Group Blog All Blog
|
แรงผลักดันการกระทำของตัวละคร ไม่ได้เขียนห้องเรียนนิยายมานาน เพราะเท่าที่ลองดูในเจเจแล้ว หลักๆก็มีคนพูดกันไปหมดแล้ว แต่ทีนี้มันมีแรงบันดาลใจให้ต้องมาเขียนน่ะ ขอเกริ่นก่อนว่า ช่วงนี้หนิงอ่านเรื่องในเนทนับเรื่องได้ ส่วนมากจะอ่านคนเขียนที่ตัวเองคุ้นเคย หรือบางทีเรื่องไหนเขียนยังไม่จบก็ยังไม่อ่าน (ทั้งที่ตัวเองก็มีเรื่องดองไว้เหมือนกัน แหะ แหะ ![]() เรื่องที่ว่าก็คือ "แรงหรือสิ่งผลักดัน" ของตัวละคร อันนี้ไม่น่าจะมีอยู่ในศาสตร์การเขียนหนังสือนะ หนิงขอประยุกต์มาจากศาสตร์ของการแสดงน่ะ (อาจรวมการเขียนบทละครหรือเปล่าไม่แน่ใจ เพราะไม่ได้ศึกษาเกี่ยวกับละครลึกซึ้งนัก) คือคนทุกคนจะมีเหตุผลเบื้องหลังของการกระทำทุกอย่าง และเหตุผลนั้นต้องมากพอที่จะผลักดันให้ทำอะไรเสียด้วย ตัวอย่างง่ายสุดเช่น เขาเดิน ทำไมเขาถึงเดิน? ไม่มีใครจู่ๆจะก้าวขาสลับกันไปโดยไม่มีสิ่งผลักดันในใจแน่ๆ (อันนี้เป็นคำถามที่นักแสดง หรือคนเขียนจะต้องตอบให้ได้) คำตอบที่เป็นไปได้ 1. เขามีจุดหมายที่จะต้องไปให้ถึง (สถานที่ จุด ที่ตั้ง) 2. เขาไม่ต้องการอยู่นิ่งเวลากำลังคิด (เคยเห็นคนเดินวนไปวนมา ไม่รู้ว่ามันจะเดินไปทำซากอะไรไหม) 3. เขาออกกำลังกายโดยการเดิน (อาจมีอีกแต่เอาเท่านี้พอ) ตัวอย่างต่อมา ---> โปรดสังเกตคำตอบที่เป็นไปได้ข้างบน ทั้งข้อหนึ่งถึงสาม มีกริยาอยู่ทั้งสามข้อ กริยาก็เท่ากับการกระทำ ดังนั้น ขอยกข้อสามมาเป็นตัวอย่างถัดไปเนื่องจากมีกริยาตัวเดียว เขาออกกำลังกายโดยการเดิน ทำไมเขาต้องออกกำลังกาย? คำตอบที่เป็นไปได้ 1. ร่างกายเขาอ่อนแอ 2. ร่างกายเขาไม่ฟิตพอ (อยากหุ่นดีว่างั้น) 3. มีจุดประสงค์แอบแฝง (เช่น อยากรู้จักคนหนึ่งที่เดินออกกำลังกาย) 4. เป็นกิจวัตรของเขา (ตอนแรกอาจใช้เหตุผลข้อหนึ่งหรือสอง แต่พอต่อมาเป็นความเคยชินมากกว่า) (อาจมีมากกว่านี้ แต่พอก่อน) ตัวอย่างถัดไป ---> เช่นเดิม ขอหยิบยกข้อหนึ่งจากสี่ข้อข้างบนมา (เพราะมีกริยาตัวเดียว) ร่างกายเขาอ่อนแอ ทำไมร่างกายเขาอ่อนแอ? คำตอบที่เป็นไปได้ 1. เขามีโรค 2. เขาอายุมาก 3. ลักษณะทางกายภาพผิดปกติ (อาจมีมากกว่านี้ เอาเท่านี้พอ) โอ้...แตกระแหงออกไปเรื่อยๆเลย ขอนำมารวมกันดังนี้นะ เขามีโรค ---> ออกกำลังกายโดยการเดิน ---> เขาเดิน ดังนั้น นักแสดงที่เดินโดยไม่มีเหตุผลในใจ จะต่างกับนักแสดงที่รู้เหตุผลของการกระทำตัวละคร การเดินของทั้งคู่จะต่างกัน (นึกภาพดูก็ได้ว่าคนเดินแบบเรื่อยเปื่อย กับคนเดินออกกำลังกายท่าเดินเขาไม่เหมือนกันอย่างไร) (อ้อ เหตุผลในใจต้องสัมพันธ์ไปกับสิ่งที่คนเขียนบทต้องการ ฉากหรือนักแสดงตีความนะ ไม่ใช่บทบอกว่าเดินกลับบ้าน ไพล่ไปเดินแบบออกกำลังกายน่ะ) เช่นเดียวกันกับการเขียนหนังสือ คนเขียนที่รู้ว่าตัวละครของตัวเองมีเหตุผลอะไรในการกระทำ มิติของตัวละคร รวมทั้งเรื่องของเขาก็จะดูสมเหตุสมผล และเป็นจริงเป็นจังมากขึ้น (ที่ต้องยกตัวอย่างการแสดงควบคู่กันจะได้มองเห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้น) ทีนี้ขอเล่ากรณีศึกษาที่ไปเจอมานะ (จำได้อยู่เรื่องเดียว แอบขอโทษเขาอยู่ในใจก็แล้วกันนะ ^^") ผู้หญิงคนหนึ่งเบื่อ อกหัก เลยออกไปเดินที่ห้าง เจอแฟนเก่ามากับผู้หญิงคนอื่นเข้าพอดี (คุ้นๆว่าผู้หญิงคนนี้จะถูกผู้ชายคนนี้หลอก) พอลับตัวแฟนก็ร้องไห้ ผู้ชายคนหนึ่งโผล่มาจากไหนไม่รู้ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ บอกว่าตัวเองก็อกหักเหมือนกัน ดังนั้นเรามาเป็นแฟนกันเถอะ (ตัดตอนมาจ้ะ ขี้เกียจเล่าหมด) อ่านแล้ว ฟังดูเป็นไงบ้าง? กรณีที่ 1 ---> ผู้หญิงคนนี้มีเหตุผลพอจะออกไปเดินห้างหรือไม่ (เหตุผลก็คือ เบื่อ อกหัก) กรณีที่ 2 ---> อีผู้ชายคนนี้มีเหตุผลพอจะที่เสนอหน้ายื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้หรือเปล่า (เหตุผลคือ ตัวเองมีประสบการณ์เดียวกัน) กรณีที่ 3 ---> ผู้หญิงคนนี้มีเหตุผลร้องไห้หรือไม่ (เหตุผลคือ เจอแฟนเก่าที่หลอกตัวเองควงมากับผู้หญิงคนอื่น) กรณีที่ 4 ---> สองคนนี้มีเหตุผลพอที่จะตกลงเป็นแฟนกันไหม (เหตุผลคือ อกหักเหมือนกัน) อันนี้ขอพูดโดยความเห็นส่วนตัวซึ่งอาจไม่ตรงกับคนอื่นในที่นี้ก็ได้นะคะ สำหรับหนิงแล้ว กรณีแรกพอกล้อมแกล้มไปได้ แต่ก็ยังตะหงิดๆอยู่ คือขอเน้นว่า เหตุผลของ 'ตัวละคร' ที่จะไป ไม่ใช่เหตุผลของ 'คนเขียน' ที่จะให้ตัวละครไป เพราะเหตุผลของคนเขียนก็คือ จะให้ยายนี่ไปเจอแฟนเก่าที่ห้างน่ะ (ตัวละครมันไม่ได้อยากไปเองสักหน่อย) กรณีที่สอง หนิงว่าเหตุผลอ่อนไปในแง่ความสมจริง ขอไม่พูดถึงก็แล้วกันนะ หลายคนอ่านคงเข้าใจว่าหนิงต้องการบอกอะไร กรณีที่สาม หนิงว่าโอเค เจอแฟนเก่าก็แย่แล้ว มันทิ้งเราไปเพราะมีใหม่อีกต่างหาก แถมเจอคาตาเสียด้วย สมควรร้องไห้อยู่ กรณีที่สี่ อันนี้ไม่ต้องพูดกันเลย จบข่าว ![]() มีเรื่องมากมายที่มีลักษณะแบบนี้ หนิงก็ขี้เกียจคอมเมนท์มันทุกเรื่อง ก็เลยเก็บมาเขียนให้ทุกคนดูกัน เป็นอีกก้าวหนึ่งของการพัฒนางานเขียน ***อ้อ...ประเด็นสำคัญก็คือ ตัวละครต้องการเคลื่อนไหวนะ ไม่ใช่คนเขียนต้องการให้มันไป*** นักแสดงถึงจะรู้บท แต่มีเหตุผลผลักดันอ่อน ก็สักแต่ว่าจะทำเพียงเพราะบทมันมาแบบนั้น ขนาดคนแสดงไม่เชื่อ แล้วคนดูผู้ชมทั้งหลายจะเชื่อได้ยังไงกัน ก็เหมือนกับตัวละครในหนังสือของเรา ตัวละครของเราไม่มีสิ่งผลักดันเพียงพอ ไม่น่าเชื่อถือ แล้วคนอ่านเขาจะมาเชื่อในสิ่งที่เราเขียนได้ยังไง แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันก็คือ คนเขียนต้องการให้อยากไปนั่นแหละ แต่จำทำยังไงให้มันดูสมจริงเท่านั้นเอง เทคนิคก็ง่ายๆ ก็คือ เราจำเป็นต้องใส่เหตุผลเข้าไปเยอะๆ เอาให้มันเปลี่ยนจากที่คนเขียนต้องการให้เป็นตัวละครต้องการให้ได้ แล้วความสมจริงจะบังเกิดขึ้นมา แค่นั้นเอง แต่ไอ้ที่ยากขึ้นหน่อยก็คือ การหาเหตุผลที่จะนำมาสนับสนุนนั่นแหละ อันนี้ทางใครทางมันจ้า ส่วนมากเรื่องนี้จะไม่ค่อยเกิดขึ้นกับคนที่มีประสบการณ์ชีวิตพอควร หรือคนที่เป็นนักอ่านตัวยง แต่มักจะเกิดกับคนมีประสบการณ์น้อยสักหน่อย อีกเรื่องก็คือ บางทีการกระทำของตัวละคร คนเขียนต้องมีเหตุผลในใจ ข้อนั้นแน่นอนอยู่แล้ว แต่บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องนำเสนอออกมาทั้งหมดก็ได้ และบางทีคนอ่านจะสังเกตเห็นได้เองว่า การกระทำของตัวละครมีจิตวิญญาณของมันเอง ผิดกับคนเขียนที่ไม่มีเหตุผลในใจ หรือมีแต่อ่อน ทั้งที่บอกเหตุผลแล้ว คนอ่านก็ยังรู้สึกว่า การกระทำนั้นมันขัดหูขัดตาเหลือเกิน (เช่นตัวอย่างข้างบน คนเขียนเขาบอกเหตุผลแล้วนะ เรายังอ่านแล้ว ตะหงิดๆเลย) ตอนแรกนึกว่าจะไม่ต้องมีห้องเรียนนิยายแล้ว แต่ที่ไหนได้มันยังอุตส่าห์จะโผล่มาอีก หาเรื่องเก่งจริงวุ้ย ![]() |
peiNing
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() เป็นเด็กกรุงเทพแท้ๆ แต่อยู่บ้านนอกของกรุงเทพน่ะนะ ไม่ได้ชอบอะไรเป็นพิเศษนอกจากแกล้งสัตว์เลี้ยงที่บ้าน นั่นคือนกฮู้ผู้มีอายุ 10 ปีได้ (นกแก่มีหนวด) (แต่ตอนนี้ในที่สุดนกฮู้ก็จากไปอย่างสงบ ไม่รู้อายุรวมเท่าไรแต่มาอยู่ที่บ้านได้ 11 ปี ขอไว้อาลัยปู่ฮู้ ขอให้ไปสู่สุขคตินะ T^T) ขอชี้แจงอีกอย่าง ชื่อ peiNing นี้ เป็นชื่อที่พี่กะน้องใช้ร่วมกันสองคน ดังนั้นอย่างงว่าเดี๋ยวก็แทนตัวว่ารุ้งบ้างหนิงบ้าง ก็มันคนละคนนิ (รุ้งน่ะคนพี่ หนิงน่ะคนน้อง)
FB สำหรับคนชอบงานเขียน peiNing ค่ะ
FB สำหรับคนชอบบทความสอนห้องเรียนนิยายค่ะ
|