๆ ก็สงสารคนเขียนนิยายนะ รักจะเขียนนิยายทั้งที ก็ต้องมาดูว่า Element of Plot มีตรงตามคอนเซ็ปไหม แล้ววางแผนมาดีไหม คาแรกเตอร์เป็นแบบไหน แล้วเสถียรรึเปล่า Point of View ควรใช้แบบไหน ถึงจะตรงตามจุดประสงค์ของเรื่องที่จะสื่อ แล้วจะผูกเรื่องยังไงถึงจะโดนใจ ภาษาก็ต้องดีอีกด้วย ชื่อเรื่องก็ต้องน่าดึงดูด

เฮ้อ เกิดเป็นนักเขียนนิยายนี่ก็รันทดแฮะ (ดีจังที่ไม่ได้เป็น)

แต่

สำหรับคนอ่านแล้ว ไอ้ที่พูดๆ ข้างบนเนี่ยเป็นพื้นฐานของการเขียนนิยายเลย ถ้าเรื่องไม่สมบูรณ์ คนอ่านพออ่านจบ (หรืออ่านไม่จบก็ตาม) ก็จะมีคำถามเกิดขึ้นในหัวสมองที่ไม่ใช่คำถามเกี่ยวกับตัวเนื้อเรื่องว่า "แค่นี้เหรอ" หรือ "ไหงเป็นงี้" หรือ "ขาดๆ อะไรไปรึเปล่า"

พอดีเจ้าของบล็อกโชคดีที่ถูกฝึกมาอย่างเข้มข้น พออ่านๆ ไปก็เลยพอรู้ว่า ทำไมถึงมีคำถามแบบนี้เกิดขึ้น แล้วตัวอย่างที่จะเขียนข้างล่างเป็นเรื่องที่ดีทีเดียว แต่มีข้อเสียที่ทำให้เรื่องไม่สมบูรณ์ ทำให้เจ้าของบล็อกเสียดายแทน (จนรู้สึกขัดใจเลยแหละ)

ทีนี้จะยกตัวอย่างเรื่องที่ไม่โดนใจเจ้าของบล็อกเลยละกัน

นางบาป โดย กิ่งฉัตร ลปอยล์ด้วย (ใครเป็นแฟนกิ่งฉัตร แล้วชอบเล่มนี้มากๆ ก็อ่านข้ามไปละกันนะ)

ออกตัวก่อนว่าชอบเรื่องของกิ่งฉัตรเกือบทุกเรื่อง คือแทบไม่ต้องรู้ว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร ก็ซื้อเลย แต่พอมาได้อ่านเล่มนี้ ความคิดก็เปลี่ยนไป ตอนนี้ก่อนจะซื้อต้องเช็คก่อนว่าเรื่องนี้โอเคหรือไม่โอเค ความคิดแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับกิ่งฉัตรคนเดียว แต่กับนักเขียนดังๆ หลายๆ ท่าน จนทำให้คิดว่า ประสบการณ์ใหม่ๆ เป็นสิ่งที่จำเป็นกับนักเขียนจริงๆ

ว่าแต่ ไอ้ข้างบนไม่เกี่ยวอะไรกับที่จะเขียนเลยนินา

เข้าเรื่อง ตอนอ่านคำนำของเรื่องนี้ คนเขียนได้บอกว่าได้รับแรงบันดาลใจจากสารคดีเรื่องหนึ่งซึ่งก็โชคดีที่เราก็ได้ดูเรื่องนั้นด้วย ทำให้เราเข้าใจในคอนเซ็ปท์ที่คนเขียนต้องการเขียน เรื่องนี้พล็อตน่าสนใจ จุดศูนย์กลางของเรื่องก็คือ บ้านเจ้าปัญหาที่มีวิญญาณ 2 ตัวอาศัยอยู่ โดยวิญญาณตัวแรกเป็นวิญญาณที่มีตัวตนอยู่ในตำนานเรื่องเล่าที่เกิดจากความเข้าใจผิด กับวิญญาณอีกตัวที่ไม่มีใครรู้จัก ไม่มีตัวตนอยู่ในตำนาน แต่ว่ากลับเป็นตัวชนวนที่ทำให้เกิดเรื่องทั้งหมด

พอเรามองจุดตรงกลางได้แล้ว เรื่องมันก็ค่อยๆ ขยายออกมา โดยใช้เรื่องการกลับชาติมาเกิดและความเชื่อเรื่องบุญกรรมผูกเรื่องกันมาให้ตัวละครมาแก้ปมที่ทำขึ้นมากันในอดีต

คาแรกเตอร์แน่นและชัดเจน มีการใช้ความขัดแย้งในภาพลวงตาและความจริง(ไม่รู้จะใช้คำว่าอะไร) คือ นางเอกในละครมีนิสัยเป็นนางร้ายในความจริง และนางร้ายในละครมีนิสัยเป็นนางเอกในความจริง และพระเอกในละครกลับเป็นไบที่เจ้าชู้ แม้ว่าจะเจ้าชู้แบบสุภาพบุรุษ แต่มันก็ไม่สามารถบดบังความเป็นจริงได้ว่ามันเจ้าชู้ หรือถ้าเรียกหยาบๆ ก็คือมันมั่ว เพราะคบกับผู้กำกับอยู่แล้ว ก็จะมากระลิ้มกระเลี่ยกับพระเอก (หรือพระรองในละคร) และยังจะมาจีบนางเอก (ช่างกล้อง) ไม่เรียกว่า มั่ว แล้วเรียกว่าอะไรเนี่ย -_-' ส่วนผู้กำกับดุเด็ดขาดมาดแมนก็เป็นเกย์ นางเอกที่เป็นช่างกล้องนิสัยห้างจนเหมือนทอม แต่ว่าก็เป็นหญิงเต็มตัว คือพูดง่ายๆ ตัวละครในเรื่องทุกตัวมีประเด็นที่ขัดแย้งกันตลอด คือคนเราจะมีคอนเซ็ปท์ในใจว่า ถ้าเป็นนางเอกก็ต้องดี ถ้าเป็นพระเอกก็ต้องแมน+สุภาพบุรุษ ถ้าเป็นนางร้ายก็ต้องร้ายกาจ คนที่ดุเด็ดขาดต้องเป็นชาย ผู้หญิงห้าวๆ ก็ไม่มีทางหวาน คนที่วีนเก่งคือคนไม่ดี รุ้งเลยชอบใจมากๆ กับคาแรกเตอร์ของเรื่องนี้

แต่

พอรุ้งอ่านจบ กลับรู้สึกแปลกๆ โหวงๆ บอกไม่ถูก ไม่ใช่เรื่องไม่สนุก แต่เรื่องมันมีอะไรที่ผิดพลาดแน่ๆ ทำให้อารมณ์ตอนอ่านเรื่องจบให้ความรู้สึกว่า "ง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ" ในหัวมีคำถามอีกว่า "แล้วตัวละครตัวนั้นล่ะ แล้วไอ้นี่ล่ะ" เต็มไปหมด ก็เลยมานั่งคิดว่าเพราะอะไร ก็ทำให้สรุปได้ว่า

Point of view มีปัญหา

ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้แล้วไม่รู้ว่า Point of View คืออะไร แนะนำให้ไปอ่านเกี่ยวกับเรื่องนี้ในบล็อกนี้ก่อน หนิงมันเขียนมาก็โอเค น่าจะเข้าใจง่าย

เข้าเรื่องต่อ เรื่องนี้เปิดเรื่องมาโดยมองผ่านสายตานางเอก นางเอกเป็นตัวดำเนินเรื่อง แต่ใช้สรรพนามบุรุษที่ 3 เราเรียกว่า Limited Omniscience ถ้าใช้อันนี้ล่ะก็ แปลว่าคนเขียนต้องการจะหลอกอะไรเราบางอย่างแล้ว เรื่องในครึ่งแรกมีเหตุการณ์หลายอย่างเกิดขึ้นกับนางเอกซะส่วนใหญ่ การใช้มุมมองนี้ ก็ทำให้เราลุ้นไปกับนางเอก ประกอบกับนางเอกเป็นคนที่ฉลาด แต่ indifferent (ไม่รู้แปลว่าอะไรดี) ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกหรือความคิดเห็น ยิ่งทำให้คนอ่านไม่ค่อยรู้อะไรมากมาย พอข้อมูลไหลออกมาเรื่อยๆ ก็ยิ่งทำให้คนอ่านงุนงง และลุ้นไปกับนางเอกด้วย เพราะเรื่องในครึ่งแรกจะวนอยู่ที่นางเอก

แต่

พอครึ่งหลังเป็นหนังคนละม้วนเลย เพราะตัวเรื่องไปโฟกัสกับชาติก่อน การแก้ไขอดีตชาติ และสุดท้ายมีบทลงโทษคนผิด Point of View เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงโดยใช้ Omniscience หรือมุมมองพระเจ้า อาจจะแซม Limited Omniscience บางส่วน แต่ส่วนใหญ่ๆ ก็เป็นแบบบุคคลที่ 3 โดยโฟกัสไปที่ผีร้าย (จำชื่อไม่ได้) มาคราวนี้ นางเอกเราหายไปเลย หายไปจริงๆ คือโผล่มาวับๆ แวมๆ แล้วก็ไม่มีความสำคัญในสายตาเราเลย ทั้งๆ ที่มีฉากกุ๊กกิ๊ก ฉากที่ตกลงใจกับพระรอง แล้วสารพัดฉากที่ออกมา แต่ไม่เข้าตาเลย โฟกัสที่เคยอยู่รอบนางเอกหายไปหมด เพราะว่านางเอกไม่ได้อยู่ในอดีตด้วย คนเขียนต้องการจะเน้นถึงเรื่องการแก้ปมในอดีตและการลงโทษตัวร้ายมากกว่าเรื่องในปัจจุบัน เพราะฉะนั้น การพูดถึงปัจจุบันจะมีอยู่ในตอนท้ายๆ เหมือนกับบทสรุป ว่าพอตัวร้ายถูกลงโทษแล้ว คนอื่นๆ เป็นยังไงบ้าง ในนั้นมีนางเอกอยู่ด้วย

ปัญหาคือ ตอนแรกโฟกัสนางเอกนะ ใจเราไปอยู่ตรงนั้นแล้ว พอตอนครึ่งหลัง นางเอกถูกลดลำดับชั้นไปเป็นตัวแซมที่เราจะเห็นในบทสรุปว่าเกิดอะไรขึ้น ฟังดูแล้วอาจจะคิดว่า ก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ ก็เอางี้ ลองคิดง่ายๆ ถ้าเคยอ่านการ์ตูนหรือดูละครไต้หวัน หรือเกาหลี (ไม่ใช่ของไทยนะ)เมื่อพระเอกนางเอกสมหวังในรัก เรื่องก็เกือบจะจบ แล้วก่อนจบจะมีพูดถึงว่า แล้วเพื่อนพระเอกล่ะ เป็นไง เพื่อนนางเอกเป็นไง ตัวร้ายเป็นไง เหมือนสรุปให้คร่าวๆ ให้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนพวกนี้ แต่ไม่อธิบายละเอียดว่า details เป็นไง (ก็แหงสิ ก็ไม่ได้เป็นตัวเอกนิ) แล้วลองมาคิดดูว่าถ้าเปลี่ยนเป็น ตอนจบ นางร้ายถูกทำลาย ทุกอย่างแปรผันไปสู่สภาพแวดล้อมที่ดี เรื่องเกือบจบ แล้วมาสรุปคร่าวว่าๆ พระเอกนางเอกนะได้กัน (ถ้าการตูนก็ซัก 1-2 ช่องสี่เหลี่ยม ถ้าเป็นละครก็ซัก 15 วินาที) แล้วก็ตัดไปเล่าถึงตัวละครอื่นๆ ในเวลาที่เท่าๆ กัน มันแปลกๆ อยู่นะ เพราะตอนแรกๆ โฟกัสซะนางเอกเป็นตัวเดินเรื่องเลย

ถ้าถามว่าแล้วจะแก้ยังไง ก็ตอบได้เลยว่าไม่รู้ ^^" ในนิยาย 1 เรื่อง มักจะมีมุมมองหลายๆ มุมมองบรรจุอยู่ เพื่อจะทำให้บรรลุวัตถุประสงค์ ณ ขณะนั้นๆ แต่ก็ต้องมีมุมมองหลักอยู่ ต้องจับมุมมองนั้นให้มั่น เพื่อให้เรื่องไม่เปลี่ยนไป แค่มุมมองเปลี่ยน เรื่องก็เปลี่ยนได้เลย ดังนั้นเรื่องมุมมองเป็นเรื่องสำคัญในการ convince คนอ่านให้คล้อยตามเราได้

เพราะเหตุผลข้างบน ทำให้รุ้งแสนจะเสียดายเรื่องนี้ เพราะดีเกือบทุกอย่าง ตายจุดเดียว แล้วที่ตายดันเป็นจุดสำคัญจริงๆ สำหรับเรื่องนางบาป รุ้งเคยคุยกับเพื่อนอีกคน เขาก็ถามเหมือนกันว่า "จบแค่นี้เองเหรอ" แปลว่าไม่ใช่เราที่คิดไปเอง ก็เลยมาลองวิเคราะห์ดู จริงๆวิเคราะห์ไว้ตั้งแต่เรื่องเพิ่งออกสดๆ ร้อนๆ แต่พึ่งได้มาเขียนวันนี้ อะไรๆ ก็ลืมไปเยอะ เช่นพวกชื่อตัวละครแล้วก็ฉากสำคัญๆ แล้วก็ยังไม่ได้อ่านใหม่ ก็เลยรายละเอียดน้อยไปหน่อย ถ้ามีใครอ่านแล้วรู้สึกว่าข้อมูลเกี่ยวกับมีผิดพลาด ก็ขออภัยด้วยค่ะ

ส่วนอีกเรื่องนึง ต๊ะไว้ก่อน เพราะง่วง แล้วก็จะไปทะเลหลายวัน สงสัยจะเขียนอีกทีคงอาทิตย์หน้า (หรือไม่เขียนเลย) ^^

แล้วเจอกันค่ะ



Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2550
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2550 0:40:38 น.
Counter : 1295 Pageviews.

4 comments
  
เค้าถึงมีประเภท แฟนฟิคออกมาไงคะ...

แบบว่า เรื่องจบแต่ชั้นไม่จบ มันยังค้างๆๆๆๆคาๆๆๆๆๆ

เราอ่านได้เกือบทุกคนเขียน...ค่ะ...

ยกเว้นบางเรื่องที่มีแต่คำพูด......

นิยายสมัยนี้มันมีแต่คำพูด....

เวลาจะอ่านเล่มไหน เรามักจะดูตอนจบด้วยค่ะ....
โดย: ปลายปัญญา วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:18:04:32 น.
  
งือออ คิดถึงนะจ๊ะ
โดย: ตัว(Z) วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:18:24:29 น.
  
ทฤษฎีเหมือนโครงบ้านแหละค่ะ

ทำให้บ้านแข็งแรง คงทน อยู่ได้นาน


แต่ถ้าไปใส่ใจอย่างเดียว บ้านอาจไม่สวย ไม่น่าอยู่นะคะ ต้องดูแลส่วนอื่นๆ เช่นกัน
โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:10:57:11 น.
  
ปลายปัญญา ----- เอ่อ ^^" มันเป็นคนละประเด็นกันนะ แฟนฟิคมันเกิดจากที่เรื่องจบแล้ว ดีไม่ดีไม่รู้ แต่คนอ่านยังประทับใจแล้วอยากจะเขียนต่อ หรือจบไม่ถูกใจก็อยากจะเปลี่ยนใหม่อะไรแบบนั้น แต่อันนี้พูดถึงโครงเรื่องที่มีปัญหา ทำให้เกิดการสะดุดในการอ่านนะจ๊ะ

ตัว (Z) ----- เดี๋ยวบอกหนิงให้ ^^

สาวไกด์ใจซื่อ ----- (ชอบชื่อจัง) เปรียบเทียบได้เห็นภาพดีจัง แต่ยังไงรุ้งก็เชื่อว่า บ้านต้องแข็งแรงก่อนเพราะเป็นพื้นฐานของการสร้าง ถ้าเรียนมาก็ทำได้ทุกคน(เพราะเป็นสิ่งบังคับที่ต้องทำให้ได้) ไอ้เรื่องสวยไม่สวย ขึ้นอยู่กับฝีมือ ประสบการณ์และชั่วโมงบิน ถ้าใส่ใจแค่บ้านแข็งแรง ก็ถือว่าเป็นบ้านที่ใช้ได้ แต่ไม่ดึงดูด จะให้ดีต้อง 2 อย่างรวมกัน (จะดียิ่งขึ้นถ้าราคาถูกและทำเลดี 5555) ^^
โดย: รุ้ง (peiNing ) วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:21:10:34 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

peiNing
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]



เป็นเด็กกรุงเทพแท้ๆ แต่อยู่บ้านนอกของกรุงเทพน่ะนะ ไม่ได้ชอบอะไรเป็นพิเศษนอกจากแกล้งสัตว์เลี้ยงที่บ้าน นั่นคือนกฮู้ผู้มีอายุ 10 ปีได้ (นกแก่มีหนวด) (แต่ตอนนี้ในที่สุดนกฮู้ก็จากไปอย่างสงบ ไม่รู้อายุรวมเท่าไรแต่มาอยู่ที่บ้านได้ 11 ปี ขอไว้อาลัยปู่ฮู้ ขอให้ไปสู่สุขคตินะ T^T)

ขอชี้แจงอีกอย่าง ชื่อ peiNing นี้ เป็นชื่อที่พี่กะน้องใช้ร่วมกันสองคน ดังนั้นอย่างงว่าเดี๋ยวก็แทนตัวว่ารุ้งบ้างหนิงบ้าง ก็มันคนละคนนิ (รุ้งน่ะคนพี่ หนิงน่ะคนน้อง)

FB สำหรับคนชอบงานเขียน peiNing ค่ะ

FB สำหรับคนชอบบทความสอนห้องเรียนนิยายค่ะ

  •  Bloggang.com