เมษายน 2548

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
16 เมษายน 2548
All Blog
Elements of Plot
คือว่า นี่เป็นรอบที่ 3 ที่เขียนมันขึ้น ถ้ามันยังจะหายไปอีก คาดว่าจะไม่เขียนอีกแล้ว รอบแรกมันหายไปพร้อมห้องส่วนตัวในเจเจและคอมก็เจ๊ง รอบ 2 แปะในบล็อกแล้วก็จู่ๆ หายไปเอง คาดว่าเจ้าหนิงมันกดพลาด T-T นี่ก็จะเป็นรอบที่ 3

หลังจากที่บ่นเสร็จแล้ว ก็มาเข้าเรื่อง ห้องเรียนนิยายนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ผู้เขียนคิดขึ้นมาเอง แต่เป็นเลกเชอร์ในความทรงจำของตัวผู้เขียน ต้องขอขอบคุณอาจารย์ที่เป็นผู้ให้ความรู้ + วิธีการสอนที่ทำให้ความรู้ติดหัวนักเรียนคนนี้เหมือนกาวตราช้าง ^^

********************


Elements of Plot

สำหรับรุ้งเอง นวนิยายก็คือกลุ่มปัญหา ถ้าลองมองแบบที่มีระบบๆ ดู ปัญหาก็จะต้องมี สาเหตุของปัญหาว่าปัญหาเกิดขึ้นได้อย่างไร เมื่อปัญหาเกิดขึ้นแล้วเกิดเหตุการณ์อะไร ปัญหาเกิดขึ้นแล้วแล้วมีผลอย่างไร แล้วจัดการแก้ปัญหาอย่างไร แล้วเมื่อปัญหาถูกแก้แล้วเหตุการณ์เป็นอย่างไร

ในเมื่อนวนิยายก็คือกลุ่มปัญหา Process ที่บอกมาข้างต้นก็เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องถาม แล้วก็ต้องมีคำตอบ คำตอบนั้นๆก็คือตัวเนื้อเรื่องของนวนิยายนั่นแหละ นวนิยายเป็นกลุ่มปัญหาที่มีระบบ การจะตอบคำถามต่างๆก็ต้องมีระบบด้วย ดังนั้นการเขียนนิยายที่ดี ผู้เขียนก็ต้องมีการจัดระบบโครงสร้างของเรื่องไว้ให้ดีๆ นั่นจะทำให้คนอ่านสามารถลำดับเหตุการณ์ เข้าใจที่มา เหตุและผลของนวนิยายเรื่องๆนั้นๆ ได้

ที่พูดๆ มา ก็จะสรุปว่า Elements of Plot มีดังต่อไปนี้

1. Background หรือ Exposition แล้วแต่จะเรียก ส่วนนี้ 90 % ของนวนิยายทั่วๆไป มักจะอยู่ในส่วนเริ่มเรื่อง เป็นสิ่งที่เป็นข้อมูลพื้นฐานของเรื่อง ผู้แต่งต้องการจะบอก Background ของตัวละคร ของ Setting ของประเพณี วัฒนธรรม ศาสนา การปกครอง หรือสิ่งละอันพันละน้อย ก็จะเอามาใส่ไว้ในส่วนนี้ ส่วนนี้มีข้อดีหลายอย่าง เพราะมันเป็นการปูพื้นให้กับคนอ่านได้เข้าใจเงื่อนไขหรือบริบทในด้านทั่วๆ ไปของเรื่อง หรืออาจจะเป็นการปูทางไปสู่ปัญหาที่จะเกิด ซึ่งปัญหาที่เกิด ก็มักจะเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับ Background (ถ้ามันเหมือนกัน แล้วปัญหาจะเกิดได้อย่างไรล่ะ)

2. Beginning Force การเริ่มของปัญหา ส่วนนี้ก็มักจะตามมาหลังจากที่ผู้เขียนได้บอก Background ไปแล้ว โดยส่วนใหญ่มักจะตรงกันข้ามกันกับ Background ที่ได้บรรยายเอาไว้

เช่น

(ถ้า Background บรรยายว่า) กาลครั้งหนึ่งนาน ซินเดอเรล่า อยู่กะป๊ากะแม่ อย่างสงบสุข (Beginning Force ก็จะทำให้ Background ที่ปูไว้เปลี่ยนไป เช่น) แต่อยู่มาวันหนึ่ง แม่ตาย พ่อก็มีแม่เลี้ยง แถมมีได้แป๊ปเดียวพ่อก็ตายอีก แม่เลี้ยงก็ใจร้าย ใช้งานนางซินเป็นผักเป็นปลา จิกๆกัดๆ

จะเห็นได้ว่า Beginning Force จะฉีกแนว ออกมาจาก Background ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ ประมาณว่า ตอนแรกสงบสุข ต่อมาเริ่มมีปัญหา มันมักจะต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้วล่ะ ^^"

3. Rising Action เมื่อเหตุการณ์ร้ายเข้มข้นขึ้น เมื่อปัญหาเกิด มันก็จะต้องมีผลของปัญหา ซึ่งอาจจะทำให้เกิดปัญหาที่เป็นลูกโซ่เกิดขึ้นตามๆกันมาก็ได้ ทำให้ปัญหาไม่ได้อยู่โดดๆแล้ว แต่จะเป็นกลุ่มปัญหาเกิดขึ้นแทน (หรืออาจจะไม่เกิดก็ได้ถ้าหากว่าเป็นเรื่องที่สั้นๆมากๆ) ตรงนี้เป็นการกระชากอารมณ์ของคนอ่านให้ขึ้นสูงขึ้นมา

เช่น

(ต่อจากเมื่อกี้ละกัน) อยู่มาวันหนึ่ง สารน์จากเจ้าชายมาป่าวประกาศว่าจะจัดงานเลี้ยงเต้นรำ ซินก็อยากไป แต่ว่าไร้ตังค์ซื้อชุด ได้แต่นอนร้องห่มร้องไห้ นางฟ้าก็ช่วยให้ได้ไป แต่ว่า หลังเที่ยงคืนก็ทุกอย่างจะหายไปนะซินก็ไปลันล้า เต้นๆๆๆ

4. Crisis ก็คือปัญหาซับๆซ้อนๆขึ้นไปอีก เป็นวิกฤตเลยล่ะ แต่ส่วนนี้ก็ไม่จำเป็นจะต้องเกิดขึ้นทุกเรื่อง เป็นส่วนที่สคิปได้

เช่น

จู่ๆ ก็เที่ยงคืน นางซินเต้นเพลินไปหน่อย แย่แล้ว วิ่งๆๆๆๆ หนีๆๆๆๆๆ เจ้าชายก็ตามๆๆๆๆ เก็บได้แต่รองเท้าข้างหนึ่ง ก็เลยไปป่าวประกาศหา

5. Climax เป็นจุดที่ปัญหาเกิดขึ้นสูงสุด ปัญหาจะถูกคลี่คลายออกไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง จำเป็นสุดๆ ต้องมีเลยนะ ถ้าไม่มี หรือ เขียนได้ไม่ดี เรื่องนั้นจะจืดสนิทเลย

เช่น

เจ้าชายมาถึงบ้านซิน เอารองเท้ามาให้ลอง นางซินก็ถูกกีดกัน แต่เมื่อได้ลองรองเท้ากับใส่ได้พอดี (วี๊ดวิ้ว) (ตรงนี้เป็นฉากที่แบบว่าลุ้นๆพอสมควรว่าจะได้ใส่ไหม ถ้าเป็นเวอร์ชั่นวอลล์ดิสนีย์ ขนาดรู้เรื่องแล้วนะว่ายังไงก็ต้องได้ลอง แต่มันก็ยังตื่นเต้น)

6. Resolution ปัญหาคลี่คลายไปแล้วเหตุการณ์ต่อไปเป็นอย่างไร อันนี้ก็คือเหตุการณ์ที่มันเป็นผลลัพธ์ของการแก้ปัญหานั่นเอง ตรงนี้ก็ละได้ หรือบางทีก็ไปรวมกับข้อสุดท้ายก็คือ Ending (เช่นเรื่องนี้นั่นเอง ข้อ 6 กับ 7 รวมกัน)

7. Ending จบเป็นอย่างไร Happy or Sad หรือว่าอย่างอื่น

เช่น แล้วซินก็เข้าวังแต่งงานกะเจ้าชาย เรื่องก็ Happy Ending (กี๊บกิ้ว)

******************


7 ขั้นตอนนี้ บางเรื่องมีไม่ครบ ก็ไม่เป็นไร เพราะว่าบงอันก็ละได้ แต่สิ่งที่สำคัญๆ ก็ควรจะต้องมีโดยเฉพาะ Climax เพราะเห็นหลายเรื่อง เขียนแล้วไร้ Climax อ่านแล้วอยากจะเขวี้ยงหนังสือทิ้ง การเขียน Climax ไม่ดี หรือไม่มีมันเลยก็เหมือนกินต้มยำแล้วไม่เปรี้ยว ไปพัทยาแล้วไม่เจอทะเล มันเป็นส่วนที่สำคัญมากๆ จริงๆ (ทำไมเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยสนใจมันนักก็ไม่รู้)

และตามลำดับนี้ นักเขียนที่เก่งๆ บางท่านก็สามารถจะสลับลำดับของมันได้เช่นกัน เอาตอนจบมาขึ้นต้น เช่นเรื่องชั่วนิรันดร์ (ชื่อเรื่องประมาณนี้น่ะนะ ถ้าจำไม่ผิด) แต่อยากจะแนะนำนักเขียนมือใหม่ๆ ว่าถ้าหากว่า ลำดับ Plot ข้างบนนี้ยังไม่แข็งพอ ก็อย่าเพิ่งเขียนแบบสลับเลย เพราะว่าลูกเล่นหลายๆอย่างถ้าคนเขียนมีฝีมือจะทำให้นวนิยายอัพเลเวลความสนุก แต่ในทางกลับกัน ถ้าเขียนไม่ดี จัดลำดับไม่ดี ก็ทำให้หมดสนุกได้เช่นเดียวกัน ดีไม่ดี คนอ่าน + คนเขียนจะงงเอง ^^"

*****************


จบก่อน ตอนหน้าจะเขียน Character หรือไม่ก็ Point of View (แล้วแต่อารมณ์)

เพิ่มเติมรูป





Create Date : 16 เมษายน 2548
Last Update : 2 เมษายน 2557 21:10:07 น.
Counter : 5298 Pageviews.

2 comments
  
ุมุงอ่าน
โดย: romancer IP: 61.90.40.132 วันที่: 22 มิถุนายน 2553 เวลา:18:13:31 น.
  
สุดยอดมากค่ะ
อ่านเเล้วมองเห็นภาพ มีประโยชน์มาก
ขอบคุณมากนะคะ
โดย: hameii IP: 161.200.216.165 วันที่: 14 กรกฎาคม 2557 เวลา:16:48:02 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

peiNing
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]



เป็นเด็กกรุงเทพแท้ๆ แต่อยู่บ้านนอกของกรุงเทพน่ะนะ ไม่ได้ชอบอะไรเป็นพิเศษนอกจากแกล้งสัตว์เลี้ยงที่บ้าน นั่นคือนกฮู้ผู้มีอายุ 10 ปีได้ (นกแก่มีหนวด) (แต่ตอนนี้ในที่สุดนกฮู้ก็จากไปอย่างสงบ ไม่รู้อายุรวมเท่าไรแต่มาอยู่ที่บ้านได้ 11 ปี ขอไว้อาลัยปู่ฮู้ ขอให้ไปสู่สุขคตินะ T^T)

ขอชี้แจงอีกอย่าง ชื่อ peiNing นี้ เป็นชื่อที่พี่กะน้องใช้ร่วมกันสองคน ดังนั้นอย่างงว่าเดี๋ยวก็แทนตัวว่ารุ้งบ้างหนิงบ้าง ก็มันคนละคนนิ (รุ้งน่ะคนพี่ หนิงน่ะคนน้อง)

FB สำหรับคนชอบงานเขียน peiNing ค่ะ

FB สำหรับคนชอบบทความสอนห้องเรียนนิยายค่ะ

  •  Bloggang.com